ตอนที่แล้วบทที่ 462: ใช้ทุกสิ่งให้คุ้มค่าที่สุด หัวหน้าถู่หาวที่โคตรจะแปลก!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 464: เข้าสู่ซากปรักหักพังของยานรบอีกครั้ง!

บทที่ 463: อาวุธแรง ๆ! กลับไปยังซากปรักหักพังอีกครั้ง!


หลังจากเสร็จจากเรื่องที่ทางเข้าแล้วถังเจิ้นก็กลับเข้าเมืองไป

การปรากฏขึ้นของเย่โหลว (อาคารป่า) ยอดเขานี้ได้เพิ่มตัวแปรในการต่อสู้แย่งชิงศิลาเสาเอกของเมืองหานเยว่เป็นอย่างมาก ซึ่งโชคดีจริง ๆ ที่มันอยู่ในการควบคุมของตน

แม้ว่ามอนสเตอร์ข้างในนั้นจะแข็งแกร่งก็ตาม แต่ก็ถูกกฎฟ้าดินจำกัดเอาไว้ทำให้ไม่อาจออกห่างจากศิลาเสาเอกได้ ดังนั้นเลยไม่มีอะไรต้องกลัว

หลังจากกลับมาที่ห้องฝึกลับและพักผ่อนได้ซักสองสามชั่วโมงถังเจิ้นก็เทเลพอร์ตกลับโลกเดิม

ยามที่เริ่มเปิดฉากที่เมืองหานเยว่ถังเจิ้นจะต้องเตรียมอาวุธแรง ๆ เอาไว้ด้วย ซึ่งเอาตรง ๆ ตอนนี้ก็แค่จะหาไปเผื่อไว้เท่านั้น

จริง ๆ ของพวกนั้นอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้ แต่มีไว้ก็ไม่เสียหายเพราะอนาคตมันไม่แน่ หากจำเป็นขึ้นมามีติดมือไว้ใช้ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว

ถังเจิ้นค่อน ๆ เปิดประตูออกจากห้องโถงของบ้านซูเฟิง

หากเทียบกับโลกโหลวเฉิงแล้วที่นั่นมีสภาพอากาศดีกว่าที่นี่คนละเรื่องเลย ยิ่งตัวเขาเองที่อยู่โลกโหลวเฉิงมานานยิ่งสัมผัสได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนในเรื่องมลพิษของโลกเดิม ความรู้สึกเหมือนถูกขังไว้ในขวด

ถังเจิ้นโฟกัสที่สภาพแวดล้อมรอบตัวโดยไม่ได้สนใจคุณภาพของอากาศห่วย ๆ

จากมุมมองแผนที่จะเห็นได้ว่าผู้อยู่อาศัยเดิมโดยรอบบริเวณนี้ได้หายไปหมดแล้ว โดยคนที่อยู่ตอนนี้ล้วนเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษที่ถูกส่งมาคอยดูแล

หน้าที่หลัก ๆ ของพวกเขาก็คือดูแลสถานที่แห่งนี้อย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันไม่ให้ใครก็ตามที่มีเจตนาไม่ดีแอบแฝงเข้ามาได้

แน่นอนว่าการมีพวกนี้อยู่นั้นมันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ว่าสำหรับถังเจิ้นแล้วข้อดีมากกว่าข้อเสียชัดเจน!

ในอดีตเมื่อต้องการอาวุธพิเศษดังกล่าวจะต้องวิ่งวุ่นหาและขโมยมา แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องลำบากแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว

ทันทีที่เขาเดินออกจากบ้านก็มีคนเข้ามาโค้งคำนับให้

“กลับมาแล้วเหรอครับคุณถัง”

ชายหนุ่มในชุดลำลองคนนี้เป็นพนักงานที่ซูเฟิงจัดไว้ในบ้านซึ่งพร้อมบริการตลอด 24 ชั่วโมง

เนื่องจากเวลากลับมาของถังเจิ้นไม่สม่ำเสมอ ดังนั้นคนเหล่านี้จึงทำได้แค่รออย่างเดียวเลย ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่ทำได้และทำเพื่อไม่ให้งานของถังเจิ้นต้องล่าช้า

ถังเจิ้นพยักหน้าถามชายหนุ่มว่า “ของที่สั่งครั้งก่อนพร้อมยัง”

“ของที่คุณถังสั่งไว้กำลังปรับแก้และจะส่งมาถึงมือภายในหนึ่งวันครับ”

ก่อนที่ชายหนุ่มจะทันได้ตอบก็มีชายในชุดสูทสวมแว่นราคาแพงเดินออกจากประตูมาด้วยท่าทางสง่างาม

ย่างก้าวที่เดินนั้นเบาเหมือนเสือแต่องอาจเหมือนมังกร ดวงตาหลังเลนส์ก็คมกริบ

แม้ว่าเจ้าตัวจะสวมเสื้อผ้าแบบคนธรรมดาก็ตามแต่ก็ไม่อาจปิดบังท่วงท่าของทหารที่ซ่อนอยู่ในเนื้อผ้าเหล่านั้นได้เลย

ถังเจิ้นเหลือบมองอีกฝ่ายและรู้ว่าเป็นอีกฝ่ายที่พูดประโยคเมื่อกี๊

ตัวตนของชายหนุ่มคนนี้พิเศษมาก ถือได้ว่าเป็นตัวแทนของสมาพันธ์เอเชียเลยก็ว่าได้ และเขาได้ติดต่อกับถังเจิ้นมาแล้วหลายครั้ง

“สวัสดีครับคุณถัง!”

ชายหนุ่มเดินไปหาถังเจิ้นและจับมือกับเขาเบา ๆ ด้วยรอยยิ้ม

“ไม่เจอกันนานเลยนะครับคุณซุน!”

หลังจากพูดคุยกันสองสามคำทั้งคู่ก็ไปหานั่งโซฟาและถกประเด็นกันแบบไม่อ้อมค้อม

ชายคนที่ถังเจิ้นเรียกว่าคุณซุนได้หยิบเอกสารที่มีเครื่องหมาย ‘ลับสุดยอด’ ออกมาจากกระเป๋าแล้วมอบให้ถังเจิ้น

ถังเจิ้นหยิบรับมาอ่านอยู่ซักพักก่อนจะคืนให้อีกฝ่ายไป

หลังจากที่เห็นถังเจิ้นอ่านจบคุณซุนจึงกล่าวว่า “เนื่องจากการทดลองต้องใช้เงินมาก ลูกปัดสมองที่คุณให้ไว้ครั้งก่อนก็หมดไปแล้ว ดังนั้นทางผมเลยอยากให้คุณช่วยจัดชุดใหม่ให้ด้วยน่ะครับ!”

ถังเจิ้นพยักหน้า เพราะหากเป็นแค่ลูกปัดสมองจำนวนไม่มากนักเขาก็สามารถจัดให้ได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว

“นอกจากนี้เรายังหวังว่าคุณถังเจิ้นจะสามารถจัดหาไอเทมจากโลกโหลวเฉิงเพิ่มอีกซักอีกชุดให้ด้วย อย่างเช่นชุดเฟมโตเหมือนเมื่อครั้งก่อนนี่พอจะได้มั้ยครับ”

ได้ยินว่าชุดเฟมโตถังเจิ้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าไม่พอใจกับคำขอของอีกฝ่าย แต่ว่าคำขอนี้มันกระตุ้นให้นึกเรื่องอะไรขึ้นมาได้ต่างหาก

นั่นก็คือตั้งแต่ที่หนีออกจากซากปรักหักพังยานรบอย่างน่าสมเพชเมื่อครั้งล่าสุดแล้วก็ไม่เคยไปดูที่นั้นซ้ำอีกเลย

มันทำให้เขานึกได้อีกว่าในซากยานรบลำนั้นมันมีระเบิดที่ทรงพลังมาก ๆ อยู่ด้วยซึ่งอาจได้ใช้ในศึกตีเมืองหายเยว่ก็เป็นได้

เมื่อเปรียบเทียบกับของอย่างระเบิดปรมาณูและระเบิดนิวตรอนแล้ว ระเบิดดังกล่าวไม่เพียงแต่ไม่ก่อให้เกิดสารพิษตกค้าง แต่เรื่องความแรงนี่เชื่อถือได้สุด ๆ ด้วย

ตลอดหลายวันมานี้เขามัวแต่ยุ่ง ๆ อยู่กับการจัดการภัยพิบัติหานเยว่ดังนั้นเลยลืมเรื่องนี้ไปเลย

และเมื่อนึกขึ้นมาได้แล้วก็เห็นทีจะได้เวลาไปดูอีกรอบ

ถังเจิ้นไตร่ตรองอย่างละเอียดแล้วก็พยักหน้าตอบรับคำขอของอีกฝ่าย

หลังจากส่งอีกฝ่ายออกไปแล้วถังเจิ้นก็พักต่ออีกแป๊บหนึ่งก่อนจะกลับไปโลกโหลวเฉิง

หลังจากเอาการ์ดแอปพลิเคชันเก็บของส่งให้กับทางย่านการค้าแล้วเขาก็สยายปีกบินตรงดิ่งไปยังซากปรักหักพังขนาดยักษ์

เนื่องจากครั้งก่อนเขาไม่แข็งแกร่งพอทำให้ต้องโดนไอ้พวกมอนสเตอร์ในยานรบไล่ฆ่าจนสภาพดูไม่จืด แต่ตอนนี้เขาคือคนที่อยู่ห่างจากระดับราชาเพียงแค่ก้าวเดียวแล้ว ด้วยกำลังขนาดนี้สามารถใช้บดขยี้มอนสเตอร์ทุกตัวในนั้นได้แน่นอน

แต่ยังติดตรงที่เขายังไม่รู้เหมือนกันว่ามอนสเตอร์ที่ซ่อนอยู่ในหลุมยักษ์ที่มีแต่หมอกสีเทาตัวนั้นมันระดับไหน!

ด้วยความเร็วในตอนนี้ทำให้เขาใช้เวลาบินไม่นานก็ไปถึงซากปรักหักพังดังกล่าวและแลนดิ้งที่ชายขอบทันที

เมื่อภัยพิบัติหานเยว่มาถึงสถานที่แห่งนี้ก็กลายเป็นที่รกร้าง บนพื้นหิมะใกล้ ๆ นี้ไม่มีร่องรอยว่ามีใครหรือตัวอะไรผ่านมาเลย

แม้ว่าแดนร้างเดิมมันจะร้างตามชื่อก็ตาม แต่อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ขาดความนิยมของคน มีหรือจะกลายเป็นสถานที่ที่น่าจะมีแต่ผีที่มาอยู่แบบนี้ได้

ถังเจิ้นยังคงเห็นซากปรักหักพังนี้มีหมอกสีเทากินพื้นที่ใจกลางเป็นบริเวณกว้างมากเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือมีหิมะปกคลุมเต็มไปหมด และเขาก็ไม่รอช้ารีบเข้าไปในหมอกสีเทานั้น

ยามที่เดินผ่านเย่โหลวที่ตั้งอยู่ในหมอกเขาก็ได้เหลือบมองผ่าน ๆ เท่านั้น ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรมอนสเตอร์เย่โหลวในหมอกสีเทานี้ไม่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติหานเยว่เลย ซึ่งพวกมันยังคงล่องลอยเวียนวนอยู่ในใจกลางของเย่โหลวแห่งนี้ต่อไปเหมือนเดิม

ทว่าแม้จะสงสัยแต่ก็ไม่มีเวลามาสนใจ เขายังคงมุ่งหน้าตรงไปยังพื้นที่ใจกลางต่อ

ไม่กี่นาทีต่อมาถังเจิ้นก็มาถึงหน้าซากยานรบและจับจ้องมองไปยังหลุมยักษ์ที่มีแต่หมอกสีเทาอัดแน่นเต็มหลุม

เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงออร่าของไอ้ตัวที่ซ่อนอยู่ในหลุมว่ามันกำลังแอบมองตนอยู่เงียบ ๆ

มอนสเตอร์ตัวนี้ยังคงอยู่ที่นี่ไม่ได้ไปไหนและไม่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติหานเยว่

หลังจากที่ถังเจิ้นยืนเงียบ ๆ ได้ซักพักก็ได้ปล่อยคลื่นพลังจิตอันกดขี่บดขยี่หลุมหมอกสีเทานั่นซะ

ซึ่งก็เหมือนมันจะรู้แต่แรกแล้วว่าเขาจะลงมือทำให้ทันทีที่เขาลงมือมันก็ตอบโต้กลับได้ทันควัน

พลังจิตของทั้งสองฝ่ายปะทะกันโดยที่ตาเปล่ามองไม่เห็น จะเห็นก็แค่หมอกสีเทานั้นเกิดความผันผวนอย่างรุนแรงและเกิดแสงวาบ ๆ ขึ้น

ถังเจิ้นที่ทำหน้าไร้อารมณ์จนถึงตอนนี้ได้ยกยิ้มมุมปากและเดินตรงไปที่หลุมดังกล่าว

เพราะในการปะทะกันครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายชนะ!

ตู้ม!

เขาได้ชู้ตก้อนหินบนพื้นใส่หลุมไปอย่างแรง และขณะนั้นเองก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่ามอนสเตอร์ที่อยู่ในหลุมนั่นกำลังตัวสั่นอยู่

ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรแต่มันทำท่าเหมือนกำลังกลัวถังเจิ้นอยู่เลย

ทำให้เขาแอบสงสัยอยู่ในใจว่า ‘หรือไอ้ตัวนี้มันกลัวกูวะ’

แต่คิดไปคิดมาก็สรุปว่าใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ เพราะเมื่อเทียบตัวเขาตอนนี้กับตัวเขาในครั้งก่อนแล้วคือแข็งแกร่งกว่าเดิมตั้งไม่รู้กี่เท่า!

ทำให้มอนสเตอร์ที่แต่เดิมโคตรน่ากลัวเลยนั้นได้กลายเป็นตัวที่ไม่เหลือค่าให้ชายตาแลไปแล้วนั่นเอง

ยิ่งเสียงฝีเท้าดังเข้าไปใกล้หลุมมากขึ้นเท่าไหร่ ถังเจิ้นก็ยิ่งรู้สึกได้ชัดเจนมากขึ้นเท่านั้นว่าไอ้เจ้ามอนสเตอร์ในหมอกสีเทานั้นกลัวเขาจริง ๆ

ซึ่งเป็นความรู้สึกกลัวที่ทำให้เขามีความสุขอย่างยิ่ง

เพียงแต่ว่าเขาก็ไม่ได้เหลิง ในใจก็ยังไม่ตัดความเป็นไปได้ว่ามันอาจจะหลอกให้เขาตายใจแล้วปล่อยท่าใหญ่ใส่ตอนทีเผลอทิ้ง

แต่เขาก็ไม่อยากจะเสียเวลาต่อแล้วดังนั้นเลยกะว่าจะจบการต่อสู้นี้ซะเลย

ถังเจิ้นเอาปืนกลออกมายิงถล่มใส่หลุม ห่ากระสุนทะลวงเข้าไปในหมอกสีเทาที่อัดแน่นเต็มหลุม

และในขณะนั้นเองก็ได้มีดวงตาสีเขียวขนาดใหญ่คู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นในหมอกสีเทาและจ้องมองทะลุผ่านหมอกมาที่ตัวเขา

ถังเจิ้นเห็นแบบนั้นก็ยิ้มเยาะแล้วเปลี่ยนเป้ายิงใส่ดวงตาคู่นั้นซะเลย

และเมื่อมอนสเตอร์ในหมอกสีเทาเห็นแบบนั้นมันก็รวบหมอกสีเทานั้นคลุมร่างตัวเองเอาไว้แล้วพุ่งออกจาหลุมและหนีเข้าไปในซากปรักหักพังของยานรบด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด