ตอนที่แล้วบทที่ 18 : การแต่งงาน (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 20 : การแต่งงาน (4)

บทที่ 19 : การแต่งงาน (3)


บทที่ 19 : การแต่งงาน (3)

เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันเสร็จสิ้นการฝึกซ้อมกับเหล่าสหาย

ตั้งแต่รุ่งเช้าอากาศเป็นอย่างมาก ซึ่งมันก็ทำให้การหายใจของฉันค่อนข้างลำบากนิดหน่อย

เป็นเรื่องน่าขบขันที่อากาศมันเย็นขนาดนี้ แต่ฉันยังปล่อยให้น้ำจากน้ำตกไหลลงมาอาบร่างกายของฉัน

ฉันไม่สามารถฝึกหน่วยทหารรับจ้างทั้งหมดได้ ดังนั้นฉันจึงรวบรวมผู้ใต้บังคับบัญชา 30 คนแรกของฉันมาตั้งแต่แต่เช้า

“รองกัปตัน นี่มันไม่เกินไปเหรอครับครับ? ฝึกแม้ในวันเข้าพิธีวิวาห์ โอ้ว…รองกัปตันนี้ไม่มีความเมตตาจริงๆ”

หลังจากเสร็จสิ้นการฝึก สมาชิกคนหนึ่งที่นอนลงด้วยสีหน้าสดชื่นก็พูดขึ้น

แม้ว่าเขาจะทำสีหน้าผ่อนคลายและพูดคำกระเซ้าเย้าแหย่เหล่านั้น แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจมันมากนัก

สมาชิกทุกคนในหน่วยของฉันเป็นคนที่ชอบเรียกเหงื่อจากการฝึกอยู่แล้ว

บารอนก็นั่งลงบนพื้นและหอบหายใจแรง

“…อย่างที่คนอื่นๆ พูดกัน แม้กระทั่งในวันนี้ก็ยังขนาดนี้เลย เราพักสักวันไม่ได้เหรอครับ?”

ฉันพูดกับบารอนที่เอ่ยขอพักจากการฝึก

“การเรียกเหงื่อไม่ได้ผิดปกติตรงไหนสักหน่อย มันเพิ่มความอยากอาหารและทำให้จิตใจปลอดโปร่ง…”

บารอนนอนคว่ำอยู่บนพื้น ยิ้มเบาๆ เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น

“อา นี่เป็นเพราะรักครั้งแรกของรองกัปตันใช่ไหม?”

"…อะไรนะ?"

“ก็จิตใจของคุณกำลังสับสน เพราะงั้นคุณจึงต้องมาฝึกฝนเช่นนี้ นั่นคือสิ่งที่คุณกำลังพยายามจะพูดใช่ไหมครับ รองกัปตัน?”

ฉันส่ายหัวและยังคงเงียบตอบ

'ทำไมพี่อดัมถึงต้องพูดเรื่องพวกนั้นกับทุกคนด้วยนะ?'

สมาชิกคนอื่นๆในกลุ่มทหารม้าฮอนโชของฉันก็หัวเราะเบาๆ พวกเขาขำกับมุกตลกของบารอน

เมื่อบรรยากาศที่เข้มงวดนั้นหายไป ความสนุกสนานก็เริ่มปรากฏบนใบหน้าของทุกคนทีละคน

ชอนผู้ชำนาญด้านการขี่ม้าพูดแทรกเข้ามา

“รองกัปตันไปพบผู้หญิงที่จะเป็นภรรยาของคุณเมื่อวานนี้ไม่ใช่เหรอครับ? เธอเป็นยังไงบ้าง? เธอสวยไหม?”

“นายค่อยดูด้วยตัวเองเถอะ เดี๋ยววันนี้นายจะได้พบเธอแล้ว”

“โอ้ ผมอยากรู้ว่าเธอเป็นยังไงในสายตาของรองกัปตัน ได้โปรดบอกผมทีเถอ”

เสียงหัวเราะคิกคักดังก้องไปทั่วบริเวณ

แจ็คสันที่เข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วก็เข้าร่วมด้วย

“รองกัปตัน เธอสวยไหม? มันต้องมีเหตุผลที่คุณจะแต่งงานกับเธอและผลักผู้หญิงคนอื่นออกไปไม่ใช่เหรอครับ?”

สุดท้ายฉันก็ถูกดึงเข้าไปกับบรรยากาศนั้น

หลังจากการฝึกฝนที่เข้มข้นเช่นนี้ ก็มีมิตรภาพได้เบ่งบานขึ้นด้วยการแลกเปลี่ยนเรื่องตลกที่แสนสนุกสนานกัน

ฉันยิ้มให้กับบรรยากาศแบบนี้และในท้ายที่สุดจึงตอบออกไป

“…เธอสวย”

ท่าทีตื่นเต้นของเหล่าสมาชิกที่ได้ยินคำพูดของฉันที่ชื่นชมว่าที่เจ้าสาวของฉันก็ปรากฏออกมา

สมาชิกบางคนถึงกับตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง

“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้ยินรองกัปตันพูดว่าผู้หญิงสวย”

“ว้าว ถ้าอย่างนั้นผมก็ตั้งตารอเจอเธอเลย แต่ถ้าเกิดมีคนขี้เหร่ปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่รองกัปตันพูดอย่างนั้น…”

บารอนเองก็ยังหัวเราะไปกับสมาชิกที่คำพูดเล่น

“แกคิดว่าภรรยาของรองกัปตันจะขี้เหร่เหรอ? ขี้เหร่เนี่ยนะ?”

"โอ๊ะ ผมขอโทษ ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นสักหน่อย”

ฉันแทรกขึ้นและขึ้นเสียงเพื่อสรุปสถานการณ์

"เอาล่ะๆ ตอนนี้การฝึกอบรมสิ้นสุดลงแล้ว เพราะอย่างนั้นทุกคนควรกลับไปและอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย วันแห่งการต่อสู้ใกล้จะมาถึงแล้ว ดังนั้นต้องดูแลตัวเองให้ดีกันทุกคน”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น บรรยากาศอันเคร่งเครียดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง

“อย่างที่ทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่าสหายของเราจะอยู่รอดได้ก็ต่อเมื่อเราทำงานได้ดีเท่านั้น ทุกคนคงเข้าใจดีว่าการต่อสู้ครั้งนี้มันอันตรายมาก รู้ใช่ไหม? เราต้องเตรียมจิตใจให้พร้อมมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นจงรักษาความพร้อมไว้ให้ดี”

“ดูเหมือนว่าท่านกิดอน แบล็ควูดเองก็จะเข้าร่วมกับเราด้วยเหรอครับ?”

มีคนถามขึ้น

“มันไม่ใช่กงการของเรา เขาไม่ได้จะเข้าร่วมกลุ่มทหารม้าฮอนโชของเราถาวรซะหน่อย”

ทุกคนพยักหน้ากับคำตอบนั้น

"การฝึกสิ้นสุดลงแล้ว แยกย้ายกันเถอะ"

ทุกคนตะโกนตอบคำพูดของฉันอย่างกระตือรือล้นและลุกขึ้นยืนทีละคนจากตำแหน่งของพวกเขา

ฉันยังคงอยู่ดูแลดาบและอุปกรณ์ฝึกซ้อมของเรา ก่อนจะกลับไปยังที่พัก

บารอนเองก็คอยอยู่เคียงข้างฉันและถามเหมือนเช่นเคย พร้อมทั้งซับความชื้นออกจากศีรษะของเขาด้วยผ้า

“ตอนนี้คุณพร้อมหรือยังครับ?”

“อืม ฉันพร้อมแล้ว”

“แล้ว มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?”

"ไม่ แค่…”

หลังจากบารอนถามเช่นนี้ออกมา ฉันก็รู้สึกอยากขอความช่วยเหลือจากเขาทันที

บารอนเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้าแล้วมองมาที่ฉัน ดูเหมือนเขาจะรู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่ในใจของฉัน

ฉันมองไปโดยรอบ และกระซิบกับเขาอย่างเงียบๆ

“…มันไม่ใช่อะไรที่สำคัญหรอก”

"เพียงแค่บอกผมมาเถอะครับ"

ฉันนึกถึงช่วงเวลาที่ฉันได้พบกับเนอร์และกิดอนหลังอาหารเย็นเมื่อคืนก่อนนี้

ตั้งแต่นั้นมา ความไม่สบายใจที่ยืดเยื้อก็วนเวียนอยู่ในใจของฉัน

ดังนั้นมันจึงเกิดขึ้นจากความอยากรู้ขึ้นมา

ไม่มีอะไรผิดที่จะทำความรู้จักกับเนอร์ แบล็ควูดให้มากขึ้น

“นายช่วย…หาข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเนอร์กับพี่น้องของเธอให้หน่อยได้ไหม?”

“ความสัมพันธ์ระหว่างว่าที่ภรรยาของคุณกับพี่น้องของเธองั้นเหรอครับ?”

“ภรรยา…อาา… ใช่ๆ”

บารอนหัวเราะและพยักหน้า

“นั่นเป็นเรื่องง่ายมาก ผมจะรีบไปหาข้อมูลโดยเร็วที่สุดและแจ้งให้ทราบครับ”

"ขอบใจมาก"

****

“ในที่สุดช่วงเวลานี้ก็มาถึง”

พี่อดัมมองมาที่ฉันและอย่างตั้งใจและพูดขึ้น

ฉันกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเตรียมการขั้นสุดท้าย โดยสวมชุดพิธีการที่เรานำมาจากสต็อคฟิน ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของเรา

ความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยของเสื้อผ้าที่ใส่ไม่สบายตัวได้เกาะติดกับร่างกายของฉัน ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด อาจเพราะฉันแต่งตัวแบบนี้ครั้งแรกกระมัง มันเลยรู้สึกแปลกๆ

“…เบิร์ก”

ระหว่างนั้น พี่อดัมก็เรียกชื่อฉันอย่างเงียบๆ ฉันสัมผัสได้ถึงความจริงจังในน้ำเสียงของเขา

ขณะที่ฉันมองเขา พี่อดัมได้เผยรอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้าขณะที่เขาจ้องมองมาที่ฉัน

"ยินดีด้วยนะ"

ไม่มีเสียงหัวเราะแบบเด็กๆ หรือคำพูดที่ล้อเลียน มีแต่ความจริงใจในคำพูดของเขา

ฉันไม่ตอบสนองต่อคำพูดที่ค่อนข้างอึดอัดของพี่เขา

เพราะจากคำพูดของเขา ทำให้ฉันรู้ทันทีว่าเราอยู่ด้วยกันมานานแค่ไหนแล้ว

ฉันเคยว่าเราสนิทกันมากพอที่จะไปร่วมพิธีแต่งงานของกันและกัน ตั้งแต่ตอนที่เราเจอกันในสลัมหรือเปล่านะ?

ฉันละสายตาจากพี่อดัมและเหลือบมองเสื้อผ้าของตัวเองอีกครั้ง

ทันใดนั้นพี่อดัมก็บอกกับฉันว่า

"…ฉันขอโทษ"

“…?”

“…เพราะว่านายกำลังเสียสละตัวเองเพื่อพวกเรา เพราะอีกฝ่าย…”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับพี่”

ยิ่งพี่อดัมได้รู้จักเนอร์มากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกเสียใจแทนฉันมากขึ้นเท่านั้น

เริ่มตั้งแต่การที่เธอไม่สามารถมาเจอฉันครั้งแรกได้เนื่องจากเธอไม่สบาย จนถึงความเงียบงันในช่วงอาหารค่ำเมื่อคืนที่ผ่านมา

แน่นอนว่าบางทีอาจเพราะเนอร์คงยังไม่พร้อม...

ฉันไตร่ตรองว่าจะตอบไปเช่นไรว่าฉันไม่เป็น แต่ฉันก็ตัดสินใจไม่พูดอะไร

เพราะยิ่งเราพูดกันมากเท่าไหร่ ฉันก็มีแต่ยิ่งอึดอัดมากขึ้นเท่านั้น

“ถ้าอย่างนั้นก็ซื้อเหล้าราคาแพงหรืออะไรสักอย่างมาให้ผมสิ”

ฉันขอสิ่งตอบแทนแลกเปลี่ยน เพราะมันคงง่ายกว่าสำหรับพี่อดัมที่จะบรรเทาความรู้สึกผิดของเขาด้วยวิธีการนี้

“…ฮ่าฮ่าฮ่า”

พี่อดัมก็ยิ้มออกมาและทำให้บรรยากาศสดใสขึ้นทันที

"เข้าใจแล้ว"

พูดตามตรง ที่จริงฉันรู้สึกสบายใจและไม่ได้แย่อะไรนัก

จนถึงตอนนี้ ท่าทางเนอร์ไม่ได้กวนใจฉันมากนัก

บางทีอาจเป็นเพราะว่าฉันอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายกันกับเธอ ฉันจึงเข้าใจความรู้สึกของเธอ บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลที่เธอทำแบบนั้นก็ได้

ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือ เราจะใช้ชีวิตหลังแต่งงานยังไงต่างหาก

ซึ่งสิ่งนั้นฉันก็คิดว่าจะทำได้ได้ก็ต่อเมื่อได้สัมผัสมันโดยตรงเท่านั้น ต่อให้มันยากหรือง่ายคงจะได้แต่ต้องจำใจทนไป

นอกจากนี้ จุดประสงค์ของการแต่งงานครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อความสุขของฉัน

มันเป็นเพื่ออนาคตของกลุ่มทหารรับจ้างของเรา

ฉันต้องจำไว้แบบนั้นให้ขึ้นใจ

“เบิร์ก แล้วนายอยากจะข้ามเรื่องพิธีนั้นจริงๆ เหรอ?”

"ครับ"

“ฉันรู้ว่านายไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า แต่… ถึงกระนั้นนายก็ไม่ควรที่จะได้รับพรเหรอ? ฉันถึงกับพาคนมาร่วมพิธีอีกหลายคนเลยนะ”

ฉันส่ายหัว

ฉันชื่นชมความพยายามของพี่ แต่ยังไงซะ ฉันก็ไม่อยากจัดพิธีแต่งงาน

พิธีแต่งงานมักจะดำเนินการโดยผู้ติดตามที่เชื่อในเทพีแห่งความบริสุทธิ์ เฮ...

“ต่อให้ไม่มีพรพวกนั้น ผมก็ยังทำได้ดี”

ในขณะนั้นเอง บารอนเองก็เดินเข้าไปในห้อง

เขามองฉันขึ้นๆ ลงๆ แล้วพยักหน้า

"คุณดูดีมากเลยครับ ดูเหมือนเจ้าบ่าวเลย”

ฉันยิ้มให้เขาและถามเรื่องที่ฉันขอไปเมื่อเช้า

“นายไปสืบมาแล้วงั้นเหรอ?”

“ครับ มันก็ไม่ได้เป็นความลับอะไรมากนัก”

"ยังไง?"

บารอนยักไหล่

“เธอถูกบรรดาพี่น้องไม่ชอบหน้า หรือผมควรจะบอกว่าพี่น้องของเธอเกลียดเธอเลยมากกว่า ดูเหมือนว่าปัญหาเกิดตั้งแต่เลดี้แบล็ควูดเสียชีวิตขณะให้กำเนิดภรรยาของคุณครับ”

“เดี๋ยวนะ เมื่อครู่นายเพิ่งเล่าเรื่องอะไรออกมากันนะ?”

พี่อดัมรู้สึกสนใจมันชั่วขณะหนึ่ง

บารอนจึงอธิบายสถานการณ์ให้พี่อดัมฟัง

ในทางกลับกัน ฉันกำลังจำประเด็นใหม่ๆ ที่ต้องจำใส่ไว้ในหัว

เนอร์ แบล็ควูด จะเป็นภรรยาของฉันต่อจากนี้ไป

ฉันเริ่มมีความคิดว่าจะต้องดูแลเธอให้ดีขึ้นได้ยังไง

****

เวลาผ่านไปและช่วงเวลาของพิธีก็ใกล้เข้ามาแล้ว

พี่อดัมและฉัน พร้อมด้วยสมาชิกระดับสูงหลายคนของกลุ่มทหารรับจ้างของเรากำลังรออยู่หลังประตูทางเข้า รอให้ทุกคนเตรียมพร้อม

ที่อีกด้านหนึ่งของประตู ทหารรับจ้างก็ถือแก้วไว้ในมือแล้วหัวเราะเสียงดัง บรรยากาศก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง

"เบิร์ก! เบิร์ก! เบิร์ก!"

"เบิร์ก! เบิร์ก!"

มันแปลกอย่างมากที่ได้ยินชื่อของฉันถูกเรียกเหมือนบทสวด

ฉันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับเรื่องไร้สาระนั้น

ด้วยเหตุนี้ หัวใจของฉันจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก

“เอาล่ะ เอาล่ะ เงียบหน่อย!”

และในขณะนั้นเอง เสียงของบารอนก็ดังก้องมาจากภายนอก

เนื่องจากเราตัดสินใจว่าจะจัดงานแต่งงานแบบเรียบง่าย กระบวนการหลายอย่างจึงถูกข้ามไป โดยเฉพาะพิธีแต่งงานเพื่อขอพร

บารอนจึงรับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินกระบวนการในงานแต่งงานแทน

มันคงจะดีกว่านี้ถ้ามีคนที่มีอายุมากกว่าและมีประสบการณ์มากกว่าเข้ามาดูแล แต่งานแต่งงานของมนุษย์จะต้องนำโดยมนุษย์ และในกลุ่มทหารรับจ้างของเราก็มีผู้อาวุโสไม่เยอะ

มันคงไม่แย่ถ้าพี่อดัมเป็นผู้นำในพิธี แต่เขาเลือกที่จะยืนเคียงข้างฉันเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวแทน

เสียงของบารอนยังคงดังก้องอยู่ข้างนอก

ฉันถอนหายใจ เพราะเหมือนมันมีความรู้สึกกดดันแปลกๆ ที่กดทับฉัน

สาเหตุคงเพราะมีคำปฏิญาณที่สำคัญมากในชีวิตกำลังรอคอยฉันอยู่

เป็นเรื่องปกติที่ใครก็ตามจะต้องรู้สึกประหม่าเมื่อต้องแต่งงาน

เพราะมันคือการหาใครสักคนที่จะใช้ชีวิตร่วมกันตราบจนนิรันดร์

อาจต้องใช้เวลา แต่เราต้องเป็นพลังให้แก่กัน

…ครั้งนี้ ฉันหวังว่ามันจะเป็นไปได้นะ

แม้ว่าจะไม่ใช่การแต่งงานที่เกิดจากความรัก แต่ก็ไม่มีกฎหมายที่บอกว่าเราไม่สามารถรักกันได้หากอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต

อาจเพราะเรากำลังจะแต่งงานกัน ฉันจึงได้ฝันถึงอนาคตที่มีความสุขกับภรรยาของฉัน

พี่อดัมค่อยๆ เปิดประตูและตรวจดูข้างนอก จากนั้นจึงพยักหน้ามาที่ฉัน

ช่วงเวลานั้นได้มาถึงแล้ว

ฉันพยักหน้าเช่นกัน และในเวลาเดียวกัน ประตูก็ถูกเปิดออก

ทันทีที่ประตูเปิดออก ฉันก็มองเห็นบอรอนอยู่ด้านหน้า ขณะที่ประตูด้านข้างของเนอร์ยังคงปิดอยู่

มีกำแพงใหญ่อยู่ทางขวามือ และแขกก็นั่งอยู่ทางซ้ายมือ

ขณะที่เราเดินไปที่แท่นบูชา ประตูฝั่งตรงข้ามได้เปิดกว้างเช่นกัน

เนอร์ยืนอยู่ที่นั่น เธอสวมชุดสีขาว

เธอแต่งหน้ามากกว่าเดิมและมีสีหน้ามุ่งมั่นมากขึ้น

สีหน้าเธอดูดีกว่าเมื่อวันก่อนมาก

เนอร์มองตาฉันสักพัก จากนั้นก็เริ่มเดินออกไป และเอาแต่มองที่พื้น

เมื่อฉันปรากฏตัว สมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างก็ส่งเสียงเชียร์และปรบมือ แต่ทันทีที่เนอร์ปรากฏตัว พวกเขากลับปิดปากทีละคน

ฉันเข้าใจปฏิกิริยาของพวกเขาได้

เพราะเนอร์เองก็ดูสวยมาก แม้แต่ในสายตาของฉันเหมือนกัน

จริงๆ แล้วตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเห็นเธอยามที่รับประทานทานอาหารเย็นเมื่อวันก่อนนี้ ฉันก็รู้สึกว่าคำพูดของพี่อดัมที่ว่า “ฉันไม่เคยเห็นคนสวยขนาดนี้มาก่อน” ไม่ใช่เรื่องไร้สาระเลย

ฉันเดินไปตรงกลางแท่นพิธีก่อน

และฉันก็ยืนอยู่ที่นั่น เพื่อรอให้เนอร์มาถึงข้างหน้าฉัน

ด้านหลังเนอร์คือกิ้บสันและพี่น้องของเธอ

พวกเขากำลังยิ้ม แต่ก็มีแฝงความเยาะเย้ยเล็กน้อยผสมอยู่ด้วย

มันช่างเลือนลางเสียจนถ้าบารอนไม่บอกฉันถึงเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขา ฉันก็คงไม่รู้

ในไม่ช้า เธอก็มายืนอยู่ตรงหน้าฉันด้วย แต่เธอไม่เงยหน้ามามองฉันเลย

“รองกัปตัน! ภรรยาของคุณสวยมาก!”

"คืนแรก! คืนแรก! คืนแรก!"

“รองกัปตัน คุณต้องมีความสุขมากแน่ๆ เลย!”

ในช่วงเวลานั้น สมาชิกทหารรับจ้างที่อยู่ในความสงบก็เริ่มหยอกล้ออีกครั้ง

เนอร์ได้แต่ยอมรับมันแล้วย่อไหล่และก้มศีรษะลง

มันเป็นภาพที่คุ้นเคย มันเหมือนเธอกำลังกล้ำกลืนความกลัวของเธอเอง

ไม่นาน บารอนก็ดำเนินพิธีแต่งงานต่อไป

เนื่องจากเราสองคนเพียงต้องยืนอยู่กับที่ มันจึงไม่มีอะไรให้เราต้องกังวลมากนัก

ฉันมองลงไปที่เนอร์ที่กำลังก้มตัวอยู่ และกระซิบเบาๆ พอที่จะให้เธอได้ยินเท่านั้น

"…ขอโทษ"

"คะ?"

เนอร์เงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยความประหลาดใจ

เราสบตากันอย่างจริงจังครั้งแรก

หูแหลมๆ ของเธอพับไปข้างหลัง

“…”

ฉันไม่ได้อธิบายเหตุผลในการขอโทษของฉัน

แม้ว่าเธอจะได้ยินเพียงเสียงตะโกนของสมาชิกกลุ่มทหารรับจ้างของฉันที่ตื่นเต้นกัน แต่เธอคงจะได้ยินสิ่งที่ฉันพูดไปเมื่อครู่แน่

มีความสับสนปรากฏในดวงตาของเนอร์ขณะที่เธอมองมาที่ฉัน

ฉันเบือนสายตาไปทางอื่นเพราะไม่อยากกดดันเธอโดยไม่จำเป็น

ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงทำแบบนั้นลงไป

“เอาล่ะ รองกัปตัน”

ตอนนี้งานแต่งงานเล็กๆ ของเราจึงเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายก่อนงานเลี้ยงแล้ว

ในฐานะผู้ชาย ถึงเวลาที่จะต้องกล่าวคำสาบานกับภรรยาของฉัน

สมาชิกกลุ่มทหารรับจ้างเริ่มเงียบเสียงไปทีละคน

ความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณ เมื่อพิจารณาจากจำนวนผู้คนที่มาร่วมงาน มันแทบไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเงียบได้ขนาดนี้

แม้แต่เสียงลมหายใจของฉันก็ยังดังมากจนอาจจะมีคนได้ยิน

ฉันเริ่มนึกถึงคำสาบาน

เมื่อหลายปีก่อน มันเป็นประโยคที่ฉันพูดซ้ำหลายร้อยครั้ง

จากนั้นเมื่อมองดูเนอร์ ฉันจึงเปิดปากพูดออกมา

ทุกคนที่เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน

“…เพื่อแลกกับความรักของคุณ ผมจะมอบทุกสิ่งที่ผมมีให้กับคุณ”

สายตาของเราประสานกัน

ราวกับกำลังยืนยันกับตัวเองอีกครั้ง ฉันค่อยๆ พูดแต่ละคำอย่างระมัดระวัง

“…ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะยืนเคียงข้างคุณและปกป้องคุณจากภัยคุกคามใดๆ ไม่ว่าคุณจะงดงามหรือไม่งดงาม สุขภาพดีหรือเจ็บป่วย ผมจะรักและทะนุถนอมคุณ เราจะตั้งชื่อลูกของเราด้วยเกียรติและความบริสุทธิ์ และเราจะสอนพวกเขาให้มีชีวิตที่ชาญฉลาดและมีความเห็นอกเห็นใจ ผมจะเป็นเสาหลักให้คุณพิงได้ เป็นหลังคาให้คุณพัก และเป็นรากฐานที่คุณสามารถไว้วางใจ”

ฉันหยิบแหวนที่เตรียมไว้ออกมาแล้วยื่นมือให้เธอ

เนอร์ยื่นมือซ้ายของเธอมาหาฉันช้าๆ ด้วยมือที่สั่นเทาและลังเล

สักพักมือเธอก็ยื่นมือมาหาฉัน

แต่เธอดูลังเลมาก

ทันทีที่มือของเธอสัมผัสฉัน ฉันก็จับมือเธอเบาๆ และเริ่มสวมแหวนที่เตรียมไว้บนนิ้วนางของเธอ

ฉันสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามือของเนอร์สั่นมากขณะสัมผัส

แต่ฉันก็ยังพูดคำสาบานที่ฉันจำได้จนจบ

“…ตราบจนลมหายใจสุดท้ายหมดสิ้น ผมขออุทิศชีวิตและเกียรติยศให้กับคุณ”

ในไม่ช้าแหวนที่ฉันให้ก็ถูกสวมในนิ้วนางของเนอร์

เนอร์มองดูแหวนอย่างเงียบๆ แล้วมองมาที่ฉัน

มีอารมณ์มากมายบนใบหน้าของเธอ

ผลก็คือฉันไม่สามารถแยกแยะได้อย่างแน่ชัดว่าเธอรู้สึกยังไง

เนอร์ตอบฉันทันทีด้วยการพยักหน้า

นี่เป็นเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการแต่งงาน

จากนั้นกิ้บสันก็มอบแหวนที่เตรียมไว้ให้เนอร์

เนอร์จับมือซ้ายของฉันอย่างระมัดระวัง

มือข้างหนึ่งประคองมือของฉัน ในขณะที่อีกมือหนึ่งถือแหวน

เป็นอีกครั้งที่มือของเธอสั่นเทายิ่ง

เธอเริ่มสวมแหวนเข้ากับนิ้วนางของฉันอย่างช้าๆ และมือเธอสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

ตามที่ฉันได้สาบานไว้ ตอนนี้ถึงเวลาที่ฉันจะต้องยอมรับ

ไม่มีการหันหลังกลับอีกต่อไปแล้ว

“ตอนนี้ทั้งสองคนถือเป็นสามีภรรยากันแล้ว!”

ขณะที่แหวนสวมอยู่บนนิ้วของเราทั้งสองคน บารอนก็ตะโกนเสียงดัง

เสียงเชียร์ดังขึ้น และงานเลี้ยงก็เริ่มขึ้นตาม

"จูบเลย! จูบเลย! จูบเลย!"

"จูบเธอเลย! รองกัปตัน จูบเธอเลย!”

และในงานแต่งงานของมนุษย์ การจูบก็เป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้

ฉันมองไปที่ฝูงชน ซึ่งเป็นทั้งกลุ่มทหารรับจ้างและชาวเมืองแบล็ควูด จากนั้นฉันจึงยื่นแขนของฉันไปหาเนอร์

ฉันวางมือบนแก้มของเธอ และหันร่างกายเล็กน้อย

ฉันหันหลังให้กับทุกคน

จากนั้นฉันก็นำริมฝีปากของฉันเข้าใกล้ริมฝีปากของเนอร์

เพราะบรรยากาศที่พาไป ฉันจึงได้แต่ต้องจำใจทำและทำให้มันผ่านพ้นไปเสียที

ทว่าเนอร์ที่อยู่ด้านหน้าฉันกลับตัวแข็งทื่อไปทั้งตัว

ใบหน้าของเราแนบชิดกันมาก ราวกับว่าริมฝีปากกำลังจะสัมผัสกัน

มุมนั้นมีเพียงเราเท่านั้นที่มองเห็นได้

“…”

แล้วฉันก็เห็นมัน

ท่าทีที่แตกสลายของเนอร์ มันเผยให้เห็นถึงความกลัวในใจของเธอ

เธอตัวสั่น กัดริมฝีปากแน่นและหลับตา

"…ได้โปรด"

เธอกระซิบเบาๆ ราวกับกำลังพูดกับตัวเอง

ลมหายใจที่สั่นเทาของเธอสัมผัสกับแก้มของฉัน

“…”

เมื่อมองเธอแบบนั้น ฉันจึงเอาจมูกมาแตะแก้มเธอเบาๆ แทนริมฝีปาก

ภาพนั้นดูเหมือนว่าเราจูบกัน ฉันก็หันกายและมองดูฝูงชนที่กำลังอวยพรให้เรา

"…ฮะ?"

เนอร์ดูสับสน ราวกับว่าเธอไม่เข้าใจสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ฉันแค่เช็ดริมฝีปากและแกล้งทำเป็นว่าเพิ่งจูบเธอ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด