ตอนที่แล้วตอนที่ 287 ร้านน้ำหวานเย็น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 289 สกุลเงินทมิฬ

ตอนที่ 288 รสชาติที่น่าสงสัย (ฟรี)


(ตอนเดียวครับวันนี้ ติดงานที่ออฟฟิตครับ)

หนี่จี๋ชาถือแก้วน้ำด้วยความลังเลและไม่กล้าที่จะกิน

เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็สบตาเข้ากับสายตาที่กำลังคาดหวังของมินโฮ

เธอเองก็ไม่อยากทำให้มินโฮเสียใจ เธอนำหลอดเข้าปากและค่อยๆ ดูดน้ำขึ้นมา

ของเหลวสีเขียวอ่อนไหลขึ้นมาตามหลอด เมื่อสัมผัสกับลิ้นรสชาติแรกที่เจอเลยคือความขม และกลิ่นเฉพาะของผัก

หนี่จี๋ชาคิ้วขมวด ก่อนที่รสอันเป็นเอกลักษณ์ของชาประกายแสงจะออกมา ช่วยลดความขมของผัก

และตามมาด้วยรสหวานของน้ำผึ้ง ทั้งสามรสผสมผสานอยู่ในปากตลอดเวลา

มินโฮถามอย่างคาดหวัง

“เป็นไงบ้าง”

“รสชาติมันซับซ้อนมาก ทั้งขมหวาน แต่ก็อร่อย”

หนี่จี๋ชาจิบไปอึกใหญ่ ก่อนที่จะลองกินดูอีกครั้ง

มินโฮยิ้มไปพยักหน้าไป

“ถ้าออกมาดีก็ดีแล้ว”

“ชานมไข่มุกได้แล้วค่ะ”

เว่ยหยูหลันพูดขึ้น

“ของฉันๆ”

อามันรีบลุกขึ้นไปรับแก้วน้ำของเธอ พร้อมกับมองดูแก้วน้ำและหลอดแก้วด้วยความสงสัย

“แก้วกับหลอดนี้สามารถเอากลับไปได้ด้วยใช่ไหม”

“ค่ะ”

เว่ยหยูหลันพยักหน้าเบาๆ

ราคาของชานมไข่มุกอยู่ที่ 3 ผลึกสัตว์อสูรชั้นต้นระดับสุดยอด ส่วนแก้วน้ำกับหลอดแก้วนั้นก็ไม่แพงอะไรในเมืองเต่าทมิฬ

“ฮิๆ ฉันจะได้เอากลับบ้านด้วย”

แววตาของอามันเป็นประกาย

เธอเปิดปากขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะเอาหลอดเข้าปากและเริ่มดูด

ชานมเย็นๆ ได้ไหลลงไปในคอของเธอ กลิ่นหอมจางๆ ก็ตีขึ้นจมูกมาพร้อมกับความหวานมันที่เต็มอยู่ในช่องปาก

“กลิ่นนี้มัน…”

แววตาของอามันลุกโชน และพูดอย่างหลงไหล

“รสหวานมันกำลังดี อร่อยมาก”

เธอเลียริมฝีปากและเริ่มดูดชานมอีกครั้ง พร้อมกับดูดไข่มุกเข้าไปด้วย

อามันเริ่มเคี้ยวไข่มุกที่เหนียวหนึบ และยังมีรสหวานอ่อนๆ อีกด้วย

“น้ำมะเขือเทศเย็นได้แล้วค่ะ”

เว่ยหยูหลันพูดขึ้นมาอีกครั้ง

อาชิงได้ยินก็รีบเดินเข้าไปรับแก้วน้ำทันที

น้ำมะเขือเทศนั้นทำมาจากการนำน้ำชาผสมกับน้ำมะเขือเทศ

อาชิงมองดูแก้วเครื่องดื่มอย่างถี่ถ้วน เธอเห็นของเหลวสีแดงอ่อนๆ และมีมะเขือเทศหั่นเป็นแว่นสองแผ่นลอยอยู่

อาชิงค่อยๆ จิบน้ำมะเขือเทศ รสชาติแรกที่เธอรู้สึกคือความหวานอมเปรี้ยวอันเป็นเอกลักษณ์ของมะเขือเทศ และกลิ่นที่ขึ้นมาติดที่ปลายจมูก อีกทั้งกลิ่นของชาเองก็กระจายอยู่ทั่วปาก

เธอรีบถามอย่างสงสัยทันที

“นี้น้ำมะเขือเทศราคาเท่าไหร่งั้นหรอ”

“ราคาเท่ากับชานมไข่มุกค่ะ 3 ผลึกสัตว์อสูนชั้นต้นระดับสุดยอด”

เว่ยหยูหลันตอบอย่างสุภาพ

“ผลึกสัตว์อสูรชั้นต้นระดับสุดยอด 3 ก้อนงั้นหรอ”

อาชิงฟังพร้อมกับเปิดริมฝีปากขึ้นมาเล็กน้อย

เธอตั้งใจว่าเดือนหนึ่งจะดื่มสิ่งนี้สักสองสามครั้ง แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเธอจะมีรายได้มากพอมาซื้อรึป่าว

“มันอร่อยมาก รสชาติก็ดี”

อามันทำตาพริมพร้อมกับดูดชานมไข่มุกอย่างเอร็ดอร่อย

มินโฮถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็เอื้อมมือไปเปิดก็อกน้ำในซิงล้างจาน และมีน้ำใสๆ ไหลออกมา

การติดตั้งระบบประปาภายในเมืองเต่าทมิฬนั้นใกล้จะเสร็จแล้ว มีเพียงไม่กี่จุดเท่านั้นที่น้ำยังไปไม่ถึง

ถนนเส้นหลักรอบเมืองน้ำประปาได้เข้าถึงแล้ว ทุกอาคารบ้านเรือนได้ติดตั้งก็อกน้ำ และไม่จำเป็นต้องมาเข้าแถวตักน้ำอีก

“ท่านมินโฮ พวกเราไปก่อนนะคะ”

หนี่จี๋ชาพูดเบาๆ

“แล้วกลับมากินอีกนะ”

หูของมินโฮกระดิกไปมาราวกับดีใจ และโบกมือให้กับทั้งสามอย่างออกหน้าออกตา

“ค่ะ…ฉันจะพยายามกลับมา”

มุมปากของหนี่จี๋ชาถึงกับกระตุกเมื่อได้ยิน

เธอก็อยากจะมาที่นี่บ่อยๆ แต่คงจ่ายราคาน้ำไม่ไหว

“ท่านมินโฮ ไปแล้วนะ”

อามันโบกมือให้และพูดอย่างสุภาพ

ทั้งสามออกจากร้านน้ำหวานเย็นพร้อมกับแก้วน้ำคนละใบในมือ ถึงน้ำจะหมดและเหลือเพียงน้ำแข็งแล้วก็ตาม แต่ทั้งสามก็ตัดสินใจจะไม่ทิ้งแก้วน้ำนี้

“เราจะไปไหนกันต่อดี”

อามันถามอย่างไร้เดียงสา

“ไปเดินซื้อของกัน”

หนี่จี๋ชาเขย่ายแก้วของเธอเล็กน้อย จนหลอดแก้วกระทบกับแก้วน้ำไปมาจนเกิดเสียง

“แต่เราไม่มีผลึกสัตว์อสูร เราจะไปซื้อได้ยังไง”

อามันพูดอย่างเขินอาย

“จริงด้วย…”

หนี่จี๋ชาชะงักไปเล็กน้อย และหยุดเดิน

“ตอนนี้พวกเราไม่มีเงินเลย”

อาชิงพูดความจริงออกมา

“....”

หนี่จี๋ชาเม้มปาก และมองไปทางสองสาว

“งั้นเรากลับกันไหม?”

“อืม กลับกันเถอะ”

อาชิงพยักหน้าเห็นด้วย

อามันเองก็พยักหน้าเห็นด้วยเหมือนกัน

“ไปโรงอาหารกันเถอะ กินมื้อเที่ยงใช้แต้มสะสมเพียงนิดเดียวก็อิ่มแล้ว”

“เมื่อไหร่ที่แต้มสะสมเปลี่ยนเป็นธนบัตรแล้ว เราจะซื้อของในถนนการค้าเท่าที่ต้องการ”

หนี่จี๋ชาถอนหายใจ

เธอจำสิ่งที่ลี่เยว่บอกไว้ก่อนหน้านี้ได้ว่าธนบัตรสามารถใช้จ่ายในถนนการค้าได้

ทั้งสามเดินชมถนนการค้า ก่อนที่จะกลับเข้าไปในเขตเมืองอยู่อาศัย

…..

ที่ตำหนักเจ้าเมือง มู่เหลียงกำลังวาดแผนภาพของชุดป้องกันแรงกระแทกสำหรับโหย่วเฟ่ยอยู่

ก็อกๆ

เสียงเคาะประตูห้องทดลองดังขึ้นก่อนที่จะถูกเปิดออก หยู่ฉินหลานเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าอันสง่างาม

“มู่เหลียง เรื่องบ่อบำบัดน้ำเสียได้ถูกขุดสร้างเรียบร้อยแล้ว”

หยู่ฉินหลานกล่าวด้วยน้ำเสียงหวานๆ

“ขอบคุณนะ ที่ช่วยเหลือฉันตลอด”

มู่เหลียงเงยหน้าขึ้นมามองและพูดอย่างอ่อนโยน

“ก็ไม่ได้ลำบากอะไร”

หยู่ฉินหลานส่ายหัว และยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากก่อนที่จะพูดต่อ

“ตอนนี้คนงานเริ่มทำปุ๋ยสำหรับดินตามที่มู่เหลียงสั่งแล้ว ถ้าว่างเมื่อไรก็ไปดูได้”

“เข้าใจแล้ว”

มู่เหลียงตอบตกลงก่อนที่จะจูงมือหยู่ฉินหลานมานั่งลงข้างๆ

การทำแบบนี้ทำให้ใบหน้าที่งดงามของหยู่ฉินหลานถึงกับแดงขึ้นมา

“มีอีกเรื่องหนึ่ง ฉันกำลังคิดที่จะเปิดธนาคารขึ้น และต้องการคนดูแล”

มู่เหลียงพูดอย่างนุ่มนวล

ก่อนที่จะหยิบเอกสารออกมาจากลิ้นชัก เป็นรูปภาพแบบแปลนและบันทึกข้อความหลายอย่างซึ่งเขียนเกี่ยวกับขั้นตอนการทำงานของธนาคาร

“ธนาคาร?”

หยู่ฉินหลานเลิกคิ้วขึ้น ก่อนที่จะหยิบเอกสารขึ้นมาอ่าน

“ใช่”

มู่เหลียงตอบและให้เวลาหยู่ฉินหลานอ่านให้จบ

ในเมื่ออีกไม่นานจะเริ่มทำการเปลี่ยนแปลงระบบการเงินแล้ว ก็ควรที่จะเปิดธนาคารด้วยซึ่งทั้งสองอย่างเกี่ยวข้องกันอย่างมาก

ห้านาทีต่อมา

หยู่ฉินหลานเงยหน้าขึ้น และถามอย่างสงสัย

“แล้วอยากจะเปิดธนาคารที่ไหน”

มู่เหลียงตอบอย่างสบายๆ

“ก่อนเปิดช่วยไปติดประกาศที่ลานกลางเมืองก่อน ส่วนสถานที่เอาเป็นข้างหน่วยสายตรวจ”

“เข้าใจแล้ว ปล่อยให้เรื่องพวกนี้ฉันจัดการเอง”

หยู่ฉินหลานพยักหน้าอย่างจริงจัง

เธอชอบงานแบบนี้มาก มันดูสนุกและน่าสนใจมากกว่างานของเธอในกลุ่มทะเลสาบพระจันทร์

“ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจ มาถามฉันได้ตลอดเวลาเลยนะ”

มู่เหลียงตบไปบนหลังมือของหยู่ฉินหลานอย่างอ่อนโยน

“ฉันรู้แล้ว”

หยู่ฉินหลานตอบด้วยน้ำเสียงดูขุ่นเคืองเล็กน้อย

เธอยืนขึ้นพร้อมกับเสยผมของเธอก่อนที่จะพูดเสียงดังฟังชัด

“งั้นฉันกลับไปทำงานก่อน”

“อืม ว่าแต่เฟ่ยหยานหายไปไหน เธอรู้บ้างไหม?”

จู่ๆ มู่เหลียงก็ถามขึ้น

ในสองวันมานี้ หยู่เฟ่ยหยานไม่มากินข้าวที่ห้องอาหารเลย

“ฉันว่าคงกำลังท่องจำกฏหมายข้อบังคับในการบินอยู่”

หยู่ฉินหลานตอบพร้อมกับนัยน์ตาที่ฉายออกถึงรอยยิ้ม

หยู่เฟ่ยหยานนั้นพยายามอย่างหนักมาสองวันแล้วในการท่องจำ ทั้งยังเข้าร่วมฝึกฝนกับสายการบินด้วย

การฝึกของเธอคือการบินคุ้มกัน และสนับสนุนหน่วยรักษาความปลอดภัยของสายการบินที่ได้รับการคัดเลือกมา

มู่เหลียงเองไม่รู้ว่าจะขำหรือสงสารเธอดี เพราะกลัวว่าหากถามความคืบหน้าของเธอจะทำให้เธอยิ่งเครียดมากขึ้นไปกว่าเดิมรึป่าว

หยู่ฉินหลานยิ้มก่อนที่จะเดินจากไป

สิบนาทีต่อมา

มู่เหลียงก็ลุกขึ้น และออกไปจากห้องทดลอง และตรงดิ่งไปที่พื้นที่โรงงานยุทธภัณฑ์วิญญาณที่ชั้นสี่ของเนินสูง

ในโรงงานอาหลี่ย่ากับอาหลี่เช่อกำลังสร้างยุทธภัณฑ์ใหม่ๆ อยู่

“พี่สาว ฉันคิดว่าถ้าเชื่อมเส้นเลือดสองฝั่งเข้ากับเกล็ดงูเหมัน มันน่าจะทำให้ลูกดอกที่ยิงออกจากหน้าไม้มีพลังของไอเย็นด้วย”

อาหลี่ย่าพูดขึ้นอย่างจริงจัง

“มันไม่ง่ายขนาดนั้นนะสิ ตอนนี้เราทำได้แค่ทำให้หน้าไม้มีคุณสมบัติของไอเย็นเท่านั้น”

อาหลี่เช่อส่ายหัว

“ถึงทำแบบนั้นก็ทำให้ลูกดอกที่ยิงออกไปไม่มีพลังของไอเย็นอยู่ดี”

“....นั้นสินะ”

อาหลี่ย่าเม้มริมฝีปากล่างของเธอ และคิดหาหนทางอื่นในการทำหน้าไม้ที่ยิงออกไปแล้วมีพลังของไอเย็น

นี่คืองานที่มู่เหลียงมอบให้ทั้งสองงคน เพื่อที่จะปรับปรุงหน้าไม้ให้ทรงอนุภาพมากขึ้น

เพราะแบบนี้มู่เหลียงจึงได้ส่งขนของอินทรีอัคคี เกล็ดของปลาอัญมณี เกล็ดของงูเหมัน และชิ้นส่วนของสัตว์อสูรตัวอื่นๆ ส่งงมาที่นี่ด้วย

“งั้นก็ทำแบบนี้สิ ตรงช่องใส่ลูกดอกเราก็ติดเกล็ดงูเหมันลงไป ตอนที่หน้าไม้ขึ้นสายลูกดอกก็จะเชื่อมเส้นเลือดด้วย”

อาหลี่เช่อคิดอะไรขึ้นมาได้และพูดขึ้น

“ถ้าทำแบบนั้นลูกดอกที่ยิงออกไปจะได้พลังของไอเย็นด้วย!”

“น่าจะเป็นไปได้ลองดูกันเถอะ”

อาหลี่ย่าพูดด้วยแววตาที่เป็นประกาย และแทบรอไม่ไหวที่จะทดลอง

ทั้งสองหมกมุ่นกับงานของตัวเองมาก จนไม่รู้ว่าโลกภายนอกเป็นเช่นไร และไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตอนนี้มีคนเดินเข้ามาด้านหลัง

“อะแฮ่ม!”

มู่เหลียงกระแอ่มในลำคอเพื่อบอกทั้งสอง

“ห่ะ?”

อาหลี่เช่อถึงกับตกใจผวา และมองมู่เหลียงด้วยนัยน์ตาที่เบิกกว้าง

“ท่าน ท่านมู่เหลียง ทำไมถึงได้มาเงียบๆ แบบนี้ละคะ ท่าน”

อาหลี่ย่าพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ

มู่เหลียงยิ้มเล็กน้อยและพูดขอโทษอย่างขี้เล่น

“ขอโทษด้วยแล้วกัน ที่ทำให้ตกใจ”

“ไม่เป็นไรค่ะ”

อาหลี่เช่อตอบทันที เมื่อนึกได้ว่าเขาคนนี้คือเจ้าเมือง

“เป็นไงบางคืบหน้าบ้างไหม”

มู่เหลียงมองไปยังหน้าไม้ที่อยู่บนโต๊ะ

“พึ่งจะคิดวิธีการปรับแต่งใหม่ได้ ตอนนี้กำลังจะเริ่มทดลองดูค่ะ”

อาหลี่ย่าตอบอย่างเป็นกันเอง

เธอไม่ค่อยเกร็งเมื่ออยู่ต่อหน้ามู่เหลียง แต่กลับเป็นความรู้สึกที่อยากรู้อยากเห็นวิชาจากคนผู้นี้มากกว่า เพราะเธอไม่เคยเจอช่างยุทธภัณฑ์วิญญาณระดับสูงที่อายุน้อยเท่านี้มาก่อน

“ไหนลองบอกวิธีนั้นมาสิ”

“คือเราจะทำแบบนี้กับหน้าไม้….”

อาหลี่เช่อพูดอธิบายขึ้นแทน

มู่เหลียงตั้งใจฟังอยู่เงียบๆ ก่อนที่จะพูดขึ้น

“มันก็น่าจะเป็นไปได้  การทดสอบเป็นเรื่องสำคัญ”

มู่เหลียงฟังก่อนที่จะแนะนำอะไรเล็กน้อย และถามต่อ

“ถ้างั้นฉันมีอะไรอยากจะถามหน่อย ฉันอยากจะทำชุดที่ทำไว้ป้องกันแรงกระแทกกับระเบิดโดยที่จะใช้ใยแมงมุมแบบพิเศษ พวกเธอมีอะไรจะเสนอแนะเพิ่มไหม?”

มู่เหลียงยื่นมือออกมาก่อนที่จะพ่นใยแมงมุมลงบนโต๊ะ

แววตาของอาหลี่ยาเบิกกว้าง และคิดว่านี้เป็นพลังผู้ตื่นแบบไหนกัน

“ท่านมู่เหลียง ท่านต้องการทำเสื้อกันแรงกระแทกระดับไหน”

อาหลี่เช่อถามเบาๆ

“กลางไม่ก็สูงเลย”

มู่เหลียงตอบอย่างไม่รีบร้อน

“หนาและหนักแน่น กันแรงระเบิดได้และไฟได้”

เขายื่นแบบร่างของชุดป้องกันแรงกระแทกให้ พร้อมกับส่วนสูงกับขนาดตัวของโหย่วเฟ่ย

ข้อมูลพวกนี้ลี่เยว่แอบไปวัดตัวโหย่วเฟ่ยมาตอนที่โหย่วเฟ่ยหลับ

อาหลี่เช่อดูแบบร่างอย่างละเอียด

อาหลี่ย่าเข้าไปดูข้างๆ พี่สาวของเธอ

ห้าถึงหกนาทีต่อมา

อาหลี่เช่อเงยหน้าขึ้นและพูด

“ท่านเจ้าเมือง ผ้าที่ทำจากใยแมงมุมหากนำไปผสมกับขนขงแกะเขาแปดเหลี่ยม จะสร้างชุดที่ท่านเจ้าเมืองต้องการได้”

ขนของแกะเขาแปดเหลี่ยมมีคุณสมบัติในการสะท้อนแรง และรักษาสภาพอีกทั้งยังเพิ่มแรงสะท้อนกลับไปสองเท่า

“ฉันก็คิดแบบนั้น ขนของแกะเขาแปดเหลี่ยมนั้นเข้ากันได้ดีกับใยแมงมุม มีควาามเป็นไปได้ที่จะสำเร็จ”

อาหลี่ย่าพยักหน้าเห็นด้วย

“เอาล่ะ งั้นฉฉันไม่รบกวนพวกเธอแล้ว”

มู่เหลียงพูดอย่างสบายๆ

“ค่ะ”

อาหลี่เช่อพยักหน้าอย่างจริงจัง และกลับไปทำงานที่ตัวเองทำค้างต่อ

ทั้งสองพี่น้องเริ่มตกอยู่ในโลกส่วนตัวอีกครั้ง และไม่รู้ตัวเลยว่ามู่เหลียงยังคงยืนมองอยู่และยังไม่จากไปไหน

มู่เหลียงมองดูสองพี่น้องอยู่อีกสักพัก ก่อนที่เขาจะจากไปอย่างเงียบๆ เพราะไม่ต้องการรบกวนสองพี่น้องทำงาน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด