ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 537 - โดยดูถูกเหมือนเคย!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 539 - จ้าวกิเลน!

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 538 - แพนด้า! เอาจริงดิ!?


เดวิดที่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่ เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูด และใช้เวลาพอสมควรทีเดียวกว่าจะทำความเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์

หลังจากที่หันไปมองจ้องดูท่าทีของนายน้อยอลันอยู่ครู่หนึ่ง เดวิดก็ยักไหล่ออกมาอย่างเบื่อหน่าย เขาไม่คิดที่จะลงมือกับเด็กน้อยปากดีคนหนึ่งด้วยตัวเองเลย แหวนเก็บของเรืองแสงเรื่อขึ้นแวบหนึ่ง ก่อนที่ร่างของฟลินท์จะปรากฏออกมา ตอนนี้มันอยู่ในรูปลักษณ์ของแมวน้อยสีดำขนาดไม่ถึง 2 ฝ่ามือ และกำลังง่วนอยู่กับกระดูกท่อนโต พูดได้คำเดียวเลยว่า น่ารักมาก!!

เจ้าฟลินท์น้อยแทะกระดูกต่ออีกครู่หนึ่ง ก่อนที่จะรู้สึกตัวว่าสถานที่นั้นเปลี่ยนไป มันเงยหน้าหันมองไปรอบ ๆ ด้วยแววตาที่สับสน เป็นแววตาที่เหมือนกับอีก 4 คนที่ยืนอยู่ในห้องโถงแห่งนี้ มีเพียงสายตาของนายน้อยอลันเท่านั้นที่จ้องมองเสือดำตัวนี้ด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย เขามองเห็นความพิเศษของสัตว์อสูรที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นได้ในพริบตา

“นี่คืออะไร? นายคิดจะทำอะไร?” หนุ่มผมบลอนด์ตาสีม่วงถามเดวิดออกมาด้วยสีหน้าสับสนสงสัย

เดวิดตอบกลับไปด้วยดวงตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์ น้ำเสียงนั้นราบเรียบเป็นอย่างยิ่ง “หือ? อ้อ! นี่คือสัตว์เลี้ยงของฉันเอง ไม่ใช่ว่านายอยากจะต่อยใครสักคนไม่ใช่หรือ? ต่อยมันสิ!”

สีหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้นมืดครึ้มลง “แกพูดอะไรออกมา!? แกคิดว่าฉันล้อเล่นอยู่หรือยังไง!?”

“ตกลงว่าจะลงมือมั้ย? ตัดสินใจให้มันเร็วหน่อย ถ้านายเอาชนะมันได้ฉันจะถอนตัวออกจากการเดินทางครั้งนี้เอง” เดวิดตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอันเบื่อหน่ายอย่างไม่มีการปิดบัง เขาอยากจะเดินทางไปที่สนามรบโบราณเต็มแก่แล้ว ไม่ได้อยากจะมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระอะไรอยู่ที่นี่เลย

ฟลินท์!? ดูเหมือนว่ามันจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าตัวน้อยคาบกระดูกมาวางเอาไว้ที่ข้างเท้าของเดวิด เงยหน้าจ้องตาสื่อความหมาย ‘เก็บเอาไว้ให้ด้วย’ ก่อนจะก้าวต้วมเตี้ยมออกไปยืนจังก้าอยู่ด้วยท่าทางของลูกแมวพร้อมรบ ไม่สิ! ขาหลังของมันตะกุยพื้นเหมือนกับวัวกระทิงพร้อมออกศึกเสียมากกว่า

“ได้! ถ้าแกคิดว่านี่เป็นเรื่องตลก ตอนที่สัตว์เลี้ยงของแกตายไปก็อย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน!!”

หลังจากกล่าวจบ ร่างของเด็กหนุ่มผมบลอนด์ก็ขยายใหญ่ขึ้นในทันที แม้ว่าจะไม่คิดว่าเจ้าแมวน้อยที่อยู่ตรงหน้าจะมีพิษสงอะไร แค่คลื่นพลังที่รั่วไหลออกมาจนสัมผัสได้ก็แข็งแกร่งอยู่พอสมควร และอีกอย่าง เขาต้องการจะใช้โอกาสนี้แสดงความแข็งแกร่งของตัวเองออกมาเพื่อข่มขวัญเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ ด้วย

หมียักษ์! จากเด็กหนุ่มผมบลอนด์ที่สูงเกือบ 2 เมตรกลายร่างเป็นหมียักษ์ที่สูงกว่า 3 เมตรไปในพริบตา กงเล็บที่ดูแข็งแกร่งแหลมคมน่าเกรงขาม จมูกขยายใหญ่และยื่นยาวออกมาเล็กน้อย ปากขยายใหญ่กว้างขึ้นพร้อมกับแผงฟันและเขี้ยวที่เรียงรายกันอย่างน่ากลัวอยู่ในนั้น กล้ามเนื้อปูดปนเป็นมัด ๆ ขนและเกล็ดงอกขึ้นมาปกคลุมทั่วร่างกาย และที่สำคัญ หมีตัวนี้มีเขาสั้น ๆ งอกออกมาจากหน้าผากด้วย

เดวิดอ้าปากค้างไปชั่วครู่กับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า เขารู้ตัวและยกมือขึ้นปิดปากเอาไว้อย่างฉับไว พยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ปล่อยให้เสียงหัวเราะเล็ดลอดออกมาให้คนอื่นได้ยิน ให้ตายเถอะ! เจ้านี้ไปอ่านตำนานเล่มไหนมากันแน่?

นั่นมันเพราะขนที่งอกขึ้นมาทั่วร่างกายของอีกฝ่ายเป็นสีขาวบริสุทธิ์ เกล็ดที่งอกขึ้นมาที่หน้าอก แขนขา และรอบดวงนั้นมีสีดำสนิท เขาสีดำทั้ง 2 ข้างไม่ต่างอะไรกับหูสีดำเลย เอาจริงดิ!? นี่มันหมีแพนด้าชัด ๆ!!

การที่อีกฝ่ายสามารถผสานเข้ากับแผนที่พันธุกรรมที่บิดเบี้ยวผิดเพี้ยนจนสามารถก่อร่างสมบูรณ์ขึ้นมาได้แบบนี้เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก อันที่จริงนอกจากสีขาวดำบนร่างกายและลักษณะรูปร่างของหมีที่ตุ้ยนุ้ยกว่าปกติแล้ว ที่เหลือไม่มีอะไรบ่งบอกได้เลยว่าเป็นแพนด้าอีกเลย แผนที่ยีนที่สร้างขึ้นน่าจะมาจากการผสานยีนเข้าไปตามแต่ลักษณะที่รับรู้มา และอาจจะเข้าใจผิดว่าขนสีดำคือเกราะที่แข็งแกร่ง เพิ่มพลังการโจมตีให้กับทั้งแขนและขาได้ น่าจะเป็นอย่างนี้ไม่ผิดแน่ ยอดเยี่ยม! จินตนาการยอดเยี่ยมเหนือคำบรรยายมาก

ข้อสงสัยที่ผุดขึ้นมาในหัวของเดวิดต่อจากนั้น!? เจ้าหมอนี่จะยกระดับตัวเองขึ้นไปเป็นอาตมันได้หรือไม่? เด็กหนุ่มที่น่าสงสารคนนี้จะเป็นแพนด้าประหลาดที่โลกนี้ยอมรับและจดจำได้มั้ย? เขาไม่มีบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งทรงพลังให้อ้างอิงเลย บางทีนี่อาจจะเป็นระดับความแข็งแกร่งสูงสุดที่ทำได้แล้ว

แม้ว่าเดวิดจะพยายามปิดปากกลั้นหัวเราะแค่ไหน แต่ด้วยประสาทสัมผัสการรับรู้ที่ยอดเยี่ยมของแต่ละคนที่อยู่ในห้อง กิริยาท่าทางของเขานั้นเด่นชัดและจับสังเกตได้ง่ายดาย และมันทำให้โทสะของแพนด้ายักษ์พุ่งทะลุเพดานขีดจำกัดไปในทันที

เสียงคำรามอันกึกก้องถูกปล่อยออกมาลั่นห้องโถง แววตาที่จับจ้องมายังเดวิดเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด ก่อนที่มันจะเปลี่ยนมองไปยังเจ้าฟลินท์น้อยที่ย่างสามขุมเข้าหา เสียงตวาดตามออกมาอย่างฉับพลัน

“ตายเสียเถอะ!!” กงเล็บอันแหลมคมถูกตวัดเข้าใส่ฟลินท์อย่างโหดร้าย เมื่อเทียบขนาดของอุ้งมือแบขนาดตัวของเจ้าเสือดำน้อย นี่แทบจะไม่ต่างจากการตบยุงสักตัวเลยด้วยซ้ำ

ตูมม!!!!!

เสียงระเบิดดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหวออกมา ห้องโถงและตัวปราสาทมีอาการสั่นสะเทือนเล็กน้อย ดูเหมือนว่ามันจะสร้างขึ้นจากวัสดุที่แข็งแกร่งพอที่จะรองรับการโจมตีอย่างเต็มกำลังระดับอาตมันได้เลยด้วยซ้ำ พื้นห้องโถงกลายเป็นหลุมลึกขนาดเล็กกว่าที่ควรจะเป็น เมื่อเทียบจากคลื่นกระแทกที่เกิดขึ้นแล้วมันควรจะสร้างเป็นหลุมที่กว้างกว่า 500 เมตรเลยด้วยซ้ำ

แต่พื้นห้องโถงกลายเป็นหลุมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่ถึง 10 เมตรเสียด้วยซ้ำ และหลังจากที่นายน้อยอลันสะบัดมือใช้พลังส่งฝุ่นควันที่คละคลุ้งออกไปด้านนอกแบบง่าย ๆ ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็ทำให้เกือบทุกคนที่อยู่ในห้องโถงตกตะลึงไม่น้อย ร่างสีขาวดำขนาด 3 เมตรนอนขดอยู่ที่ก้นหลุมอย่างหมดสภาพ ไม่หลงเหลือความดุร้ายอยู่ให้เห็นอีกเลย

ในความคิดของเดวิด นี่มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว ความสามารถพิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดของแพนด้าคือความน่ารักที่ละลายใจของสาว ๆ และเด็ก ๆ ไม่ใช่หรือ มันควรจะนอนนิ่ง ๆ อย่างนี้นี่แหละ!

ฟลินท์เอียงหัวจ้องมองไปที่ร่างที่อยู่ก้นหลุมเล็กน้อย ยกขาขวาของตัวเองขึ้นมาเลียทำความสะอาดเล็กน้อย ก่อนจะวิ่งกลับมาหาเดวิดทันที ไม่สิ! วิ่งมาแทะกระดูกของมันต่อต่างหาก ความแข็งแกร่งของเจ้าตัวน้อยอยู่ในระดับที่รับมือกับผู้ก่อสวรรค์ได้แบบสบาย ๆ ร่างสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอแบบนี้ มันไม่ต้องขยายขนาดตัวก็สามารถจัดการได้แล้ว หูของเจ้าสัตว์ประหลาด 2 ขานี่ยังเหนียวกว่าอีก!!

ยังมีอีกคนที่ไม่ได้อยู่ในอาการตกตะลึง และแววตาของนายน้อยอลันเป็นประกายและดูเหมือนว่าจะมีความอิจฉาแฝงอยู่ในนั้นไม่น้อย เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นเดวิดก้มลงไปเก็บกระดูกที่มีเสือดำตัวเล็กนอนแทะอยู่ด้านบนเข้าแหวนเก็บของไป

“ยอดเยี่ยมมากเดวิด! ดูเหมือนว่านายจะโชคดีไม่เบาเลย” หลังจากพูดจบ เสียงถอนหายใจที่หนักขึ้นก็ดังตามออกมาอีกครั้ง

เดวิดถอนสายตาออกมาจากร่างของแพนด้าที่นอนอยู่ก้นหลุม ก่อนจะหันไปมองนายน้อยอลันด้วยความสงสัย “อย่างไรหรือ?”

“ก็การที่สามารถมีสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับร่างสมบูรณ์เป็นสัตว์เลี้ยงยังไงล่ะ นี่หาได้ยากมากจริง ๆ” นายน้อยหนุ่มกล่าวตอบออกมา

“มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้สัตว์ร้ายพวกนี้เชื่อง ต่อให้จะเป็นการเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่ตอนที่มันมีอายุน้อยมากขนาดไหน นายต้องระวังเอาไว้ให้ดีล่ะ ตอนที่มันโตเต็มวัยอย่างสมบูรณ์ สัญชาตญาณดิบของพวกมันจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง และโดยทั่วไปแล้ว สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์พวกนี้จะทรยศต่อเจ้าของทันทีที่พวกมันได้ยินเรื่องราวของสงครามระหว่างมนุษย์กับเผ่าพันธุ์ของตัวเอง” คำพูดที่กล่าวต่อออกมาราบเรียบเหมือนไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรแฝงอยู่เลย

แต่คิ้วของเดวิดขมวดแน่นติดกันทันทีที่ได้ฟังจบ และก่อนที่จะได้ส่งคลื่นพลังไปปิดผนึกแหวนเก็บของเอาไว้ได้ทันเวลา เจ้าฟลินท์น้อยก็กระโดดออกมานั่งอยู่บนไหล่อย่างรวดเร็ว มันตะกุยสะกิดไปที่ต้นคอของเดวิดเล็กน้อย ก่อนจะส่งเสียงคำรามเป็นเชิงถามออกมาเบา ๆ

‘กลับเข้าไปข้างในก่อน แล้วฉันจะอธิบายให้ฟังทีหลัง’ เดวิดสื่อสารด้วยคลื่นสมองกับเจ้าตัวน้อยบนไหล่ของตัวเองกลับไป

‘ไม่! พูด! ตอนนี้! สงคราม! อะไร!?’

เดวิดได้ยินเสียงเหมือนเด็กทารกดังอ้อแอ้กลับเข้ามาในหัว สายตาของเขาแข็งกร้าวขึ้นมาเล็กน้อยทันที มันต้องใช้เวลานานไม่น้อยกว่าที่เจ้าฟลินท์จะเชื่อฟังขนาดนี้ เจ้านายน้อยเจ้าเล่ห์คิดจะมาทำให้มันพังลงไปอย่างนั้นหรือ?

ฟลินท์ไม่ยอมกลับเข้าไปตามคำสั่งของเดวิด กงเล็บที่ตะกุยอยู่ที่คอเพิ่มความรุนแรงขึ้นอีก เส้นเลือดเริ่มปรากฏขึ้นใต้ผิวหนังทั่วร่างกาย ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงกล่ำราวกับเลือด พร้อมกับเสียงที่สื่อสารเข้ามาในหัวอีกครั้ง

‘สงคราม! แม่! พูด!’

เดวิดเหลือบไปมองนายน้อยอลันด้วยสายตาที่แข็งกร้าวแวบหนึ่ง ที่จะเอื้อมมือไปคว้าคอของเจ้าตัวน้อยยกลอยมาอยู่ตรงหน้า ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีทองทอประกาย และจ้องเขม็งเข้าไปในดวงตาเล็ก ๆ คู่นั้นทันที

‘ฉันบอกให้กลับเข้าไปข้างใน! เดี๋ยวนี้!!’

ร่างกายของฟลินท์กลายเป็นสั่นเทาขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ และยอมปล่อยให้ตัวเองถูกจับยัดเข้าไปในแหวนเก็บของอย่างไม่ขัดขืนอีก มันขัดขืนไม่ได้เสียด้วยซ้ำ แม้ว่าเดวิดจะแค่ขู่มมันด้วยดวงตาของมนุษย์หมาป่า แต่คลื่นสมองที่ส่งออกไปคือร่างผสม เจ้าของเลือดทั้งหมดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเสือดำตัวน้อยในตอนนี้ นี่เป็นคำสั่งที่ฟลินท์ไม่สามารถต่อต้านได้แม้แต่นิดเดียว

เดวิดไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องใช้ความสามารถนี้กับมัน ดวงตาของเขากลับคืนเป็นปกติอีกครั้ง มันหรี่เล็กและเต็มไปด้วยความเย็นชาตอนที่หันไปจ้องมองนายน้อยอลัน

“นายไม่คิดหรือว่าตัวเองทำเกินไปแล้ว!?” น้ำเสียงของเดวิดทั้งเข้มต่ำและเย็นชา มันเป็นน้ำเสียงที่ทำให้อีก 3 คนที่ยืนอยู่ในห้องโถงตอนนี้ขนลุกซู่ขึ้นมาทันที เขาไม่ได้ปิดบังกลิ่นอายที่เกรี้ยวกราดขู่ขวัญของตัวเองเอาไว้เลย

“ไม่เอาน่าเดวิด! ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ฉันนึกว่านายเคยคุยกับสัตว์เลี้ยงเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้แล้วด้วยซ้ำ” นายน้อยหนุ่มกล่าวขอโทษออกมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าทีบ่งบอกว่ากำลังเสียใจอย่างสุดซึ้ง

เดวิดไม่พูดอะไรออกมาสักคำเดียว แต่กลิ่นอายอันแข็งกร้าวก็ไม่ได้ลดลงเลยเช่นกัน...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด