ตอนที่แล้ว13 เขาว่าบ้านนี้ผีดุ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป15 เสน่ห์ปลายจวัก

14 ไม่ใช่ผี ไม่ใช่ปีศาจ


หลังจากนี้ไปเกรเทลต้องแบ่งเวลาทำความสะอาดบ้านพักวอลล็อคและช่วยงานครัวทั้งเช้าและเย็น โชคดีที่เธอเป็นคนมีระเบียบวินัยเรื่องเวลาทำงานจะมีแค่ช่วงระยะเวลาแรกเท่านั้นที่ต้องอาศัยการปรับตัวถึงจะชิน ถ้าเจ้านายเธอไม่คิดสั่งงานเพิ่มต่อจากนี้คาดว่าเธอสามารถทำทุกอย่างได้ราบรื่น ดีแค่ไหนที่เขาไม่ได้บังคับว่าเธอต้องวิ่งไปวิ่งกลับช่วยโรงครัวตอนมื้อเที่ยง ขืนเขาให้เธอทำแบบนั้นเธอได้ตายก่อนพอดี

หลังจากนั้นวันนั้นที่เธอฟื้นขึ้นมาบนโลกแปลกประหลาดนี้ก็ผ่านมาแล้วประมาณ 5 วัน เสียงเธอยังคงแหบต่ำอยู่ ซึ่งมันแปลกตรงที่ว่าเธอไม่ได้ป่วยเลยหรือว่าเส้นเสียงของร่างนี้จะมีปัญหาหรือเปล่าเกรเทลคิดในใจ มันส่งผลดีทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเธอเป็นเด็กผู้ชายแต่มันแย่ตรงที่ทุกคนสามารถใช้งานเธอได้ตามใจสั่งเพราะคิดว่าเธอแข็งแรงแบบบุรุษเพศ

ดีแค่ไหนที่ตอนนี้มีงานให้ทำแค่สองงานอย่างทำความสะอาดบ้านพักและทำครัว ไม่ใช่เหมือนเมื่อตอนนั้นที่ช่วงเช้าสั่งอย่างหนึ่ง เย็นสั่งให้ทำอีกอย่างหนึ่ง พูดได้คำเดียวเธอเหนื่อยกว่าตอนทำงานในบริษัทอีก

เกรเทลทำตามสเต็ปที่ตนเองวางไว้คือช่วยงานครัวรับกล่องข้าวมาแล้วไปบ้านวอลล็อคต่อ ดูเหมือนวันนี้ที่โรงครัวจะมีคนมาช่วยงานเพิ่มสงสัยมีการว่าจ้างคนครัวเพิ่มอีกเพราะจากล่าสุดที่เธอเห็นมีไม่กี่คนแถมต้องวิ่งวุ่นทำอาหารกันชุลมุน ขนาดป้ากันนาร์ที่ทำงานมานานพอ ๆ กับบาสเตียนยังบ่นอุบอิบว่าทำไมมีการเปลี่ยนคนครัวกะทันหันแบบนี้ เด็กสาวเห็นว่าอยู่ต่อคงมีแต่จะทำให้งานตนเองล่าช้าจึงโค้งตัวเพื่อลาลุง ๆ ป้า ๆ ในครัว

เมื่อร่างบางเดินไปถึงจุดหมายปลายทางก็พอดีกับที่อีกฝ่ายกำลังเดินออกมาจากบ้านพัก…เหมือนวอลล็อคกำลังจะออกไปข้างนอก

“เออ…นายจะไปไหน…ขอรับ” เธอเกือบลืมหางเสียง

ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงทักเห็นเจ้าหนูทาสคนเดิมกำลังเดินมาพร้อมอุปกรณ์ทำความสะอาดเช่นเคย

“ข้ากำลังจะออกไปทำธุระข้างนอกนานหน่อยนะ งั้นฝากบ้านไว้กับเจ้าด้วยนะ”

ไม่พูดเปล่าเขาเอามือมาวางไว้บนบ่าเล็กแล้วตบเบา ๆ ส่งยิ้มแปลก ๆ มาให้ครู่หนึ่งแล้วเดินผ่านเธอไป เด็กสาวยังไม่ทันได้ตอบกลับหรือพูดอะไรเขาก็เดินจากไปไกลแล้ว

งั้นแสดงว่าวันนี้เธออยู่ที่นี่คนเดียวใช่ไหม? เกรเทลหายใจสะดุดทันทีหัวใจเต้นแรงโครมครามอยากจะร้องไห้ออกมาดื้อ ๆ แล้วทำไมต้องให้เธออยู่ทำคนเดียวด้วยทำไมไม่เรียกให้คนอื่นมาช่วยเธอทำอย่างน้อยอยู่เป็นเพื่อนกันก่อนก็ดี ฮือ

ใบหน้าหวานหันไปมองบ้านพักไม้สนอย่างช้า ๆ ขนแขนลุกชันทั้งที่ไม่มีลลมหนาวพัดผ่าน ทำใจกล้าก้าวเท้าเดินเข้าไปพร้อมทั้งพนมมือบอกผีหรืออะไรก็ตามที่อยู่ในบ้าน

“หนูแค่ว่าทำความสะอาดบ้านนะเจ้าคะ อย่าหลอกหนูนะ”

บอกเสร็จก็ยกมือพรมหัวแล้วรีบจ้ำเข้าบ้านเคลียร์ทำความสะอาดเหมือนเดิม โดยตลอดเวลาที่เธอก้ม  ๆ เงย ๆ ปัดกวาดเช็ดถูภายในห้องจะรู้สึกเหมือนมีใครบางคนจ้องมองเธอแทบจะตลอดเวลา เกรเทลหันหลังไปมองแทบจะทุกวินาทีเพราะเสียวสันหลังวาบ ๆ เซนส์สัญชาตญาณกู่ร้องบอกว่าสายตานี้ไม่ใช่คนและไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่เธอรู้จัก

แต่มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ ไม่ใช่ผี ไม่ใช่ปีศาจ มันน่ากลัวกว่านั้น

ลำคอตีบตันกลืนก้อนน้ำลายลำบากเธอพยายามไม่สนใจสิ่งนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรเธอก็จะไม่สนใจเด็ดขาด

‘พอหันหน้ามาก็เจอเงาอะไรไม่รู้พุ่งเข้าใส่’

เสียงอารอล์ฟที่เคยเล่าเรื่องผีในบ้านพักวอลล็อคให้ฟังดังก้องในหูเธอไม่หยุดโดยเฉพาะคำว่า เงาอะไรไม่รู้ ทำไมอารอล์ฟต้องมาเล่าอะไรแบบนี้ให้ฟังก็ไม่รู้ แล้วเธอเองจะอยากรู้ไปทำไมกันนะตอนนั้นเหมือนฆ่าตัวเองทางอ้อมเลย

เกรเทลจำใจเร่งทำความสะอาดทั้งชั้นบนและชั้นล่างแบบด่วนจี๋ ไม่สนแล้วว่ามันจะเป็นอะไร

ตุ้บ!

กระทั่งเธอได้ยินเสียงเหมือนของหนักตกลงมาจากชั้นสอง ที่ซึ่งมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่บ้านนอกจากเธอคนเดียว แถมวอลล็อคออกไปทำธุระข้างนอกกว่าจะกลับคงบ่าย ๆ เย็น ๆ นู่นเลย

แล้วอะไรที่ตกลงมากันล่ะ? เกรเทลสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ยกแขนเอาฝ่ามือสองข้างตบลงข้างแก้มเรียกสติและสมาธิกลับมา ว่าอย่าไปกลัวมันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียหน่อยจิตเธอปรุงแต่งไปเอง ยืนทำใจอยู่ประมาณ 2-3 นาทีจึงหันฝ่าเท้าเดินขึ้นบันไดทีละขั้นอย่างช้า ๆ พร้อมคว้าเอาไม้กวาดมาถือในมือเป็นอาวุธคู่ใจ หัวใจภายในอกเต้นตึกตักลุ้นระทึก ยิ่งเธอก้าวึ้นไปจนใกล้สุดขั้นบันไดเธอยิ่งหวาดผวา

มีแค่สองห้องไม่เป็นห้องน้ำก็ในห้องนอนของวอลล็อค

เธอตัดสินใจเลือกเปิดดูในห้องน้ำก่อน มือเรียวเล็กค่อย ๆ เอื้อมไปหมุนลูกบิดประตูแล้วใช้ปลายด้ามไม้กวาดดันบานประตูเข้าไปช้า ๆ เด็กสาวชะโงกหน้ามองเข้าไปแบบกล้า ๆ กลัว ๆ ภายในห้องน้ำชั้นสองดูปกติดีทุกอย่าง ข้าวของยังวางอยู่ที่เดิมที่เธอเคยทำไว้เมื่อวานแม้มีร่องรอยขของการหยิบจับแต่อีตาหัวเขียวก็นำไปวางไว้จุดเดิม

ในเมื่อห้องนี้ไม่มีอะไรผิดปกติก็คงหนีไม่พ้นห้องนอนของเจ้านายเธอแล้ว ตัวเลือกเหลือแค่ข้อเดียวทำให้เธอชักจะไม่อยากรู้แล้วว่าอะไรตกลงมาเสียงดัง พอจะก้าวขาเดินลงบันไดก็ทำไม่ได้เหมือนมีพลังงานบางอย่างดึงดูดให้เธอหันหลังเอื้อมมือไปเปิดประตูห้องนอนของวอลล็อคแทน

เมื่อประตูถูกเปิดอ้าจนกว้างปรากฏเป็นภาพที่ทำให้เด็กสาวขมวดคิ้วเพราะทุกอย่างเป็นปกติดี เตียงนอนที่มีรอยยับเพราะยังไม่ถูกจัด หน้าต่างเปิดรับลมและแสงแดด บนพื้นก็ไม่มีของอะไรตกลงมาทั้งนั้น คำถามต่อมาคือแล้วเสียงที่เธอได้ยินเมื่อครู่มันมาจากไหน?

เมื่อไม่พบอะไรเกรเทลก็ออกมาจากห้องปิดประตูแล้วทำความสะอาดชั้นล่างต่อ ทำเป็นเหมือนว่าเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ตราบใดที่เธอยังไม่เห็นอะไรที่น่ากลัวเธอก็จะทำใจดีสู้เสือทำงานต่อไปไม่แคร์ว่าจะต้องเจอมันเมื่อไรหรือตอนไหนปล่อยให้เป็นหน้าที่โชคชะตามันทำงานเองแล้วกัน

งานวันนี้ก็ผ่านพ้นไปโดยดีทั้งทำความสะอาดและโรงครัว เมื่อเธอกลับถึงบ้านพักอารอล์ฟก็เอ่ยทักถามเพื่อนร่วมห้องทันทีด้วยความสงสัย

“เกรเทลเจ้าไปทำความสะอาดที่บ้านพักนายเจออะไรบ้างไหม?”

อารอล์ฟถามออกไปด้วยความเป็นห่วงเพื่อนตัวเล็ก ข่าวลือว่ามีผีในบ้านนายทำให้เขารู้สึกไม่ดีแม้ว่าจะไม่อยากเชื่อเท่าไร

“เออ…ไม่นะปกติดีข้าไม่เจออะไรอย่างที่พวกเจ้าลือกัน”

เด็กสาวลังเลว่าจะตอบแบบไหนออกไปดีเพราะในเมื่อสิ่งที่เจอมันไม่สามารถอธิบายได้ว่าใช่หรือไม่ใช่ อาจจะเป็นเสียงของหน้าต่างกระทบกัน หรือมีของตกใส่หลังคาก็ได้ เกรเทลไม่รู้ว่ามันคืออะไรด้วยซ้ำ

“งั้นเหรอ…ก็ดีที่ไม่เจออะไร”

แต่ไม่แน่วันต่อ ๆ ไปอาจมีก็ได้นะอารอล์ฟ ประโยคนี้เธอเลือกที่จะไม่พูดออกไปให้เขาได้ยิน เดี๋ยวอนาคตกลายเป็นว่าจะให้ใครมาช่วยทำความสะอาดบ้านจะไม่มีใครกล้ามาทำสักคนน่ะสิ เธอไม่อยากเหนื่อยทำงานคนเดียวหรอกนะเห็นใจผู้หญิงตัวเล็ก ๆ กันบ้างเถอะ

จากนั้นต่างคนต่างจัดการทำธุระส่วนตัวแล้วทยอยเข้านอน

ผ่านมาเกือบ 2 อาทิตย์แล้วเกรเทลยังคงทำงานตามตารางงานตนเองไม่มีขาดตกบกพร่อง เช้าเย็นไปช่วยงานครัวกับบาสเตียน ส่วนวอลล็อคเขาไม่ได้สั่งงานอะไรเธอเพิ่ม นอกจากทำความสะอาดบ้านและดูเฝ้าบ้านแทนเขาในเวลาที่ไม่อยู่บ้าน

“ดูแลบ้านดี ๆ อย่าคิดขโมยอะไรเชียว ข้าจำได้ว่ามีอะไรในบ้านบ้าง”

ร่างสูงกำชับเด็กในปกครอง เขาพูดแหย่เล่นไปแบบนั่นแหละ ไม่คิดว่ามันจะขโมยของหรอกเพราะในบ้านไม่มีอะไรให้ขโมย อย่างมากก็หนังสือเก่า เอกสารบางส่วน และพวกเครื่องประดับเอาไว้ออกงานสองสามชิ้นที่แทบไม่ได้ใส่

ช่วงแรกเธอก็หวาดเสียวผวากับเสียงภายในบ้านที่ดังก๊อก ๆ แก๊ก ๆ ไม่มีของตก ก็พวกของบนชั้นวางไหลลงมาเองจนเธอชินชาไปเสียแล้ว ทีแรกสายตาที่มันมองมาค่อนข้างเยือกเย็นเหมือนสัตว์ร้ายที่จ้องจะแล่เนื้อชิ้นอันโอชะ แต่พอหลายวันสายตาที่เธอรู้สึกเริ่มเปลี่ยนเป็นเพื่อนแก้เหงามากกว่า มันดูเธอทำนู่นนี้นั้นตลอดเวลา ไม่มีสักครั้งที่เธอจะไม่รู้สึกว่าสายตานั้นจะหายไป

มันเหมือนเป็นหมาเฝ้าบ้านอีกตัว

แต่เธอไม่รู้ว่าสายตานั้นถูกส่งมาจากทางไหน บางครั้งก็ข้างหลัง บางครั้งก็บนหัว บางครั้งก็รอบ ๆ ตัว แต่พอหันไปมองก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรนอกจากตัวเธอเองคนเดียว เกรเทลเคยคิดจะเอ่ยทักถามว่าคืออะไรแต่อีกใจก็กลัวเสียงที่มันตอบกลับมา จึงเลือกที่จะต่างคนต่างอยู่ เธอทำหน้าที่ของเธอไป ส่วนมันถ้าจะเอาแต่มองเธอก็ให้มันมองไป

ระหว่างวันที่ว่าง ๆ จากทำความสะอาดเธอมักจะแอบหยิบหนังสือจากตู้หนังสือในห้องนั่งเล่นมาเปิดอ่าน ถึงจะยังอ่านไม่รู้เรื่องแต่เธอก็พยายามแกะตัวอักษรมากมายมาร้อยเรียงเปรียบเทียบดูว่าสิ่งที่เขียนสื่อถึงอะไรบ้าง วอลล็อคมักทิ้งเศษกระดาษที่ไม่ใช้แล้วลงถังขยะ เธอเลยหยิบมาดูจึงเห็นว่ามันยังพอมีพื้นที่ว่างเหลือ ร่างเล็กเดินไปหยิบดินสอที่อยู่ในตู้ลิ้นชักข้างโต๊ะรับแขกมานั่งขีดเขียนเล่นแก้เหงา

เริ่มจากการฝึกคัดตัวหนังสือแปลก ๆ ไปทีละตัวสองตัวจนจำขึ้นใจ เธอเคยเรียนภาษาต่างประเทศมาก่อนการที่คนเราจะเริ่มต้นเรียนภาษาใหม่นอกจากภาษาแม่ก็ต้องเริ่มจากอะไรง่าย ๆ แบบนี้ทั้งนั้น กระทั่งนาฬิกาตีบอกว่าเวลา 12 นาฬิกา เด็กสาวหยุดเขียนลุกขึ้นยืนแล้วหันไปหยิบข้าวกล่องขึ้นมาทานบนโต๊ะกินข้าวในครัว ในจังหวะที่เธอลากสายตาขึ้นมาเธอเห็นหางบางสิ่งบางอย่างเลื้อยผ่านขาโต๊ะเก้าอี้ไม้ไปทางห้องนั่งเล่น ร่างเล็กชะงักค้างขยี้ตามองใหม่อีกที เธอมั่นใจว่าสายตามองไม่ผิดแน่

มันคือ งู! งูตัวเบ้อเร่อขนาดประมาณ 3 เมตร เลื้อยผ่านหน้าเธอและมันกำลังขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านพักเจ้านายเธอ

ในหัวมีแต่คำว่า บรรลัยน่อง เธอไม่ใช่คนกลัวงูแต่จับงูที่ตัวขนาดใหญ่แบบนี้ไม่เป็น เกรเทลเคยดูสารคดีกับคลิปหน่วยกู้ภัยมาก่อนสองสามครั้ง และเมื่อสามสี่ปีที่แล้วเคยเข้ารับการอบรมเรื่องการจับงูมาบ้าง แต่อันนั้นมันมีคนช่วยไงครั้งนี้เธอทำตัวคนเดียว จะวิ่งไปขอความช่วยเหลือก็กลัวมันจะเลื้อยหนีหายไปเสียก่อน อีกทั้งเธอเปิดประตูและหน้าต่างชั้นบนไว้ทุกบาน!

เกรเทลตัดสินใจรีบคว้าเอาถุงผ้าตนเองเทเอาอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่พกติดตัวออกไป ขาเล็กวิ่งไปหยิบถังและกะละมังจากหลังบ้านเข้ามาแล้ววิ่งตามสัตว์ร้ายไปบนชั้นสอง เธอไม่รู้ว่ามันเป็นงูชนิดไหนได้แต่ภาวนาว่าอย่าขอเป็นงูมีพิษเลย

เมื่อเธอเดินมาถึงชั้นบนเห็นมันเลื้อยผ่านเข้าไปในห้องนอนของวอลล็อคซึ่งเป็นห้องที่มีหน้าต่างเยอะที่สุด ถ้ามันเลื้อยออกไปแล้วไปแอบซุกอยู่ตรงไหนของบ้านวันดีคืนดีเลื้อยกลับเข้ามาอีกเป็นเรื่องแน่ เกรเทลไม่อยากให้เจ้านายตนเองโดนงูฉกตาย

มันเลื้อยขึ้นไปบนเตียงนอนช้า ๆ แล้วเริ่มขดตัวเป็นก้อนกลม ๆ เมื่อพิจารณามองอย่างถี่ถ้วนมันมีตัวเป็นสีดำเมี่ยมสนิท เนื่องจากแสงแดดลอดพาดผ่านมายังเตียงพอดีพอดีตัวมันเวลาโดนแสงแดดส่องจะมีสีทองเรืองรองออกมารอบตัว นัยน์ตาเป็นสีแดงฉานน่าสะพรึงแต่ดูดุดัน เขี้ยวแหลมยาวโค้งออกมาจากปาก กลางหัวมันถ้าไม่สังเกตดี ๆ จะมองไม่เห็นสัญลักษณ์รูปเสี้ยววงกลมคล้ายพระจันทร์คว่ำจาง ๆ กลืนไปกับสีผิว

เหมือนมันกำลังจะนอนหลับ ร่างเล็กเลยก้าวเท้าช้า ๆ ให้เงียบที่สุดจับกะละมังพลิกให้คว่ำลงเตรียมครอบตัวงู เธอไม่แน่ใจว่าขนาดกะละมังจะใหญ่พอจับงูตัวนี้แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย

แอ๊ด…

ทว่าฝ่าเท้าเธอดันไปเหยียบเอาพื้นไม้ที่พองตัวแล้วดันลั่นขึ้นมาดื้อ ๆ เหงื่อซึมไหลทั่วตัวเมื่อเห็นว่างูตรงหน้าได้ชูคอขึ้นสูงแล้วจ้องมาที่เธอเรียบร้อยแล้ว เด็กสาวกัดฟันแน่นตาจ้องตาไม่กะพริบไม่กล้าขยับเขยื้อนแม้แต่นิดเดียว คำเตือนแรกที่เคยถูกสอนไว้จากพี่ชาย คือ จงดูการเคลื่อนไหวของมันก่อน ถ้ามั่นใจว่ามันยังไม่ฉกให้ค่อย ๆ ก้าวถอยหลังอย่างช้า ๆ แต่ห้ามละสายตาจากมันโดยเด็ดขาด

แต่สิ่งอื่นใดยิ่งเธอถอยห่างจากมันมากเท่าไรทำไมมันยิ่งเลื้อยเข้ามาหาเธอตลอดเลย ตอนนี้ระยะห่างของเธอและมันไม่ใกล้ไม่ไกลแล้ว ไอ้ทฤษฎีที่ว่านั้นทำไมมันใช้ไม่ได้ผล?!

ตอนนี้เธออยู่คนเดียวในบ้านกับงูขนาด 3 เมตร ทำไมเธอไม่วิ่งออกไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นแทนนะ จะทำเป็นใจกล้าจับงูเองทำไมก็ไม่รู้แต่มาคิดได้ตอนนี้คงจะไม่ทันเสียแล้ว สถานการณ์นี้เธอจะรอดออกไปได้อย่างไรกัน

…อวดเก่งเหลือเกินนะเรา….

เกรเทลเริ่มแบะปากร้องไห้น้ำตาซึมมือไม้เริ่มสั่นขึ้นมา สายตาที่มันจับจ้องมาชวนขนลุกขนพองสยองเกล้าเธอไม่เคยรู้สึกกลัวขนาดนี้มาก่อนในชีวิต

“ไอ้หนูเจ้าอยู่ไหน”

เสียงอันคุ้นเคยตะโกนเรียกดังมาจากชั้นหนึ่งของบ้านพร้อมฝีเท้าหนักที่กำลังเดินขึ้นบันไดมาด้านบน วอลล็อคเดินขึ้นมาเห็นเจ้าหนูทาสยืนตัวสั่นตรงบริเวณห้องนอนของตนจึงลากสายตาไปมองสิ่งมีชีวิตอันตรายที่ชูคอขยายตัวอยู่บนเตียง

เขามองมันนิ่ง ๆ ไม่ได้พูดหรือแสดงท่าทางอะไรออกมา สักพักมันก็แลบลิ้นขู่ฟ่อเสียงดังแล้วเลื้อยหนีออกไปทางหน้าต่างห้องนอน เกรเทลแข้งขาอ่อนแรงทรุดตัวลงดังตึงหายใจหอบโกยอากาศเข้าปอด

…นึกว่าจะไม่รอดแล้ว…

ชายหนุ่มปรายตามองเด็กชายบนพื้นแล้วพูดขึ้นมา

“คราวหลังถ้ารู้ว่ากลัวก็ไม่ต้องไล่”

คนที่นั่งกองบนพื้นแหงนหน้าขึ้นมองพร้อมพยักหน้ารัว ๆ วอลล็อคเอื้อมมือลงไปฉุดร่างเล็กให้ลุกขึ้นยืนพาเดินลงไปชั้นล่าง

“วันนี้เจ้าไม่ต้องไปทำงานที่โรงครัว พอดีวันนี้มีคนครัวเยอะแล้ว”

หน้าหวานพยักหน้ากับคำสั่งใหม่ของเจ้านาย  แม้ว่าจะไม่ได้ไปช่วยงานครัวแต่จากเซนส์อันดีเยี่ยมของเธอบอกว่าวอลล็อคต้องโยนงานอย่างอื่นมาให้เธอชัวร์

“พอดีข้าเบื่ออาหารที่โรงครัว เจ้าทำอาหารเป็นใช่ไหม?”

เกรเทลยิ้มค้างกับภารกิจใหม่ที่กำลังได้รับมอบหมายแบบไม่ทันได้เตรียมใจ

“ทำ…อาหารหรือขอรับ?”

ทวนคำถามอีกรอบเผื่อสิ่งที่ได้ยินเข้าหูไปเมื่อสักครู่อาจผิดเพี้ยนไป เขาเนี่ยนะเบื่ออาหารโรงครัวเท่าที่สังเกตจากทุกครั้งที่ไปช่วยบาสเตียน อาหารของนายใหญ่ตลาดค้าทาสแทบจะดูดีกว่าคนงานเสียด้วยซ้ำไป คนงานจะทานเป็นข้าวแกงราดธรรมดากับผลไม้ ส่วนเขาจะเป็นพวกอาหารทอด ไม่ก็เมนูพิเศษอื่น ๆ แล้วแต่หัวหน้าพ่อครัวจะจัดสรรให้ไม่มีทางเหมือนของคนงานแน่นอน

“ก็ใช่สิ เจ้าหูตึงหรือ”

“เปล่าขอรับ งั้นท่านอยากทานอะไรถ้าทำมาแล้วไม่ถูกปากท่านอย่ามาดุข้าเชียว”

ในเมื่อเขาอยากให้เธอทำอาหารก็ไม่มีปัญหาแต่ถ้าทานไม่ได้ก็อย่าหาเรื่องเธอทีหลังแล้วกัน คนเขาอุตส่าห์จะทำให้ตามคำขอ

“แล้วแต่เจ้าแล้วกันข้าไม่เรื่องมากหรอก”

เกรเทลขายรับแล้วบอกว่าอตัวไปขอส่วนผสมจากโรงครัวสักครู่แม้ว่าที่นี่จะพอมีวัตถุดิบอย่างเครื่องเทศเครื่องปรุงติดครัว แต่พวกเนื้อสัตว์หรือผักสดไม่มีเธอจึงต้องเดินวนกลับไปเอาก่อนที่จะเริ่มทำอาหาร หายไปไม่นานร่างผอมบางก็หอบเอาข้าวของที่ต้องใช้เดินเข้าไปโซนครัว วอลล็อคเดินตามเด็กหนุ่มไปด้วยเขาเอนตัวพิงเท้าแขนกับโต๊ะเคาน์เตอร์แล้วมองวัตถุดิบที่มันจะใช้ทำ

“เจ้าจะทำเมนูอะไรให้ข้ากิน?”

ด้วยความหมั่นไส้เป็นทุนเดิมของเด็กสาว เธอจึงสวนกลับไปด้วยประโยคเผ็ดร้อนหวังจะกวนประสาทกลับคืนบ้าง จนคนฟังยังกระตุกยิ้มร้ายออกมาด้วยความชอบใจในฝีปากกล้าของเธอ

“ถ้าข้าบอกว่าเป็นยาเบื่อท่านจะกินไหมล่ะ”

------

คอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ได้นะคะ

หากพบคำผิด แก้ไขติชมโปรดคอมเมนต์อย่างสุภาพไรท์ยินดีปรับปรุงแก้ไขค่ะ

***

Talk with writer

นอกจากเจ้าของบ้านเพี้ยนแล้ว บ้านที่นางอยู่ก็เฮี้ยนไม่แพ้กัน?

คือต้องแบบนี้สิลูกสาวอย่าไปยอมให้มันแกล้งเราอยู่คนเดียว

จะว่าไปน้องก็ใจกล้าเถียงเจ้านายดีเนอะ ชีวิตจริงคงโดนด่าไปแล้ว5555

****

แวะมาพูดคุยเล่นหรือดูอัพเดตเกี่ยวกับนิยายไรท์ได้ที่

Facebook : C.T.Tiana

X (Twitter) : @Ccttiana

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด