ตอนที่แล้วระบบจัดส่งข้ามกาลเวลา ตอนที่ 8 บรรพจารย์โม่จะปรุงโอสถนั้นหรือ? แค่จัดส่งสมุนไพรก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบจัดส่งข้ามกาลเวลา ตอนที่ 10 บรรพจารย์จากโบราณกาลจะปรุงโอสถให้ข้า

ระบบจัดส่งข้ามกาลเวลา ตอนที่ 9 เราไม่ได้เจอนานหลายสิบปี เจ้ายังเป็นเช่นนี้อยู่หรือ?


ระบบจัดส่งข้ามกาลเวลา ตอนที่ 9 เราไม่ได้เจอนานหลายสิบปี เจ้ายังเป็นเช่นนี้อยู่หรือ?

เขาและหลี่มู่รู้จักกันมาเกือบร้อยปีแล้ว ทั้งสองเข้าร่วมสำนักตงเหยียนพร้อมกัน

ในตอนแรก ทันทีที่หลี่มู่เข้าสำนักตงเหยียน เจ้าหมอนี่ก็ได้แสดงศักยภาพบำเพ็ญเพียรที่แข็งแกร่งมาก ปรมาจารย์เลื่องชื่อที่สุดของขุนเขาที่เก้าตอนนั้นมาพบเห็นเขา เจ้าหมอนี่จึงกลายเป็นศิษย์ของขุนเขาที่เก้า

ส่วนเขา จินหยวนหนานเป็นคนธรรมดาสามัญมาโดยตลอด และความธรรมดานี้กินเวลาเกือบสิบปี

แม้ว่าหลี่มู่จะไปถึงระดับศิษย์หลักแล้ว แต่เขา จินหยวนหนานยังคงเป็นศิษย์ธรรมดาเช่นเดิม

ต่อมาพอเขาออกไปฝึกฝน เขาก็พานพบวาสนาทำให้ได้เริ่มออกเดินทางบนวิถีโอสถ จากนั้นใช้เวลาเพียงยี่สิบปีในการเป็นนักปรุงโอสถระดับหนึ่ง

เมื่อเขากลายเป็นนักปรุงโอสถระดับหนึ่ง ปรมาจารย์ขุนเขาคนก่อนของขุนเขาที่หกก็พบเห็นเขาแล้วรับตนเป็นศิษย์

ต่อมาเขาใช้เวลาเพียงแปดสิบปีในการเป็นนักปรุงโอสถระดับสี่ด้วยความราบรื่นตลอดทาง

ในตอนที่เขาปรุงโอสถระดับสี่ได้สำเร็จ มันไม่เพียงแต่ทำให้เกิดความรู้สึกในสำนักตงเหยียน แต่ยังโด่งดังไปทั่วแวดวงวิถีโอสถของแคว้นต้าฮวงอีกด้วย

นักปรุงโอสถระดับบรรพจารย์บางคนในแวดวงนักปรุงโอสถคาดหวังกับจินหยวนหนานไว้เป็นอย่างมาก คิดด้วยซ้ำว่าเขามีศักยภาพที่จะเป็นนักปรุงโอสถระดับหกได้!

ในตอนนั้น เมื่อจินหยวนหนานกลายเป็นนักปรุงโอสถระดับสี่ อาจารย์ของเขาซึ่งเป็นปรมาจารย์ขุนเขาที่หกจู่ ๆ ก็ออกจากสำนักตงเหยียนไปยังแคว้นจงเทียนอันห่างไกลเพื่อค้นหาวิถีโอสถ

ขุนเขาที่หกจึงถูกส่งต่อไปยังจินหยวนหนาน

ในตอนนั้น ปรมาจารย์ขุนเขาที่หกนั้นเป็นนักปรุงโอสถกึ่งระดับหกแล้ว เมื่อเขาจากไปสำนักตงเหยียนจึงได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง โชคดีที่จินหยวนหนานปรากฏตัวขึ้น กอบกู้ชื่อเสียงนักปรุงโอสถขึ้นมาได้

ดังนั้น สำนักจึงตั้งความหวังไว้สูงกับจินหยวนหนาน สำนักได้ให้การสนับสนุนอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดแก่เขา นับตั้งแต่วินาทีที่จินหยวนหนานประสบความสำเร็จในการเป็นปรมาจารย์ขุนเขา เขาก็ทิ้งหลี่มู่ไว้ข้างหลังไปไกลลิบ

ไม่ต้องเอ่ยถึงหลี่มู่กลายเป็นคนธรรมดาตั้งแต่นั้นมา โดยสูญเสียรัศมีของ "อัจฉริยะ" ที่เขาเคยเป็น และช่องว่างระหว่างเขากับจินหยวนหนานก็กว้างขึ้นเรื่อย ๆ

แม้ว่าในเวลาต่อมาหลี่มู่จะประสบความสำเร็จในการเป็นปรมาจารย์ขุนเขาของขุนเขาที่เก้ามีสถานะเหมือนกัน แต่สถานะที่แท้จริงของจินหยวนหนานแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงแล้ว

จินหยวนหนานมีพรสวรรค์การปรุงโอสถแข็งแกร่งมาก แต่มีพรสวรรค์ในการบำเพ็ญเพียรต่ำต้อย แต่ด้วยสถานะของนักปรุงโอสถของเขาทำให้สำนักมอบทรัพยากรมากขึ้น เขาจึงทะลวงไปถึงขอบเขตแก่นก่อกำเนิดได้ และตอนนี้ก็ได้มาถึงขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับห้าแล้ว

จินหยวนหนานเป็นนักปรุงโอสถกึ่งระดับห้าที่มีพลังบำเพ็ญเพียรขอบเขตแก่นก่อกำเนิด ในสำนักตงเหยียนนั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นผู้ที่เรียกสายลมเรียกฝนได้

ในทางกลับกัน หลี่มู่เป็นปรมาจารย์ขุนเขาอยู่ในขอบเขตห้วงสมุทรวิญญาณ ซึ่งเป็นเรื่องตลกยิ่งนัก เขาอาจถูกจ้าวสำนักปลดออกจากตำแหน่งเป็นปรมาจารย์ขุเขาในอีกไม่กี่ปีหรือแม้กระทั่งยุบ "ขุนเขาที่เก้า" เดี๋ยวนี้ก็ได้ด้วยซ้ำ

ดังนั้น ทัศนคติในปัจจุบันของจินหยวนหนานที่มีต่อหลี่มู่ไม่ควรค่าเอ่ยวาจาเสียดสีด้วยซ้ำ

เพราะในความเห็นของเขา ช่องว่างระหว่างหลี่มู่กับตัวเขาจะยิ่งกว้างขึ้นเรื่อย ๆ

...

“พี่จิน หากนับดูดี ๆ ข้าก็ไม่ได้เจอเจ้ามากว่าสิบปีแล้ว เทียบกับตอนที่ข้าเจอเจ้า วันนี้เจ้าก็ยังเช่นเดิมเหมือนเคย”

หลี่มู่รู้ว่าจินหยวนหนานชอบถูกยกย่อง ดังนั้น เขาจึงเอ่ยว่า "เยินยอ" ขณะมาหาอีกฝ่าย

เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่มู่ ความหดหู่เกี่ยวกับความล้มเหลวในการปรุงโอสถก็หายไป

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาได้ยินคำเยินยอมากเกินไป แต่พอเขาได้ยินคำเยินยอของหลี่มู่ ความรู้สึกก็แตกต่างออกไปจริง ๆ และเขายังรู้สึกมีความสุขเล็กน้อยด้วย

“น้องหลี่ ช่วงนี้เจ้าเจอปัญหาอะไรหรือ?”

“เราเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องที่เข้าสำนักมาในรุ่นเดียวกัน ข้ามิได้ให้ความสนใจเจ้ามากนักตลอดหลายปีที่มานี้ ในฐานะศิษย์พี่ ข้าทำหน้าที่ได้ไม่ดีเลย”

“หากเจ้ามีปัญหาอันใด เพียงบอกศิษย์พี่มาตรง ๆ เถิด หากไม่เกินความสามาสามารถข้าจะช่วยเต็มที่”

ในโลกนี้อะไรจะน่าพอใจไปมากกว่าการที่คนที่ตนเคยอิจฉาและชื่นชมหันมาขอความช่วยเหลือจากตนอีกหรือ?

ความรู้สึกนี้ช่างน่าเพลิดเพลินยิ่งนัก

“ที่จริงแล้ว ข้าต้องขอความช่วยเหลือจากศิษย์พี่จินเล็กน้อย”

หลี่มู่มาหาจินหยวนหนาน เพราะวางแผนจะแลกเปลี่ยนสมุนไพรจำนวนมากเพื่อนำไปใช้ในการปั้มโอสถ

แม้ว่าสมุนไพรที่อยู่กับตัวเขาจะมีระดับสูงมาก แต่ก็มีเพียงไม่กี่ชนิด ทว่าจินหยวนหนานนั้นเป็นผู้นำนักปรุงโอสถ จึงต้องมีสมุนไพรทั่วไประดับหนึ่งและระดับสองกองพะเนินเอาไว้มากมาย

สมุนไพรระดับหนึ่งและระดับสองเหล่านี้ย่อมใช้งานได้ดีกว่าเมื่ออยู่ในมือของหลี่มู่

เขาสามารถใช้สมุนไพรธรรมดาเปลี่ยนเป็นสมุนไพรระดับสูงได้ ทั้งยังสามารถเปลี่ยนเป็นโอสถเม็ดได้ด้วยเช่นกัน

และหลี่มู่ยังวางแผนที่จะมาหาจินหยวนหนานเพื่อสอบถามบางอย่างด้วย

.....

“เอาล่ะ มานั่งตรงนี้ก่อน”

จินหยวนหนานนั่งลงบนม้านั่งที่ทำจากหินวิญญาณระดับสูง จากนั้นทำท่าทางเชิญชวนหลี่มู่: "บ้านหลังนี้ทั้งเล็กจ้อยและต่ำต้อย ข้าหวังว่าศิษย์น้องคงไม่รังเกียจ"

ประโยคนี้...ช่างเสแสร้งเกินไปจริง ๆ ...

แต่หลี่มู่ไม่สนใจ ที่จริงแล้วหลี่มู่ปล่อยให้อีกฝ่ายแสร้งทำเป็นถ่อมตัวไร้มาตราฐานไปอย่างนั้น

หลังจากที่หลี่มู่นั่งลง จินหยวนหนานโบกมือแล้วถ้วยชาก็ปรากฏขึ้นบนโต๊ะ

กลิ่นหอมของชาเอ่อล้นออกมา แทบจะในทันทีทั้งห้องโถงก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของชา เมื่อจิบก็รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขไปทั่วสรรพยางค์กาย

“ข้าได้ชานี้มาเมื่อสองสามวันก่อนตอนที่ไปเยี่ยมผู้อาวุโสไห่ของสำนักไท่หยาง ข้าลืมชื่อมันแล้ว แต่ช่างมันเถอะ ข้าจะดื่ม”

คำพูดง่าย ๆ ของจินหยวนหนานเผยให้เห็นความแข็งแกร่งและความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ

สำนักไท่หยางเหมือนกับสำนักตงเหยียนเป็นหนึ่งในแปดสำนักใหญ่ของแคว้นต้าฮวง

แต่สำนักไท่หยางนั้นแข็งแกร่งกว่าสำนักตงเหยียนมาก

สำนักตงเหยียนอยู่ในตำแหน่งกลางถึงล่างในหมู่แปดสำนักใหญ่ ซึ่งอาจนับว่าอยู่ในลำดับที่หกหรือเจ็ด

สำนักไท่หยางควรอยู่ในลำดับที่สี่หรือห้า

สำหรับผู้อาวุโสไห่จากสำนักไท่หยาง เขาเป็นคนที่มีอิทธิพลอย่างมากในแคว้นต้าฮวง เขาไม่เพียงแต่เป็นนักนักปรุงโอสถระดับห้า เขายังมีพลังบำเพ็ญเพียรระดับสูงตั้งแต่เยาว์วัย ว่ากันว่าตอนนี้เขามีพลังบำเพ็ญเพียรขอบเขตกึ่งตำหนักม่วงแล้ว

ความสามารถของจินหยวนหนานในการติดต่อกับผู้คนระดับนี้ยังขึ้นอยู่กับสถานะนักปรุงโอสถกึ่งระดับห้าของเขาด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น จินหยวนหนานยังรู้สึกว่าตนเจอปัญหาคอขวดและรู้สึกว่าอาจติดอยู่ระดับเดิมโดยไม่อาจพัฒนาได้ ดังนั้น ในช่วงไม่หลายปีที่มานี้ เขาจึงวิ่งแจ้นไปสร้างสายสัมพันธ์ทั้งแม้จะยังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ก็ตาม

หากในอีกไม่กี่สิบปีหรือไม่กี่ร้อยปี หากเขายังคงติดอยู่ที่ระดับสี่จวนระดับห้าก็จะไม่มีใครสนใจเขาแล้ว

เพราะนักปรุงโอสถระดับห้ารุ่นเยาว์กับนักปรุงโอสถระดับห้าที่ใช้ศักยภาพหมดแล้วนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง

.......

หลี่มู่ยังคงนั่งฟ้งอีกฝ่ายพล่ามพลางจิบชาแล้วยิ้มโดยไม่พูดอะไร

หากอีกฝ่ายรู้ว่าเขาไม่ต้องทำงานหนักเพื่อศึกษาวิถีโอสถ เพียงแค่เอาสมุนไพรโยนเข้าไปในระบบแล้วได้รับโอสถเม็ดระดับสูง อีกฝ่ายอาจใจสลายแล้วกระมัง...

หัวใจเต๋าของจินหยวนหนานจะไม่เพียงพังทลาย แต่นักปรุงโอสถทั่วทั้งทวีปก็จะพังทลายเช่นกัน...

แน่นอนว่าหลี่มู่จะไม่เปิดเผยว่าตนใช้ระบบนี้เพื่อสร้างโอสถ

“บอกข้าเถิดศิษย์น้องหลี่ว่าเจ้าเจอปัญหาอะไร?” จินหยวนหนานถามหลังจากจิบชา หรี่ตาแล้วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด