ตอนที่แล้วChapter 42 : พวกนั้นคิดว่าฉันแข็งแกร่งมาก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 44 : กองพลก่อสร้าง

Chapter 43 : เมืองหนาม – พบเจอลู่หลัว


แดนลับขอบเขตที่5 – ภูเขาปิศาจชั้นต่ำ

หลังผ่านประตูแสงเข้ามาหลินเซวียนก็พบกับยอดเขาที่ตั้งตะหง่านสูงเลยหมู่เมฆ

ยอดเขานั้นสูงกว่า900เมตรและแบ่งออกเป็น9ชั้น ในทุกๆ100เมตรจะมีหนึ่งชั้น ถ้ำของพวกราชันย์แดนลับจะตั้งอยู่ที่ด้านบนสุด

อสูรในภูเขาปิศาจชั้นต่ำนั้นมีหลากหลายคุณสมบัติไล่ไปตั้งแต่กายภาพ เวทย์มนตร์ ไฟ สายฟ้า น้ำแข็งและพิษ

ตามข้อมูลที่ได้มาจากทางองค์กรทำให้หลินเซวียนทราบว่าไอเทมที่ดรอปจากอสูรภายในภูเขาปิศาจชั้นต่ำนั้นดีเยี่ยมทุกชิ้น

ไอเทมค่าสถานะนั้นมี แผงคอหมาป่าสายลม (ความเร็วในการเคลื่อนที่+1%) , เขี้ยวหมู (ความเร็วในการโจมตี+1%) , เปลือกไม้เก่าแก่ (อัตราการบล็อกการโจมตี+1%) , และรากป่าน (ความเร็วในการฟื้นฟูพลังงาน+1%)

ส่วนหนังสือสกิลนั้นมีตรวจสอบระดับสูงซึ่งเป็นสกิลติดตัวที่ทำให้สามารถสัมผัสเป้าหมายได้หลายเป้าหมายภายในรัศมี100เมตร

ย่องเบา - สกิลติดตัวที่ลดการตรวจจับลงได้30%

กายาหนามขั้นสูง – สกิลติดตัวซึ่งจะเพิ่มความเสียหายจากการสะท้อนถึง60%

ระเบิดเพลิง – สกิลเรียกใช้งานและเป็นสกิลโปรดของเหล่าจอมเวทย์ไฟ

หอกน้ำแข็ง – สกิลเรียกใช้งานที่ผสมผสานทั้งการโจมตีทางกายภาพและความเสียหายธาตุน้ำแข็ง

นอกจากนี้ก็ยังมีสกิลอย่างกายาอสูรซึ่งเป็นสกิลติดตัวที่จะเพิ่มความเสียหายเวทย์มนตร์และค่าต้านทานเวทย์มนตร์ +10%

นอกจากนี้ยังมีไอเทมประเภทอุปกรณ์อีกหลายชนิดที่สามารถดรอปได้ ยังไงก็ตามกลับไม่มีอุปกรณ์สวมใส่ชนิดใดเลยในภูเขาปิศาจชั้นต่ำที่เหมาะกับหลินเซวียน ชุดเซ็ตส่วนใหญ่ของแดนลับนี้เหมาะกับนักธนูหรือจอมเวทย์มากกว่า

ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือภูเขาอสูรปิศาจนั้นมีแร่หายากอยู่เป็นจำนวนมาก!

แร่ในถ้ำหินยักษ์นั้นไม่อาจเติมเต็มความต้องการของหลินเซวียนได้อีกต่อไป ตอนนี้คงถึงเวลาแล้วที่หลินเซวียนจะต้องลบกิ้งก่ากลืนทองออกจากหนึ่งในสล็อตของร่างอวตารและใช้สล็อตนั้นกับอสูรภายในภูเขาปิศาจชั้นต่ำแทน

เมื่อหลินเซวียนมาถึงเขาก็บังเอิญเห็นว่าเหวินเซี่ยงเองก็กำลังพยายามอย่างหนักเพื่อสำรวจแดนลับอยู่เช่นกัน

“โล่วิญญาณ บังเอิญจริงๆ” เหวินเซี่ยงที่พึ่งจะสังหารหมาป่าอสูรโลหิตด้วยหมัดอันทรงพลังของเขาก่อนจะยกมือขึ้นปาดเหงื่อเอ่ยทัก

หลินเซวียนพยักหน้ารับเล็กน้อยและเดินตามเส้นทางคดเคี้ยวของภูเขาขึ้นไปด้านบนโดยไม่คิดจะหยุดอยู่ที่ความสูงระดับต่ำเลยแม้แต่น้อย

เหวินเซี่ยงลูบปาก “โล่วิญญาณก็ยังคงทะเยอทะยานเหมือนเดิม!”

หลินเซวียนยังคงมุ่งหน้าต่อไป หลังจากมาถึงชั้นที่ความสูง700เมตรเขาก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าจำนวนและความแข็งแกร่งของอสูรเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

เขาทำการลบกิ้งก่ากลืนทองออกจากการเป็นร่างอวตารในทันทีและลงมือสังหารอสูรสองตัวที่มีค่าสถานะดีเยี่ยมภายในภูเขาปิศาจชั้นต่ำ จากนั้นเขาก็เปลี่ยนให้พยัคฆ์เลือดอสูรและงูเหลือมเลือดอสูรกลายเป็นร่างอวตารร่างใหม่ของเขา

[พื้นที่ในปัจจุบัน : ภูเขาปิศาจชั้นต่ำชั้นที่7 (3700เหรียญทั่วไป/นาที , 18500แต้มค่าประสบการณ์/นาที]

เช่นนี้แล้วในปัจจุบันก็เท่ากับว่าเขามีร่างอวตารฝึกฝนอยู่หกร่าง สี่ในหกนั้นอยู่ที่ทุ่งราบเพลิงผลาญซึ่งเป็นแดนลับขอบเขตที่4และสองนั้นอยู่ในภูเขาปิศาจชั้นต่ำ – แดนลับขอบเขตที่5

เขาจำเป็นต้องใช้แต้มค่าประสบการณ์ทั้งหมด4.5พันล้านแต้มเพื่ออัพเลเวลจากเลเวล1เป็นเลเวล9ขอบเขตที่5

ถ้ารวมเวลาที่ต้องใช้ไปกับการอัพเกรดสกิล อุปกรณ์และชิ้นส่วนรูนให้กลายเป็นเลเวล9ด้วย ระยะเวลาโดยรวมคงแทบจะไม่อาจจินตนาการได้

“ยังไงก็มีองค์กรเจอร์มินอลอยู่ด้วยถือได้ว่าปลอดภัยมาก ไม่ต้องรีบก็ได้”

“รอจนกว่าจะได้หนังสือสกิลทั้งหมดของทุ่งราบเพลิงผลาญมาก่อนแล้วค่อยยกเลิกร่างอวตารฝึกฝนที่อยู่ที่นั่นทิ้งให้หมด”

เขาจำเป็นต้องใช้หนังสือสกิลเกรดสีขาวทั้งหมด16เล่มเพื่อผสานพวกมันให้กลายเป็นหนังสือสกิลเกรดสีทองเพียงเล่มเดียว

ในเมื่อความสามารถในการฟาร์มของเขานั้นไร้ขีดจำกัด หลินเซวียนย่อมไม่อยากจะปล่อยทิ้งไว้ให้เสียดายภายหลัง

จากนั้นหลินเซวียนก็เดินกลับทางเดิม

เมื่อเขากลับมาถึงชั้นที่1ก็พบกับเหวินเซี่ยงที่ยังคงสังหารหมาป่าเลือดอสูรอยู่ที่นี่

“เอ๋? นายจะไปแล้วหรอ?” เขาประหลาดใจยิ่งนัก

หลินเซวียนพยักหน้า “ฉันว่าฉันทะเยอทะยานเกินไปหน่อย เมื่อกี้ไปได้แค่300เมตรก็ได้รับบาดเจ็บซะแล้ว”

เหวินเซี่ยงเอ่ยปลอบ “ไม่เป็นไรหรอกๆ ถ้างั้นก็ไปพักผ่อนเถอะ”

หลังจากบอกลาเหวินเซี่ยง หลินเซวียนก็หาสถานที่ร้างผู้คนและเปลี่ยนอุปกรณ์สวมใส่ของโล่วิญญาณออกกลับมาเป็นนักกู้ซากแดนรกร้างที่ทำตัวต่ำติดดินและระแวดระวังไปเสียทุกเรื่องตามปกติ

“มิติส่วนตัวตอนนี้ค่อนข้างคับแคบแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเรายังมีเหรียญทั่วไปตุนเอาไว้ตั้งเยอะ ได้เวลาอัพไซส์ซักที”

หลินเซวียนใช้เหรียญทั่วไปเป็นจำนวนเพื่อเปลี่ยนมิติส่วนตัวอย่างพลิกฟ้าคว่ำดิน

[มิติส่วนตัว : เลเวล6]

[ความจุ : 400 ลูกบากศ์เมตร]

[โต๊ะหลอมไอเทม : โต๊ะที่1 (ปัจจุบันกำลังหลอมแร่ , โต๊ะที่2 (ปัจจุบันกำลังหลอมอุปกรณ์) , โต๊ะที่3 (ปัจจุบันกำลังหลอมรูน)]

[โต๊ะสร้างไอเทม : โต๊ะที่1 (ไม่ได้ใช้งาน) , โต๊ะที่2 (ไม่ได้ใช้งาน) , โต๊ะที่3 (ไม่ได้ใช้งาน)]

[โต๊ะสังเคราะห์ไอเทม : โต๊ะที่1 (ไม่ได้ใช้งาน , คลิ๊กเพื่อตรวจสอบรายการที่สามารถสังเคราะห์ได้]

[โต๊ะหลอมโอสถ : โต๊ะที่1 (ไม่ได้ใช้งาน) , คลิ๊กเพื่อตรวจสอบรายการยาที่สามารถปรุงได้]

ณ ปัจจุบันโต๊ะทำงานทั้งหมดล้วนเป็นเลเวล3แล้วทั้งสิ้นซึ่งก็เพิ่มค่าประสิทธิภาพถึง50%

โต๊ะทำงานเลเวล4จะเพิ่มค่าประสิทธิภาพถึง100%หากเทียบกับโต๊ะเลเวล1 เพื่ออัพเกรดโต๊ะเลเวล3เป็นเลเวล4จำเป็นต้องใช้เงิน1ล้านเหรียยทั่วไป

หลินเซวียนยกระดับโต๊ะทำงานทำหมดให้กลายเป็นเลเวล4ภายในลมหายใจเดียว

“เอาล่ะๆได้เวลาเพิ่มประสิทธิภาพแล้ว!”

ครึ่งเดือนต่อมา - ช่วงกลางคืน

หลินเซวียนส่งร่างแยกออกไปและมุ่งหน้าไปยังเมืองหนาม

ครั้งล่าสุดที่เขามาที่นี่เขาทำเพียงแค่มองจากที่ไกลๆเท่านั้นและไม่ได้เข้าไปภายในตัวเมือง

ยังไงก็ตามครั้งนี้เขาวางแผนว่าจะเข้าไปดูเสียหน่อย บางทีเขาอาจจะได้ข้อมูลอะไรดีๆมาจากคนเหล่านี้ก็เป็นได้

ยังไงเสียร่างกายนี้ที่เขาได้มาก็มีแต่ความทรงจำน่าสังเวชเพียงเท่านั้น

ตั้งแต่ภัยพิบัติอสูรเข้าทำลายเมืองทะเลสาบตะวันออก หลินเซวียนคนเก่าก็รั้งอยู่ในเมืองทะเลสาบตะวันออกมาโดยตลอดและไม่มีความคิดที่ออกไปยังโลกภายนอกเลย

เนื่องจากการมีอยู่ของพวกอสูรที่เตร่ไปเตร่มาอยู่ในแดนรกร้างการคมนาคมทั้งหมดจึงถูกตัดขาดและข้อมูลเองก็หาได้ยากยิ่ง

หลินเซวียนสวมใส่ชุดคลุมสีดำเช่นคราวก่อน ใบหน้าของเขาถูกปกปิดเอาไว้โดยหน้ากากและไม่มีใครสามารถรับรู้ตัวตนของเขาได้แน่นอน

คนอื่นๆรับรู้จากลักษณะภายนอกของเขาเพียงว่าคนผู้นี้ไม่ใช่คนที่น่าข้องแวะด้วยเพียงเท่านั้น

หลินเซวียนเดินเข้าไปในเมืองหนาม

ยังไงก็ตามเขากลับสัมผัสได้ถึงสายตาไม่เป็นมิตรจำนวนมากรอบกายได้อย่างชัดเจน

หลินเซวียนเรียกใช้งานสกิลตรวจสอบเพื่อตรวจสอบคนของเมืองหนามทีละคนๆ หน้าต่างข้อมูลของคนพวกนี้เผยความลับทั้งหมดออกมาให้เขาเห็น ทุกๆสิ่งนั้นชัดเจนราวกับกระจกใส

ในตอนที่เขากำลังคิดอยู่ก็พบว่านักสู้ส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่นั้นมีเพียงขอบเขตที่0กับขอบเขตที่1เท่านั้น

กระทั่งนักสู้เลเวล9ขอบเขตที่1เองก็มีน้อยมาก

ยังไงก็ตามเมื่อเขาเห็นเงาร่างร่างหนึ่งที่บริเวณมุมถนนมันกลับทำให้อารมณ์ของเขาสั่นคลอน

เพราะคนผู้นี้คือลู่หลัว!

ร่างของลู่หลัวในตอนนี้ปกคลุมอยู่ภายใต้เสื้อคลุมสีน้ำตาลตัวโคร่ง ตัวเสื้อคลุมนั้นเต็มไปด้วยฝุ่นดินและใครก็ตามที่ไม่รู้ก็มักจะมองว่าเธอเป็นเพียงผู้อพยพทั่วไปเท่านั้น

“ลู่หลัวมาทำอะไรที่นี่? หรืออยากจะลองหาประสบการณ์แบบคนทั่วไปดูบ้าง?” หลินเซวียนสับสนยิ่งนัก

จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่าลู่หลัวกำลังมองมาที่เขาด้วยสกิลตรวจสอบของเจ้าหล่อน

ยังไงก็ตามค่าสถานะของหลินเซวียนที่แสดงให้เห็นนั้นล้วนถูกปลอมแปลงมาเป็นอย่างดี มันไม่ได้ทรงพลังหรืออ่อนแอจนเกินไปนัก

ในสายตาของลู่หลัวเขาเป็นเพียงนักสู้เลเวล1ขอบเขตที่3ที่มีค่าสถานะทั่วๆไปเท่านั้น

หลินเซวียนคิดไปคิดมาก็วางแผนว่าจะหาที่นั่งซักหน่อย

“เฮ้ยไอ้คนนอก ที่นี่คือเมืองหนามดังนั้นถ้าอยากจะอยู่ที่นี่นายก็ต้องจ่ายเงินมา!” นักสู้สามคนเดินมาทางเข้าด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร

หลินเซวียนถอนหายใจ อีเว้นท์ที่ต้องมีคนเข้ามาหาเรื่องแบบนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องปกติ หลินเซวียนถามออกไป “เท่าไหร่?”

นักสู้คนนั้นแลบลิ้นเลียริมฝีปากและมองไปว่าหลินเซวียนคือปลาใหญ่ตัวหนึ่ง “หนึ่งพัน..ไม่สิ...หนึ่งหมื่นเหรียญ!”

อีกฝ่ายเป็นเพียงนักสู้เลเวล3ขอบเขตที่1และมีเงินเก็บอยยู่เพียง900เหรียญเท่านั้น

ถ้าเขารีดเงินจากเจ้าแกะอ้วนนี่ได้ก็คงไม่เลว

หลินเซวียนพยักหน้า “เข้ามาใกล้ๆสิฉันจะได้เทรดให้”

นักสู้คนนั้นแสยะยิ้มและเดินเข้าหาเขาโดยไม่ระแวดระวังแม้แต่น้อย

พริบตาต่อมาบริเวณฝ่ามือของหลินเซวียนก็พลันมีอุณหภูมิร้อนจัดหลั่งไหลออกมาและเจาะทะลวงหน้าอกของนักสู้คนนั้นในชั่วพริบตา หน้าอกของอีกฝ่ายถูกเผาไหม้จนกลายเป็นรูกลวงโปร่งใส

ดวงตาของอีกฝ่ายเบิกกว้างและล้มลงแน่นิ่ง

นักสู้ที่อยู่รอบๆผงะถอยหลังด้วยความหวาดกลัว

อีกฝ่ายสามารถสังหารนักสู้เลเวล3ขอบเขตที่1ได้ในชั่วพริบตา

คนนอกผู้นี้มันเป็นสัตว์ประหลาดแบบไหนกันแน่?

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด