ตอนที่แล้วบทที่ 447: วางแผนและเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 449: รอดและเปลี่ยนไปทั้งตัว!

บทที่ 448: สู้รบและกู้ภัย!


นักรบต่างเผ่าที่ถูกนักรบเชิ่งหลงควบคุมความประพฤติอย่างหนักกลับไม่ได้รู้สึกแย่อะไร กลับจะชื่นชมซะด้วยซ้ำ

แม้ว่าราคาของอุปกรณ์ที่ขายในร้านขายอาวุธจะสูงไปหน่อยก็ตาม แต่เรื่องคุณภาพนี่คุ้มค่าคุ้มราคาอย่างแน่นอน เป็นของที่ใช้ในการต่อสู้ได้จริงอย่างสมบูรณ์

และการอยู่ฆ่ามอนสเตอร์ที่นี่เป็นอะไรที่สะดวกสะบายกว่าการอยู่เมื่อตัวเองซะงั้นอีก

ทุกครั้งที่ออกไปนอกเมืองนั้นไม่จำเป็นต้องไปไหนไกล เพราะรอบ ๆ เมืองนั้นมีมอนสเตอร์กลายพันธุ์ให้ฆ่าชนิดที่ว่านับตัวไม่ถ้วน มากพอที่จะเติมเต็มความโลภของคนเหล่านี้

หลังจากฆ่ามอนสเตอร์แล้วก็กลับไปเอนจอยมายไลฟ์ที่ย่านการค้าด้วยลูกปัดสมองที่หาได้ แถมต่อให้ถลุงเงินไปมากเท่าไหร่ก็ยังมีเหลือเก็บอีกเพียบ

การสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ของเมืองเชิ่งหลงทำให้บรรดานักรบต่างเผ่าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องใดเลย ขอเพียงแค่ในกระเป๋ายังมีลูกปัดสมองก็ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะซื้อของที่อยากได้ไม่ได้

สิ่งที่ทำให้นักรบต่างเผ่าเหล่านี้รู้สึกสบายใจที่สุดคือเมื่อใดก็ตามที่พวกตนเผชิญกับอันตรายที่ไม่สามารถแก้ไขได้ก็สามารถใช้วิทยุสื่อสารขอความช่วยเหลือจากเมืองเชิ่งหลงได้ด้วย

ทั้งเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธ ปืนใหญ่ และยานยนต์หุ้มเกราะได้มีการเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา ตราบใดที่สัญญาณขอความช่วยเหลือส่งมาก็จะยิงสนับสนุนให้อย่างแน่นอน

รถหุ้มเกราะนั้นได้แสดงแสนยานุภาพในการรบครั้งแล้วครั้งเล่า ฮอดตะบึงอย่างไม่กลัวตายและประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือนักรบต่างเผ่าที่ตกอยู่ในอันตรายทุกครั้งไป

แม้ว่าการกู้ภัยนี้จะต้องแลกมาด้วยลูกปัดสมองก็ตาม แต่ก็ยินดีจ่ายเพราะว่าเมื่อเทียบกันแล้วชีวิตมันสำคัญกว่าลูกปัดสมองเยอะเลย

แม้ว่าจะยังคงมีนักรบที่ตกตายคาปากมอนสเตอร์อยู่บ้างก็ตาม แต่มันกลัยไม่ได้ลดความกระตือรือร้นของเหล่านักรบแต่อย่างใด มีแต่จะทำให้จิตวิญญาณนักสู้โหมกระพือยิ่งขึ้นเท่านั้น

เมื่อเปรียบเทียบกับเมืองเชิ่งหลงกับโหลวเฉิงแห่งอื่นในแดนร้างด้วยยันแล้ว แห่งอื่นเหมือนใช้ชีวิตแบบยืนอยู่บนเส้นด้ายไม่เว้นแต่ละวัน

เมื่อเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์กลายพันธุ์ที่เดินไปเดินมารอบ ๆ เมืองแล้วโหลวเฉิงเหล่านั้นต่างก็เหมือนเจอกับสภาพมอนสเตอร์ล้อมเมืองตองที่อัปเกรดเมือง ทุกคนในเมืองต่างก็ช่วยกันปกป้องเมืองของตนอย่างแข็งขันและเริ่มออกไปล่ามอนสเตอร์กลายพันธุ์เหล่านั้นกันบ้าง

ทว่าด้วยความแข็งแกร่งที่มีจำกัดทำให้ไม่สามารถทำอย่างเมืองเชิ่งหลงที่มีนักรบระดับสูงมารวมตัวกันเป็นหมื่นโดยในทุก ๆ เช้าที่ประตูเมืองเปิดจะมีนักรบที่ใส่ของครบอย่างกับเติมทรูรีบกรูกันออกไปล่ามอนสเตอร์กันอย่างฮึกเหิมได้

ยกเว้นเพียงเมืองเลเวล 5 ทีสามารถส่งนักรบออกไปล่าได้ทีละหลักพันคนแล้ว พวกเมืองเลเวลต่ำ ๆ นั้นแย่กว่าเยอะเพราะสามารถส่งออกไปได้แค่หลักร้อยเท่านั้น

เพียงแต่เมื่อเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์กลายพันธุ์ที่มาอย่างกับคลื่นคลั่งแล้วนักรบเหล่านั้นก็เหมือนโดนสึนามิถล่มใส่

แต่เพื่อประคับประคองให้เมืองยังคงดำเนินเดินไปได้ตามปกติ จำเป็นต้องมีลูกปัดสมองมาซื้อสิ่งของยังชีพจากแพลตฟอร์มซื้อขายศิลาเสาเอก ทำให้มีแต่ต้องกัดฟันกระโจนเข้าใส่ฝูงมอนสเตอร์เท่านั้น

ดังนั้นยิ่งเวลาผ่านไปโหลวเฉิงเหล่านั้นก็ยิ่งสูญเสียกำลังรบ แต่ในทางกลับกันคือมอนสเตอร์กลายพันธุ์กลับดูไม่ได้ลดจำนวนลงเลย

นี่ดูเหมือนจะเป็นวงจรอุบาทว์ที่มีเพื่อตัดกำลังของโหลวเฉิงเหล่านั้นอย่างชัดเจน

ทว่าศพของชาวโหลวเฉิงที่ตายในปากของมอนสเตอร์กลับไม่ได้ถูกพวกมันกินเข้าไป แต่กลับถูกเอาไปวางกองไว้จนสูงเป็นภูเขาทำให้คนที่เห็นต่างก็งุนงงสงสัย

ชาวโหลวเฉิงต่างก็สังหรณ์ใจแปลก ๆ ในภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดนี้ส่งผลให้เกิดบรรยากาศแง่ลบในเมืองตลอดทั้งวัน

เมื่อเทียบกับโหลวเฉิงที่ราวกับอยู่ในดินแดนที่พร้อมจะล่มสลายอยู่ตลอดเวลาแล้วนั้น ที่เมืองเชิ่งหลงคือสวรรค์ของแท้

ทว่าตอนนี้ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายกว่าโหลวเฉิงเหล่านั้นหลายเท่าอยู่ด้วย

ห่างจากเมืองเฉิงหลงไปประมาณ 200 กิโลเมตรมีชายหญิงเกือบ ๆ หมื่นคนสวยเสื้อผ้าขาด ๆ กำลังเดินผ่านทุ่งหิมะกันอยู่

โดยกลุ่มนี้ประกอบไปด้วยเผ่าพันธุ์แทบจะทุกแบบเลยซึ่งมีทั้งชาวโหลวเฉิง ผู้พเนจร รวมไปถึงนักรบที่พอดีไปเจอกันระหว่างทางมาเมืองเชิ่งหลง

เนื่องจากกระแสคลื่นมอนสเตอร์เกิดปะทุอย่างกะทันหัน คนเหล่านี้จึงรวมตัวกันอย่างรวดเร็วและร่วมมือกันต้านทานมอนสเตอร์กลายพันธุ์

แม้ว่าจะมีคนอยู่จำนวนมากก็ตาม แต่ประสิทธิภาพในการต่อสู้กลับมีจำกัดมาก แค่จะเทียบเคียงทีมนักรบโดยทั่ว ๆ ไปแล้วยังทำไม่ได้เลย

เนื่องจากความหนาวเย็นและความหิวโหยทำให้เกือบทุก 1 กิโลเมตรที่เดินทางมาจะมีคนล้มลงไปนอนเป็นศพทีละนับสิบคน

เบื้องหลังคณะเดินทางนี้ถูกปูด้วยศพมาตลอดทาง

โชคดีที่พวกมอนสเตอร์กลายพันธุ์ต่างไปกระจุกตัวตามโหลวเฉิงแต่ละแห่งทำให้ระหว่าเดินทางมานี่จึงไม่ค่อยพบมอนสเตอร์ซักเท่าไหร่

ไม่อย่างนั้นล่ะก็โดนมอนสเตอร์บุกซักสองสามรอบคนนับหมื่นนี้ก็คงถูกฆ่ากันหมดแล้ว!

ในขณะนี่เองตรงกลางขบวน มีพ่อค้าวานิชต่างเผ่าคนหนึ่งในชุดหนังคอยเช็กวิทยุสื่อสารในมืออยู่ตลอดเวลาด้วยสีหน้าเป็นกังวล

เด็กน้อยคนหนึ่งที่เห็นดังนั้นก็ถามอย่างสงสัย “นี่ ๆ อาหัวหลู่ ไอ้นั่นมันใช้ทำไรเหรอ”

หัวหลู่ได้ยินก็ยิ้มให้เด็กชายคนนั้นแล้วตอบว่า “นี่เป็นเครื่องมือสื่อสารที่อาซื้อจากเมืองเชิ่งหลงน่ะ มันใช้สื่อสารระยะไกลได้

ขอแค่เราติดต่อกับเมืองเชิ่งหลงได้เราก็จะรอด!”

เด็กน้อยต่างเผ่าได้ยินคำตอบก็พยักหน้าเข้าใจและถามต่อว่า “แล้วเมืองเชิ่งหลงอะไรนั่นมันดีอย่างที่อาหัวหลู่ว่าจริง ๆ เหรอ ดีกว่าบ้านเกิดของเราอีกเนี่ยนะ”

หัวหลู่พลันนึกไปถึงประสบการณ์ที่ตนได้อยู่เมืองเชิ่งหลงและพยักหน้าให้หลานเบา ๆ

ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้นก็มีผู้พเนจร 2 คนที่นุ่งห่มผ้าบาง ๆ เดินต่อได้อีกไม่ไกลก็ ล้มลงกับพื้นและไม่ลุกขึ้นอีกเลย

ผู้คนที่เดินผ่านคนทั้งคู่นั้นไปมาต่างก็เฉยเมยโดยแค่เหลือบมองเล็กน้อยและเลิกสนใจ

คนที่ล้มไปแล้วไม่มีทางช่วยได้ อีกไม่นานก็จะถูกความหนาวเย็นนี้แช่จนกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง

ภาพนี้มันเกิดขึ้นตลอดเวลานั้นแหละ ทุกคนต่างก็ชินชาจนเมินเฉยไปตั้งนานแล้ว

หัวหลู่นั้นทำได้เพียงถอนหายใจเบา ๆ กับภาพที่เห็น เพราะลำพังตัวเองตอนนี้แค่เอาตัวเองกับคนในครอบครัวให้รอดยังเต็มกลืนเลย เรื่องคนอื่นนี่เอาตรง ๆ คือไม่ไหว

หากโชคร้ายแม้แต่ตัวหัวหลู่เองก็มีแนวโน้มที่จะตายระหว่างทางด้วยเหมือนกัน

หัวหลู่ได้ก้มหน้าลงไปกดปุ่มที่วิทยุสื่อสารและขอความช่วยเหลืออีกครั้ง

“ถึงเมืองเชิ่งหลง ๆ ที่นี่กองคาราวานวายหนึ่งศูนย์เก้า (y109) ตอนนี้ติดอยู่กลางทางขอความช่วยเหลือด่วน เปลี่ยน!”

พูดจบแล้วหัวหลู่ก็ถอนหายใจเบา ๆ และเดินต่อไปไม่หยุด

เขาพูดแบบนี้มาเป็นร้อยครั้งแล้วแต่สุดท้ายก็ไม่มีการตอบกลับ ดังนั้นครั้งนี้เขาก็ไม่ได้คาดหวัง

เพียงแต่ไอ้เวลาที่ไม่หวังนี่แหละที่มักจะมีเรื่องเซอร์ไพรส์ ซึ่งมันจะทำให้ทั้งตั้งตัวไม่ถูกทั้งมีความสุขไปพร้อม ๆ กัน

นั่นคือเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากที่หัวหลู่วางสาย จู่ ๆ ก็มีเสียงผู้ชายดังขึ้นจากวิทยุสื่อสารที่ไม่ตอบสองมากนาน

“ที่นี่เมืองเชิ่งหลง หมายเลขคาราวานของคุณได้รับการยืนยันแล้ว ตอนนี้ขอแจ้งว่าหน่วยกู้ภัยได้ถูกส่งออกไปตั้งแต่ห้าชั่วโมงก่อนแล้ว กรุณนารอการช่วยเหลือ เปลี่ยน!”

หัวหลู่ที่กำลังเดินก้มหน้าอยู่นั้นจู่ ๆ ก็ตัวสั่นขึ้นมาและรีบเอาวิทยุสื่อสารขึ้นมาพูดภายใต้สายตาอยากรู้อยากเห็นของผู้คนโดยรอบ

“ถึงเมืองเชิ่งหลง ๆ ทางเรามีคนอยู่จำนวนมาก มีกันเป็นหมื่น!”

“ทราบแล้ว กรุณารอการช่วยเหลืออย่างสบายใจ เปลี่ยน!”

หลังจากได้ยินคำตอบแล้วความกังวลสุดท้ายบนใบหน้าของหัวหลู่ก็หายไปจนหมด

เขาเงยหน้าขึ้นมองไปรอบ ๆ ตัวและหัวเราะเสียงดังภายใต้สายตาที่ประหม่าและคาดหวังของทุกคน

“หายห่วงแล้วพี่น้อง เมืองเชิ่งหลงส่งหน่วยกู้ภัยมาช่วยแล้ว พวกเรารอดแล้ววววววววววว!”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไปทุกคนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็มองหน้ากันและโห่ร้องกันออกมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด