ตอนที่แล้วบทที่ 7 : การตัดสินใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 9 : ออกล่าครั้งแรก  

บทที่ 8 : เจเอ็มเอเจนซี่  โชครอหล่นทับ


บทที่ 8 : เจเอ็มเอเจนซี่  โชครอหล่นทับ

' พลังชีวิต?'

ซังวูเปิดหน้าต่างค่าสถานะ

───────────────

[ ค่าสถานะ ]

• ความแข็งแกร่ง: 0.709 → 0.710
• ความว่องไว: 0.515
• แรงกาย: 0.663 → 0.665
• ความอดทน: 0.553 → 0.554

มานา: 0.13

• พลังชีวิต: 0.300

───────────────

ค่าสถานะที่เรียกว่าพลังชีวิตถูกเพิ่มเข้ามาที่ด้านล่างหน้าต่างค่าสถานะ

' โอ้เยี่ยมมาก! ก่อนอื่น แค่ได้ยินชื่อก็ฟังดูดีแล้ว'

เมื่อฉันค้นหาคำอธิบายของมันบนอินเทอร์เน็ต ฉันก็พบว่าพลังชีวิตนั้นหมายถึงพลังในการใช้ชีวิตและการเคลื่อนไหว มันเป็นค่าสถานะที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางกายทั้งหมด

มันไม่มีบอกวิธีการได้ค่าสถานะนี้มา เพราะงั้นมันจึงต้องอาศัยโชค

' เป็นเพราะว่าฉันใช้ร่างโคลนจนถึงขีดสุดรึเปล่า?'

จู่ๆ ความคิดเช่นนี้ก็ผุดขึ้นมาในจิตใจฉัน แต่มันก็เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หลังจากได้รับค่าสถานะพลังชีวิตมาแล้ว ซังวูก็รู้สึกว่าการไหลเวียนโลหิตในร่างกายของเขาดีขึ้น และเขาก็มีพลังงานมากกว่าปกติ

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงไม่รู้สึกเหนื่อยแม้จะถึงเวลานอนแล้วอย่างงั้นหรอ? ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงท่องอินเทอร์เน็ตจนถึงรุ่งสางเพื่อค้นหาข้อมูล

* * *

เช้าวันรุ่งขึ้น ซังวูไปที่ศูนย์ฮันเตอร์

มันคือการสอบเอาใบรับรองฮันเตอร์

ฮันเตอร์?

ฮันเตอร์คืออะไร?

ในวันหนึ่ง ประตูพอร์ทัลได้ปรากฏขึ้นพร้อมกันทั่วโลก และมอนสเตอร์ก็หลั่งไหลออกมาจากพวกมัน

มันนับเป็น 'ความหายนะ'

ในตอนแรก มนุษยชาติก็ถูกไล่ล่าอย่างโหดร้ายจนประชากรโลกมากกว่าครึ่งหนึ่งได้เสียชีวิตลง

ดูเหมือนว่าการสูญสิ้นของมนุษยชาติจะอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม

อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกันกับที่หายนะมาถึง ยอดมนุษย์ที่ปลุกความสามารถพิเศษบางอย่างขึ้นมาก็ได้เริ่มปรากฏตัวขึ้นบนโลก

พวกเขาแสดงพลังที่เหนือธรรมชาติและทำงานร่วมกับกองทัพเพื่อปกป้องมนุษยชาติจากเหล่ามอนสเตอร์

ในท้ายที่สุด โลกก็ได้รับชัยชนะเหนือเหล่ามอนสเตอร์และประสบความสำเร็จในการยึดบ้านส่วนใหญ่ของพวกเขากลับคืนมาจากพวกมัน

และตอนนี้ก็มาถึงในปี 2023

มีคนกำลังล่ามอนสเตอร์ที่เหลืออยู่ และพวกเขาก็คือเหล่า 'ฮันเตอร์'

ฮันเตอร์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่ปลุกพลังแล้วแต่ก็ยังรวมถึงคนธรรมดาด้วยจำเป็นต้องมีคุณสมบัติที่ได้รับการยอมรับในระดับประเทศก่อนจึงจะสามารถทำงานนี้อย่างเป็นทางการได้

เนื่องจากพวกเขาต้องมีใบอนุญาตในการครอบครองอาวุธเช่นปืนหรือดาบ ดังนั้นฮันเตอร์ที่ต้องการมันจำนวนมากจึงมักจะมาขอรับใบรับรองฮันเตอร์

' ที่นี่งั้นหรอ…?'

ซังวูเดินเข้าไปในศูนย์ฮันเตอร์และมองไปรอบๆ

ภายในเต็มไปด้วยฮันเตอร์และผู้คนทุกประเภทที่ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วพวกเขาก็สวมชุดต่อสู้ที่ทำมาจากวัสดุที่เบาและแข็ง

ซังวูเป็นคนเดียวที่อยู่ในชุดวอร์ม สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกเขินอายโดยไม่มีเหตุผล

' มีคนมาสอบใบรับรองไม่เยอะเลยแฮะ'

หลังจากที่ถามที่โต๊ะประชาสัมพันธ์แล้ว เขาก็เดินไปที่ห้องทดสอบด้านล่างชั้นหนึ่ง

ที่นั่น คนหลายร้อยคนรวมทั้งพนักงานออฟฟิศ นักศึกษาและผู้สูงอายุ กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเล็กๆ ที่อัดแน่นกันเพื่อรอสอบ

ซังวูนั่งลงบนที่นั่งว่างและหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมา

สิ่งที่เขาดูคือรายการถามตอบเชิงทฤษฎีเพื่อเตรียมสอบข้อเขียน

การทดสอบเอาใบรับรองฮันเตอร์ในปัจจุบันนั้นเรียบง่ายมาก การทดสอบมีสามประเภท: การทดสอบข้อเขียน การทดสอบความถนัด และการทดสอบภาคปฏิบัติ การทดสอบข้อเขียนเกี่ยวข้องกับหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องจดจำ เช่น ข้อควรระวังในดันเจี้ยน กฎความปลอดภัยของอาวุธ ลักษณะของมอนสเตอร์ที่มักปรากฏตัวขึ้นบ่อยๆ เป็นต้น แต่พวกมันก็อยู่ในระดับพื้นฐานจริงๆ และแบบทดสอบความถนัดก็เป็นเหมือนกับการทดสอบวัดระดับศีลธรรมในโรงเรียนมัธยมต้น

และสุดท้ายคือการทดสอบภาคปฏิบัติ

ในการทดสอบภาคปฏิบัติ เราจะต้องได้คะแนน 70 หรือสูงกว่าทั้งการยิงปืนพกและการยิงปืนไรเฟิล แต่ซังวูก็ไม่เคยยิงปืนเลยในชีวิตของเขา

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงกังวลว่าควรจะไปเตรียมตัวแยกต่างหากสำหรับการฝึกซ้อมยิงปืนหรือไม่

-แม้แต่คนที่ไม่เคยยิงปืนก็ยังมีเวลาฝึกซ้อมก่อนทำการทดสอบ

อย่างไรก็ตาม หลังจากอ่านบทความนี้แล้ว เขาจึงตัดสินใจไปที่ศูนย์

ในตอนแรก ซังวูก็สงสัยว่า 'ทำไมการทดสอบถึงหละหลวม?' แต่หลังจากได้เรียนรู้ความจริงแล้ว เขาก็สามารถที่จะเข้าใจได้ เหตุผลก็คือรัฐบาลสนับสนุนการพัฒนาฮันเตอร์อย่างแข็งขัน พวกเขาพยายามลดอุปสรรคในการเข้าถึงเพื่อให้ใครๆ ก็สามารถเป็นฮันเตอร์ได้

ขณะที่ซังวูกำลังศึกษาอยู่นั้นเอง หัวหน้าผู้คุมสอบก็เดินเข้ามา

“การสอบกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ทุกคนกรุณาปิดโทรศัพท์มือถือของตนด้วย”

ไม่นาน การทดสอบก็เริ่มขึ้น

การทดสอบนั้นง่ายมาก แท้จริงแล้ว มันก็อยู่ในระดับที่ใครๆ ก็สามารถเดาได้ตราบใดที่พวกเขามีวิจารณญาณที่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังพูดอยู่

───────────────

ถาม จงเลือกสิ่งที่ไม่ใช่ลักษณะของซอมบี้สุนัข

1. ผิวหนังชั้นนอกเน่าเปื่อยและเผยออกมาเหมือนศพ
2. มันจะเห่าและทำท่าน่ารักเวลาให้อาหาร
3. ไวต่อเสียงและโจมตีทุกสิ่งที่ทำให้เกิดเสียง
4. ทรงพลังและเร็วพอที่จะเทียบได้กับสุนัขดุร้าย

───────────────

แน่นอนว่าคำตอบที่ถูกต้องคือข้อ 2 คำถามส่วนใหญ่มักอยู่ในระดับนี้

แต่มันก็ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเรียนไปพร้อมๆ กับการสอบ

ด้วยเหตุนี้เอง ซังวูจึงสามารถทำข้อสอบผ่านได้ฉลุย

เนื่องจากการสอบนั้นใช้คอมพิวเตอร์ ดังนั้นคะแนนจึงถูกคำนวณโดยทันที

[ หมายเลข 30982 จอง ซังวู (ผ่านการสอบข้อเขียน) ]

ผ่านได้โดยไม่ต้องลุ้นเลย

“สำหรับผู้ที่ผ่านการทดสอบข้อเขียนแล้วสามารถไปทำการทดสอบภาคปฏิบัติได้ทันทีเลย โปรดลงไปข้างล่างอีกหนึ่งชั้นด้วย”

หลังจากคำแนะนำของผู้คุมสอบ คนส่วนใหญ่ก็ลุกขึ้นและรีบลงไปชั้นล่าง

ที่นั่นมีสนามยิงปืนตั้งอยู่

ผู้ที่เคยยิงปืนแล้วตรงไปที่การทดสอบการยิงปืนในทันที ส่วนผู้ที่ไม่เคยยิงก็ถูกส่งตรงไปซ้อมก่อน

อุปกรณ์ที่เตรียมไว้มีสองประเภทคือปืนพกและปืนไรเฟิล หลังจากได้รับการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยสั้นๆ จากพนักงานแล้ว ฉันก็ได้เรียนรู้วิธีการแยกชิ้นส่วนและประกอบอุปกรณ์

และเมื่อซังวูลองยิงปืนดู เขาก็พบว่ามันง่ายกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก

สิ่งที่คุณต้องทำก็คือเล็ง ยิง แค่นั้นเอง~

ความแตกต่างก็คือปืนพกนั้นสั้นและเล็งยาก ในขณะที่ปืนไรเฟิลนั้นเล็งได้ง่ายกว่า

ซังวูรู้สึกดีกับการฝึกยิงปืน เขาสอบผ่านอย่างรวดเร็วโดยยิงปืนพกโดนไป 15 นัดและปืนไรเฟิลโดนไป 19 นัดจากทั้งหมด 20 นัด

หลังจากผ่านการทดสอบภาคปฏิบัติแล้ว ผู้คุมสอบก็บอกให้ผู้สมัครที่สอบผ่านแล้วลงไปชั้นล่าง ตรวจร่างกายให้เสร็จสิ้น และรับใบรับรอง

ข้างล่างอีกแล้ว!

“ผู้ที่สอบผ่านแล้วสามารถมาที่นี่และสแกนเพื่อรับใบรับรองได้เลย”

ขั้นตอนไม่ได้ต่างจากการเข้าร่วมโครงการปลุกพลังมากนัก

รอคิว ถึงคิว ตรวจสอบสกิลของคุณ เพียงเท่านี้ก็เสร็จแล้ว

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น ในที่สุดซังวูก็ได้รับใบรับรอง [ ฮันเตอร์แรงค์ F ]

และใบอนุญาตของฮันเตอร์ก็ถูกบันทึกไว้เป็นข้อมูลบนสร้อยข้อมือประจำตัวบนข้อมือซ้ายของซังวู

“ในที่สุดฉันก็ได้เป็นฮันเตอร์แรงค์ F”

หลังจากการทดสอบประมาณ 3 ชั่วโมง ซังวูก็ได้กลายเป็นฮันเตอร์

ในตอนที่เขากำลังมุ่งหน้าไปยังทางออกนั้นเอง เขาก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังแจกนามบัตรให้กับผู้คน

ซังวูเองก็ยังได้รับนามบัตรจากหนึ่งในนั้นด้วย

[ JM เอเจนซี่ / ประธาน คัง จุนโม ]

“มันคืออะไรกัน?”

“ขอแสดงความยินดีด้วยครับที่ได้รับใบอนุญาตฮันเตอร์ เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกของคุณ ดังนั้นคุณเลยอาจจะยังไม่รู้ว่าจะไปล่ามอนสเตอร์ได้ที่ไหนใช่ไหมล่ะครับ? หากคุณติดต่อผม ผมก็สามารถแนะนำพื้นที่ล่ามอนสเตอร์หรือช่วยคุณขายสินค้าได้ นอกจากนี้ ผมยังมอบราคาที่ดีที่สุดโดยเสียค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อยเท่านั้นด้วยนะครับ”

ขณะที่เขาพูดคำพูดเหล่านั้น คังจุนโมซึ่งดูเหมือนจะอายุราวๆ 30 ต้นๆ ถึงกลางๆ ก็ยิ้มให้เขา มันเผยให้เห็นฟันขาวของเขา

“เอ่อ.... แล้วผมจะติดต่อไปนะครับ”

“ครับ โปรดติดต่อผมด้วยนะครับ-!”

ซังวูไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นเขาจึงรับนามบัตรมาก่อน

#ล่าครั้งแรก

“ใช่ครับ ผมจะโอนเงินให้ภายในเดือนนี้ ใช่ครับ กรุณารอสักครู่นะครับ”

คังจุนโมซึ่งคุยโทรศัพท์มาได้สักพักแล้วขณะขับรถกำลังกดวางสาย

“ฮ่า~ ฉันจะต้องตายแน่เลย”

คังจุนโมเป็นผู้จัดการฮันเตอร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในอดีตในฐานะสมาชิกของกิลด์ฮเยซองซึ่งเป็นกิลด์ขนาดใหญ่

อย่างไรก็ตาม เขาก็ตกดิ่งลงไปในเหวเมื่อเขาเป่านกหวีดป่าวประกาศปัญหาการทุจริตภายในกิลด์

เขาไม่ได้เป่านกหวีดเพราะเขามีความยุติธรรมสูง มันก็แค่ขณะที่เขาดื่มกับฮันเตอร์อยู่ เขาก็เผลอเมาและโพล่งการทุจริตภายในออกมาโดยไม่รู้ตัว

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวนั้นทำให้ไม่เพียงแต่คังจุนโมจะต้องถูกไล่ออกจากกิลด์เท่านั้น แต่มันยังมีข่าวลือที่แพร่กระจายไปทั่วอุตสาหกรรมอีก และนั่นก็ทำให้เส้นทางสู่การจ้างงานใหม่ของเขาถูกขัดขวาง

' นี่คือสาเหตุที่ทำให้ฉันตัดสินใจก่อตั้งบริษัท'

ตอนแรกเขาคิดว่านี่เป็นโอกาส ด้วยการทำงานที่โปร่งใสและอัตราส่วนค่าธรรมเนียมที่ต่ำ เขาจึงน่าจะสามารถดึงดูดฮันเตอร์จำนวนมากมาเข้าร่วมสังกัดได้ ยิ่งไปกว่านั้น ฮันเตอร์ที่เขาเคยรับผิดชอบซึ่งไว้วางใจและติดตามเขาก็ยังบอกกับเขาว่าพวกเขาจะมาเข้าร่วมกับเขาแน่นอนหากเขาก่อตั้งบริษัทขึ้น

อย่างไรก็ตาม หลังจากนำฮันเตอร์เหล่านั้นออกมา ความจริงก็กลับแตกต่างออกไป

เนื่องจากการแทรกแซงจากกิลด์ใหญ่ๆ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะรักษาพื้นที่ล่ามอนสเตอร์ไว้ และเมื่อมีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่ววงการ ฮันเตอร์ส่วนมากจึงเริ่มไม่เต็มใจที่จะอยากมาร่วมงานกับเจเอ็มเอเจนซี่

ด้วยเหตุนี้เอง บริษัทของคังจุนโมจึงมีฮันเตอร์น้อยลงอย่างมาก และเมื่อเวลาผ่านไป ในที่สุดบริษัทของเขาก็ไม่มีแม้แต่ฮันเตอร์แรงค์ F

ด้วยเหตุนี้เอง บริษัทของเขาจึงขาดทุนนับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งได้ไม่ถึงปี และหนี้ก็ค่อยๆ บีบคอคังจุนโมจนเริ่มหายใจไม่ออก

เหล่าฮันเตอร์ที่ไว้วางใจเขาและติดตามเขามาต่างก็หันหลังใส่เขา

เนื่องจากไม่มีอนาคตที่ชัดเจน ดังนั้นคังจุนโมจึงใคร่ครวญอย่างจริงจังที่จะปิดธุรกิจของเขา

ในช่วงเวลาที่คังจุนโมกำลังถอนหายใจให้กับความเป็นจริงอันสิ้นหวังนั้นเอง จู่ๆ ก็มีสายเรียกเข้าดังขึ้นมาจากโทรศัพท์ของเขา

คังจุนโมเหลือบมองหน้าจอและเห็นเบอร์โทรที่ไม่รู้จัก

คังจุนโมรับโทรศัพท์โดยสงสัยว่ามันเป็นสายสแปมรึเปล่า

-สวัสดีครับ นี่ใช่ JM เอเจนซี่รึเปล่าครับ?

“ใช่ครับ นี่ประธานคังจุนโมพูดครับ ไม่ทราบว่าคุณติดต่อมามีธุระอะไรรึเปล่าครับ?”

-สวัสดีครับ พอดีผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องพื้นที่ล่าน่ะครับ ดังนั้นผมเลยอยากจะขอคำแนะนำสักหน่อย

เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่าเขาไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับพื้นที่ล่ามากนัก อย่างน้อยๆ เขาก็น่าจะเป็นฮันเตอร์แรงค์ F

คังจุนโมรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่หากไม่มีใครโทรมาเลย มันก็คงจะน่าผิดหวังยิ่งกว่านี้อีกเช่นกัน

“อ้า! คุณคือฮันเตอร์สินะครับ ขอบคุณมากครับที่ติดต่อเราเข้ามา แรงค์ของคุณคือ F ใช่ไหมครับ?”

-ถูกต้องเลยครับ

“สำหรับผู้เริ่มต้น ผมพอจะมีพื้นที่ล่าที่ปลอดภัยแนะนำให้อยู่ครับ ว่าแต่คุณพอจะว่างมาพบปะพูดคุยกันหน่อยไหมครับ ไม่ทราบว่าคุณอยู่แถวไหนหรอครับ?”

-ผมอยู่เขตคังซอ โซลครับ...

หลังจากคุยโทรศัพท์กันเสร็จแล้ว คังจุนโมก็ป้อนที่อยู่ในระบบนำทางของเขาและมุ่งหน้าไปที่นั่นโดยทันที

* * *

ณ ร้านกาแฟที่เงียบสงบ

ซังวูกำลังนั่งคุยกับคังจุนโม

“สกิลของคุณคือการโคลนตัวเองหรอครับ?”

“ใช่แล้วครับ มันเป็นสกิลสร้างร่างโคลนที่ดูเหมือนกับผมทุกประการครับ”

“โอ้ เยี่ยมไปเลยครับ ว่าแต่คุณช่วยสาธิตมันหน่อยได้ไหมครับ?”

“ตอนนี้คงจะยากนะครับ เพราะมันมีคูลดาวน์ที่ยาวนาน”

ในความเป็นจริงแล้ว คังจุนโมก็รู้สึกผิดหวังอย่างยิ่งเมื่อได้ยินชื่อสกิลนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงตอบกลับไปว่าน่าสนใจ

“อ๋อ งั้นสกิลของคุณคือการโคลนตัวเองนะครับ... และนี่เป็นครั้งแรกที่คุณออกล่าด้วยรึเปล่าครับ?”

“ใช่ครับ ผมไม่เคยทำมันมาก่อนเลย”

“คุณไม่เคยมีประสบการณ์สินะครับ... ถ้าอย่างนั้น ผมคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าคุณจะไปยังสถานที่ง่ายๆ และลองดูมันก่อน มันจะดีกว่าการไปล่าสัตว์อันตรายเยอะเลยครับ เพราะยังไงซะสกิลร่างโคลนของคุณก็อาจจะยังไม่เหมาะสำหรับใช้ในการต่อสู้สักเท่าไหร่”

ดูเหมือนว่าคุณคังจุนโมจะเข้าใจสกิลร่างโคลนของฉันผิดและคิดว่ามันเป็นสกิลร่างโคลนมายา

ฉันคงจะผิดหวังมากถ้ามันเป็นสกิลร่างโคลนมายาที่ไร้พลัง

อย่างไรก็ตาม คุณคังจุนโมก็ไม่ได้พูดดูถูกฉันเลย (แม้เขาจะเข้าใจผิดก็ตาม) นอกจากนี้ ฉันยังสัมผัสได้ว่าเขากำลังพยายามให้คำแนะนำอย่างจริงใจ

นี่คือทัศนคติที่สมบูรณ์แบบสำหรับตัวแทนที่พยายามจะคว้าสัญญา

' เอาเถอะ เพราะยังไงซะฉันก็อาจจะเป็นคนเดียวบนโลกที่มีสกิลร่างโคลนแบบนี้'

ซังวูกำลังคิดที่จะอธิบายสกิลของเขาอย่างละเอียด แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไร นี่เป็นเพราะเขายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคังจุนโมมากนัก

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เขาต้องการจะรู้ในตอนนี้ก็คือพื้นที่ล่าที่เขาควรจะไป

“มีพื้นที่ล่าที่ไหนบ้างครับที่คุณจะแนะนำ?”

“คุณน่าจะพอรู้เรื่องพวกมันอยู่บ้างนะครับ คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับพวกสไลม์ไหมครับ?”

“สไลม์? แน่นอนครับ มันคือมอนสเตอร์ที่ดูเหลวเป็นเมือกพวกนั้นใช่ไหม ผมเคยเห็นมันใกล้ๆ กับท่อระบายน้ำสองสามครั้งตอนฝนตก”

“ใช่แล้วครับ พวกมันสามารถพบเห็นได้ง่ายมาก และอย่างที่คุณเห็น พวกสไลม์นั้นเคลื่อนที่ช้าและจับได้ง่ายมาก ดังนั้นผู้เริ่มต้นส่วนใหญ่จึงมักจะออกไปล่าสไลม์กัน อย่างไรก็ตาม ซากของพวกมันก็แทบจะไม่มีราคาเลย” แม้ว่าคุณจะล่าพวกมันทั้งวัน แต่คุณก็น่าจะได้รับเพียงประมาณ 200,000 วอนเท่านั้น คุณจะโอเคกับราคานี้ไหมครับ?”

“200,000 วอนหรอครับ? มันก็ฟังดูดีเลยไม่ใช่หรอครับ?”

“โอ้ มันก็ใช่ครับ อย่างไรก็ตาม เมื่อสไลม์ตาย พวกมันก็จะระเบิดและพ่นของเหลวที่เป็นกรดออกมา แถมกรดนั่นก็ยังแพร่ก๊าซพิษออกมาด้วย ดังนั้นแม้จะมีอุปกรณ์เฉพาะ แต่มันก็ยังยากที่จะล่าติดต่อกันเป็นเวลานาน เราล่าได้มากที่สุดก็ประมาณ 6 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น และในความเป็นจริง การล่าสไลม์นั้นก็ดูเหมือนงานไล่จับสัตว์ซะมากกว่า แถมมันยังไม่ค่อยได้เงินเยอะอีกด้วย”

การล่ามอนสเตอร์เป็นเรื่องง่าย แต่ปัญหาของการล่าสไลม์คือมันต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ป้องกันอย่างต่อเนื่องเนื่องจากมีก๊าซพิษในบริเวณโดยรอบ นอกจากนี้ การล่าพวกมันเป็นเวลานานก็ยังเป็นเรื่องยาก คังจุนโมอธิบายว่าเนื่องจากซากของพวกมันเองก็มีราคาถูกเช่นกัน ดังนั้นมันจึงแทบจะไม่เหลืออะไรเลยหลังจากพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนชุดป้องกันและหน้ากากป้องกันแก๊สพิษ

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากซังวูวางแผนที่จะใช้ร่างโคลนทำงานนี้และไม่ได้คิดที่จะทำเอง ดังนั้นความเสียหายจึงไม่ได้สำคัญอะไรสำหรับเขา

“ผมไม่ได้คิดอะไรมากอยู่แล้วครับ แต่เราสามารถเพิ่มมานาด้วยการจับสไลม์ได้ใช่ไหมครับ?”

“ใช่แล้วครับ ถ้าอย่างนั้นเราจะลองดูเป็นพื้นที่ล่าสไลม์กันนะครับ?”

“ได้ครับ แล้วผมจะต้องเซ็นสัญญายังไงบ้างครับ?”

“ผมได้เตรียมสัญญาเอาไว้ตรงนี้แล้วครับ โปรดอ่านมันอย่างละเอียดนะครับ”

ซังวูพิจารณาเนื้อหาสัญญาที่คังจุนโมมอบให้เขาอย่างรอบคอบ ระยะเวลาสัญญาโดยพื้นฐานคือ 1 ปี และหากไม่ได้ทำเรื่องยกเลิก สัญญาก็จะต่อเองโดยอัตโนมัติไปอีก 1 ปี มันไม่มีเงินดาวน์ และอัตรารายได้ที่เขาได้รับก็คือ 80% สำหรับแรงค์ F, 83 % สำหรับแรงค์ E และ 86% สำหรับแรงค์ D... จนกระทั่งแรงค์ A อัตรารายได้ที่เขาจะได้ก็คือ 95%

มันไม่มีตรงไหนที่เขาเสียเปรียบเลย!

มันตรงกับสิ่งที่ซังวูพบบนอินเทอร์เน็ตจริงๆ แน่นอนว่ามีโพสต์เขียนระบุเอาไว้แล้วว่าเจเอ็มเอเจนซี่นั้นมีเงื่อนไขสัญญาที่ดี แต่พวกเขาก็ไม่แนะนำให้ทำสัญญาด้วยเพราะมันมีปัญหาเรื่องการเมืองกันในระหว่างองค์กร

อันที่จริงแล้ว ซังวูก็พยายามจะทำทุกอย่างด้วยตัวเองแล้ว และรวมถึงการหาพื้นที่ล่าและการซื้อและขายสินค้า อย่างไรก็ตาม เขาก็มีความรู้น้อยมากเกี่ยวกับอุตสาหกรรมฮันเตอร์ และเขาก็ยังรู้สึกว่ามันยุ่งยากมากเกินไปที่จะมาค้นหาข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับมัน ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงมองหาตัวแทนหรือเอเจนซี่นั่นเอง

“มันตรงกับสิ่งที่ฉันพบมาบนอินเทอร์เน็ตเลย สัญญานี้เป็นสัญญาที่ดีมาก ฉันจะทำสัญญากับที่นี่นี่แหละ”

ซังวูลงลายเซ็นในทันทีที่อ่านเสร็จ

จากนั้นคังจุนโมก็ยิ้มอย่างสดใสและยื่นมือออกไปจับ

“ขอบคุณนะครับสำหรับการเซ็นสัญญา ฮันเตอร์จองซังวู!”

“ขอความกรุณาด้วยเช่นกันนะครับ เจ้าหน้าที่คังจุนโม!”

ทั้งคนสองคนจับมือกันแน่น

คังจุนโมไม่ได้รู้ตัวเลยจนกระทั่งถึงตอนนี้ว่าเขากำลังจะมีโชคลาภมหาศาลหล่นทับ!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด