ตอนที่แล้วบทที่ 13: หมาป่าเดี่ยวดาย (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 15: หมาป่าเดียวดาย (3)

บทที่ 14 : หมาป่าเดี่ยวดาย (2)


บทที่ 14 : หมาป่าเดี่ยวดาย (2)

คฤหาสน์แบล็ควูดมีชีวิตชีวาหลังจากเงียบงันมาสักพัก

หลังจากถูกครอบงำด้วยความโศกเศร้ามาเป็นเวลานาน สายลมแห่งความหวังก็พัดเข้ามาอีกครั้ง

มันเป็นสายลมแห่งความหวังที่พัดมาโดยกลุ่มทหารรับจ้างมนุษย์ที่ชื่อเปลวเพลิงสีชาต

เสียงน้ำตาของพวกผู้หญิงหยุดลง และเสียงการฝึกฝนของพวกผู้ชายก็ฟื้นปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง

คนที่สิ้นหวังไปก็ลุกขึ้นยืนได้ทีละคน

พวกเขาคาดหวังถึงอนาคตที่พวกเขาคิดว่าไม่มีวันมาถึง

ยกเว้นคนคนหนึ่ง

“ฮึก…ฮืออ…”

ทุกๆ วัน เนอร์ แบล็ควูดจะถูกขังอยู่ในห้องของเธอและเอาแต่ร้องไห้ตลอดเวลา

เธอคือคนหนึ่งที่ต้องเสียสละเพื่อให้ปาฏิหาริย์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น

เมื่อไม่มีเงินหรืออาหาร สิ่งเดียวที่แบล็ควูดจ่ายได้คือชีวิต และมันก็เป็นชีวิตของเธอเอง

เนอร์รู้สึกถึงความอยุติธรรม

เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเธอจึงต้องทำแบบนี้

อย่างไรก็ตาม ความคิดที่เห็นแก่ตัวเช่นนี้ไม่สามารถออกมาจากปากของเธอได้ ดังนั้นเธอจึงได้แต่ต้องยอมรับคำขอไร้สาระทั้งหมดนี้เพียงลำพัง

เธอเชื่อในคำทำนายของคุณยายอย่างหนักแน่น

เธอคิดว่าสักวันหนึ่งความหวังจะมาถึง

แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่าความฝันของเธอจะพังทลายเช่นนี้

ชะตากรรมของเธอไม่เกิดขึ้นแบบที่คุณยายบอก แต่มีทหารรับจ้างเข้ามารับตัวเธอไปแทน

การที่จะต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับคนที่เธอไม่ได้รัก...

นั่นคือสิ่งที่ยิ่งกว่าความตาย

มันเป็นสิ่งที่เธอเกลียดมากกว่าความทรมานจากพี่น้องของเธอมาตลอด

ในฐานะสมาชิกเผ่ามนุษย์หมาป่า เธอต้องการพบกับคู่รักแห่งโชคชะตาที่รอคอยมานาน และแบ่งปันความรักอันลึกซึ้งและชั่วนิรันดร์ให้เขา

เธออยากจะสัมผัสถึงความรักชั่วนิรันดร์จนจะตายไป โดยไม่แยกจากัน

แต่สิ่งที่รอคอยเธออยู่ก็คืออนาคตที่เกี่ยวพันกับมนุษย์

เนอร์คุ้นเคยกับข่าวลือมากมายถึงเรื่องของเผ่าพันธุ์มนุษย์

พวกเขาอ่อนแอและโหดร้าย

ป่าเถื่อนและไร้เกียรติ

โดยสัญชาตญาณ พวกเขารู้วิธีเจาะลึกจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ และไม่กลัวที่เลยจะกลายเป็นคนโสโครกและสกปรก

นอกจากนี้ พวกเขายังลามกอีกด้วย เนอร์เคยได้ยินมาว่ามนุษย์ผู้ชายมักจะคิดแต่เรื่องลามกอยู่เสมอ

เพื่อบรรเทาความต้องการทางเพศที่มากมายของพวกผู้ชายนั้น... ยังมีเรื่องที่เรียกว่า 'การมีสามีภรรยาหลายคน' ด้วย

มันเป็นเรื่องที่เผ่าพันธุ์มนุษย์เท่านั้นที่จะเพลิดเพลินไปกับมันได้

ผู้ชายคนหนึ่งเป็นผู้นำของผู้หญิงหลายคน

เนอร์ไม่เข้าใจวัฒนธรรมนั้น

มันสกปรกและไม่บริสุทธิ์สำหรับเธอมาก

ประเพณีนี้เช่นนั้นคงจะไม่เกิดขึ้น หากเราไม่มองคู่ครองเป็นเพียงเครื่องประดับตกแต่ง

พวกมนุษย์มีข้อแก้ตัวว่าพวกเขาสามารถรักคนหลายคนได้ในคราวเดียว แต่เนอร์กลับคิดว่ามันเป็นเพียงข้อแก้ตัวขี้ขลาด

และตอนนี้ เธอก็เหมือนว่ากำลังถูกขายให้กับมนุษย์เช่นนี้

มันน่าอับอายอย่างไม่น่าเชื่อ

ท่ามกลางชนเผ่ามากมายขนาดนี้ เหตุใดจึงต้องเป็นมนุษย์?

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นทหารรับจ้าง

ทหารรับจ้างที่หาเงินได้ด้วยการใช้ดาบฆ่าเป้าหมาย

ทหารรับจ้างไม่มีสิ่งใดให้ปิดซ่อน พวกเขาชอบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเซ็กส์

ว่ากันว่าแม้แต่สมาชิกเผ่ามนุษย์หมาป่าก็ยังหลงระเริงในกิจกรรมเช่นนี้เมื่อพวกเขากลายเป็นทหารรับจ้าง

แน่นอนว่าไม่มีทางเลยที่มนุษย์จะทำแค่เพียงเผ่าพันธุ์เดียว

และตอนนี้ เธอกลับจะต้องใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในฐานะคู่ชีวิตของเธอ

บางทีเธออาจถูกใช้เป็นของเล่นทางเพศ

แน่นอนว่าในตอนแรก เธอคงเกลียดใครก็ตามถ้าไม่ใช่คู่ในพรหมลิขิคของเธอ…แต่การผสมผสานระหว่างมนุษย์และทหารรับจ้าง มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจมากขึ้น

คำพูดของคุณยายของเนอร์เรื่องคู่ครองของเธอยังคงดังก้องอยู่ในหูของเธอ

'เนอร์ต้องไม่ปล่อยเด็กคนนั้นไปนะ'

พอคิดเช่นนั้นไป น้ำตาของเธอก็ไม่หยุดไหล

“คุณยาย…หนูควรทำยังไงต่อไปดี?”

เธอไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าสุดท้ายแล้ว เธอจะต้องถูกพรากจากพรหมลิขิตของเธอเช่นนี้

เนอร์อยากจะหนีไปให้ไกลที่สุดถ้าทำได้

แต่ด้วยหางที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นของเธอ มันจึงยากกว่าที่จะหลบหนีโดยไม่มีใครสังเกตเห็น มันยากพอกับการเก็บดาวจากท้องฟ้า

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ทันใดนั้นก็มีคนมาเคาะประตู

เนอร์รีบเช็ดน้ำตาและสงบสติอารมณ์

ก่อนที่เธอจะอนุญาต ประตูก็เปิดออกเสียก่อน

"เนอร์"

"…พี่ชาย"

เนอร์จับผ้าห่มไว้แน่นเมื่อมีคนที่ไม่พึงประสงค์ปรากฏตัวขึ้น

เธอปิดหน้าและแสร้งทำเป็นไม่ร้องไห้

กิดอน แบล็ควูด พี่ชายคนโตของเธอที่มีรูปร่างใหญ่โตเดินเข้ามา

“ฮึ่ม เจ้าบ่าวของเธอมาแล้ว และเธอก็เอาแต่หลบอยู่ในห้อง นี่มันเป็นการไม่เคารพแขกเลยนะรู้ไหม? เธอรู้ไหมว่าเรื่องทั้งหมดมันอาจแย่ลงไปเพราะเธอแค่คนเดียว”

แทนที่จะตอบอะไร เนอร์ก็หมอบลงทันที

กิดอนมองดูเนอร์อย่างเงียบๆ แล้วพูดต่อไป

“เหอะ เธอยังเอาแต่ร้องไห้อยู่อีกเหรอ?”

เสียงถอนหายใจดังขึ้นหลังคำพูดดูถูกได้ออกมาจากปาก

“…หากเธอคำนึงถึงผู้คนในดินแดนเพียงสักนิด เธอก็ควรยอมรับมันด้วยความยินดี แม้จะต้องเสียน้ำตาเพียงนิดหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรเลย…”

เนอร์กัดริมฝีปากล่างของเธอ

มีหลายสิ่งที่เธออยากจะพูด

แต่เธอไม่สามารถพูดได้ เพราะเธอไม่มีสิทธิ์แต่แรกแล้ว

กิดอนได้สร้างสายสัมพันธ์แห่งจิตวิญญาณกับคู่ชีวิตที่เขากำหนดไว้

แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเนอร์รู้สึกยังไง แต่ที่เขาเข้ามาแบบนี้ก็เพื่อยั่วยุเธอ

โดยปกติแล้ว เนอร์จะไม่แสดงความไม่พอใจออกมา

เธอกลัวกิดอนมาโดยตลอด

แต่ตอนนี้เธอไม่มีอะไรจะเสียแล้ว

ถูกขายให้กับทหารรับจ้างที่เป็นมนุษย์ อะไรมันจะน่ากลัวไปกว่านี้อีก?

เนอร์รวบรวมความมุ่งมั่นของเธอ และระงับความโกรธในใจ

"…กรุณาออกไปด้วยค่ะ"

ถึงกระนั้น สิ่งที่เธอก็สามารถพูดออกมาดังๆ ได้ ก็คือการขอเวลาตามลำพังสักพักหนึ่ง

ความกลัวกิดอนที่ฝังอยู่บนในใจของเธอทำให้เธอไม่สามารถพูดอะไรได้อีกต่อไป

"อืม"

กิดอนเงียบอยู่นานแล้วหันหลังกลับ

โดยปกติแล้วการกระทำดังกล่าวจะต้องได้รับผลลัพธ์มหาศาล

แต่เขารู้ดีว่าการเสียสละของเธอคุ้มค่า

ผลก็คือเธอสามารถผลักไสกิดอนออกไปก่อนที่บทสนทนาจะเริ่มต้นขึ้นได้

ก็นะ มันคงไม่มีทางอยู่แล้วที่จะให้เจ้าสาวเข้าร่วมพิธีแต่งงานโดยมีรอยฟกช้ำได้

“ฉันจะให้เวลาเธอแค่วันเดียว เราหาข้ออ้างได้ว่าเธอป่วยในวันนี้ แต่เธอจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมภายในวันพรุ่งนี้”

เนอร์ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวในห้องอีกครั้ง

เธอจับผ้าห่มไว้แน่นเพื่อแสดงความโกรธออกมา

ไม่มีใครเป็นมิตรกับเธอเลย

มีเพียงศัตรูเท่านั้นที่หลั่งไหลเข้ามา

ถึงตอนนี้กลับยังไม่มีแม้แต่ครอบครัวของเธอคนใดคอยปลอบโยนเธอ แม้เธอจะกลายเป็นวีรสตรีผู้เสียสละแก่ดินแดนนี้โดยใช้ตัวเขาแลกก็ตาม

หากเธอได้รับความรักเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยในขณะที่โตขึ้น เธอคงจะพานพบกับชะตากรรมที่แตกต่างออกไปกว่านี้หรือเปล่านะ?

แม้ว่าพี่สาวของเธอจะไม่ได้แต่งงาน แต่มันก็ต้องมีเหตุผลสิว่าทำไมพวกเธอถึงไม่ต้องเสียสละ

เนอร์เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ดวงจันทร์ยังไม่ขึ้นและอธิษฐาน

“ได้โปรดเถอะนะคะ…ฉันไม่มีเวลาแล้ว”

เธอปรารถนาที่จะมีคนปรากฏตัวจากท้องฟ้าและช่วยเหลือเธอ

มันอาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไรที่จะหนีไปกับเขา

แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม มันคงยังดีกว่าถูกขายให้กับทหารรับจ้างที่เป็นมนุษย์

“ได้โปรดปรากฏตัวมาสักทีเถอะนะคะ…”

เนอร์สวดมนต์ภาวนาพร้อมมองดูท้องฟ้าที่สดใสและแจ่มใส

****

หลังจากที่การประชุมแบบเป็นกันเองของพี่อดัมและกิดอนสิ้นสุดลง ฉันก็ออกไปเดินเล่นรอบๆ กับพี่อดัมในที่ดินของแบล็ควูด

พวกเราไม่มีใครยกหัวข้อที่ไม่สบายใจขึ้นมา

อาจเป็นเพราะพวกเราคาดเดาไว้ก่อนแล้ว

เนอร์ แบล็ควูดไม่ปรากฏตัว แสดงว่ามันมีเหตุผลหนึ่งที่ชัดเจน

เธอไม่ต้องการการแต่งงาน

ฉันพยายามจะเข้าใจเธอ

ว่ากันว่ามนุษย์หมาป่ารักคนเพียงคนเดียวในช่วงชีวิตของพวกเขา พวกเขาเป็นเผ่าที่จริงใจในเรื่องความรัก

การแต่งงานเพื่อผลประโยนช์ที่กะทันหันเช่นนี้อาจทำให้เธอสับสนอย่างไม่ต้องสงสัย

นอกจากนี้ มันอาจถูกมองว่าเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับขุนนางที่จะแต่งงานกับทหารรับจ้าง

แน่นอนว่าการแสดงความไม่พอใจนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ฉันกับพี่อดัมจึงคุยกันเรื่องอื่นก่อน

“ฉันส่งหน่วยลาดตระเวนไปแล้ว เราคงจะจะระบุตำแหน่งของผู้นำพวกมันได้ภายในวันพรุ่งนี้”

“อย่าลืมตรวจสอบป่าตะวันออกอย่างละเอียดด้วย อาจมีผู้นำอีกสองสามตัวซ่อนอยู่”

"ผมรู้แล้ว อีกเรื่องหนึ่ง เราตัดสินใจที่จะจัดการเรื่องอาหารกันเองหรือเปล่า?”

"ใช่"

ตลอดการสนทนา พี่อดัมไม่สามารถซ่อนความรู้สึกไม่สบายเล็กน้อยของเขาเอาไว้ได้เลย

หลังจากการพบกับกิดอน เขาก็ไม่เคยสวมรอยยิ้มที่โง่เขลาและมุ่งร้ายแบบนั้นอีกเลย

มันทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจจนต้องถามออกมา

"…เกิดอะไรขึ้นกันแน่?"

"อะไรงั้นเหรอ?"

“หน้าพี่มันเหมือนมีข้อความเขียนอยู่เต็มหน้าว่ามีบางอย่างกวนใจ เกิดอะไรขึ้น?”

“…”

พี่อดัมหยุดเดิน

เขาหันมาหาฉันพร้อมกับถอนหายใจยาว

พี่อดัมมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าจริงจังและพูดขึ้น

“…เบิร์ก ถ้านายไม่ชอบมันตอนนี้ นายสามารถยกเลิกได้นะ”

"อะไร?"

“ฉันพยายามหาคู่ที่ดีให้นาย แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้”

ฉันปัดมือของพี่อดัมที่วางอยู่บนไหล่ของฉันออกเบาๆ แล้วพูด

"ทุกอย่างปกติดี ผมไม่ได้ตัดสินใจแต่งงานเพราะเรื่องนั้นตั้งแต่แรกสักหน่อย”

“…”

เมื่อเห็นพี่อดัมยังคงไม่สามารถคลายความกังวลได้ ฉันจึงขึ้นเสียง

"เพราะยังไงมันก็เพื่อเห็นแก่กลุ่มเปลวเพลิงสีชาดของเรา”

ความกังวลของเขาทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจ

“ฉันร้องขอให้นายทำตามโดยไม่สนใจนาย ฉันขอโทษด้วยที่เรื่องกลายเป็นแบบนี้”

“ถ้าพี่รู็ว่าจะเสียใจแบบนี้ พี่ก็ไม่ควรเสนอมันขึ้นมาตั้งแต่แรก มันไม่โง่ไปหน่อยเหรอที่คิดว่าอีกฝ่ายจะชอบผม”

“…ฉันคิดว่าอย่างน้อยพวกเขาก็คงจะแสดงความจริงใจมากกว่านี้สักหน่อย แต่เราสองคนก็เห็นแล้วว่า…ถ้าอีกฝ่ายคิดจะ….”

“ไม่เป็นไรๆ พอเถอะครับ”

ไม่ว่าฉันจะพูดมากแค่ไหน พี่ก็ไม่ยอมยิ้มออกมาเลย ดังนั้นฉันจึงอธิบายเพิ่ม

“บางทีวิธีนี้อาจจะดีกว่าแล้วก็ได้”

"หมายความว่ายังไง?"

“หมายความว่าผมจริงจังกับการแต่งงานครั้งนี้ เพราะงั้นหยุดทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว การตัดสินใจได้เกิดขึ้นแล้ว และจะไม่มีทางหันหลังกลับ ผมถึงขั้นซื้อแหวนไปแล้วด้วยซ้ำ”

“….”

“เพียงเพราะมันเริ่มต้นในลักษณะนี้ แต่ไม่ได้แปลว่ามันจะเป็นเช่นนี้ไปจนจบเสียหน่อย ยังไงเราก็คงสามารถปรับตัวกันไปได้ ดูเราทั้งสองสิ เราสนิทมาตั้งแต่แรกหรือเปล่า? แต่เราก็กลายเป็นสหายร่วมศึกมานับครั้งไม่ถ้วน”

"อา"

“ผมจะจัดการเอง ดังนั้นพี่ควรปล่อยวางมันไปได้แล้ว”

ตำแหน่งของเราสลับทันที

ตอนนี้ฉันเป็นคนสนับสนุนการแต่งงาน และพี่อดัมอยู่ฝ่ายตรงข้าม

เขาขมวดคิ้ว และฉันก็ไม่ปลอบใจเขาอีกต่อไป

มันเป็นการตัดสินใจที่ได้เกิดขึ้นแล้ว ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ด้วยซ้ำ

แต่ฉันก็รู้ดีกว่าใครๆ ว่าการตกหลุมรักใครสักคนไม่ใช่เรื่องง่าย

เพื่อแสดงว่าฉันได้ตัดสินใจแล้ว ฉันจึงถามออกมา

“ว่าแต่พิธีแต่งงานจะจัดขึ้นเมื่อไหร่?”

"…ในอีกสองวัน"

“แล้วการปราบปรามล่ะ?”

“การปราบปรามจะดำเนินการหลังจากการแต่งงานสิ้นสุดลง”

มันเป็นการตัดสินใจที่สมเหตุผล

ผู้คนมักมีมุมมองที่แตกต่างกันในเวลาที่เดือดร้อนและเวลาที่ไม่เดือนร้อน

หากพวกเขาปฏิเสธที่จะส่งมอบเนอร์ให้หลังจากการปราบปราม เกิดขึ้น มันคงจะสร้างปัญหาที่ใหญ่มาก

ฉันพยักหน้า

ฉันสลัดความคิดต่างๆ ออกไปทั้งหมด

“ไม่เป็นไรพี่ แค่นี้เอง”

ฉันมองดูน้ำตกที่ไหลอยู่ไกลๆ

ในสองวันงั้นเหรอ

ราวกับกำลังตัดสินใจอะไรอยู่ ฉันก็กระซิบกับตัวเอง

"…ผมจะพยายาม"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด