ตอนที่แล้วตอนที่ 13 วิกฤตสำนักชิงหยุนเต๋า!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 15 มหาเต๋ากระบี่, คลื่นกระบี่อนันต์

ตอนที่ 14 70 ตำลึงทองแดง


ณ ห้องโถงหลัก ทุกคนดูโล่งใจมากขึ้นเมื่อได้ยินว่ามีศิลาวิญญาณ 70 ก้อน.

แม้ว่ามันจะค่อนข้างยากที่จะยอมรับการสูญเสีย ศิลาวิญญาณขั้นต่ำสิบก้อนไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่พวกเขาก็รู้สึกว่ามันไม่ได้แย่เกินไปหลังจากรู้ว่าพวกเขามีศิลาวิญญาณ70 ก้อนอยู่ในสำนัก

พวกเขามองว่าเป็นแค่การใช้เงินเพื่อฝ่าวิกฤติ.

ทว่าเมื่อเจ้าสำนักเห็นสีหน้าโล่งใจของพวกเขาแล้ว นักพรตไต้ หัวก็ส่ายหัวอย่างขมขื่น.

ทันใดนั้น เหล่าลูกศิษย์ในห้องโถงใหญ่ก็พากันเงียบอีกครั้ง.

'ไม่ใช่ศิลาวิญญาณ 70 ก้อนเหรอ?'

'ทอง 70 ตำลึงเหรอ?'

อารมณ์ของพวกเขาเริ่มสับสน.

มันค่อนข้างยุ่งยากจริงๆ.

“ทองคำ 70 ตำลึงหรือขอรับ? ความแตกต่างอาจมีมากแต่ถ้าเราตั้งใจ เราก็สามารถหาเงินจำนวนนั้นได้ภายในสองเดือนแน่ขอรับ.”

ซู ชางหยู กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม.

เขามีพฤติกรรมและความรับผิดชอบแบบ 'พี่ใหญ่' จริงๆ.

ทุกคนสงบลงหลังจากได้ยินคำพูดของเขา.

พวกเขาคิดว่าทองคำ 70 ตำลึงก็ไม่ได้เลวร้ายนัก.

พวกเขาขาดอีกเพียงทองคำ 30 ตำลึงเท่านั้น และยังพอมีความหวังอยู่บ้าง.

ทว่าในช่วงเวลาต่อมา ใบหน้าของ นักพรตไต้ หัวก็ดูเคร่งเครียดยิ่งขึ้น.

ซูชางหยูกลืนน้ำลายทันที.

ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ.

“เจ้าสำนัก ท่านอย่าบอกนะว่าเหลือแค่เงิน 70 ตำลึง”

ใบหน้าของซูชางหยูเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ.

หากพวกเขามีเงินเพียง 70 ตำลึง พวกเขาก็ไม่ต้องคิดอีกเลย.

หากพวกเขามีทองคำ 70 ตำลึง พวกเขายังสามารถตั้งใจทำงานเพื่อหาทองคำอีก 30 ตำลึงที่เหลือและมีโอกาสรอดได้.

แต่เงิน 70 ตำลึงเหรอ?

พวกเขาทำอะไรกับสิ่งนั้นได้บ้าง?

เมื่อพวกเขาคิดว่ามีเงินเพียง 70 ตำลึง นักพรตไต้ หัวก็ส่ายหัวอย่างขมขื่นอีกครั้ง.

ซู ชางหยู พูดไม่ออก.

ซู ลั่วเฉิน หมดคำพูด.

หวังจั่วหยูก็เช่นกัน.

เฉินหลิงโหรวก็เช่นกัน

ความเงียบปกคลุมไปทั่วอากาศ.

ทุกคนในห้องโถงใหญ่จมดิ่งลงสู่ความสิ้นหวัง

70 ตำลึงทองแดง?

'บ้าจริง'

'ท่านล้อข้าเล่นเหรอ?'

ในตอนแรก พวกเขาคิดว่าเงิน 70 ตำลึงเป็นความหวังสุดท้ายของสำนักชิงหยุนเต๋าแล้ว.

ทว่าพวกเขาไม่คาดคิดเลยว่า นักพรตไต้ หัวจะหนักกว่านั้น.

70 ตำลึงทองแดง?

พวกเขาทำอะไรกับสิ่งนั้นได้บ้าง?

อะไรล่ะ?

รายได้สุทธิประจำปีของสำนักชิงหยุนเต๋ามีเพียงประมาณ 30 ทองเท่านั้น.

แม้ว่าสำนักชิงหยุนเต๋าจะเป็นสำนักเซียน แต่ก็เป็นสำนักที่เลวร้ายของร้ายที่สุด ดังนั้นทองปีละ 30 ตำลึงจึงไม่เลวเลย.

ในสำนักมีเพียงแปดคนเท่านั้น พวกเขาไม่มีเหมืองหรือที่ดิน พวกเขาจึงทำได้แค่ขายข้าววิญญาณเพื่อหารายได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น.

พวกเขาควรจะหาเงินมากมายขนาดนั้นภายในสองเดือนได้อย่างไร?

ต่อให้ขายตัวก็คงไม่พอด้วยซ้ำ.

“นั่นไม่ใช่แล้ว. ท่านเจ้าสำนัก ข้ารู้ว่าสำนักของเราย่ำแย่แต่ไม่ถึงขนาดนั้น ใช่ไหมขอรับ? แล้วเงินออมของเราในช่วงหลายปีที่ผ่านมาล่ะขอรับ”

บางคนไม่เชื่อ พวกเขารู้สึกว่าแม้ว่าสำนักจะย่ำแย่ แต่ก็ไม่ควรจะมากมายถึงขนาดนั้น.

สำนักเซียนมีเงินออมเพียง 70 ตำลึงทองแดง?

ในโลกมนุษย์แม้แต่หน่วยองครักษ์บางแห่งก็มีตำลึงทองแดงมากกว่า 70 ตำลึงด้วยซ้ำ.

นักพรตไต้ หัวอดไม่ได้ที่จะโกรธเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น.

“หลัวเฉิน เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เจ้ากำลังจะบอกว่าข้าแอบจิ๊กเงินไปงั้นเหรอ?”

นักพรตไต้ หัวถามอย่างรุนแรงด้วยความไม่พอใจ.

“ข้าไม่กล้าขอรับ”

ซู ลั่วเฉิน หลบหน้าทันที

ทว่าซูชางหยูมองตรงไปที่อาจารย์ที่ไม่น่าเชื่อถือของเขา.

“อาจารย์ ข้าเชื่อว่าท่านไม่ได้ขโมยเงินไปแน่ แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเหลือเพียง 70 ตำลึงทองแดง บอกพวกเรามาตามตรงเถอะขอรับ”

ซู ชางหยู รู้สึกอย่างคลุมเครือว่าสิ่งต่างๆ ไม่ง่ายขนาดนั้นแน่.

หลังจากที่เขาพูดอย่างนั้น นักพรตไต้ หัวต้องการที่จะตอบโต้ แต่ภายใต้การโน้มน้าวใจของ ซู ชางหยูเขาก็อดไม่ได้ที่จะดูมีความผิดเล็กน้อย.

“จริงๆ แล้ว เดิมทีสำนักก็พอมีเงินออมอยู่บ้าง”

“แต่ต่อมา ข้าคิดว่าคงเสียเปล่าที่จะเก็บตำลึงเงินพวกนั้นไว้กับตัว ดังนั้นครั้งล่าสุดที่ข้าลงจากภูเขา ข้าค้นพบสิ่งใหม่ที่เรียกว่ากองทุนเซียนซึ่งว่ากันว่าให้ผลตอบแทนจำนวนมากในทุกเดือน”

“ข้าคิดว่าการปล่อยให้ใครสักคนเก็บเงินของเราไว้และให้เราได้รับดอกเบี้ยบ้างก็คงจะเป็นประโยชน์ไม่น้อย.”

“ดังนั้นข้าจึงฝากเงินตำลึงพวกนั้นไป.”

นักพรตไต้ หัวตะกุกตะกักเล็กน้อยในขณะที่เขาอธิบาย.

"กองทุน? นั่นอะไรหรือขอรับ?"

“ท่านอาจารย์ ก็ไปเอามันกลับมาสิขอรับ.”

“ใช่แล้ว ไม่ต้องสนเรื่องดอกเบี้ยแล้ว เราต้องรีบถอนมันออกมาตอนนี้เลย”

สมาชิกในสำนักพูดคุยกันและรู้สึกโล่งใจเมื่อรู้ว่าพวกเขายังมีเงินอยู่จำนวนหนึ่ง.

ทว่านักพรตไต้ หัวพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าก็ต้องการถอนเงินออกมาเหมือนกัน แต่หลังจากที่ข้าฝากเงินแล้ว ข้าไม่พบบุคคลที่รับผิดชอบอีกเลย.”

เขารู้สึกแย่เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนั้น เขาฉลาดมาตลอดชีวิต แต่เขาไม่เคยคิดว่าจะทำผิดพลาดขนาดนี้.

“เจ้าสำนัก นี่ท่าน…”

“เจ้าสำนัก ท่านนำเงินไปฝากเท่าใดกัน?”

“ไม่มาก แต่ก็ไม่น้อยเช่นกัน เป็นทองคำประมาณ 200 ตำลึง”

นักพรตไต้ หัวตอบด้วยความรู้สึกเขินอายเล็กน้อย.

“ทองคำ 200 ตำลึง?”

เฮือก!

ทุกคนอุทานด้วยความตกใจ.

พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ

ประการแรก มันเป็นจำนวนที่น่าตกใจ และประการที่สอง สำนักชิงหยุนเต๋าจะมีทองคำ 200 ตำลึงได้อย่างไร.

ทองคำ 200 ตำลึงมาจากไหน?

ตามมาตรฐานปกติแล้ว สำนักจะใช้จ่ายเงินมากที่สุดหนึ่งถึงสองร้อยตำลึงทองแดงต่อวันหากพวกเขานำไปใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยกับอาหารอันหรูหรา.

ในหนึ่งเดือน พวกเขาจะใช้เงินไป 30 ตำลึง.

ในหนึ่งปีพวกเขาจะใช้ทองคำสี่ตำลึง.

พวกเขาสามารถกินอาหารหรูหราได้ทุกวันเป็นเวลา 50 ปีด้วยทองคำ 200 ตำลึงเลยนะ.

50 ปี

ในชีวิตนึงจะมีกี่ 50 ปีกัน?

พวกเขาอยู่ในความทุกข์ทรมานและน้ำตาแทบไหล.

“ท่านเจ้าสำนัก ท่านจำผิดหรือเปล่าขอรับ? ทองคำ 200 ตำลึง? เราจะมีมากขนาดนั้นได้อย่างไร”

หวังจั่วหยูรู้สึกสงสัย.

ไม่มีใครในสำนักเชื่อเช่นกัน

“ข้ายืมทอง 120 ตำลึงมาจากที่อื่น”

เสียงของนักพรตไต้หัวค่อนข้างเบาเพราะเขาไม่กล้าตอบเสียงดัง.

หา!

ทุกคนต่างอุทานออกมาอีกครั้ง.

เขายืมทองมา 120 ตำลึงเหรอ?

นั่นหมายความว่าอย่างไร?

ตะลึง!

ตะลึง!

ตะลึง!

ทุกคนตกตะลึงกันไปหมด.

'นั่นหมายความว่าเราต้องแก้ปัญหาในการหาทองคำ 100 ตำลึงเป็นค่าธรรมเนียม และสะสมทองคำอีก 120 ตำลึงเพื่อจ่ายหนี้งั้นหรอ?'

นักพรตไต้ หัวก้มศีรษะลง รู้สึกอับอาย.

ในตอนแรกเขาไม่ได้กะจะบอกพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท้ายที่สุดแล้ว เขามีอำนาจในการจัดการการเงินของสำนักและไม่มีใครตรวจสอบบัญชีอยู่ดี.

ทว่าเขาต้องบอกพวกเขา ณ จุดนี้แล้ว.

ในห้องโถงใหญ่เงียบสงัด

หัวใจของทุกคนหนักอึ้ง

นักพรตไต้ หัวไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

พวกเขาต่างหมดคำพูดเช่นกัน

ในท้ายที่สุด นักพรตไต้ หัวหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดช้าๆ

“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ข้าจะคิดหาวิธีแก้ปัญหาให้ได้อย่างแน่นอน วันนี้ข้าหวังว่าจะได้ความคิดจากพวกเจ้าบ้าง. ถ้าไม่มี ข้าก็คงต้องเดิมพันและไปที่เขตเขาจิงหลินแล้วล่ะ.”

นักพรตไต้ หัวกล่าว

ทว่าคำพูดของเขาทำให้พวกศิษย์ทำอะไรไม่ถูกมากยิ่งขึ้น

เขตเขาจิงหลิน เป็นเทือกเขาที่มีชื่อเสียงด้านสัตว์ปีศาจชุกชุม มีเพียงคนที่สิ้นหวังเท่านั้นที่จะไปที่นั่นเพื่อล่าสัตว์อสูรเพื่อหา ศิลาวิญญาณ. มันอันตรายอย่างไม่น่าเชื่อ.

พวกเขาจะปล่อยให้อาจารย์ของพวกเขาไปยังสถานที่อันตรายเช่นนี้ได้อย่างไร?

ทว่าพวกเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรจริงๆ

“ช่างเถอะ พวกเจ้ากลับไปดูว่าเจ้าสามารถคิดวิธีแก้ปัญหาได้หรือไม่ ชางหยู เจ้าอยู่ก่อนนะ ข้ามีคำสั่งบางอย่างจะให้เจ้า”

นักพรตไต้ หัวบอกให้ ซู ชางหยูอยู่ต่อ.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด