ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 540 - การเจรจาต่อรองที่อันตราย!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 542 - เหตุผลที่เรียกว่าสนามรบโบราณ!

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 541 - ฮ่าฮ่าฮ่า! นายถูกหลอกแล้ว!


“ก็ไม่แน่ใจนักหรอก ข้าเลยตั้งกติกาเอาไว้ง่าย ๆ ถ้าเจ้าไม่ถามคำถามนี้ใน 10 วินาที ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งเสีย โชคดี! เจ้าถามออกมาได้ทันเวลา”

สีหน้าของเดวิดเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินคำตอบ การเจราต่อรองกับคนแก่ที่มีอำนาจอันแข็งแกร่งดูจะต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองประมาทได้เลยแม้แต่นิดเดียว

แต่! ในเมื่ออีกฝ่ายดูเหมือนว่าจะกังวลเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกสาวจริง ๆ เขาก็ไม่คิดอะไรมาก และเลือกที่จะเปลี่ยนหัวข้อในการพูดคุยออกไป

“แล้วคุณชายใหญ่ท่านนั้นล่ะ? เท่าที่ผมเห็น เขาไม่ใช่คนที่จะยอมมอบบัลลังก์ให้คนอื่นโดยไม่ยอมต่อสู้แย่งชิงอย่างแน่นอน!”

เป็นคำถามที่ทำให้คลื่นพลังรอบตัวจ้าวกิเลนสั่นไหวเล็กน้อย แต่สีหน้านั่นยังคงราบเรียบไร้อารมณ์ไม่เปลี่ยนแปลง

“รอให้เวลานั้นมาถึงก่อนเถอะ ข้ามีวิธีจัดการของตัวเอง นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะต้องมาสนใจหรอก”

เดวิดยักไหล่เล็กน้อย เท่าที่ประเมินอย่างคร่าว ๆ ความแข็งแกร่งของคุณชายใหญ่เหมาะสมที่สุดสำหรับการสืบทอดบัลลังก์จ้าวกิเลนต่อไป และดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะคิดอย่างนั้นเสียด้วย สีหน้าท่าทางที่แสดงออกมาตลอดเวลาที่ยืนอยู่ต่อหน้าน้อง ๆ ของตัวเองในท้องพระโรงแห่งนี้ ชายหนุ่มคนนั้นถือว่าตัวเองเป็นทายาทที่ถูกต้องเพียงคนเดียวอย่างแน่นอน

และมันจะเป็นอย่างนั้นด้วย นายน้อยอลันไม่มีอะไรเปรียบเทียบกับอีกฝ่ายได้แม้แต่นิดเดียว ถ้าคุณหนูรองเป็นเพียงแค่คนธรรมดา ไม่ได้สืบสายเลือดมาตามธรรมชาติอย่างสมบูรณ์แบบ เธอก็ไม่มีโอกาสที่จะแย่งชิงบัลลังก์ไปได้เช่นกัน แต่! ถ้าเวลาผ่านไปจนศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในร่างกายแสดงออกมาอย่างเต็มที่ เรื่องราวก็จะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว

ในเมื่อเจ้าของบัลลังก์ในตอนนี้ไม่อยากจะพูดถึงมัน เดวิดก็ไม่คิดที่จะฝืนหรือดื้อดึงอะไร คำถามที่ปล่อยออกไปเป็นเหมือนการโยนหินถามทางเท่านั้น เมื่อทางมันปิด ทุกอย่างก็ถือว่าจบ

“ผมคงต้องขอตัวก่อนครับ! ถ้าพวกเราพูดคุยกันนานเกินไป เกรงว่านายน้อยอลันจะเกิดความสงสัยขึ้นมาได้”

จ้าวกิเลนพยักหน้าเบา ๆ “เจ้าพูดถูก ลูกคนเล็กของข้าเป็นคนขี้ระแวงอยู่ไม่น้อย เอาเถอะ! เจ้าไปได้แล้ว”

เดวิดโค้งทำความเคารพเขาอีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวเดินไปที่ประตูทันที

“อย่าให้สิ่งที่พวกเราพูดคุยกันในวันนี้หลุดไปถึงหูของผู้อื่นอย่างเด็ดขาด! เจ้าเข้าใจในเรื่องนี้ใช่มั้ย?” เสียงอันเคร่งขรึมกังวานสำทับมาจากทางด้านหลัง

เดวิดที่วางมืออยู่บนประตูเรียบร้อยแล้วชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังกลับมาตอบด้วยแววตาอันสับสน “เรื่องอะไรครับ? ท่านแค่สอบถามผมเรื่องอาจารย์ไม่ใช่หรืออย่างไร?”

ชายชรายิ้มออกมา “เยี่ยม!”

เดวิดไม่ตอบโต้อะไรกับอีกฝ่ายต่อ เขาดึงประตูให้เปิดออกเป็นช่องก่อนจะแทรกตัวออกมาด้านนอกท้องพระโรงทันที ห่างออกจากหน้าประตูไปไม่ไกลนัก นายน้อยอลันและสมาชิกในทีมคุ้มกันทั้ง 4 กำลังยืนรออยู่ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดเล็กน้อย

แววตาของนายน้อยอลันเต็มไปด้วยความสงสัย “ไม่ได้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นใช่มั้ย?”

เดวิดยิ้มกว้าง “ไม่มี! ท่านเจ้ากิเลนรู้จักกับอาจารย์ของฉัน พวกเราสนทนากันเกี่ยวกับเขาเล็กน้อยเท่านั้น”

เป็นคำตอบอันสมเหตุสมผลพอที่จะทำให้ทุกคนพยักหน้าอย่างเข้าใจ อีก 4 คนที่เหลือมองเดวิดด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เจ้านี่เป็นลูกศิษย์ของยอดฝีมือที่ผู้นำของตระกูลเคียร์รินรู้จักเป็นการส่วนตัว นี่อธิบายถึงความแข็งแกร่งของสัตว์เลี้ยงตัวน้อยนั่นได้พอสมควรทีเดียว

“โอ้!” นายน้อยอลันก็พยักหน้ารับรู้เช่นกัน แต่คิ้วยังไม่คลายออกอย่างสมบูรณ์

“เอาล่ะ! เวลาของพวกเรากระชั้นชิดมากแล้ว รีบไปขึ้นเรือเหาะกันเถอะ” แม้ว่าจะไม่เชื่อกับคำพูดของเดวิด 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เขาก็ตัดสินใจไม่ซักไซ้ไล่เลียงอะไรต่อ เอ่ยชวนออกมาพร้อมกับเดินนำหน้าทุกคนมุ่งไปยังลานจอดเรือเหาะด้วยความเร่งรีบเล็กน้อย

หลังจากผ่านพิธีการหยุมหยิมวุ่นวายของตระกูลใหญ่มาได้ ในที่สุด เดวิดก็ปิดประตูห้องพักของตัวเองลงด้วยใบหน้าที่อยู่ในอาการครุ่นคิดอย่างหนัก คิ้วของเขาขมวดแน่นติดกันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต

การที่จ้าวกิเลนบอกความลับที่สำคัญแบบนี้ออกมาให้รับรู้ มันเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจของเดวิดเป็นอย่างมาก รวมถึงสถานการณ์ของอาจารย์ตัวเองนั่นอีก เรื่องราวมันชักจะซับซ้อนยุ่งเหยิงกว่าที่คาดเอาไว้เกินไปหน่อยแล้ว มีแนวโน้มสูงว่าศาสตราจารย์อาวุโสไวท์จะไม่ได้อยู่ในสนามรบโบราณ น่าจะมีอะไรผลิกผันตั้งแต่ช่วงแรกที่ตาแก่นั่นเดินทางมารับภารกิจใหม่ ๆ และมันจะเป็นเรื่องราวที่สมเหตุสมผลกว่าด้วยซ้ำ

ความแข็งแกร่งของไวท์ผู้บ้าคลั่ง!? มันไม่ได้มีอยู่เพียงแค่ที่กล่าวขานกันในสถาบัน อัตราการหมุนเวียนเลือด 299 รอบต่อนาที? ได้รับผลกระทบจากการผสานเข้ากับยีนที่ทรงพลังจนสูญเสียพลังชีวิตไปส่วนหนึ่ง? นั่นเป็นเรื่องที่อาจารย์ของเขาปกปิดเอาไว้เท่านั้น หลังจากที่ฝึกฝนทักษะหัวใจผู้กล้า หลังจากที่ได้รับรู้กลิ่นอายที่แท้จริงระหว่างการต่อสู้กับเฒ่าขี้ยา เดวิดแน่ใจว่าอาจารย์ของตัวเองมีอัตราการหมุนเวียนเลือดอย่างน้อย ๆ ก็ 500 รอบต่อนาที พลังจากร่างสมบูรณ์อยู่ในระดับเดียวกันหรือสูงกว่าผู้ฝึกฝนทักษะระดับมรดกสืบทอดส่วนใหญ่เสียด้วยซ้ำ ไม่มีทางเลยที่จะถูกกักเอาไว้ในสนามรบโบราณ มันต้องมีเหตุบางอย่างแทรกซ้อนเข้ามาอย่างแน่นอน และนั่นทำให้เดวิดตัดสินใจรับข้อเสนอของจ้าวกิเลนไปอย่างง่าย ๆ เขาต้องการข้อมูลที่ชัดเจนหลังจากที่กลับออกมาจากสนามรบโบราณ มันจะช่วยเป็นอย่างมากสำหรับการวางแผนขั้นต่อไป

ทำไมอีกฝ่ายบอกความลับสำคัญให้ตัวเองได้รับรู้? นี่คือปัญหาต่อไปที่ผุดขึ้นมาในหัวให้เดวิดขบคิด มันมีข้ออ้างอื่นอีกมากมายที่จะใช้เป็นเหตุผลชักจูงมิใช่หรือ?

“เฮเซล! เธอว่าทำไมเจ้าแก่กิเลนนั่นถึงได้บอกความลับเรื่องนี้กับฉัน?” หมดปัญญา! เขาเอ่ยถามที่พึ่งสุดท้ายของตัวเองหลังจากที่คิดหาสาเหตุที่น่าจะเป็นไปได้ไม่ออก

“ความลับอะไร? เรื่องโกหกนั่นนะเหรอ?” น้ำเสียงที่ดังอยู่ในหัวมีแววแห่งความเยาะเย้ยอยู่เล็กน้อย

“เรื่องโกหก!? เป็นไปไม่ได้! เขาพูดเรื่องจริง ความรู้สึกของฉันบอกอย่างนั้น มันไม่มีทางผิดพลาดแน่” เดวิดขมวดคิ้ว เขามีสัญชาตญาณของแวมไพร์ติดตัวอยู่ การตัดสินใจว่าผู้อื่นพูดความจริงหรือกำลังหลอกลวงอยู่เป็นเรื่องง่ายดาย ยิ่งในสภาพที่มีคลื่นสมองเข้มข้นอยู่ในระดับนี้ ตัวเองคือเครื่องจับเท็จดี ๆ นี่เอง

“ฮ่าฮ่าฮ่า! นายถูกหลอกแล้ว! ช่างน่าขันจริง ๆ แวมไพร์เจ้าเล่ห์ถูกโกหกแบบซึ่ง ๆ หน้าแล้วยังจับไม่ได้ ไม่มีอะไรจะน่าอายไปมากกว่านี้อีกแล้ว” เสียงหัวเราะดังก้องอยู่ในหัว

เดวิดทรุดตัวลงนั่งสมาธิทันที แม้ว่าเขาจะไม่เชื่อว่าตัวเองจะพลาดไปได้มากถึงขนาดนั้น แต่ก็ยังตัดสินใจส่งจิตใต้สำนึกสำรวจไปทั่วร่างกายของตัวเอง ก่อนจะสั่นไหวกล้ามเนื้อสร้างคลื่นทำลายล้างออกมาสลายสิ่งแปลกปลอมในร่างกายออกไปทั้งหมดในคราวเดียว

“ให้ตายสิ! ตาแก่เจ้าเล่ห์เอ้ย! แกนี่มันกิเลนหรือจิ้งจอกเฒ่ากันแน่!!” เดวิดสบถออกมาอย่างหยาบคาย สมองของเขาปลอดโปร่งขึ้นเป็นอย่างมาก เมฆหมอกจาง ๆ ที่ปกคลุมสมองอยู่หายไปอย่างสิ้นเชิง “ต้องเป็นตอนที่เขาโจมตีฉันแน่ มันต้องมีพลังงานแปลกปลอมอะไรบางอย่างแฝงมาตอนนั้น! แต่ทำไมล่ะ? ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วย?”

คิ้วของเดวิดขมวดแน่นอีกครั้ง อีกฝ่ายวางแผนใส่เขาทำไม?

“เฮ้อ! มันมีเหตุผลเป็นร้อยเป็นพันที่เขาจะทำแบบนี้ ถ้าพื้นฐานที่สุดก็คงจะเป็นความระแวงต่อความแข็งแกร่งของนายนั่นแหละ นายเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงต่อลูก ๆ ของเขาในสนามรบโบราณถ้าเกิดผิดใจหรือมีอะไรเปลี่ยนแปลงขึ้นมา เขาถึงได้ตั้งใจผูกมัดนายเอาไว้กับภารกิจใหม่อีกชั้นหนึ่ง แล้วใช้ข้อมูลของอาจารย์นายมาเป็นข้อต่อรอง อ้อ! ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะรู้จริง ๆ ว่าอาจารย์ของนายอยู่ที่ไหนในตอนนี้

ส่วนทำไมต้องกุเรื่องผู้สืบสายเลือดแบบสมบูรณ์ขึ้นมา? ฉันคิดว่านี่เป็นแค่เพียงการเดิมพันของเขาเท่านั้น ตามปกติแล้วอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งมักจะมีความทะเยอทยาน และไม่มีความซื่อสัตย์จงรักมากนัก ถ้านายไม่ทรยศหักหลังก็แล้วไป แต่ถ้านายทำ วิธีที่ดีที่สุดคือการขายความลับเรื่องนี้ให้กับอีก 8 ตระกูลใหญ่ที่เหลือ

และนั่นจะทำให้คุณหนูรองกลายเป็นเป้าหมายหลักในการตามล่าทันที เธอจะกลายเป็นเหยื่อล่อชั้นดีที่เบี่ยงเบนความสนใจไปจากคนที่เขาต้องการปกป้องให้ปลอดภัย แน่นอน! แม่สาวคนนั้นจะรอดหรือตายก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย เพราะตอนสุดท้ายข้อมูลที่แท้จริงว่าเธอเป็นเพียงแค่คนปกติธรรมดาจะถูกเผยออกมา และเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างตระกูลใหญ่ด้วยกัน นายคิดว่าพวกเขาจะทำยังไงล่ะ

ถูกแล้ว! นายจะกลายเป็นแพะรับบาปที่ถูกทั้งตระกูลเคียร์รินและตระกูลที่ขายข้อมูลให้ตามล่า เหล่าผู้มีอำนาจมักเลือกใช้วิธีนี้ในการแก้ปัญหาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?

ไอ้แผนการแบบนี้มนุษย์อย่างพวกนายชอบเรียกว่ายังไงนะ? ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัวใช่มั้ย?” เสียงของเฮเซลอธิบายออกมาอย่างยืดยาว...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด