ตอนที่แล้วบทที่ 10 : สกิลร่างโคลนเลเวลอัพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 12 : เพิ่มอัตราเติบโตเป็นสองเท่า (2)

บทที่ 11 : เพิ่มอัตราเติบโตเป็นสองเท่า


บทที่ 11 : เพิ่มอัตราเติบโตเป็นสองเท่า

สถานที่ที่ซังวูติดตามคังจุนโมไปคือสมาคมฮันเตอร์

สมาคมฮันเตอร์ตั้งอยู่ภายในอาคารที่รัฐสร้างขึ้น ดังนั้นมันจึงให้ความรู้สึกเป็นระบบระเบียบและทางการเป็นอย่างมาก

ในพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจัดการรับเรื่องร้องเรียนต่างๆ จากฮันเตอร์ ซังวูและคังจุนโมกำลังเดินไปรอบๆ เพื่อรับเอกสารและยื่นเรื่องร้องเรียน

“ฮันเตอร์หมายเลข 167 กรุณามาที่เคาน์เตอร์ E-1”

ไม่นานก็ถึงคิวของซังวู

ซังวูไปที่เคาน์เตอร์และยืนยันตัวตนเป็นระยะเวลาสั้นๆ และสแกนกำไลข้อมือประจำตัวของเขา

เจ้าหน้าที่รัฐที่รับผิดชอบดูสับสนเล็กน้อย เนื่องจากไม่มีการร้องเรียนมากนักเกี่ยวกับการสมัครขอสิทธิ์การเข้าถึงซ้ำ

“เมื่อคุณกรอกใบสมัครเสร็จแล้ว การอนุมัติชั่วคราวก็จะเสร็จสิ้นแล้วเช่นกัน หากคุณมีการเข้าซ้ำซ้อนอีกในอนาคต คุณก็สามารถเข้าสู่ประตูพอร์ทัลโดยใช้การสแกรลายนิ้วมือหรือการสแกนม่านตาเลยครับ”

“แล้วการอนุมัติอย่างเป็นทางการต้องใช้เวลานานเท่าไหร่หรอครับ?”

“ในกรณีเช่นสิทธิ์การเข้าถึงซ้ำซ้อนอย่างเป็นทางการ มันจำเป็นต้องมีการตรวจสอบสกิลด้วย สิ่งที่คุณต้องทำก็คือไปที่ห้องสาธิตสกิล จากนั้นก็ไปเอาใบยืนยันมาแล้วก็นำมาให้ผมได้เลยครับ”

เขาคิดว่ามันจะจบลงแล้ว แต่มันก็ยังเหลืออีกหนึ่ง

ซังวูรู้สึกเหมือนกำลังจะหมดแรง

“อ้า... ขั้นตอนการทำเรื่องนี่มันซับซ้อนจริงๆ”

“ผมเข้าใจครับ อย่างไรก็ตาม หากการอนุญาตการเข้าถึงนั้นง่ายเกินไป มันก็มีความเป็นไปได้ที่สิ่งนี้อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดและก่อให้เกิดอาชญากรรมขึ้นได้ ด้วยเหตุนี้เอง ผมจึงคิดว่าเราควรทำตามขั้นตอนอย่างละเอียดกันดีแล้วนะครับ”

“ผมก็เดาว่าอย่างนั้น แต่ผมก็ไม่สามารถสาธิตมันได้ในวันนี้เพราะว่าสกิลมันยังคูลดาวน์อยู่”

“อืม... ถ้าอย่างนั้นวันนี้เรากลับกันก่อนดีไหมครับฮันเตอร์จอง?”

ท้ายที่สุดแล้ว การสมัครขอสิทธิ์การเข้าถึงซ้ำก็ไม่สามารถดำเนินการให้เสร็จสิ้นในวันนี้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจกลับกันก่อนแล้วค่อยมาดำเนินการให้เสร็จสิ้นในวันถัดไป

ตอนที่เขากำลังกลับบ้านด้วยรถของคังจุนโม และข่าวด่วนก็ดังมาจากทางวิทยุ

「··· ว่ากันว่ามีสไลม์ขนาดยักษ์ปรากฏตัวขึ้นในดันเจี้ยนสไลม์โดบงซาน นี่เป็นประเภทที่ได้รับการรายงานในแวดวงวิชาการก่อนหน้านี้ และดูเหมือนว่ามันจะเกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของสไลม์หลายชนิดที่มีคุณสมบัติในการรวมตัวกันกับสายพันธุ์ของพวกมัน ขณะนี้ยังไม่มีการวัดขนาดของสไลม์ยักษ์ที่ปรากฎอยู่เต็มถ้ำ ดังนั้นตอนนี้ดันเจี้ยนจึงถูกปิดผนึกลง และการเข้าถึงของบุคคลทั่วไปและฮันเตอร์ระดับต่ำจึงได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวด มันยังไม่มีตารางการล่าสำหรับฮันเตอร์ที่จะทำการจู่โจมสไลม์ยักษ์ สไลม์ยักษ์ต่างจากสไลม์ทั่วไปตรงที่มีพลังชีวิตของมันสูงและค่อนข้างทนทานต่อเวทย์มนตร์ ในทางกลับกัน ราคาซากของมันนั้นก็มีราคาที่ต่ำมาก ดังนั้นแล้วมันจึงมักถูกละเลยจากเหล่าฮันเตอร์ และด้วยเหตุนี้เอง เสียงของสาธารณชนจึงดังขึ้นเรื่อยๆ เป็นเสียงเดียวกันว่าความเห็นแก่ตัวของฮันเตอร์นั้นกำลังเติบโตอยู่หรือไม่ ความวิตกกังวลของประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงเองก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากพวกเขากังวลว่าหากมอนสเตอร์ยังคงถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีใครดูแล มันก็อาจก่อให้เกิดการแพร่กระจายตัวของมอนสเตอร์ได้...”

“เอ่อ? นี่คือดันเจี้ยนสไลม์โดบงซานหรอ… นี่คือถ้ำที่เราล่ากันอยู่ใช่ไหมครับ?”

“นั่นสิ? พูดให้ถูกก็คือถ้ำที่ร่างโคลนของผมกำลังออกไปล่า”

“อ่า นั่นคือเหตุผลที่คุณติดต่อผมมาสินะครับ เพราะคุณต้องการจะส่งร่างโคลนของคุณออกไปล่าอีกครั้ง”

“ถูกต้องเลยครับ จริงๆ แล้วมันก็ลำบากนิดหน่อยที่จะไปอัญเชิญด้วยตัวเองทุกทีๆ…”

ซังวูรู้สึกเขินอายเล็กน้อยเพราะความเกียจคร้านของเขาถูกค้นพบ แต่เขาจะทำอย่างไรได้?

ตัวแทนเองก็อยู่ที่นี่เพื่อแก้ไขความไม่สะดวกนี้

“ขอบคุณที่ติดต่อผมมานะครับ มันเป็นหน้าที่ของผมที่จะดูแลเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว แต่ดันเจี้ยนสไลม์นั่นก็เป็นปัญหาอยู่จริงๆ มอนสเตอร์ระดับบอสที่บางครั้งก็ปรากฏขึ้นในดันเจี้ยนนั้นไม่สามารถจัดการได้เว้นซะแต่คุณจะมีปาร์ตี้ แต่ตอนนี้มันก็คงจะเป็นเรื่องยากที่จะออกไปล่ามอนสเตอร์บนภูเขาโดบงซานสักระยะหนึ่ง”

“ผมเข้าใจแล้วครับ แล้วเรามีดันเจี้ยนหรือพื้นที่ล่าอื่นๆ อีกไหม? เอาแบบเป็นสถานที่เรียบง่ายที่ไม่มีความเสี่ยงและมีคนน้อยด้วยน่ะครับ”

“ถ้าไม่อันตราย มีคนน้อยและเป็นสถานที่ง่ายๆ... โดยปกติแล้ว สถานที่ที่ฮันเตอร์แรงค์ F มักจะไปล่ากันก็คือสไลม์ หนูปีศาจ และกระต่ายเขาเดียว…”

ซังวูไม่เคยเห็นกระต่ายเขาเดียวมาก่อน แต่เขาก็เคยเห็นหนูปีศาจมาแล้วสองสามครั้งในโรงเรียนมัธยม

“อ้ะ เจ้าหนูปีศาจ! ผมเคยเห็นพวกหนูปีศาจอยู่สองสามครั้งในตอนที่เดินไปตามท้องถนน คุณกำลังหมายถึงหนูตัวเท่าสุนัขตัวนั้นน่ะหรอครับ?”

“ถูกต้องเลยคครับ มอนสเตอร์อย่างหนูปีศาจและสไลม์นั้นอาศัยอยู่ในสถานที่ชื้นและมืด เช่นท่อน้ำทิ้งใต้ดิน และพวกมันก็มักจะออกมากลางแจ้งเพื่อหาอาหาร อย่างไรก็ตาม ผมก็เกรงว่าที่คุณเห็นนั้นจะเป็นหนูปีศาจแบบบ้านๆ อันที่จริงแล้ว หนูปีศาจที่อยู่กลางแจ้งตามลำพังนั้นก็มักจะระมัดระวังตัวและไม่กล้าโจมตีผู้คนก่อน อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกมันอาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม พวกมันก็จะมีนิสัยโจมตีเหยื่อกันเป็นกลุ่ม และเพราะพวกมันเคลื่อนที่เร็วมาก ดังนั้นพวกมันจึงเป็นอันตรายมาก มันไม่ใช่มอนสเตอร์ที่จะเข้าจู่โจมอย่างไร้สมอง”

“อ้า... งั้นถ้ามันอันตรายมาก ผมก็ขอผ่านดีกว่าครับ ผมไม่รู้เลยว่าจะสู้กับพวกมันยังไง ผมแทบจะไม่เคยออกกำลังกายเลยด้วยซ้ำตั้งแต่เกิดมา”

“อย่างงั้นหรอครับ? แต่ฮันเตอร์จอง.. แม้ว่าคุณจะต่อสู้ไม่เก่ง แต่ถ้าคุณล่ามอนสเตอร์บ่อยๆ ความสามารถของคุณก็จะพัฒนาขึ้นและคุณก็จะเก่งขึ้นเองตามไปด้วย เพราะงั้นแล้ว อย่ากังวลมากเกินไปเลยครับ เรายังมียิมสอนศิลปะการต่อสู้แบบครบวงจรที่ได้รับความนิยมจากฮันเตอร์ในปัจจุบันกันอย่างมาก ถ้าคุณไปที่นั่นอย่างสม่ำเสมอ คุณก็จะพัฒนาไปได้เร็วขึ้นอย่างแน่นอน”

“อืม... งั้นช่วยแนะนำสถานที่ดีๆ ให้ผมหน่อยได้ไหมครับ?”

“ได้ครับ ผมสามารถช่วยคุณหาเมื่อเรากลับไปได้”

“ขอบคุณมากครับ”

“คุณสามารถฝึกทักษะทางกายภาพแบบนั้นได้… ตอนนี้ผมมาคิดดูแล้ว ฮันเตอร์จอง คุณกำลังฝึกเวทย์มนต์อะไรด้วยรึเปล่าครับ?”

“ฝึกเวทย์มนตร์? ไม่เลยครับ ต้นทุนของสกิลพวกนั้นมันแพงมากจนผมไม่สามารถจ่ายได้”

จากนั้นคังจุนโมก็แสดงท่าทีเสียใจ

“ตั้งแต่ตอนที่คุณเซ็นสัญญา ผมก็เดาเอาไว้แล้วว่าคุณน่าจะไม่มีสกิลอื่นๆ อีก อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการจะเติบโต คุณก็ต้องฝึกฝนพลังเวทย์มนตร์ของคุณด้วย สิ่งที่ดีที่สุดคือการเรียนรู้ทักษะการฝึกมานา แต่ราคานั้นก็แพงมหาศาลมาก...คุณรู้ใช่ไหมล่ะครับ? ฮ่าฮ่า”

“ใช่เลยครับ มันแพงหลายร้อยและหลายพันล้านเลย”

“ของพวกนั้นมันสำหรับฮันเตอร์ระดับสูงน่ะครับ ดังนั้นเราจึงไม่ต้องเก็บมันมาคิดก็ได้ครับ ในปัจจุบัน มันก็มีสถาบันสอนการหายใจมานาบางแห่งที่สามารถมอบผลสกิลที่คล้ายๆ กันให้กับคุณได้ ผมว่าคุณเองก็น่าจะไปลองฝึกที่นั่นดูนะครับ”

“ได้ครับ ผมจะไปลองแน่นอน”

ซังวูรู้สึกเหมือนกำลังถูกคังจุนโมกดดัน แต่เขาก็ตัดสินใจเชื่อใจอีกฝ่ายเพราะข้อมูลเหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์และยังสามารถช่วยกำหนดเส้นทางในการฝึกฝนของเขาได้อีกด้วย

จริงๆ แล้ว ตอนนี้เขาก็กำลังรู้สึกเหมือนกำลังลอยอยู่ในทะเลเปิดและไปเจอเข้ากับประภาคาร

“เข้าใจแล้วครับ... แล้วสำหรับการล่าล่ะครับ? หากคุณเอาแต่ฝึกอย่างเดียว พวกเราก็อาจจะสูญเสียรายได้ไปได้ ดังนั้นมันจึงเป็นการดีกว่าที่จะล่ามอนสเตอร์ต่อไปขณะฝึกซ้อมด้วย”

“แน่นอน ผมจะล่าพวกมันด้วย แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะได้ผลกับพวกหนูปีศาจ”

“เอาล่ะ ในเมื่อหนูยักษ์อันตรายเกินไป งั้นเราลองไปดันเจี้ยนสไลม์ที่อื่นกันดูดีไหมครับ? หรือไม่ก็ไปดันเจี้ยนกระต่ายเขาเดียวดู เนื่องจากกระต่ายเขาเดียวอาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเล็กๆ ดังนั้นพวกมันจึงถูกล่าได้ง่าย”

“อืม... กระต่ายเขาเดียวและสไลม์ คุณตัวแทนครับ คุณชอบอะไร?”

“เพื่อวัตถุประสงค์ในการพัฒนา ผมขอแนะนำกระต่ายเขาเดียวครับ แต่กำไรก็จะลดลงไปอย่างมาก ราคาซากของพวกมันอาจจะดีกว่าสไลม์ก็จริง แต่พวกมันก็จับยากมากเพราะพวกมันเคลื่อนที่เร็ว”

“นอกจากนี้ กระต่ายเขาเดียวก็ยังมีนิสัยก้าวร้าว ดังนั้นมันจึงอันตรายมากกว่าการล่าสไลม์มาก”

ซังวูครุ่นคิดถึงคำพูดของคังจุนโมอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่นานเขาก็ตัดสินใจได้

' เพราะว่ายังไงมันก็เป็นร่างโคลนที่ออกล่าอยู่แล้ว งั้นมาสัมผัสประสบการณ์การล่ากระต่ายเขาเดียวกันเถอะ'

“เข้าใจแล้วครับ ผมจะลองล่ากระต่ายเขาเดียวดูก่อนแล้วค่อยมาตัดสินใจอีกที”

“ได้เลยครับ งั้นผมจะพาไปดูพื้นที่ล่ากระต่ายเขาเดียวนะครับ อ่อใช่ สงสัยเราจะต้องไปปรับอุปกรณ์บางอย่างกันก่อนด้วย คุณต้องล่ากระต่ายเขาเดียวด้วยปืน และเนื่องจากนิสัยก้าวร้าวของพวกมัน ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ป้องกันด้วย”

“อืม ผมยังไม่มีอุปกรณ์ใดๆ เลย”

“เข้าใจแล้วครับ ถ้าอย่างนั้นเราไปที่นัมแดมุนเพื่อไปหาอุปกรณ์กันเถอะครับ”

จากนั้นทั้งสองคนก็มุ่งหน้าไปยังนัมแดมุน

คังจุนโมไปร้านขายปืนเพื่อซื้ออาวุธปืน

“ประธานคัง ในเมื่อเราสามารถฆ่ามอนสเตอร์ด้วยปืนได้ งั้นทำไมเราไม่กวาดล้างพวกมันด้วยระเบิด จรวดหรือมิสไซล์อะไรแบบนี้ล่ะครับ?”

“เท่าที่ผมรู้มา มันก็เป็นไปได้ที่จะกำจัดมอนสเตอร์แรงค์ F ถึง D ส่วนใหญ่ด้วยอาวุธพวกนั้น อย่างไรก็ตาม ผมก็ได้ยินมาว่าหลังจากภัยพิบัติสิ้นสุดลง สมาคมฮันเตอร์โลกก็ต้องการปรับให้เหล่าฮันเตอร์ได้ฝึกฝนและพยายามเก็บรักษาซากศพของมอนสเตอร์พวกนี้เอาไว้ให้ได้มากขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงสั่งแบนอาวุธพวกนี้ไป นอกจากนี้ มันก็ยังมีประชากรบางส่วนที่ได้รับผลกระทบจากความเสียหายเหล่านี้ออกมารวมตัวกันประท้วง”

“อืม ผมก็เห็นการประท้วงพวกนี้อยู่เหมือนกัน ผมรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นพวกมันเลย”

“นั่นแหละครับ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สมาคมฮันเตอร์โลกพูดนั้นก็เป็นความจริง ในกรณีของมอนสเตอร์ระดับสูง พวกมันก็มักจะมีเปลือกนอกแข็งหรือไม่ก็สามารถปล่อยมานาออกมาจากร่างของมันเองได้ ด้วยเหตุนี้เอง พวกมันจึงไม่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีทางกายภาพซะส่วนใหญ่ และแม้ว่าคุณจะระเบิดเมืองทั้งเมืองด้วยขีปนาวุธนิวเคลียร์ แต่มอนสเตอร์พวกนั้นก็อาจจะยังรอดมาได้”

“อ้า...”

“เพราะฉะนั้นแล้วการโจมตีโดยใช้มานาเท่านั้นจึงจะได้ผล ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงฝึกฝนฮันเตอร์กันอย่างแข็งขันแทนที่จะใช้ระเบิดถล่มพวกมันให้หมดไปเลยทีเดียว”

“ผมเข้าใจแล้วครับ”

ในวันนั้น ซังวูติดตามคั จุนโมไปที่ตลาดนัมแดมุนและซื้อปืนไรเฟิล K2 เก่าสองกระบอก ปืนพกสี่กระบอก กระสุนปืนไรเฟิล 5.56 มม. 1,000 นัด กระสุนปืนพก 9 มม. 1,000 นัด ดาบปลายปืน ชุดเกราะกันกระสุน สนับมือและอุปกรณ์ป้องกันข้อเท้า นอกจากนี้ เขายังลงทะเบียนเข้ายิมศิลปะการต่อสู้และสถาบันฝึกการหายใจมานาอีกด้วย

ค่าอุปกรณ์อยู่ที่ 4 ล้านวอน (ราคากระสุนเพียงอย่างเดียวก็มีมูลค่าถึง 750,000 วอนแล้ว) ส่วนโรงยิมมีมูลค่า 550,000 วอนต่อระยะเวลา 3 เดือน และสถาบันฝึกการหายใจมานาก็มีมูลค่า 500,000 วอนต่อเดือน นั่นส่งผลให้มีรายจ่ายทั้งหมด 5 ล้านวอนในครั้งนี้...

ซังวู : สะเทือนใจ...

* * *

วันถัดมา

ในขณะที่กำลังฟังการบรรยาย จิตใจของซังวูก็กำลังถูกครอบงำไปที่อื่น

[ คูลดาวน์ 37 นาที 11 วินาที ]

[ คูลดาวน์ 37 นาที 9 วินาที ]

นี่เป็นเพราะว่าเวลาคูลดาวน์ของสกิลร่างโคลนกำลังใกล้เข้ามาแล้ว

ฉันวางแผนที่จะกลับบ้านทันทีหลังเลิกเรียนและเรียกร่างโคลนตัวที่สองของฉันออกมา

หมายเลข 2!

' ฮ่า เมื่อไหร่ชั้นเรียนจะจบลงสักทีนะ?'

ซังวูนั่งเหม่อและรอเวลาเลิกเรียน

ในที่สุด เมื่อเวลาผ่านไปจนหมดคาบเรียน ชั้นเรียนทั้งหมดก็จบลงท่ามกลางเสียงพูดคุยของทุกคน

ซังวูรีบเก็บข้าวของของเขาและลุกขึ้น

คยองโดที่กำลังหลับอยู่ข้างๆ เขาในที่สุดก็ตื่นขึ้นมาและเรียกหาเขา

“เฮ้ นายกำลังจะไปไหน? ไม่มาหาอะไรกินด้วยกันก่อนหรอ?”

“ไม่ พอดีฉันมีนัดแล้ว นายไปกินข้าวกับคนอื่นเถอะ”

“นัดหรอ? จองซังวูคนจรจัดแห่งกังโกคูไม่มีเพื่อนคนอื่นนอกจากฉันนี่นา... หรือว่า...?”

สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ซังวูขณะที่คยองโดพูดเสียงดัง

“ยินดีด้วยนะเพื่อน! ทุกคน! จองซังวูมีแฟนแล้ว!”

“อะไรนะ! ไอ้คนทรยศนี่!”

“เฮ้~ ซังวูโตเป็นชายแล้ว”

“ฮู้ว~ ยินดีด้วยนะซังวู~”

เสียงเชียร์ดังมาจากทั่วทุกมุมห้อง

“หุบปากไปเลยไอ้พวกสารเลว! เห้อ~ ฉันละอายใจจริงๆ”

ซังวูออกจากห้องไปโดยไม่สนใจเสียงเชียร์ของเพื่อนร่วมชั้นอีกต่อไป

“ฉันจะไปแล้ว พรุ่งนี้เจอกัน”

“เฮ้ ช่วงบ่ายยังมีเรียนเหลืออยู่อีกนะ นายจะไม่เข้าหรอ?”

“ไม่อ่ะ!”

“ไอ้สารเลวไร้หัวใจไร้การศึกษา! โอเค ไปเลย ไปให้พ้น! จะไปไหนก็ไปเลยไอ้ทิ้งเพื่อน!”

หลังจากนั้นซังวูก็จากไป...

คยองโดยังคงนั่งนิ่งอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาลืมสิ่งหนึ่งไป

“แล้วแบบนี้... ฉันจะกินข้าวกับใครกันล่ะเนี่ย?”

* * *

ซังวูกลับมาที่ห้องของเขา

หมายเลข 1 กำลังออกกำลังกายอยู่ที่บ้าน เขานำร่างโคลนมาที่บ้านล่วงหน้าเพราะเขาต้องการรวบรวมพวกมัน

ทันทีที่ซังวูเข้าไปในบ้าน เขาก็เรียกร่างโคลนตัวเองขึ้นมา

เช่นเดียวกับตอนที่เขาเรียกหมายเลข 1 ออกมา พลังมานาได้ระบายออกมาจากร่างกายของเขา

ในไม่ช้า พลังมานาก็จับกลุ่มกันและเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างเหมือนกับซังวู กระบวนการทั้งหมดนี้ปรากฎขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา

อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกมันก็ต่างจากตอนที่เขาเรียกหมายเลข 1 ออกมา หมายเลข 2 มีร่างกายที่แข็งแรงและแทบไม่มีพุงเลย

ส่วนหนึ่งเพราะร่างกายของซังวูในตอนนี้เป็นแบบนั้นด้วย

ซังวูพูดขณะที่เขายื่นเสื้อผ้าให้หมายเลข 2

“ยินดีที่ได้พบ นับจากนี้ไปนายคือหมายเลข 2”

“ครับเจ้านาย”

หมายเลข 2 รับเสื้อผ้ามาและสวมใส่มัน

ซังวูหยุดการเคลื่อนไหวของหมายเลข 1 และนำมันมายืนเคียงข้างกับหมายเลข 2

มันแปลกมากที่ได้เห็นคนสามคนที่ดูเหมือนกันยืนมองหน้ากันอยู่ในพื้นที่เดียวกัน

' ฉันควรจะถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกดีไหมนะ?'

ซังวูยืนอยู่ระหว่างคนทั้งสองและเซลฟี่

“เฮ้ ต้องมีคนคิดว่าพวกเราเป็นแฝดสามแน่เลย ก๊ากๆๆๆ”

ซังวูซึ่งพอใจกับการดูภาพนั้นไม่นานก็กระแอม เขาสงบสติอารมณ์ตัวเองขึ้นและพูดคุยกับร่างโคลน

“ในที่สุดครอบครัวเราก็เติบโตขึ้นสักที หมายเลข 1 ก่อนหน้านี้นายมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก”

“ใช่ครับนาย”

“แต่นายจะต้องทำงานให้หนักขึ้นอีกในอนาคต เรายังมีหนทางอีกยาวไกลต้องไปกันต่อ ดังนั้นต่อจากนี้ไป หมายเลข 1 และหมายเลข 2 จะต้องหมุนเวียนกันล่า นอกจากนี้ เราก็ยังต้องผลัดกันพัฒนาค่าสถานะของเราขึ้นมาด้วย”

“แต่ก่อนอื่นเลย คืนนี้เรามีตารางล่ากระต่ายเขาเดียวกัน ฉะนั้นแล้วฉันจะไปก่อน พรุ่งนี้ เมื่อถึงเวลาไปสอนพิเศษฮายอน ฉันก็จะส่งพวกนายคนหนึ่งไปแทน ดังนั้นแล้ว...”

ร่างโคลนทั้งสองกำลังฟังเรื่องราวของซังวูอย่างเหม่อลอย

พวกเขาเป็นร่างโคลนที่จะทำตามคำสั่ง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซังวูก็กลับพูดร่ายอธิบายยาว

“เอาล่ะ เรามาทำให้ดีที่สุดกันเถอะ หมายเลข 1 นายไปออกกำลังกาย ภารกิจประจำวันของวันนี้คือการออกกำลังกายส่วนหลังใช่ไหม? นายมีวิดีโอออกกำลังกายที่ฉันใส่ไว้ให้ในสมาร์ทโฟนของนายแล้วใช่ไหม? ฉันก็ออกกำลังกายแบบเดียวกันในขณะที่ดูสิ่งนั้น วันนี้เป็นครั้งแรกสำหรับนาย หมายเลข 2 ดังนั้นฉันจะให้นายออกกำลังกายอยู่ที่บ้านแล้วไปทำงานพาร์ทไทม์ขนย้ายของ เมื่อนายไปทำงานพิเศษ นายก็จะต้องสวมหมวกและหน้ากากอยู่เสมอ ฉันจะไปยิมศิลปะการต่อสู้และสถาบันฝึกการหายใจมานา.. ถ้าอย่างนั้นก็มาเริ่มกันเลย!”

ร่างโคลนทั้งสองสวมกำไลประจำตัวและเริ่มเคลื่อนตัวไปปฏิบัติหน้าที่ของตน

เมื่อเห็นพวกเขาทำเช่นนั้น ซังวูก็ยิ้ม

'อัตราการเติบโตของฉันกำลังเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า'

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด