ตอนที่แล้วChapter 9 : เลื่อนระดับ นักสู้ขอบเขตที่1!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 11 : ร่างอวตารฝึกฝนร่างที่สอง!

Chapter 10 : การรุกรานองค์กรเจอร์มินอลของมดอสูร


ภายในหอพักเขตCตอนกลางคืน

เพียงเสี้ยวพริบตาเวลาก็ได้ผันผ่านไปอีกครึ่งเดือนแล้ว

ในช่วงที่ผ่านมานี้มีตำนานเล่าขานถึงคนบางคนที่ถูกขนานนามว่า ‘โล่วิญญาณ’ ที่จู่ๆก็แพร่กระจายไปทั่วถ้ำหินยักษ์

เขาคือนักสู้ทรงพลังผู้สวมใส่หน้ากากปิศาจและถือโล่ขนาดใหญ่เอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว เขาสังหารราชันย์แดนลับสองตัวติดด้วยตัวคนเดียว จากนั้นอาจจะเป็นเพราะเขารู้สึกว่ามันยังไม่พอจึงลงมือสังหารราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ไปอีกหนึ่งตัว ท้ายที่สุดแล้วเขาก็สะบัดมือและจากไปอย่างเท่ๆชิกๆ

ยิ่งไปกว่านั้นนักกู้ซากหลายคนยังเดาว่าคนผู้นี้น่าจะเป็นหมาป่าเดียวดายไม่ใช่นักกู้ซากขององค์กรเจอร์มินอล

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะว่าถ้าโล่วิญญาณเป็นนักกู้ซากจริงๆไอเทมที่เขาได้มาจากการสังหาราชันย์มังกรดินย่อมต้องถูกส่งมอบ องค์กรเจอร์มินอลย่อมให้รางวัลแก่เขาและประกาศให้นักกู้ซากคนอื่นๆทราบถึงตัวตนของคนผู้นี้แน่นอน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้น

นักสู้จำนวนนับไม่ถ้วนอยากจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของโล่วิญญาณผู้นี้ยิ่งนัก ทั้งทีมฟายอิ้งคุนเผิง ทีมวินด์เชสซิ่งและทีมบิ๊กเบิร์ดโรเทชั่นต่างก็โพสต์ประกาศเอาไว้ในสถานีไร้ภัยโดยหวังว่าโล่วิญญาณผู้นี้จะเข้าร่วมทีมของพวกเขา

กัปตันของทีมเงาเมฆาผู้เป็นบุตรของผู้จัดการอย่างโจวเฟิงเองถึงขั้นควักเงิน100,000เหรียญทั่วไปเพื่อเป็นรางวัลให้แก่โล่วิญญาณโดยหวังว่าจะได้คุยกับนักสู้ผู้ทรงพลังผู้นี้ซักครั้ง

ยังไงก็ตามโล่วิญญาณกลับไม่เคยปรากฏตัวอีกเลยและไม่มีใครรู้ด้วยว่าเขาหายไปไหน

ยังไงก็ตามรางวัลก้อนที่ว่ายังคงอยู่และก็กลายเป็นหัวข้อสนทนาของเหล่านักกู้ซากมาโดยตลอด

ชื่อเล่นที่พวกเขากระจายออกไปนั้นถูกบอกเล่าปากต่อปากจนเข้าถึงหูของหลินเซวียน ตัวเขาจึงไม่รู้เลยว่าควรจะร้องไห้หรือหัวเราะดี

ชื่อส้นตีนอะไรวะเนี่ย!

หลินเซวียนนั่งลงบนเตียงและยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “คิดก่อนดีกว่าว่าจะหาค่าประสบการณ์ยังไงดี”

ในช่วงที่ผ่านมาด้วยการฝึกฝนของกิ้งก่ากลืนทองทำให้เขาเพิ่มระดับของสกิล [อ่อนแอ] จากระดับสีม่วง(ล้ำค่า)ไปเป็นสีทอง(ไร้ที่ติ)ได้สำเร็จ

ความสามารถของสกิลเองก็เปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าหลังจากอัพเกรดเป็นระดับสีทอง(ไร้ที่ติ)

[ชื่อ : อ่อนแอ]

[ระดับ : เลเวล1ขอบเขต1]

[เกรด : สีทอง(ไร้ที่ติ)]

[ข้อจำกัดในการเรียนรู้ : พลังจิต 7]

[ความสามารถ : ไม่จำเป็นต้องใช้พลังเวทย์ เรียกใช้งานเพื่อลดลดระดับและค่าสถานะของอีกฝ่ายลงหนึ่งขอบเขต นอกจากนี้ยังลดสัมผัสการรับรู้อีกด้วย ระยะเวลาของสกิลคงอยู่ตลอดไปและสามารถใช้งานได้ตามต้องการ]

...

หลินเซวียนยิ้มและเอ่ยขึ้นมา “นักสู้ทั่วๆไปคงมีน้อยคนที่จะยอมเปลืองพลังงานไปกับหนังสือสกิลและยิ่งน้อยลงไปอีกที่จะยัดค่าประสบการณ์เพื่อยกระดับสกิลพวกนี้ ต่อให้รู้ความสามารถของสกิลนี้แต่ก็คงมีน้อยคนที่เชี่ยวชาญถึงแก่น”

นอกจากนั้นแล้วทั้งสกิล [พลังชีวิตไร้สิ้นสุด] [กำแพงเหล็ก] [กายาหนาม] [กายาเหล็ก] [สังเกต]และ [ปกปิด] เองต่างก็เลื่อนขึ้นเป็นเกรดสีทอง(ไร้ที่ติ)ทั้งสิ้นหลังจากที่หลินเซวียนรวบรวมหนังสือสกิลมาได้มากพอ

นอกจากนั้นแล้วเขายังเพิ่มเลเวลนักสู้ของตัวเองจากเลเวล1เป็นเลเวล4ขอบเขตที่1แล้วด้วย

แต่ค่าประสบการณ์ทั้งหมดของเขานั้นถูกใช้ไปจนหมดแล้ว

“พอเป็นนักสู้ขอบเขตที่1แล้วจำเป็นต้องใช้ค่าประสบการณ์อย่างน้อย10,000แต้มเพื่อเลเวลอัพ ค่าประสบการณ์ที่มีเลยถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว”

หลินเซวียนจำเป็นต้องใช้ค่าประสบการณ์10,000แต้มเพื่อเพิ่มเลเวลเป็นเลเวล2 20,000แต้มเพื่อเพิ่มเลเวลเป็นเลเวล3และ 30,000แต้มเพื่อเพิ่มเลเวลเป็นเลเวล4

กิ้งก่ากลืนทองยังคงตะเวนไปทั่วชั้น9ของถ้ำหินยักษ์แต่เพียงแค่มันตัวเดียวก็ยังไม่พอจะหาค่าประสบการณ์มาได้มากพออยู่ดี

ในเวลานี้เองเสียงสัญญาณเตือนภัยขององค์กรเจอร์มินอลก็พลันดังขึ้น

“แจ้งเตือน! อสูรปิศาจได้หลุดออกมาจากชั้นที่หนึ่งของแดนลับรังมดอสูรและได้เข้ายึดหอประชุมเอาไว้แล้ว อสูรปิศาจบางตัวได้หลุดรอดออกไปจากหอประชุมและเข้าโจมตีเขตBกับCแล้ว!”

“นักกู้ซากและเหล่าผู้ดูแลทุกคนของเขตA B CและDโปรดเข้าต้านทานการรุกรานของเหล่าอสูรปิศาจในทันที!”

สีหน้าของหลินเซวียนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

อสูรปิศาจพวกนี้ออกลูกออกหลานไวมากจนมีจำนวนมหาศาลทำให้พวกมันหลุดรอดออกจากประตูแสงและเข้าโจมตีหลายๆสถานที่บนโลก ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อนเพียงแต่หลินเซวียนยังไม่เคยเจอกับตัวก็เท่านั้น

หลังจากประหลาดใจเล็กน้อยหลินเซวียนก็ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงพลันเกิดรู้สึกยินดีขึ้นมา

ไม่ใช่ว่าการที่รังมดอสูรเข้าจู่โจมองค์กรเจอร์มินอลครั้งนี้เป็นโอกาสงามในการฝึกฝนร่างอวตารของเขาหรอกหรอ?

จากนั้นเขาก็พลันได้ยินเสียงของผู้ดูแลเขตCอย่างลู่หลัวสั่งการออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“นักกู้ซากทุกคนของเขตCออกไปลุยกับศัตรูซะ!”

ปัง!

นักกู้ซากที่อยู่ในห้องพักเดียวกับหลินเซวียนซึ่งเดิมทีกำลังนอนหลับกันอย่างสบายใจแต่เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนพวกเขาก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาและรีบพุ่งตัวออกไปข้างนอกในทันที

หลินเซวียนที่แสดงสีหน้าแบบเดิมอยู่ตลอดเองก็ผสมโรงวิ่งออกไปจากห้องพักเช่นเดียวกับคนอื่นๆ

ทันทีที่เขาออกมาเขาก็สังเกตเห็นมดขนาดยักษ์กลุ่มใหญ่กำลังโจมตีโลลิตัวน้อยใบหน้าเย็นชาอย่างบ้าคลั่ง มดทุกตัวมีขนาดเท่ากับลูกตัวบวกกับขากรรไกรอันคมกริบที่ส่องประกายเย็นเยียบ ขากรรไกรคู่นี้สามารถกัดแขนขาของคนทั่วๆไปขาดได้ในการกัดเพียงครั้งเดียวอย่างไม่ต้องสงสัย

ลู่หลัวที่มีลักษณะคล้ายกับเด็กอายุ13-14ปีแต่กลิ่นอายบนร่างของเจ้าหล่อนกลับทรงพลังยิ่งนัก เห็นได้ชัดเลยว่าอีกฝ่ายกินไอเทมเพิ่มค่าสถานะถาวรไปไม่น้อย

ลู่หลัวหันหลังให้กับพวกเขาพร้อมโบกสะบัดเคียวขนาดใหญ่ด้วยมือเพียงข้างเดียว

เคียวด้ามนี้ปล่อยกลิ่นอายความตายออกมาอย่างเข้มข้น เพียงแค่มองไปที่มันก็มากพอจะทำให้รู้สึกราวกับตกลงสู่ห้วงนรก

ในทุกๆการเหวี่ยงจะมีมดดำหลายตัวถูกแยกออกเป็นสองส่วน มดดำพวกนี้ไม่อาจต้านทานได้เลยซักนิดราวกับร่างกายของพวกมันทำมาจากเต้าหู้อ่อนนุ่ม

ยังไงก็ตามหลินเซวียนทราบดีว่ามดพวกนี้ถูกเรียกกันว่ามดเหล็ก พวกมันคืออสูรปิศาจประเภทที่มีความแข็งแกร่งเป็นเลิศด้านพลังป้องกันภายในรังมดอสูร

การโจมตีของนักสู้ขอบเขตที่1คนอื่นๆเมื่อปะทะลงบนร่างกายของพวกมันกลับทำได้เพียงทำให้พวกมันได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น

ลู่หลัวไม่หันกลับมามอง กลับกันเจ้าหล่อนยังคงโบกสะบัดเคียวไปมาและเอ่ยออกมาอย่างเรียบนิ่ง

“ใครที่แสดงผลงานออกมาได้ดีในการต่อสู้ครั้งนี้จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งในองค์กร ยิ่งไปกว่านั้นยังจะได้อุปกรณ์สีฟ้าหรือหนังสือสกิลสีฟ้าเป็นรางวัลอีกด้วย”

“ได้ยินไหม!?”

ลู่หลัวตะโกนลั่น

นักกู้ซากเดิมทีไม่ได้มีแรงกระตุ้นอะไรนัก ยังไงซะการรุกรานของอสูรปิศาจมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเขานี่? ยังไงก็ตามเมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ของอีกฝ่ายดวงตาของพวกเขาก็พลันเปล่งประกาย

มีรางวัลด้วยเว้ย!

หลินเซวียนพยักหน้าเล็กน้อย

ตัวเขาไม่ได้ต้องการอุปกรณ์หรือหนังสือสกิลเกรดสีฟ้า(หายาก) สิ่งที่เขาต้องการคือตำแนห่งภายในองค์กร

หลังจากเลื่อนขั้นมาได้กว่าครึ่งเดือนตัวเขาก็เป็นนักกู้ซากสามดาวแล้ว ตราบใดที่เขาเลื่อนขั้นไปเป็นนักกู้ซากสี่ดาวได้เขาก็จะสามารถเพลิดเพลินไปกับหอพักเดี่ยวโดยที่ไม่ต้องอาศัยอยู่ร่วมกับใครอีกต่อไป

“เริ่มกาต่อสู้ได้ นักสู้ขอบเขตที่1ให้รับมือกับอสูรปิศาจขอบเขตที่1 ส่วนนักสู้ขอบเขตที่0พวกนายร่วมมือกันจัดการกับอสูรเพียงตัวเดียว ฉันจะจัดการกับอสูรขอบเขตที่1ที่แข็งแกร่งที่สุดเอง”

พร้อมกับคำกล่าวนั้นลู่หลัวก็พุ่งทะยานเข้าไปในฝูงมดพร้อมกับเคียวขนาดใหญ่ในมือ

เคียวยักษ์ด้ามนั้นโบกสะบัด สังหารเปิดเส้นทางเลือดในชั่วพริบตา ไม่ว่าจะมีมดเหล็กขอบเขตที่1อยู่มากเพียงใดก็ไม่อาจหยุดการย่างก้าวของนักสู้ขอบเขตที่4ได้เลยซักนิด

หลินเซวียนมองดูศพบนพื้นและคิดอย่างลึกซึ้ง

หลังจากเขาเลื่อนระดับมาเป็นขอบเขตที่1เขาก็ได้สล็อตร่างอวตารเพิ่มแต่กลับยังไม่ได้ใช้มันเลย

นี่เป็นเพราะต่อให้เขาใช้ไปก็ทำได้เพียงครองร่างของอสูรในถ้ำหินยักษ์เท่านั้น ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหนแต่ค่าประสบการณ์ที่ได้ก็เพิ่มได้ไม่ทันค่าประสบการณ์ที่ใช้อยู่ดี

เขาหวังที่จะยึดร่างของอสูรขอบเขตที่1และปล่อยให้มันฝึกฝนอยู่ในรังมดอสูร

ด้วยวิธีการนี้ กิ้งก่ากลืนทองก็จะคอยพุ่งเป้าไปที่การเก็บสินแร่ต่างๆภายในถ้ำหินยักษ์ ส่วนร่างอวตารที่สองก็จะคอยเก็บเกี่ยวค่าประสบการณ์จากรังมดอสูรเพื่ออำนวยความสะดวกให้เขาเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

[ตรวจสอบเป้าหมายที่เสียชีวิตแล้ว กำลังทำการวิเคราะห์...]

[มดงานโลหะ อสูรขอบเขตที่1 ค่าสถานะ : ความอดทน 23 , พละกำลัง 17 , พลังจิต 8 , ความเร็ว 9 สกิล : เก็บรวบรวม , ตัด , เกราะเหล็ก]

[สาเหตุการตาย : ถูกเคียวขนาดใหญ่ผ่าออกเป็นสองส่วน]

[ตอนนี้ท่านมีที่ว่างทำหรับร่างอวตารคงเหลือ ต้องการแย่งชิงร่างของมดงานโลหะและใช้มันเป็นร่างอวตารฝึกฝนหรือไม่?]

[หมายเหตุ : เป้าหมายที่เสียชีวิตไปแล้วนี้จะฟื้นคืนชีพพร้อมพลังชีวิตเต็มหลอด]

หลินเซวียนขบคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัวเบาๆ

เขาไม่อาจหาร่างอวตารใหม่เพิ่มได้ในตอนนี้

ลู่หลัวยังอยู่ใกล้ๆ หลังจากมดงานโลหะตัวนี้ถูกยึดร่างและฟื้นคืนชีพขึ้นมามันก็จะถูกลู่หลัวฆ่าซ้ำอยู่ดี

ยิ่งไปกว่านั้นหลินเซวียนยังรู้อีกด้วยว่ามดงานนั้นอยู่ในจุดต่ำสุดของห่วงโซ่อาหารในรังมดอสูร นอกจากมันแล้วยังมีมดทหาร มดสืบพันธุ์และมดราชินีอยู่อีก

มดงานนั้นอ่อนแอเกินไป ถ้ามันบังเอิญตายขึ้นมาเขาก็ไม่มีทางเลือกได้แต่ต้องหาอวตารใหม่อีกแต่ถ้าปล่อยไว้ก่อนไม่ทำอะไรเรื่องหลังจากนี้ก็คงลำบากไม่น้อย ยังไงซะโอกาสเช่นการรุกรานของอสูรเช่นนี้ก็ไม่ได้มีบ่อยๆ เขาไม่รู้เหมือนกันว่าครั้งหน้ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่

ไม่นานนักมดงานในทางเดินทั้งหมดก็ถูกสังหาร

นักกู้ซากจากเขตCตามลู่หลัวไปยังหอประชุม

สถานการณ์ภายในหอประชุมนั้นเลวร้ายยิ่งกว่า

นักกู้ซากหลายกลุ่มรวมตัวกันอยู่ที่นี่ จัดขบวนเป็นรูปแบบป้องกันเพื่อต้านทานอสูร

ผู้ดูแลของเขตอื่นเองก็กำลังรับมืออยู่กับอสูรที่ทรงพลังเหมือนกับลู่หลัวและทิ้งพวกนักกู้ซากที่อ่อนแอเอาไว้ข้างหลัง

หลินเซวียนสังเกตเห็นผู้ดูแลเขตBอย่างหยางเว่ยได้ในทันที เขาแตกต่างจากผู้ดูแลเขตอื่นเพราะเขาไม่ลงมือเลยแม้แต่น้อยราวกับเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา

นักกู้ซากจากเขตBตายไปเขาก็แสร้งทำทีเป็นมองไม่เห็น

หลินเซวียนส่ายหัว โชคดีที่เขาออกมาจากเขตBแล้วไม่อย่างนั้นคงห้ามอารมณ์ตัวเองไม่ให้ไปคว้าร่างหยางเว่ยมากระทืบเอาไว้ไม่อยู่

จากนั้นเขาก็ปรายตามองไปรอบๆและพบว่าอสูรในหอประชุมทั้งหมดเป็นมดทหารโลหะ นอกจากมดทหารแล้วก็ยังมีมดทหารโลหะที่ตัวใหญ่กว่าปกติซึ่งมาพร้อมกับขากรรไกรสองคู่อยู่อีกจำนวนหนึ่ง มดทหารพวกนี้ดูเหมือนจะมีเลเวลอย่างน้อยเลเวล3ขอบเขตที่1

เมื่อครู่นี้มดทหารโลหะขนาดใหญ่สบโอกาสกัดเข้าไปที่ร่างของนักกู้ซากคนหนึ่ง

ขากรรไกรยักษ์นั่นบดร่างของอีกฝ่ายออกเป็นสองท่อน นักกู้ซากผู้โชคร้ายคนนั้นเสียชีวิตคาที่อย่างน่าสังเวช

“ฆ่า! ถ้าอยากได้รางวัลก็จงพยายามให้หนักและฆ่าซะ!”

ลู่หลัวตะโกน

ภายใต้แรงจูงใจจากของรางวัลจึงเห็นความแตกต่างระหว่างเหล่านักกู้ซากจากเขตCและนักกู้ซากจากเขตอื่นได้อย่างชัดเจน คนของเขตพวกเขาพุ่งทะลวงไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่งทีละคนๆแต่นักกู้ซากจากเขตอื่นกลับลงมือแค่พอประมาณและไม่ได้ลงแรงอะไรเท่าที่ควรเพราะกลัวว่าพวกตนจะตกอยู่ในอันตราย

ท่าทีของลู่หลัวแม้จะดูเย็นชาแต่เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชามีภัยเจ้าหล่อนก็มักจะยื่นมือเข้ามาช่วยได้ทันเวลา จากนั้นก็จะตะโกนออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา “ถ้าแข็งแกร่งไม่พอก็ถอยไปซะ!”

หลังจากผ่านไปหลายสิบนาทีนักกู้ซากของเขตCส่วนใหญ่ต่างก็ได้รับบาดเจ็บไปตามๆกัน แต่เมื่อเทียบกันแล้วนักกู้ซากส่วนใหญ่ที่ตายกลับเป็นคนของเขตอื่น

ฉากหน้านั้นหลินเซวียนเองก็สังหารมดอสูรไปเหมือนกัน เขาใช้โอกาสร่วมมือกับนักกู้ซากคนอื่นๆลงมือสังหารมดงานกับมดทหารไปได้หลายตัวถึงขั้นได้รับคำชมจากลู่หลัวเลยทีเดียว

แต่ในความเป็นจริงเขากำลังตรวจสอบมดทหารอยู่เพื่อเสาะหาตัวที่มีค่าสถานะดีที่สุด

หลายนาทีให้หลังเขาก็พบกับมดทหารที่มีค่าสถานะดีที่สุดที่เคยเห็นมาแต่มันยังไม่ตาย

“เราลงมือเองไม่ได้คงต้องพึ่งคนอื่น...”

หลินเซวียนจ้องไปที่แผ่นหลังของลู่หลัวที่กำลังโบกเคียวไปมาและเริ่มวางแผนในใจ

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด