ตอนที่แล้วบทที่ 3: วัยเด็ก (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 5: วัยเด็ก (5)

บทที่ 4: วัยเด็ก (4)


บทที่ 4: วัยเด็ก (4)

“แสดงว่าจะมีราชาปีศาจแล้ว? นายเชื่อแบบนั้นจริงๆ เหรอ?”

“ฉันไม่ได้บอกว่าฉันเชื่อ ฉันแค่บอกว่าฉันได้ยินข่าวมา”

ราชาปีศาจ

คำพูดนี้ให้ความรู้สึกเป็นลางไม่ดีจริงๆ

“ฉันได้ยินมาจกกลุ่มทหารรับจ้างที่เข้ามาในเมืองเมื่อไม่กี่วันก่อน และดูเหมือนว่าการเคลื่อนไหวของสัตว์ประหลาดจะผิดปกติด้วย”

“ถ้านายคิดอย่างนั้น ทุกอย่างก็คงจะเป็นอย่างนั้น มาๆๆ ดื่มกันดีกว่ามาพูดเรื่องไร้สาระที่ไม่กระตุ้นความอยากเมาของเรา”

บทสนทนาของพวกเขาก็จบลงแค่นั้น

พอฉันได้ยินข่าวของราชาปีศาจ ความทรงจำในอดีตของฉันก็หวนกลับมา กลายเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับราชาปีศาจและวีรบุรุษผู้กล้าหาญที่ชีอันเคยเล่าให้ฉันฟัง

ฉันจำดวงตาที่เป็นประกายของชีอันได้เมื่อเธอเล่าถึงเรื่องราวเหล่านั้น มันทำให้ฉันนึกถึงความน่ารักของเธอในตอนนั้นขึ้นมาเลยทีเดียว

วันรุ่งขึ้น ฉันไปเดินเล่นกับชีอัน

เรานั่งใต้ร่มไม้ใหญ่ ชื่นชมท้องฟ้าและใช้เวลาร่วมกัน

ฉันกำลังเล่นฟลุตโดยใช้ใบไม้

ชีอันชอบเสียงนั้นมาก ฉันก็เลยเล่นมันเป็นประจำ

“กับงานเป็นไปได้สวยหรือเปล่า?”

ชีอันถาม ส่วนสำหรับคำถามของเธอ ฉันก็หยุดเล่นและตอบไป

“ถือว่าพอไปได้ ว่าแต่เธอมีแผนจะออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเมื่อไหร่งั้นเหรอ?”

“ประมาณหนึ่งปีนับจากนี้ ตอนนี้การพึ่งพาเบลล์คงเป็นภาระมากเกินไปสินะ”

"ฉันไหวน่า"

“ฉันไม่ชอบแบบนั้นสักหน่อย ฉันไม่อยากเป็นภาระของเบลล์”

“ยังไงเธอก็เป็นแค่ภาระอยู่แล้ว ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”

"อะไรนะ? นี่…!"

ชีอันเอื้อมมือทั้งสองข้างออกไปเพื่อตอบโต้การแกล้งของฉัน และรีบวิ่งเข้ามาหาฉันเพื่อหยิกฉัน

ขณะที่ฉันจับมือเธอ รอยยิ้มก็เบ่งบานบนหน้าของเรา และไม่นาน เราก็หยุดอยู่ในท่าทางที่กอดกันไว้

ฉันคว้าข้อมือทั้งสองข้างของชีอันกอดเธอไว้ที่หน้าอกของฉัน และอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของฉัน แขนของเธอคว้าคอของฉันเพื่อป้องกันไม่ให้เธอร่วงลงมา

“ปล่อยฉันนะเบลล์”

ชีอันกล่าว

"ให้ทำจริงเหรอ?"

"…ไม่"

เราเพลิดเพลินกับสายลมอ่อนโยนที่พัดมาปะทะเรา

ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเราจะผูกพันกันลึกซึ้งขนาดนี้

ขอทานจากสลัมและลูกสาวจากครอบครัวที่ร่ำรวย เราทั้งคู่เดินข้ามผ่านเส้นทางและมาถึงจุดนี้

แม้จะมีความยากลำบากมากมาย แต่เราช่วยกันรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้

แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก การได้มีกันและกันก็ทำให้เราสบายใจ รู้ว่าในอนาคตทุกอย่างจะยังคงเหมือนเดิม

ฉันเชื่อเช่นนั้นอย่างแท้จริง

ทั้งหมดที่ฉันต้องการคือชีอัน

ฉันก็เลยอยากจะแน่ใจว่าเธอรู้สึกแบบเดียวกับฉัน

ขณะที่เพลิดเพลินกับความเงียบสงบ ฉันก็พูดขึ้น

"…ชีอัน"

"อะไร?"

"ฉันรักเธอ"

"…….ฮะ อะไรนะ?"

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันพูดคำนั้นกับเธอ

เป็นคำพูดที่ต้องใช้ความกล้าหาญจากเราทั้งคู่

ชีอันหันหน้ามามองฉันทันที

ฉันก็ไม่ยอมละสายตาจากเธอเช่นกัน ฉันรวบรวมความกล้าทั้งหมดอีกครั้ง

เธอเป็นคนเดียวที่ฉันฝากความรู้สึกอันลึกซึ้งที่สุดไว้

“…ฉันบอกว่าฉันรักเธอ”

น้ำตาได้ไหลรินออกมาจากดวงตาของเธอ

เธอตอบสนองอย่างล่าช้าของพร้อมกับการเช็ดน้ำตาของตนเอง คล้ายมันกำลังบ่งบอกถึงความรู้สึกทั้งหมดของเธอ

“…รู้คำตอบอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”

“ก็ถ้ารู้คำตอบแล้วจะร้องไห้ทำไมกันเล่า?”

“มันไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย”

“แล้ว...”

“ฉันก็รักนายเหมือนกัน เบลล์”

เมื่อฉันได้รับคำยืนยันว่าเธอมีความรู้สึกแบบเดียวกับฉัน มันก็รู้สึกเหมือนความสัมพันธ์ที่คุ้นเคยของเราเริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น

ใบหน้าของเธอแดงก่ำ และฉันก็แน่ใจว่าหน้าของฉันก็แดงเช่นกัน

“…คำพูดเหล่านั้นไม่อาจกลับคำได้แล้วนะ”

ฉันพูดต่อ

ฉันอยากจะทำให้เธอเป็นของฉันโดยสมบูรณ์

ชีอันไม่ลังเลเลย

“ฉันไม่คืนคำหรอกเบลล์”

แล้วเธอก็ยิ้มสดใสมากขึ้น

ฉันอายุ 17 ปี ขณะที่ชีอันอายุ 15 ปี

ตอนนี้เราพูดถึงอนาคตของเราบ่อยขึ้น

ชีอันดูพอใจที่ว่าเราจะเป็นคู่รักกัน

'คู่รักนั้นกอดกัน' และ 'จะไม่สนใจคนอื่นที่เป็นเพศตรงข้าม'

เธอเริ่มสอนฉันตามรสนิยมของเธอเอง

ฉันพบว่าเธอน่ารักมากขึ้นกว่าเดิม จนฉันรับฟังคำขอของเธออยู่เสมอ

…อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเราจะมีบรรยากาศที่แสนสวยงาม แต่ข่าวลือที่แพร่สะพัดรอบตัวเรากลับกลายเป็นลางอันเลวร้ายมากขึ้น

สำหรับฉันที่ทำงานอยู่ในโรงเตี๊ยม จึงได้รับข่าวสารอย่างรวดเร็ว

ถ้าฉันหยุดฟังสักครู่ ฉันก็สามารถรู้ได้เลยว่าผู้คนกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน

เพียงวันเดียว หมู่บ้านก็กลายเป็นซากปรักหักพัง

เรื่องราวของสัตว์ประหลาดประเภทต่างๆ ที่ถูกล่า และป่าเวทย์มนตร์ พวกสัตว์ที่เน่าเปื่อย เป็นผลให้สัตว์ประหลาดเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ

นี่เป็นข่าวลือที่ทำให้ทุกคนรู้สึกไม่สบายใจยิ่ง

และในขณะที่ฉันฟังข่าวลือเหล่านั้น เรื่องราวของการปรากฏตัวของราชาปีศาจก็ค่อยๆ ดูจริงมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในใจฉันคิดแต่ว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับฉัน

ฉันขจัดความรู้สึกไม่สบายใจนี้ออกไปด้วยการถอนหายใจออกมา

มันไม่ใช่สิ่งที่ฉัน คนที่ทำงานอยู่ในโรงเตี๊ยมควรจะสนใจ

มันเป็นเรื่องที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยคนระดับสูงที่ดูแลภาพรวมของประเทศต่างหาก

แม้ว่าราชาปีศาจจะเป็นผู้นำกองทัพและกำลังจะเปิดฉากการรุกราน สิ่งเดียวที่ฉันต้องการก็คือชีอัน

ฉันยุ่งอยู่กับการฝันถึงอนาคตกับเธอ

นั่นคือเรื่องที่ฉันใช้เวลาคิดทุกวัน

ปัง!!

แต่แล้ววันหนึ่ง พื้นดินสั่นสะเทือนด้วยเสียงอันดังกึกก้อง

ความเงียบปกคลุมทั่วโรงเตี๊ยมที่ฉันทำงานอยู่

ผู้คนออกจากโรงเตี๊ยมทีละคนเพื่อดูสถานการณ์

ฉันก็ทำเช่นเดียวกัน

"…นั่นมันอะไรน่ะ?"

และทันทีที่ฉันก้าวออกจากโรงเตี๊ยม ฉันก็มองเห็นเสาที่มองเห็นได้จากไกลๆ บนขอบฟ้า

เสาสูงตระหง่านส่องสว่างท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด

ฉันปีนขึ้นไปบนดาดฟ้าอาคารพร้อมกับคนอื่นๆ เพื่อมองภาพอันน่าตื่นตะลึงนี้

มีบางอย่างกำลังเริ่มต้นขึ้น

ปัง!

“มันปรากฏอยู่ตรงนั้นด้วย…!”

มันไม่ได้มีอยู่แค่อันเดียว

ทุกครั้งที่พื้นดินสั่นสะเทือน เสาแสงเสาใหม่ก็โผล่ออกมาจากท้องฟ้า

-ปัง!

เสาที่สามก็ตามมา เนื่องจากเสาทั้งหมดอยู่ห่างจากเมือง ฉันจึงได้แต่มองมันอย่างนิ่งงัน

-บู้ม!!!

และแล้วก็มีเสียงระเบิดดังสนั่น

ทุกคนก้มตัวลงเมื่อได้ยินเสียงอันกึกก้อง ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสับสน

แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจคือภาพที่อยู่ตรงหน้าเรา มีเสาหนึ่งที่แตกต่างออกไป มันอยู่ใกล้เรามาก

"…หา"

คราวนี้ เสานั้นปรากฏที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของชีอัน

ผู้คนต่างก็ซุบซิบ

“มัน… อยู่ทางสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าใช่ไหม…?”

หัวใจของฉันเริ่มเต็มไปด้วยความกลัว ความกังวลอยู่เต็มทั่วใบหน้าของฉัน

หลังจากยืนยันทิศทางแล้ว ฉันก็เริ่มวิ่งทันที

สิ่งที่ฉันคิดได้ก็คือความเป็นไปได้ที่ชีอันจะตกอยู่ในอันตรายจากปรากฏการณ์ที่ไม่รู้จักนี้

ฉันวิ่งไปทั่วเมืองโดยไม่ได้พักและไม่สนใจผู้คนที่ฉันชนด้วย

ขณะที่ฉันวิ่งไป ฉันก็มองเห็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ไกลๆ

“แฮ่ก…แฮ่ก…”

ผู้คนจำนวนมากรวมตัวกันรอบๆ เสาที่ส่องแสงที่กำลังซีดจาง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความสับสน

“นี่มันอะไรกัน…!?”

“ข่าวลือจะเป็นจริงหรือเปล่า?”

ผู้คนต่างก็พึมพำกับสิ่งที่พวกเขาเห็น

เมื่อพิจารณาจากบรรยากาศ ดูเหมือนว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ฉันโล่งใจ รีบฝ่าฝูงชนและก้าวไปข้างหน้า

“….?”

แล้วฉันก็เห็นชีอัน

ร่างกายของเธอส่องแสงสว่างออกมา

เธอเปล่งประกายความบริสุทธิ์และความสูงส่งเหนือใครๆ เธอเปล่งประกายอย่างสวยงาม

"…นั่นมันอะไรกัน?"

"ชีอัน…"

นับตั้งแต่วินาทีที่ชีอันมองมาที่ฉัน แสงก็ค่อยๆ จางลง

เธอมองมาที่ฉันและถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่เธอยังคงดูสับสน

ฉันก้าวไปต่อหน้าเธอที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่

ฉันจับมือทั้งสองข้างของเธอไว้แล้วถามอย่างกังวล

"…บาดเจ็บไหม? ร่างกายของเธอได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า…?”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เกิดอะไรขึ้น… แต่…”

ชีอันยกหลังมือของเธอให้ฉันดูอย่างระมัดระวัง

ที่หลังมือของเธอมีสัญลักษณ์ใหม่สลักอยู่

มันเป็นสัญลักษณ์ที่คุ้นเคย

เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึง 'เฮ' เทพเจ้าที่ชีอันศรัทธา

“…ทำไมถึง…เป็นแบบนี้?”

ขณะที่ฉันมองดูอย่างสงสัย ก็มีคนตะโกนในฝูงชน

“…เธอถูกเลือกโดยท่านเฮ…!”

“เลือกเหรอ…? เดี๋ยว นั่นหมายความว่าเธอเป็นนักบุญหญิงเหรอ…?”

“แสดงว่าเป็นเรื่องหรือที่ราชาปีศาจปรากฏตัว?”

นักบุญ...

ชื่อนี้ถูกมอบให้กับชีอันในทันที

จิตใจของฉันไม่สามารถประมวลผลได้อย่างถูกต้อง

ความจริงที่ว่าเธอได้รับตำแหน่งอันสูงส่งของนักบุญ ทำให้ฉันกังวลด้วยเหตุผลบางอย่าง

'ถ้าเธอถูกเรียกว่านักบุญ นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะถูกกำหนดให้ต่อสู้กับราชาปีศาจงั้นเหรอ?'

สายตาของฉันประสานกับชีอัน

เราทั้งคู่รู้สึกไม่สบายใจ ทว่าต่างคนต่างไม่พูดอะไรสักคำ

สิ่งต่างๆ กำลังพลิกผัน

ฉันคว้าหลังมือชีอันโดยไม่พูดอะไรสักคำและเริ่มเช็ดสัญลักษณ์ออกด้วยปกเสื้อ

และก่อนที่ผู้คนจะเผยแพร่ข่าวลือแปลกๆ ไปมากกว่านี้ ฉันก็ตะโกนออกไป

“นักบุญอะไร…! ทุกคนทำไมพูดเรื่องไร้สาระ…! นี่มันไร้สาระกันไปแล้วนะ!”

ชีอันดูวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ จึงขอหลบอยู่ในอ้อมกอดของฉัน

ฉันถูมันออกไปด้วยเสื้อผ้าของฉัน แต่มันก็ไม่หายไป

“โอ้ย…นี่มันอะไรกัน…!”

คำสบถออกมาจากปากของฉันด้วยความกลัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“เบลล์… ฉันกลัว…”

“ไม่เป็นไรชีอัน ทุกอย่างมันจะเรียบร้อย ในไม่ช้ามันจะหายไป ไม่ต้องกังวลนะ”

ฉันถูหลังมือเธอแรงขึ้นเรื่อยๆ...

…แต่สัญลักษณ์นั้นยังคงอยู่เหมือนเดิม

'แล้วทำไมมันถึงไม่หายไปล่ะ? มันควรจะหายไปได้แล้วสิ'

ไม่มีเหตุเลยที่ชีอันจะกลายเป็นนักบุญ

ฉันอดทนต่อไปไม่ไหว ฉันจึงใช้กำลังในมือและเริ่มขัดหลังมืออันอ่อนนุ่มของชีอันอย่างแรง

ถึงอย่างนั้นชีอันก็ไม่ได้พูดอะไร เธอได้แต่หลับตาลง และอดทนกับความเจ็บปวดเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ความพยายามของฉันกลับถูกขัดจังหวะอย่างรวดเร็ว

ตึก ตึก ตึก ตึก

เสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาจากที่ไหนสักแห่ง

มันเป็นเสียงที่คุ้นเคยในหูของฉันเมื่ออาศัยอยู่ในสลัม

นั่นคือทหาร

ด้วยความหวังริบหรี่ ฉันมองลงไปที่มือของชีอัน

“…”

“…”

สัญลักษณ์นั้นไม่ได้หายไปเลย

“ไอ้หนุ่ม หลีกทางหน่อย เราจำเป็นต้องตรวจสอบบางสิ่งบางอย่าง”

มีเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง

ฉันไม่สามารถหันศีรษะไปได้อย่างง่ายดายเลย

ฉันทำได้เพียงสบตากับชีอันเท่านั้น

มือที่สั่นเทาของเธอที่จับแน่นอยู่ในมือของฉัน พวกเราไม่อาจแม้แต่จะสามารถยืนขึ้นได้

ฉันขยับไม่ได้ และมือหนักๆ ก็วางบนไหล่ของฉัน

“ปล่อยนะไอ้สารเลว!”

ฉันพยายมขัดขืน แต่แขนทหารจากด้านหลังก็ทำให้ฉันแยกจากชีอันอย่างรวดเร็ว

"ปล่อยเถอะน่า! เราแค่ต้องการตรวจสอบนิดหน่อย!”

ร่างที่สวมชุดเกราะที่จับตัวฉัน มองอย่างเกรี้ยวกราด

ไม่นานก็มีนักบวชคนหนึ่งเดินผ่านมาข้างฉัน

เครื่องแต่งกายของเขา มีเสื้อคลุม หมวก และไม้เท้า บ่งบอกว่าเขาไม่ใช่นักบวชธรรมดา

แต่ฉันไม่ได้ถอยกลับ ฉันตะโกนว่า “เฮ้ ไอ้สารเลว อย่าคิดเข้าใกล้ชีอันนะ!”

ความสิ้นหวังและความวิตกกังวลครอบงำฉัน

ฉันทนไม่ได้กับความรู้สึกแย่ๆ ที่ชีอันอาจถูกดึงตัวไปจากฉัน

“จงหยุดกล่าววาจาหยาบช้าต่อหน้าท่านบิชอป…!”

ทหารเหวี่ยงหมัดมาที่ฉันจากด้านข้าง

ฉันกำหมัดแน่นเผื่อเตรียมต่อสู้ แต่...

"หยุดได้แล้ว"

เมื่อบิชอปกล่าว ทุกคนก็แข็งตัวอยู่กับที่

เขาไม่แม้แต่จะมองมาที่ฉัน

สายตาของเขาจับจ้องไปที่ชีอันเพียงอย่างเดียว และเขายังคงนิ่งเฉย

ชีอันรีบซ่อนมือของเธอ แต่มันก็สายเกินไปแล้ว

บิชอปคุกเข่าลงต่อหน้าชีอันแล้วพูด

“ตัวกระผมขอคำนับท่านนักบุญหญิง”

ตามการนำของเขา ทหารจำนวนมากที่ร่วมทางมากับบิชอปก็คุกเข่าลงด้วย

ฉันทำได้แค่มองดู

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด