ตอนที่แล้วChapter 25 : ความอดทน 129 แต้ม!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 27 : คำเชิญจากผู้จัดการหมายเลข2

Chapter 26 : หยางเว่ยลงมือ


ความสามารถของแหวนตราสัญลักษณ์มังกรคือเพิ่มความแข็งแกร่งของสกิลประเภทเวทย์มนตร์ สกิลเวทย์มนตร์นั้นแตกต่างจากสกิลธาตุ แหวนตราสัญลักษณ์มังกรนี้เพิ่มความแข็งแกร่ง20%ของสกิลเวทย์เพียงอย่างเดียว

ความสามารถของแกนผลเบอรี่พลาสม่าที่แห้งเหี่ยวคือเพิ่มพลังทำลายของสกิลสายฟ้าและลดการใช้มานาของสกิลสายฟ้าลง

ส่วนรูน ‘อัสนีสลายความมืด’ เองก็เป็นรูนสำหรับเพิ่มความแข็งแกร่งของสกิลธาตุสายฟ้าเช่นกัน

ของเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องกล่าวให้มากความ

หลินเซวียนครึ่งนึงก็ประหลาดในแต่อีกครึ่งนึงก็รู้สึกอับจนอยู่บ้าง ‘ไร้ประโยชน์ทั้งนั้นแต่ก็ยังดีที่อีกฝ่ายดรอปวัตถุดิบสำหรับเลือดขั้นมาครบ5ชิ้นพอดี!’

“ยังไงก็ตามรูนเกรดไร้ที่ติสีทองนี้เก็บเอาไว้ก่อนแล้วกัน บางทีในอนาคตเราอาจจะคิดเรื่องที่จะกลายเป็นผู้ใช้สายฟ้าขึ้นมาก็ได้”

“แต่ของที่อยากได้ที่สุดดันไม่ได้ ไม่ได้สิเราต้องเอามันมาให้ได้”

สิ่งที่หลินเซวียนต้องการมากที่สุดคือสกิล ‘เปลือกพฤกษาบรรพกาล’ ซึ่งดูจากชื่อสกิลแล้วเป็นสกิลสายป้องกันแน่นอน

ในฐานะของนักสู้ที่พึ่งจะตั้งไข่ การเพิ่มอัตราการรอดชีวิตนี่แหละสำคัญที่สุด

เขาจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับพลังป้องกันของตัวเองเป็นอันดับแรก!

“รอราชันย์แดนลับตัวต่อไปเกิดเลยแล้วกัน”

หลินเซวียนรออยู่หลายนาทีกว่าราชันย์แดนลับตัวที่สองจะปรากฏ ยังไงก็ตามหนนี้บอสที่โผล่ออกมากลับเป็นพฤกษาเปลือกเหมันต์

“ราชันย์พฤกษาเปลือกเหมันต์งั้นหรอ? ขอดูสกิลหน่อยซิ...เชี่ยไม่มีสกิลเปลือกพฤกษาบรรพกาลเหรอวะเนี่ย?”

หลินเซวียนส่ายหัวไปมา หลังจากสังหารราชันย์แดนลับตนนี้ลงแล้วเขาก็เฝ้าคอยต่อไป

พริบตาหลังจากนั้นราชันย์พฤกษากรีดร้องก็ปรากฏกาย

หลังจากใช้สกิลตรวจสอบตรวจดูข้อมูลของมันแล้วเขาก็พบว่าเจ้าตัวนี้มีสกิลเปลือกพฤกษาบรรพกาลอยู่ด้วย ยังไงก็ตามสกิลนี้กลับไม่ดรอปลงมาหลังจากที่เขาสังหารมันลงได้

“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าฉันจะไม่ได้มันมา!”

หลินเซวียนมุ่งมั่นที่จะเอาสกิลนี้มาให้ได้ นี่เป็นเพราะว่าถ้าเขาเอามันมาไม่ได้ตอนนี้ในอนาคตที่เลเวลและขอบเขตเขาสูงกว่านี้ก็ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้

แม้ว่าร่างอวตารฝึกฝนของเขาจะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่อาจท้าทายราชันย์แดนลับได้อยู่ดี

ยังไงซะด้วยนักกู้ซากจำนวนมากที่จับตามองอยู่ เขาคงไม่อาจส่งร่างอวตารเข้าไปในถ้ำของราชันย์แดนลับได้แน่ๆ ถ้าทำเช่นนั้นร่างอวตารของเขาคงได้ถูกจับและนำไปผ่าเป็นชิ้นๆเพื่อวิจัยแน่นอน

หลินเซวียนรอคอยต่อไป “ฉันจะฟาร์มต่อไปเรื่อยๆ ยังไงก็ไม่เหนื่อยมากอยู่แล้ว”

ด้านนอกถ้ำ หยางเว่ยที่นั่งรอมาเกินชั่วโมงแล้วเริ่มมีสีหน้าไม่สู้ดี

บอสในถ้ำนั้นถูกเปลี่ยนไปแล้วหลายครั้ง

ตั้งแต่ราชันย์พฤกษาพลาสม่าไปจนถึงราชันย์พฤกษาเปลือกเหมันต์จากตอนนี้ก็มาเป็นราชันย์พฤกษากรีดร้อง!

แล้วทำไมเจ้าโล่วิญญาณถึงยังไม่โผล่หัวออกมาซักที?!

ในฐานะที่รอคอยนั้นอารมณ์ในใจของหยางเว่ยก็สวิงไปสวิงมา

โล่วิญญาณผู้นี้สมคำล่ำรือ

คนผู้นี้ทรงพลังมาก

ที่นี่คือแดนลับขอบเขตที่2แท้ๆแต่โล่วิญญาณกลับสามารถสังหารราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ลงได้ก่อนจะสังหารเพิ่มอีกสองตัว ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสังหารพวกมันเพียงลำพังอีกด้วย

ตอนนี้ก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่มีทีท่าว่าจะพักเลยซักนิด เขาคงรออยู่ในถ้ำนั่นพื่อให้ราชันย์แดนลับตัวต่อไปเกิดใหม่

ถ้าคนที่นี่พลังรบเช่นนี้เข้าสู่องค์กรจริงๆและกลายเป็นนักสู้ขององค์กรก็คงจัดได้ว่าเป็นระดับหัวกระทิชั้นยอด

หยางเว่ยยังคงรอต่อไป

หลินเซวียนเองก็ยังคงฟาร์มราชันย์แดนลับต่อไป

สุดท้ายเขาก็ได้หนังสือสกิลเปลือกพฤกษาบรรพกาลมาครอบครอง

“วัตถุดิบเองก็มีพอแล้ว ทำไมไม่เลื่อนขั้นไปขอบเขตที่3มันซะตรงนี้เลยล่ะ?” หลินเซวียนหัวเราะ

ตราบใดที่เขาปักโล่ทั้งสองลงไปในพื้นดินต่อให้อีกฝ่ายเป็นราชันย์แดนลับก็ไม่อาจทะลวงการป้องกันของเขาได้อยู่ดี

“เลื่อนขั้น!”

หลินเซวียนแตะไปที่สัญลักษณ์ลูกศรบนหน้าต่างข้อมูลของตัวเอง

วัตถุดิบเลื่อนขั้นจากราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ทั้ง5ชิ้นแปรเปลี่ยนเป็นละอองแสงและพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขา

เช่นเดียวกับครั้งก่อน วัตถุดิบเลื่อนขั้นของราชันย์แดนลับมากประสบการณ์นั้นเพิ่มค่าสถานะของเขาทั้งหมด+3แต้ม โดยรวมแล้วเท่ากับว่าค่าสถานะทั้งหมดของเขาเพิ่มขึ้นมาอย่างละ15แต้ม

เพียงไม่กี่นาทีหลินเซวียนก็เลื่อนขั้นจากนักสู้เลเวล9ขอบเขตที่2มาเป็นขอบเขตที่3แล้ว

สถานะของเขาในตอนนี้คือ : ความอดทน 144 , พละกำลัง 62 , พลังจิต 63 , ความเร็ว 58

“ความรู้สึกเวลาแข็งแกร่งขึ้นนี่รู้สึกดีมากจริงๆ ได้เวลากลับไปพักผ่อนแล้วมั้งเนี่ย” หลินเซวียนหันกายเดินออกจากถ้ำ

ในเวลาเดียวกันนี้ที่ด้านนอกถ้ำ หยางเว่ยยังคงรออยู่ตลอด ก้นของเขาชาด้านจนไม่รู้สึกอะไรแล้วและเขาก็ทนไม่ไหวต้องยืนขึ้นมานวดก้นหลายต่อหลายครั้ง

ในเวลานี้เองหลินเซวียนก็เดินออกมาพอดี เขายิ้มให้กับหยางเว่ยที่กำลังลูบก้นของตัวเองอยู่

แววตาของพวกเขาดูกระอักกระอ่วนไม่น้อย

หากแต่ผู้ดูแลก็คือผู้ดูแล หยางเว่ยข่มความอับอายนี้ลงและเอ่ยออกมา “โล่วิญญาณ! ฉันมาที่นี่วันนี้เพื่อยื่นคำขาด นายต้องเลือกแล้วว่าจะเข้าร่วมกับองค์กรเจอร์มินัลหรือจะออกจากเมืองทะเลสาบตะวันออก!”

นักกู้ซากที่อยู่รอบๆซึ่งกำลังเข้าคิวอยู่หน้าถ้ำเองก็พากันหยุดต่อคิวและเหยียดหัวมองมาทางนี้กันอย่างบ้าคลั่ง

นักกู้ซากบางคนก็เคารพโล่วิญญาณ บางคนก็รักปักใจอยู่กับองค์กรแบบถอนตัวไม่ขึ้นและบางคนก็แค่อยากดูเรื่องสนุกๆเท่านั้น

เมื่อเห็นเช่นนี้นักกู้ซากจากเขตCก็รีบวิ่งไปบอกลู่หลัวในทันที

ลู่หลัวที่กำลังเสาะหาไอเทมเพิ่มค่าสถานะในทะเลราชันย์พฤกษาอยู่รีบรุดหน้ามาที่นี่ทันทีที่ได้ข่าว

ยังไงก็ตามหลังจากได้ยินคำกล่าวของหยางเว่ยหลินเซวียนกลับอดหัวเราะออกมาไม่ได้

ต่อให้ผู้จัดการหมายเลข3ที่สูงส่งผู้นั้นจะรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าเขายังไงอีกฝ่ายก็ไม่มีทางลงมือด้วยตัวเองแน่นอน หยางเว่ยผู้นี้คงจะวางแผนใช้โอกาสนี้เพื่อเลียแข้งเลียขาผู้จัดการหมายเลข3เป็นแน่

ยังไงก็ตาม...ตัวเขาก็ยังไม่ดีพอจะทำงานนี้อยู่ดี

หลินเซวียนใช้สกิลตรวจสอบและรับรู้ค่าสถานะของหยางเว่ยในทันที

เขาเป็นนักสู้ขอบเขตที่4ที่มีค่าความอดทน 35 , พละกำลัง 25 , พลังจิต 79และความเร็ว25

อุปกรณ์สวมใส่เองก็ไม่ได้น่าประทับใจอะไรนัก บนตัวเขามีไอเทมเกรดล้ำค่าสีม่วงอยู่เพียงสองชิ้นเท่านั้นส่วนที่เหลือเป็นเกรดหายากสีฟ้า

ส่วนสกิลนั้นแย่ยิ่งกว่า เขามีสกิลเกรดสีม่วงเพียงหนึ่งสกิลและที่เหลือเป็นเกรดสีฟ้าทั้งหมด

หลินเซวียนแอบปรายตามองไปที่รูนบนอุปกรณ์สวมใส่ของอีกฝ่าย ‘เชี่ยไม่มีรูนเกรดสีม่วงเลยซักชิ้น เป็นสีฟ้าล้วนๆ’

ยิ่งไปกว่านั้นทั้งหมดอุปกณณ์ สกิลและรูนต่างก็ยังไม่เลเวลอัพเลยซักชิ้น ชิ้นที่มีระดับสูงที่สุดมีระดับเพลงเลเวล7ขอบเขตที่3เท่านั้นยังไม่เลื่อนขั้นเป็นขอบเขตที่4แต่อย่างใด

เมื่อมองไปที่ค่าสถานะของตัวเองเทียบกับอีกฝ่ายแล้วหลินเซวียนก็รู้สึกพึงพอใจยิ่งนัก

ตัวเขาเห็นๆกันอยู่ว่าเป็นเพียงเลเวล1ขอบเขตที่3แต่กลับเทียบได้เลยกับหยางเว่ยที่เป็นนักสู้เลเวล1ขอบเขตที่4

ต่อให้เขายังไม่เลื่อนขั้นความแตกต่างระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้มากมายอะไรอยู่ดี

ในเวลานี้เองลู่หลัวก็ได้มาถึงแล้วและมองเห็นเงาร่างของทั้งหยางเว่ยและโล่วิญญาณ

เจ้าหล่อนสาวเท้าเข้าไปหาทั้งสองคนด้วยสีหน้าเย็นชา

ยังไงก็ตามเจ้าหล่อนก้าวเท้าไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็พลันสังเกตเห็นนักสู้ชุดดำนั่งอยู่บนม้านั่งหินและดื่มเบียร์สิงฆ์ดาวอย่างสบายอารมณ์

“ทำไมคุณไม่หยุดพวกเขาล่ะ?” ลู่หลัวถามเสียงเบา

นักสู้ชุดดำหัวเราะ “โล่วิญญาณผู้นี้แข็งแกร่งกว่าที่เธอคิดเยอะ เธอต้องเชื่อมั่นในตัวเขาสิ”

“ยิ่งไปกว่านั้นจริงๆแล้วฉันหวังว่าหยางเว่ยจะกดโล่วิญญาณเอาไว้ได้ด้วยซ้ำ ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะได้มีโอกาสยื่นมือเข้าไปช่วย เช่นนี้อีกฝ่ายจะได้ติดหนี้น้ำใจ”

ลู่หลัว “....”

“พวกนั้นเริ่มกันแล้ว” นักสู้ชุดดำยื่นเบียร์สามชนิดให้กับลู่หลัว “เลือกอันที่ชอบไปสิ”

ลู่หลัวรับขวดเบียร์เสวี่ยฮวามาและจิบไปหลายอึกก่อนจะเบนความสนใจไปที่การต่อสู้

“บอลเพลิงยักษ์!”

“กรดกัดกร่อน!”

“แส้สายฟ้าห้าครั้งต่อเนื่อง!”

“แท่งน้ำแข็ง!”

เสียงของหยางเว่ยดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สกิลทุกประเภทที่เขามีถูกกระหน่ำเข้าใส่โล่วิญญาณ

เปลวเพลิงสีแดง สายฟ้าสีฟ้า พิษสีเขียว น้ำแข็งสีขาว...

ต้องกล่าวว่าสกิลธาตุของหยางเว่ยนั้นมีหลากหลายยิ่งนัก

ยังไงก็ตามหลังจากใช้สกิลไปชุดใหญ่ พลังเวทย์ของหยางเว่ยก็ลดลงไปเกือบหนึ่งในสามแต่โล่วิญญาณกลับยังคงยืนหน้านิ่ง

โล่นักล่ามังกรและค้อนโล่ราชันย์มังกรดินของเขายังคงทนทายาดประดุจดั่งปราการเช่นเดิม ชุดเกราะสีดำบนร่างของเขาเองก็ดูเหมือนจะดูดซับทุกการโจมตีเอาไว้

“หืม? กำลังรอคูลดาวน์สกิลอยู่รึไง? อยากให้ฉันรอไหม?” น้ำเสียงแหบแห้งของโล่วิญญาณดังออกมาจากใต้ชุดเกราะ

หยางเว่ยที่ได้ยินพลันโกรธเกรี้ยวจนใบหน้าแดงก่ำลามไปจนถึงลำคอ

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด