ตอนที่แล้วChapter 35 : แดนลับแห่งใหม่ปรากฏ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 37 : ผู้จัดการหมายเลข2ลงมือ

Chapter 36 : ต้านทานอสูรจากแดนลับ


ลู่หลัวยืนอยู่ข้างๆหลินเซวียน เจ้าหล่อนกระซิบเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ไม่มีใครรู้ว่าด้านในแดนลับที่เชื่อมต่อกับประตูแสงบานใหม่นั่นมีอะไรอยู่ พวกเราสามารถบอกได้แค่ว่ามันเป็นแดนลับขอบเขตที่4จากความสูงของประตูเท่านั้น หลังจากนี้ก็อย่าได้มุทะลุล่ะ ใครจะรู้ว่าอสูรที่กำลังจะกรูกันออกมานั่นเป็นประเภทไหน?”

หลินเซวียนพยักหน้ารับคำเล็กน้อย

ลู่หลัวเอ่ยต่อ “ถ้ามันเชื่อมต่อไปยังแดนลับที่ยังไม่ถูกค้นพบก็น่าสนใจอยู่เหมือนกัน พวกเราจะได้มีโอกาสได้หาไอเทมค่าสถานะอันนั้นจากแดนลับแห่งนี้ซึ่งถือได้ว่าหาได้ยากมาก”

เจ้าหล่อนทำทีชัดเจนว่าอยากให้หลินเซวียนเอ่ยถามว่าไอเทมค่าสถานะที่ว่าคืออะไร

หลินเซซียน “โอ้”

จากนั้นหลินเซวียนก็เงียบไป

ลู่หลัว “...นายไม่อยากรู้หรอว่ามันคืออะไร?”

หลินเซวียนตอบ “อยากรู้ไหมล่ะว่าทำไมผมถึงไม่ถามคุณ?”

ลู่หลัวตอบกลับด้วยความสงสัย “อยาก”

หลินเซวียนเอ่ย “ไม่อยากจะบอกว่าผมก็แค่อยากจะทำให้คุณหงุดหงิดก็เท่านั้น”

ลู่หลัว “...เอาล่ะๆ ฉันจอกบอกนายก็ได้ มันคือผลต้นกำเนิด! เป็นไอเทมที่สามารถใช้เพิ่มค่าสถานะแรกเริ่มได้!”

เมื่อฟังมาถึงตรงนี้หลินเซวียนถึงตกตะลึง

เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับผลต้นกำเนิดมาก่อนเลย

ยังไงก็ตามสิ่งนี้สามารถเพิ่มค่าสถานะแรกเริ่มได้งั้นหรอ? นั่นมันหายากจริงๆนั่นแหละ

ค่าสถานะพื้นฐานแรกเริ่มของมนุษย์ผู้ชายทั้งหมดจะมีอยู่ราว10แต้ม  เมื่อโลกเปลี่ยนเป็นเกมค่าสถานะของทุกคนจะแสดงอยู่บนหน้าต่างข้อมูล

ยังไงก็ตามใช่ว่าทุกคนตอนนั้นจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว

นอกจากมนุษย์ผู้ชายแล้วก็ยังมีเด็ก คนแก่และสตรีอยู่อีก

เมื่อเด็กเติบโคขึ้นค่าสถานะแรกเริ่มก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน หากแต่คนส่วนใหญ่นั้นค่าสถานะแรกเริ่มจะตายตัวและไม่เพิ่มขึ้นอีกต่อไป

นอกจากนี้ยังมีคนบางกลุ่มที่มีปัญหาด้านสุขภาพเช่นพวกพนักงานออฟฟิศที่นั่งทำงานตลอดวัน คนอ้วนที่ชอบดื่มของเย็นๆและไม่เคยออกกำลังกายเลยกับคนงานที่ทำงานในโรงงานเคมี แม้คนเหล่านี้จะเป็นผู้ใหญ่แต่ค่าสถานะแรกเริ่มบางคนนั้นบางทีอาจจะต่ำกว่าเด็กด้วยซ้ำ

เช่นนี้เองเพื่อเพิ่มค่าสถานะแรกเริ่มพวกเขาจึงจำเป็นต้องใช้ผลต้นกำเนิด

ค่าสถานะแรกเริ่มของหลินเซวียนคือ – ความอดทน 8 , พละกำลัง 7 , พลังจิต 8และความเร็ว3 รวมแล้ว26แต้ม เทียบกับค่าเฉลี่ย40แต้มของผู้ชายที่โตเต็มวัยแล้วถือได้ว่าต่างกันถึง14แต้ม เขาจำเป็นต้องใช้ผลต้นกำเนิด14ผลเพื่อกลบช่องว่างที่ขาดไปนี้

ปัง! ปัง! ปัง!

ในเวลานี้เองประตูแสงพลันเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง

แดนลับได้เชื่อมต่อกับโลกของพวกเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว มันก็ราวกับหน้าต่างที่กำลังจะเปิดออกนั่นแหละ

อสูรดุร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนที่ทั่วทั้งร่างอาบไปด้วยเปลวเพลิงคำรามลั่นและพุ่งทะยานออกมา!

หลินเซวียนตกอยู่ในห้วงความคิด ดูเหมือนแดนลับนี้จะมีโอกาสสูงมากที่จะเต็มไปด้วยอสูรที่สร้างความเสียหายธาตุไฟ

ผู้จัดการหมายเลข2คาม “โจมตี!”

สกิลหลากหลายชนิดถูกโยนออกไปจากด้านหลังที่กำบัง

เห็นได้ชัดเลยว่าสกิลที่เหมาะแก่การรับมือกับอสูรเหล่านี้มากที่สุดคือสกิลที่สร้างความเสียหายธาตุน้ำแข็ง สกิลที่ไร้ประโยชน์ที่สุดคือสกิลธาตุไฟ

ยังไงก็ตามใช่ว่าทุกคนจะได้เรียนสกิลมากมายเหมือนกับหลินเซวียนซะที่ไหน

นักสู้ส่วนใหญ่นั้นจะมุ่งเน้นไปที่สกิลเพียงไม่กี่สกิลและไม่กล้าจะเรียนรู้มากไปกว่านั้น

นี่ทำให้นักสู้หลายต่อหลายคนไม่มีสกิลที่สร้างความเสียหายธาตุน้ำแข็งเลยแม้แต่สกิลเดียว

สายธาตุพิษ ไฟและสายฟ้านั้นไร้ผลต่ออสูรเหล่านี้

องค์กรเจอร์มินัลเห็นได้ชัดเลยว่าเอาจริงเอาจังหากแต่ก็ไม่อาจสังหารอสูรจำนวนมากที่ปรากฏมาในละลอกแรกลงได้

โฮก!

อสูรที่มีขนาดใหญ่กว่าอสูรทุกตัวปรากฏตัวขึ้นและพุ่งผ่านระยะทางสั้นๆมาถึงชายขอบของกำบังในชั่วพริบตา

เจ้าตัวนี้คือสิงโตที่ทั่วร่างอาบไปด้วยเปลวเพลิง มันมีขนาดลำตัวยาวกว่าสี่เมตรและสูงถึงสองเมตร กงเล็บของมันฟาดตะปปใส่โม่หยวนที่อยู่หลบอยู่หลังกำบังอย่างรุนแรง

ดวงตาของโม่หยวนหรี่แคบลง เขาไม่คิดเลยว่าเจ้าสิงโตเพลิงตัวนี้จะรวดเร็วขนาดนี้ สกิลทั้งหมดของเขายังติดคูลดาวน์อยู่จึงไม่อาจตอบโต้ได้เลย

ลู่หลัวกระโดดออกมาและฟาดฟันไปที่ร่างของสิงโตเพลิงด้วยเคียวสีดำของเจ้าหล่อน

แกร๊ก!

กงเล็บของสิงโตเพลิงแตกกระจายพร้อมกับร่างของมันที่ล้มลงกรีดร้องบนพื้น เลือดที่มีอุณหภูมิสูงลิบของมันไหลอาบศีรษะและใบหน้าของโม่หยวนจนเปียกโชก

“ขอบคุณ! ขอบคุณมากพี่สาวลู่!” หลังจากผ่านไปซักพักโม่หยวนจึงได้สติและรีบละล่ำละลักเอ่ยขอบคุณลู่หลัว

ลู่หลัวไม่ได้ตอบกลับแต่เลือกที่จะวิ่งพล่านไปทั่วสนามรบเพื่อช่วยเหลือจุดอื่น

ทุกๆคนที่คมเคียวสีดำฟาดฟันลงนักสู้หนึ่งคนก็จะปลอดภัย รอดจากภัยอันตราย

แม้ว่าลู่หลัวจะพึ่งกลายเป็นนักสู้เลเวล1ขอบเขตที่4แต่ค่าสถานะของเจ้าหล่อนนั้นเหนือเกินกว่านักสู้ในเลเวลเดียวกันไปไกลลิบ ดังนั้นเจ้าหล่อนจึงเหนือกว่าอสูรพวกนี้แบบเทียบไม่ติด

การรุกรานของอสูรเพลิงจึงราวกับถูกการโจมตีตอบโต้อย่างรุนแรงของเจ้าหล่อนบีบให้ต้องล่าถอย

นักสู้จ้องมองลู่หลัวด้วยสายตาเคารพชื่นชม

ผู้จัดการหมายเลข2พยักหน้าอย่างพึงพอใจ

น่ายกย่องยิ่งนัก!

หลินเซวียนยังไม่ได้ลงมือ เขาไม่ได้มีความสามารถในการสร้างความเสียหายและการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเหมือนกับลู่หลัว

อย่างมากเขาก็ช่วยได้เพียงนักสู้ไม่กี่คนที่อยู่ใกล้ๆตัวเขาเท่านั้น

ยังไงก็ตามคนเหล่านี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขาและไม่เคยช่วยเขาด้วย

ดังนั้น...เขาจึงคิดว่าจะไม่ช่วย

ไม่นานนักอสูรเพลิงละลอกแรกก็ถูกสังหารจนหมดแต่พวกมันกลับแทบจะไม่ดรอปอะไรลงมาเลย

“ฟื้นฟูพลังงานซะ อสูรละลอกที่สองกำลังจะกรูกันออกมาแล้ว” ผู้จัดการหมายเลข2เอ่ยเสียงดัง

เหล่านักสู้ไม่กล้าล่าช้า พวกที่มียาก็รีบดื่มยาส่วนพวกที่ไม่มีก็รีบวิ่งหาแพทย์สนาม

พวกนักสู้ที่มีสกิลฟื้นฟูรู้สึกเหนื่อยล้ายิ่งนัก พวกเขามียาอยู่แค่นิดเดียวแต่กลับต้องเอามาแบ่งกับคนเจ็ดถึงแปดคน นี่มันเกินไปแล้ว

สิบนาทีให้หลังประตูแสงก็เกิดการผันผวนขึ้นอีกครั้ง

หนนี้เงาร่างดุดันยิ่งกว่าปรากฏกายออกมา เห็นได้ชัดเลยว่าครั้งนี้จะมีอสูรเพลิงจำนวนมากกว่าเดิมโผล่ออกมา

“จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเมื่อประตูแสงแห่งใหม่ปรากฏจะมีอสูรอย่างน้อยสามละลอกกรูกันออกมา ละลอกแรกจัดได้ว่าค่อนข้างอ่อนแอและมีเพียงอสูรที่เลเวลต่ำกว่า4ลงมา ละลอกที่2จะแข็งแกร่งขึ้นโดยจะมีเลเวลตั้งแต่4-6 ส่วนละลอกสุดท้ายจะแข็งแกร่งที่สุดโดยจะมีเลเวลตั้งแต่7-9”

“ฉันจะยังไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งในละลอกที่สองและปล่อยให้พวกนายรับมือกันเอง” ผู้จัดการหมายเลข2เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

ใจของเหล่านักสู้หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม

ในบรรดานักสู้ที่อยู่ที่นี่มีเพียงไม่ถึงสิบคนเท่านั้นที่มีเลเวลเหนือกว่าเลเวล7ขอบเขตที่4และมีเพียง20คนเท่านั้นที่เหนือกว่าเลเวล6ขอบเขตที่4 ส่วนที่เหลือนั้นล้วนมีเลเวลต่ำกว่าเลเวล4ขอบเขตที่4ทั้งสิ้น

ยังไงก็ตามพวกเขาต่างรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีนักสู้ขอบเขตที่5มาช่วย นักสู้ขอบเขตที่5นั้นเป็นขุมกำลังหลักขององค์กร เว้นแต่องค์กรจะเจอกับเรื่องร้ายแรงพวกเขาจะไม่ปรากฏตัวและมักจะรั้งอยู่ในแดนลับ

ความผันผวนของประตูแสงจู่ๆก็หยุดไป

จากนั้นอสูรเพลิงจำนวนมากก็หลั่งไหลออกมา

หนนี้เปลวเพลิงบนร่างของพวกมันนั้นทรงพลังยิ่งกว่าที่ผ่านมา กระทั่งอยู่ห่างขนาดนี้ก็ยังสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร้อนลวกจนรู้สึกยากจะทานทน

หลินเซวียนยังไม่ได้แสดงทีท่าอะไรมากมาย ชุดเซ็ตปราการยักษ์ของเขาได้รับการอัพเกรดจนเป็นเลเวล1ขอบเขตที่4แล้ว ด้วยค่าต้านทานไฟที่สูงลิบกับค่าความอดทนถึง200แต้ม เปลวเพลิงระดับแค่นี้ยังไม่คู่ควรที่จะกล่าวถึง

การต่อสู้เริ่มขึ้นอีกครั้ง

ยังไงก็ตามทันทีที่เข้าปะทะกันเหล่านักสู้ขององค์กรก็พลันสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาล

ในด้านการโจมตีพวกเขาพึ่งได้แค่พวกนักสู้ที่มีสกิลธาตุน้ำแข็งเท่านั้น

ส่วนในด้านการป้องกัน...

น่าขันนัก! ตัวแทงค์นั้นโจมตีไม่ได้ ใครมันจะยินดีลงแต้มค่าประสบการณ์กับสกิลที่เพิ่มค่าต้านทานกายภาพ ต้านทานเวทย์และต้านทานธาตุกันเล่า?

ไม่นานนักก็มีนักสู้ขอบเขตที่4คนแรกเสียชีวิตลง

เขาบังเอิญตกไปอยู่ภายในวงล้อมของไฮยีน่าเปลวเพลิงหลายตัวเข้า ลู่หลัวอยากจะยื่นมือเข้าช่วยแต่ก็ทำไม่ได้ ไม่กี่วินาทีให้หลังนักสู้คนนั้นก็ถูกไฮยีน่าเปลวเพลิงฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ

อวัยวะภายในของอีกฝ่ายนั้นกระทั่งว่ากระเด็นมาติดใบหน้าของนักสู้ที่อยู่รอบๆด้วย

“ตายซะ!”

ทันใดนั้นเองนักสู้ที่ดูโดดเด่นผู้หนึ่งก็กระโจนเข้ามา ด้านหลังของเขามีประกายสายฟ้าปรากฏ เพียงเสี้ยวพริบตาเดียวหมัดยักษ์ของเขาก็ทุบลงไปบนร่างของไฮยีเปลวเพลิงอย่างรุนแรง

ปัง!

ลำตัวของมันบิดงออย่างผิดรูปและร่างกายที่มีความยาวเกือบสองเมตรนั้นถูกส่งปลิวกระเด็นออกไปไกลกว่าห้าเมตร!

หลังจากตกลงบนพื้นมันก็ส่งเสียงกรีดร้องน่าสังเวชออกมาเบาๆและไม่อาจลุกขึ้นได้อีก เห็นได้ชัดเลยว่ากำลังจะตาย

หลินเซวียนประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อยและใช้งานสกิลตรวจสอบของเขาทันที

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด