ตอนที่แล้วChapter 40 : ชนะจนชิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 42 : พวกนั้นคิดว่าฉันแข็งแกร่งมาก

Chapter 41 : ราตรีนั้นมืดมิดสายลมนั้นรุนแรง


เหวินเซี่ยงยิ้มและเอ่ยขึ้น “ทุกๆคนการสำรวจเสร็จสิ้นแล้ว ได้เวลากลับกันแล้วล่ะ”

เหล่านักสู้ทุกคนพยักหน้ารับ

ราชันย์แดนลับมากประสบการณ์การทั้งหมดถูกกำจัดลงแล้ว ประตูแสงของแดนลับก็สามารถเคลื่อนย้ายได้ซักที เป้าหมายของพวกเขาลุล่วงแล้ว

ทุกๆคนพากันตบเท้าออกจากแดนลับทุ่งราบเพลิงผลาญและพบว่าผู้จัดการหมายเลข2กับแบล็คนั้นกำลังตีกันอยู่

ผู้จัดการหมายเลข2กล่าว “ทำไมนายถึงชอบทำให้ฉันขายหน้านัก? ฉันไล่นายออก!”

แบล็ค “โอ้..อึกๆๆ...”

ผู้จัดการหมายเลข2ย้ำ “นายถูกไล่ออกแล้ว!”

แบล็ค “อ่าฮะ..อึกๆๆ...”

ผู้จัดการหมายเลข2หมดคำจะพูดในทันที

แบล็ค “เอิ๊ก...อะไรกัน? ไม่มีอะไรจะพูดต่อแล้วรึไง? ในฐานะของนายจ้างกล้าดียังไงถึงได้มาอารมณ์เสียใส่คนคุ้มกัน! ฉันจะลงโทษนาย!”

“ในเมื่อวันนี้นายอารมณ์เสียใส่ฉันถ้างั้นเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ไปเหรียญทั่วไปที่นายต้องมอบให้ฉันทุกอาทิตย์จะต้องเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า”

ผู้จัดการหมายเลข2 “...อย่ามาตลก ถ้าทำแบบนั้นฉันก็ไม่มีจะกินพอดี”

แบล็คเอ่ย “ถ้างั้นฉันก็จะไม่เป็นคนคุ้มกันให้นายแล้ว ไม่กี่วันก่อนหมายเลข3เองถึงขั้นเคยแอบคุยกับฉันโดยหวังว่าจะให้ฉันไปเป็นคนคุ้มกันให้กับเขาเชียวนะ”

ผู้จัดการหมายเลข2เอ่ยอย่างมั่นใจ “มิตรภาพระหว่างเรามันย่อมหนักแน่นดุจหินผาอยู่แล้ว”

พันธมิตรระหว่างพวกเขานั้นไร้ทางแตกแยก เช่นนี้แล้วมันจะถูกวัตถุพวกนั้นทำให้พังทลายได้ยังไง?

แบล็ค “อะไรนี่เพิ่งจะรู้วิธีใช้เหตุผลรึไง?”

ผู้จัดการหมายเลข2 “เออ...เอาตามที่นายว่าก็ได้”

แบล็คพยักหน้า “อึกๆๆ....มันก็ควรต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว นายจ้างจะมาบอกให้คนคุ้มกันทำนั่นทำนี่ได้ยังไง?”

คนอื่นๆ “...”

ผู้จัดการหมายเลข2กระแอมเบาๆและกลับมามีท่าทีสุขุมนุ่มลึกเหมือนเช่นเดิม

“พวกนายออกมากันแล้วรึ? เร็วกว่าที่ฉันคิดเอาไว้เยอะทีเดียว”

“เหวินเซี่ยงถ้าไม่มีอะไรผิดคาดน่าจะเป็นนายสินะที่พานักสู้คนอื่นๆเข้าไปสังหหารราชันย์แดนลับมากประสบการณ์น่ะ? กลับไปแล้วฉันจะตบรางวัลให้”

เหวินเซี่ยงยิ้มอย่างอับจน “ไม่ใช่ผมครับแต่เป็นโล่วิญญาณ เขาเป็นคนที่จัดการกับราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ทั้งหมดเพียงลำพัง” ดวงตาของผู้จัดการหมายเลข2เบิกกว้าง

“ล้อเล่นรึเปล่า?”

เหวินเซี่ยงเองก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน “ผมก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน”

เมื่อมองไปที่โล่วิญญาณที่มีทีท่าสงบนิ่ง ผู้จัดการหมายเลข2ก็พลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความพึงพอใจ

“ดี ดีมาก ดีมากๆ! โล่วิญญาณนายทำได้ดีมาก!”

“แบล็คปิดประตูแสงซะ พวกเราจะกลับไปที่ฐานกัน!”

ผู้จัดการหมายเลข2สะบัดมือด้วยท่าทีกระตือรือร้นยิ่ง

แบล็คเดินไปหยุดข้างๆประตูแสงและยกมันขึ้นมาอย่างสบายๆ ประตูแสงถูกเขายกเอาไว้ด้วยมือเดียวราวกับไม่มีอะไร

หลินเซวียนคิดหนักทันทีเมื่อเห็นภาพนี้

ใครๆก็สามารถเก็บประตูแสงได้งั้นหรอ? หรือมีเพียงขอบเขตที่7ขึ้นไปเท่านั้น

ถ้าไม่ใช่นักสู้ระดับแบล็คใครจะทำได้?

หนึ่งวันให้หลังข่าวอันน่าสะเทือนขวัญก็แผร่กระจายไปทั่วทั้งฐานขององค์กรเจอร์มินอล

ข่าวนั้นว่ากันว่าเหวินเซี่ยง โล่วิญญาณ ลู่หลัวและนักสู้ขอบเขตที่4อีกหลายคนตามผู้จัดการหมายเลข2ไปเพื่อสำรวจแดนลับแห่งใหม่อย่างทุ่งราบเพลิงผลาญ

ในการสำรวจครั้งนี้ราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ทั้ง9ตัวของทุ่งราบเพลิงผลายถูกโล่วิญญาณเพียงคนเดียวสังหารจนสิ้น! นี่คือสถิติระดับประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ขององค์กรเลยก็ว่าได้

โล่วิญญาณคนเดียวจัดการกับราชันย์แดนลับมากประสบการณ์9ตัวเพียงลำพัง!

ผู้อพยพและนักกู้ซากทุกคนต่างอยากจะเข้าหาโล่วิญญาณเพื่อเลียแข้งเลียขาเขา

หากแต่แม้จะตามหาทั่วทั้งเมืองทะเลสาบตะวันออกแล้วพวกเขาก็ไม่อาจหาตัวของโล่วิญญาณพบอยู่ดี

ราตรีนั้นมืดมิดและสายลมเองก็รุนแรง

หลินเซวียนบังเอิญไปพบเข้ากับซากบ้านธรรมดามากๆหลังหนึ่งภายในเมืองทะเลสาบตะวันออก

“ใช้สกิลร่างแยกทิ้งร่างแยกเอาไว้ที่นี่เพื่อดูว่ารอบๆเมืองทะเลสาบตะวันออกมันอันตรายขนาดไหนแล้วกัน”

เมื่อเขาได้สกิลร่างแยกมาก่อนหน้านี้มันมีระดับเพียงเกรดสีฟ้าเท่านั้น ตอนนั้นมันสามารถสร้างร่างแยกที่มีค่าสถานะเพียง20%จากร่างหลักและยังอยู่ได้แค่30นาทีเท่านั้น

หากแต่ตอนนี้หลังจากเขาอัพเกรดมันจนสุดสกิลร่างแยกนี้ก็เลื่อนเป็นเกรดสีทอง ตอนนี้เขาสามารถสร้างร่างแยกที่มีค่าสถานะเท่ากับร่างหลักได้เป็นเวลาถึง3ชั่วโมง

“ให้อุปกรณ์ของจอมเวทย์เอาไว้แล้วกันจะได้ใช้โอกาสนี้ลองทดสอบอุปกรณ์กับรูนที่พึ่งได้มาด้วย”

หลินเซวียนค่อนข้างคาดหวังกับมันเอาไว้สูงมาก

พิมพ์เขียวอุปกรณ์เกรดสีทองที่ได้มาจากลู่หลัวคือหนังสือเวทย์มนตร์ที่เหมาะกับจอมเวทย์

...

[ชื่อ : ตำราเพลิงผลาญ]

[ระดับ : เลเวล9ขอบเขต4]

[คุณภาพ : ไร้ที่ติสีทอง]

[ข้อจำกัดของอุปกรณ์ : พลังจิต 70]

[ความสามารถ : พลังจิต+5]

[ความสามารถที่2 : ความเร็วในการฟื้นฟูพลังเวทย์+15% , อัตราการใช้มานาเมื่อใช้เวทย์ไฟ-10% , ความเสียหายจากเวทย์ไฟ+60%]

แม้ว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้จะไม่ใช่ชุดเซ็ตแต่ความสามารถในฐานะของอุปกรณ์แยกชิ้นนั้นก็ยังทรงพลังอยู่ดี หลินเซวียนชอบมันยิ่งนัก

ไม่นานนักเงาร่างสีดำที่คลุมร่างด้วยชุดคลุมสีดำก็ออกเดินมุ่งหน้าตรงไปยังส่วนเหนือของเมืองทะเลสาบตะวันออกอย่างรวดเร็ว

หนึ่งกิโลเมตร สองกิโลเมตร สามกิโลเมตร...

ร่างแยกของหลินเซวียนแทบจะไม่เจออุปสรรคใดๆเลย อสูรทั้งหมดที่พบเจอระหว่างทางล้วนอ่อนแอยิ่งนักเป็นเพียงขอบเขตที่1 สองหรือสามเท่านั้น

เขาสามารถระเบิดพวกมันจนกลายเป็นฝุ่นได้ทันทีด้วยบอลเพลิงลูกเล็กๆ

สี่กิโลเมตร ห้ากิโลเมตร หกกิโลเมตร...

ระดับของอสูรที่ร่างแยกพบเจอค่อยๆสูงขึ้นเป็นขอบเขตที่2 สามและสี่

เวทย์มนตร์ที่ร่างแยกใช้เองก็เปลี่ยนจากบอลเพลิงลูกเล็กๆไปเป็นบอลเพลิงขนาดปกติและสกิลวงแหวนเพลิงในที่สุด

ยังไงก็ตามต้องขอบคุณสกิล ‘ราชันย์ปิศาจแห่งความโกรธ’ และรูน ‘ให้เพลิงชำระล้างทุกสิ่ง’ กับ ‘คลื่นสีชาด’ โดยแท้ที่ทำให้ความเสียหายจากเวทย์ไฟของเขาสูงจนน่าพรั่นพรึง กระทั่งอสูรบางตัวที่มีค่าต้านทานไฟสูงลิบก็ยังทานรับไม่ไหวและตายลงหลังจากถูกโจมตีเพียงสองครั้ง

หลินเซวียนโยนเวทย์ออกไปตลอดทาง ความเร็วในการฟื้นฟูมานาของเขารวดเร็วมากและอัตราการใช้มานาจากการใช้สกิลเองก็ค่อนข้างต่ำมากเช่นกัน

เขาสามารถใช้สกิลหนึ่งได้ในทุกๆไม่กี่วินาทีซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมยิ่งนัก

สถานที่ที่เขาผ่านไปทั้งหมดจะหลงเหลือเพียงซากร่างดำถ่าน

ในที่สุดเขาก็มาถึงเมืองเล็กๆที่กลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้วแห่งหนึ่ง

เมืองเล็กๆเมืองนี้ไม่มีประตูสู่แดนลับดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่จะไม่มีองค์กรใดมาตั้งรกรากที่นี่

เมื่อปราศจากองค์กรใดๆก็ย่อมไม่มีผู้อพยพมารวมตัวกัน

นี่คือแดนสวรรค์สำหรับอสูรโดยแท้

ร่างแยกของหลินเซวียนเดินไปบนถนนอย่างสบายๆ เหม่อมองไปยังร้านค้าที่ถูกทิ้งร้างบนถนนสองฝากฝั่งและถอนหายใจออกมา

“เมืองนี้น่าจะเป็นเมืองไป๋สุ่ยที่อยู่ถัดจากเมืองทะเลสาบตะวันออก มันเป็นแค่เมืองทั่วๆไปเท่านั้นแหละมีขนาดเล็กมาก”

หุ่นลองเสื้อด้านในหน้าต่างร้านขายเสื้อฟ้ายังคงสวมใส่ชุดแต่งงานสีดำเหมือนเช่นเคย

โฆษณามอสหนังวัวบนเสาร์ออกอากาศก็ยังคงไม่ล่วงลงมาแม้จะผ่านมาหลายปีแล้ว

หลินเซวียนอดขบคิดไม่ได้ว่าไอ้ป้ายโฆษณานี่มันใช้กาวอะไรกันนะ ทำไมถึงได้ติดแน่นทนนนานนัก?

นอกจากนี้เขายังเห็นร้านขายหนังสือที่วางขายหนังสือหมวดหมู่การสอบเข้ามหาวิทยาลัย หนังสือสอบเข้านี้มีอยู่ทุกประเภท กระทั่งถึงตอนนี้เขาก็ยังคงมองเห็นร่องรอยของความเจริญรุ่งเรืองในยุคสมัยหลายสิบปีก่อนได้ไม่ยาก

โฮก!

จู่ๆเสียงคำรามอันน่าตกตะลึงของอสูรก็พลันดังขึ้น

หลินเซวียนมองตามที่มาของเสียงและพบกับอสูรเสือหน้าตาดุร้ายที่มีลำตัวยาวกว่าหกเมตรตัวหนึ่งยืนอยู่ที่สุดปลายถนน

มันคืออสูรเลเวล6ขอบเขตที่5 - เสือตาห้อย

เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันมาจากแดนลับไหน

เสือดุร้ายตัวนี้จู่ๆก็พลันกระโจนเข้าใส่เขาพร้อมๆกับสายลมเหม็นคาวคละคลุ้งสายหนึ่งที่ตีเข้าที่ใบหน้าของหลินเซวียน

หลินเซวียนเหยียดมือออก ทันใดนั้นพลันปรากฏวงแหวนเพลิงขนาดมหึมาขึ้นมาขับไล่เสือตาห้อยจนต้องกระโดดหลบหนีห่างออกไป

ขนบนร่างของมันเกิดประกายไฟขึ้นในทันที

หลินเซวียนเหยียดมือออกอีกครั้ง เพียงพริบตาเดียวบอลเพลิงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราวหนึ่งเมตรก็พลันก่อร่างและพุ่งทะลวงผ่านร่างของเสือตาห้อยซึ่งยังคงลอยอยู่กลางอากาศในชั่วพริบตาทิ้งเอาไว้เพียงรูขนาดใหญ่บนหน้าท้องของมัน

เลือดและเนื้อสาดกระจาย

บอลเพลิงไม่ได้หมดสิ้นพลังเพียงเท่านั้นแต่ยังลอยไปกระแทกเข้ากับรถประจำทางผุพังที่อยู่ด้านหลังอีกด้วย นอกจากนี้มันยังระเบิดใส่ร้านหนังสือที่ขายหนังสือแนะนำการสอบเข้าจนทำให้กระจกภายในร้านแตกกระจายจนหมด หลังจากหนังสือจำนวนมากถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านบอลเพลิงจึงหายไปในที่สุด

หลินเซวียนหยิบอุปกรณ์เกรดสีขาวที่อีกฝ่ายดรอปเอาไว้ขึ้นมาจากร่างของเสือตาห้อยและโยนมันใส่โต๊ะหลอมอุปกรณ์ภายในมิติส่วนตัวอย่างลวกๆ

เมื่อเห็นพลังทำลายล้างอันน่าตกตะลึงนี้เขาก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

“กระทั่งบอลเพลิงยังสร้างความเสียหายได้ระดับนี้ ถ้าเราได้เวทย์ไฟที่แข็งแกร่งๆมาจะไม่ระเบิดตึกได้เลยหรอ?”

หลินเซวียนคิดจะโยนบอลเพลิงออกไปอีกเพื่อเติมเต็มความปรารถนาในการทำลายล้างของตัวเอง

หากแต่ในเวลานี้เองสกิล ‘ตรวจจับ’ ของเขาพลันเกิดปฏิกิริยา พริบตานั้นเขาพลันสัมผัสได้ถึงคนบางคนที่อยู่ห่างออกไปจากเขาราวหนึ่งร้อยเมตร

“มีคนอยู่ที่นี่ เอาเป็นว่าเก็บอุปกรณ์เข้ามิติส่วนตัวแล้วยกเลิกร่างแยกก่อนแล้วกัน” หลินเซวียนยกเลิกร่างแยกทันที

ร่างแยกของเขาพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับระเหยไปในอากาศ

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด