ตอนที่แล้วChapter 49 : เข้าๆออกๆ – ทำให้นายหัวร้อนจนตาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 51 : ฉันคือปลาดาวแพทริก

Chapter 50 : ปกป้องโล่วิญญาณ


หลังจากหลินเซวียนกลับมาถึงห้องพัก ข่าวอันน่าตื่นเต้นก็ได้แผ่กระจายไปทั่วทั้งฐานขององค์กรเจอร์มินอลราวกับพายุไต้ฝุ่น

ไม่เพียงแต่โล่วิญญาณจะเอาชนะราชันย์แดนลับมากประสบการณ์จากภูเขาปิศาจชั้นต่ำไปได้3ตัวเพียงลำพังเท่านั้นแต่เขาเพียงลำพังยังจัดการคนจากทีมราชันย์ปิศาจทั้งทีมจนได้รับบาดเจ็บสาหัสในการโจมตีเพียงครั้งเดียว!

ทันทีที่ข่าวนี้หลุดออกไปเหล่านักสู้ต่างก็เริ่มแตกตื่น

ทุกๆคนรู้ดีว่าทีมราชันย์ปิศาจนั้นเป็นไพ่ตายของผู้จัดการหมายเลข3 พวกเขาคือนักสู้ชั้นยอดที่อีกฝ่ายฝูมฝักมาอย่างดี!

ถ้าแค่ดวลหนึ่งต่อหนึ่งแล้วชนะได้คงเป็นอีกเรื่องแต่นี่เขาเพียงลำพังกลับคว่ำทั้งสี่คนลงได้!

ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากโล่วิญญาณสังหารราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ทั้ง3ตัวแล้วเขาย่อมได้วัตถุดิบเลื่อนขั้นระดับสูงครบห้าชิ้นและสามารถเลื่อนไปเป็นขอบเขตที่6ได้แน่นอน!

บนโลกใบนี้นักสู้ขอบเขตที่6คือผู้เชี่ยวชาญระดับสูงแล้ว ภายในฐานองค์กรเจอร์มินอลเขาจะสามารถเทียบได้เลยกับผู้จัดการทั้ง3คน!

ประเด็นหลักๆคือโล่วิญญาณไม่ได้เข้าร่วมกับทางองค์กรและใช้เพียงความแข็งแกร่งของตัวเองเท่านั้นจนได้มาซึ่งความแข็งแกร่งอย่างทุกวันนี้!

สำหรับนักกู้ซากและเหล่าผู้อพยพแล้วเขาคือตัวตนที่ราวกับแสงประภาคารในยามราตรีอย่างไม่ต้องสงสัย!

นี่มันสุดยอดมาจริงๆ!

บนชั้นบนสุดของฐานองค์กรเจอร์มินอล

เสียงคนเถียงกันอย่างดุเดือดดังออกมาจากห้องทำงานของผู้จัดการหมายเลข1

ผู้จัดการหมายเลข3นำลั่วหลี่สวีและคนอื่นๆมาโจมตีผู้จัดการหมายเลข2อย่างรุนแรง

ผู้จัดการหมายเลข2กลับนั่งกอดอกอย่างสบายอารมณ์

ผู้จัดการหมายเลข1เป็นชายชราในวัยใกล้หกสิบและมีผมสีขาวปลอด เขานั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานและนวดขมับด้วยความปวดหัว

“...เดิมทีลั่วหลี่สวีน่าจะเลื่อนขั้นเป็นขอบเขตที่6ได้อย่างสมบูรณ์ ตอนนี้เขากลับต้องใช้วัตถุดิบเลื่อนขั้นระดับธรรมดา2ชิ้น! เรื่องนี้นายต้องมีคำอธิบายให้กับฉัน!”

คำพูดของผู้จัดการหมายเลข3ค่อนข้างรุนแรง

ก่อนที่ผู้จัดการหมายเลข2จะกล่าวอะไร แบล็คที่นั่งกระดกเหล้าอยู่ก็เอ่ยสวนขึ้นมา “โล่วิญญาณหรือลั่วหลี่สวีแข็งแกร่งกว่ากันล่ะ?”

ผู้จัดการหมายเลข3เอ่ย “เรื่องนั้นจะยกมันขึ้นมาพูดก็ไม่....”

แบล็คกล่าวต่อ “ขอถามอีกรอบนะ โล่วิญญาณหรือลั่วหลี่สวีผู้นี้แข็งแกร่งกว่ากันล่ะ?”

ลั่วหลี่สวีสั่นสะท้านและอดหลบเข้าไปอยู่ด้านหลังของผู้จัดการหมายเลข3ไม่ได้

หมายเลข3ตอบ “...โล่วิญญาณแข็งแกร่งกว่า”

แบล็คกระดกเหล้าเข้าไปอีกอึกใหญ่ “ถ้างั้นก็จบแล้วไม่ใช่รึ? โล่วิญญาณแข็งแกร่งกว่า คนแข็งแกร่งก็สมควรได้รับการเลื่อนขั้นอย่างสมบูรณ์แบบมากกว่าคนอ่อนแอ ทำไมโอกาสนี้ต้องมอบให้กับลั่วหลี่สวีผู้นี้ด้วยล่ะ? เขาเป็นใครกัน?”

ผู้จัดการหมายเลข2ยิ้มและเอ่ย “โล่วิญญาณตอนนี้เป็นนักสู้ขอบเขตที่6แล้ว แทนที่จะดึงตัวช่วยระดับนี้เข้ามาแต่นายกลับคิดจะขอคำอธิบายจากอีกฝ่ายเนี่ยนะ นายคิดจะผลักโล่วิญญาณให้ไปอยู่ฝ่ายกองพลก่อสร้างรึไง?”

หลังจากกล่าวเช่นนี้ออกไปก็ถือได้ว่าเขาผลักภาระไปทางผู้จัดการหมายเลข3แทนแล้ว

ภาระเรื่องที่ว่าโล่วิญญาณอาจจะไปเข้าพวกกับฝ่ายศัตรูไงล่ะ!

สีหน้าของผู้จัดการหมายเลข3เปลี่ยนไปเล็กน้อย “หมายเลข2นายอย่ามาใส่ร้ายฉันนะ ฉันก็แค่ปกป้องลูกน้องของตัวเองเท่านั้น!”

ผู้จัดการหมายเลข1กระแอมออกมาเล็กน้อย “เอาล่ะๆ ในเวลาแบบนี้พวกเราต้องการคนมากพรสวรรค์จริงๆนั่นแหละ เรื่องเล็กน้อยระหว่างลั่วหลี่สวรกับโล่วิญญาณก็ไม่ต้องพูดถึงอีกแล้วมันจะเป็นการทำลายความสัมพันธ์เสียเปล่าๆ”

“แยกย้ายเถอะ พวกเราต้องยกระดับความแข็งแกร่งให้ไวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และเตรียมวางแผนการรบ”

ผู้จัดการหมายเลข3กัดฟันเอ่ย “จะให้พวกฉันปล่อยเรื่องนี้ไปแบบนี้เนี่ยนะ?!”

แบล็คยืนขึ้นและเดินไปหยุดอยู่เบื้องหน้าของลั่วหลี่สวี เขาก้มลงมองหน้าอีกฝ่ายและเอ่ยออกมา “ลั่วหลี่สวีนายคิดว่าพวกเราควรจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปไหม?”

กลิ่นอายของนักสู้ขอบเขตที่7ทำให้ลั่วหลี่สวีพูดไม่ออกและจำต้องพยักหน้าตามสัญชาตญาณ

แบล็คหัวเราะ “เห็นไหมขนาดเจ้าตัวเองยังพยักหน้าเลย”

ผู้จัดการหมายเลข3จ้องเขม็งไปที่ลั่วหลี่สวีด้วยแววตาโกรธขึ้ง ฉันช่วยแกสู้เพื่อผลประโยชน์ของตัวแกเองแท้ๆแต่แกกลับยอมแพ้แค่เพราะหวาดกลัวเนี่ยนะ?

ท้ายที่สุดทั้งสองฝ่ายก็ทำได้เพียงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแยกจากกันไปอย่างไม่พอใจ

ภายใต้การคุ้มครองของผู้จัดการหมายเลข2โล่วิญญาณจึงไม่ถูกลงโทษอะไร

เพื่อเป็นการแสดงความปลอบใจให้คนนอกเห็นลั่วหลี่สวีจึงได้รับอุปกรณ์สวมใส่ระดับสีม่วงไปเพียงสองชิ้นจากแผนกโลจิสติก

หลังจากเรื่องนี้สิ้นสุดลงเหล่านักกู้ซากและผู้อพยพต่างก็ยิ่งตื่นเต้น

โล่วิญญาณสุดยอดมากจริงๆ!

เขาสังหารราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ไปมากมายและทุบตีลูกน้องที่ทรงพลังที่สุดของผู้จัดการหมายเลข3จนไม่เหลือชิ้นดี ยังไงก็ตามภายใต้การคุ้มครองของผู้จัดการหมายเลข2เขาจึงไม่ได้รับการลงโทษใดๆเลย!

ณ ตอนนี้ทำให้นักกู้ซากและนักสู้จำนวนมากต่างมีความประทับใจลึกๆกับผู้จัดการหมายเลข2

นักสู้บ้างคนถึงขั้นลอบติดต่อกับลู่หลัวโดยหวังว่าจะเข้าร่วมกับฝ่ายของผู้จัดการหมายเลข2เลยด้วยซ้ำ

ผู้จัดการหมายเลข2มีความสุขมากจนยิ้มปากฉีกไปจนถึงรูหู

หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปอีกหนึ่งอาทิตย์

องค์กรเจอร์มินอลซึ่งสั่งสมความแข็งแกร่งมาซักพักจู่ๆก็ออกคำสั่งมา

นักสู้ทุกคนจู่ๆก็ได้รับคำสั่งให้แยกย้ายกันออกไปหาฝูงอสูรปิศาจที่อยู่ใกล้กับเมืองทะเลสาบตะวันออก หลังจากระบุตำแหน่งของพวกมันได้แล้วให้นักสู้เหล่านี้อย่าได้ทำให้พวกมันแตกตื่นแต่ให้มาร์คตำแหน่งเอาไว้ก่อนแล้วค่อยกลับมารายงาน

เพื่อยืนยันความปลอดภัยของพวกเขาในแต่ละกลุ่มจึงจะประกอบไปด้วยนักสู้ขอบเขตที่3สิบห้าคน ขอบเขตที่4สี่คนและขอบเขตที่5สองคน พวกเขาจะกระจายตัวกันออกค้นหา

นักสู้ที่พบกับฝูงอสูรปิศาจจะได้รับรางวัลเป็นอุปกรณ์สวมใส่ หนังสือสกิล รูนและไอเทมค่าสถานะ ระดับของไอเทมเหล่านี้ลวนเป็นเกรดสีเขียวหรือเหนือกว่าขึ้นไปทั้งสิ้น

และถ้าไปเจอเข้ากับฝูงอสูรปิศาจฝูงใหญ่รางวัลก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีก

เมื่อได้ยินข่าวนี้หลินเซวียนก็คาดเดาได้ทันทีว่าพวกระดับสูงคิดจะทำอะไร

พวกนั้นคิดจะล่อฝูงอสูรปิศาจให้เข้าโจมตีเมืองเครนขาว

นี่น่าจะเป็นเพียงแผนการขั้นแรกเท่านั้น

ส่วนใหญ่ๆนั้นยังไม่ปรากฏ

ทันทีที่คำสั่งถูกมอบออกไปเหล่านักสู้ต่างก็เริ่มจับกลุ่มและออกเดินทางออกจากฐาน พวกเขาออกสำรวจทั้งทางเหนือ ใต้และตะวันออกของเมืองทะเลสาบตะวันออก ส่วนทางทิศตะวันตกนั้นไม่มีความจำเป็นต้องตรวจสอบเพราะนั่นคือที่ตั้งของทะเลตะวันออก

ในฐานะของนักสู้ขอบเขตที่6ผู้ทรงเกียรติและเป็นนักสู้กิตติมศักดิ์ขององค์กรเจอร์มินอล โล่วิญญาณแน่นอนว่าย่อมไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมในการลงแรงเช่นนี้

หลังจากผ่านไปหลายวันก็มีนักสู้หลายคนที่ถูกฝูงอสูรปิศาจสังหาร ยังไงก็ตามกลับมีนักสู้จำนวนมากยิ่งกว่าที่กลับมาได้พร้อมกับข่าวคราวของฝูงอสูรปิศาจ

แผนที่ขอบเขตรอบๆเมืองทะเลสาบตะวันออกค่อยๆถูกวาดขึ้นอย่างช้าๆ จุดระบุตำแหน่งสีแดงบนแผนที่คือจุดรวมตัวของฝูงอสูรปิศาจ

ลู่หลัวนำแผนที่นี้มาให้โล่วิญญาณด้วยสายตาเร่าร้อน “นายรู้ใช่ไหมว่าฉันต้องการอะไรจากนาย”

หลินเซวียนเอ่ย “ไม่รู้อ่ะ”

ลู่หลัวกล่าว “นายจะได้รับรางวัลเป็นรูนเกรดสีทองแล้วแต่เลือก”

หลินเซวียนตอบ “ไม่ต้องพูดแล้วฉันเข้าใจแล้ว”

ท่ามกลางความมืดมิดยามราตรี หลินเซวียนเปลี่ยนมาใส่ชุดคลุมสีดำและหายตัวออกจากฐานองค์กรอย่างเงียบๆ

เขาแน่นอนว่าย่อมเข้าใจสิ่งที่ลู่หลัวต้องการจะสื่อ เธอต้องการให้เขาไปขับไล่ฝูงอสูรปิศาจพวกนี้

เช่นนี้แล้วก็จะเป็นการขัดขวางแผนการขององค์กรเจอร์มินอลได้

หลินเซวียนแรกเริ่มทำทีว่าไม่เข้าใจเพราะอยากจะได้ของรางวัล

แม้ว่าโต๊ะสร้างไอเทมในมิติส่วนตัวจะสร้างรูนอยู่ทั้งวันทั้งคืนแต่จำนวนของเศษรูนที่เขาได้มานั้นก็ยังคงมีเพียงน้อยนิด

ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากกระบวนการสร้างนั้นเป็นการสุ่มอย่างสมบูรณ์แบบดังนั้นจึงมีหลายต่อหลายครั้งที่เขาได้รูนเกรดสีทองที่ไม่เหมาะกับตัวเอง เขาทำได้เพียงกล้ำกลืนความเจ็บปวดนี้และหลอมมันต่อไป

“รูนเกรดสีทองตามต้องการนี่ค่อนข้างคุ้มกับการเดินทางอยู่”

อุปกรณ์สวมใส่ของหลินเซวียนตอนนี้คือชุดเซ็ตเพลิงอสูรที่เขาได้มาจากทุ่งราบเพลิงผลาญ ความสามารถของชุดเซ็ตนี้นั้นทั้งเรียบง่ายและตรงไปตรงมา ชุดเซ็ตนี้เพิ่มความเสียหายจากเวทย์มนตร์ให้กับเขา20% ความเสียหายธาตุไฟ20%และลดอัตราการใช้มานา5%

ส่วนของแหวนนั้นเขาสวมใส่แหวนของจาเวียร์และแหวนนักฆ่า นี่ทำให้เขาสามารถสวมใส่อุปกรณ์จำนวนมากได้โดยที่ความเร็วในการเคลื่อนที่ไม่ลดลง

ท่ามกลางราตรี ร่างของเขาวูบไหวผ่านแดนรกร้างอย่างรวดเร็วราวกับผีสาง

ไม่นานนักเขาก็พบกับฝูงอสูรกลุ่มแรกบนแผนที่

ฝูงอสูรกลุ่มนี้มีจำนวนมากกว่าหนึ่งร้อยตัว ตัวที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นเพียงอสูรขอบเขตที่4เท่านั้น

“วิธีที่ดีที่สุดในการไล่พวกมันออกไปก็คือฆ่าทิ้งให้หมด!”

เปลวเพลิงเหนือฝ่ามือของเขาสะท้อนให้เห็นหน้ากากปลาดาวแพทริกที่เขาสวมใส่ ดูแล้วทั้งสงบราบเรียบและบ้าบอไม่เบา

3 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด