ตอนที่แล้วบทที่ 31 ก้าวเข้าสู่เขตอันตราย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 33 การตัดสินใจขั้นสุดท้าย

บทที่ 32 พ่อจะช่วยเจ้าเอง


บทที่ 32 พ่อจะช่วยเจ้าเอง

สำหรับชูเฟิง เขตอันตรายไม่ต่างจากสวนหลังบ้านของตัวเอง

ใช้เวลาไม่นาน ข้างหูเขาก็ได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ร้าย

เห็นได้ชัด ว่าสัตว์ประหลาดในเขตอันตราย มีจำนวนหนาแน่นมากกว่าในพื้นที่ปกติ

ในตอนนั้นเอง เสือดาวที่มีขนสีแดงชาด จู่ๆก็กระโจนออกมาจากป่าข้างทาง!

ตามตัวมัน ถูกปกคลุมไปด้วยลวดลายสีแดงเข้ม คล้ายเปลวไฟกำลังลุกไหม้!

สัตว์ปีศาจระดับ B --เสือดาวไฟ!

หลังจากเห็นข้อมูลแนะนำของมัน ชูเฟิงอดยิ้มไม่ได้

“เพิ่งเข้าสู่เขตอันตราย ก็เจอสัตว์ประหลาดระดับ B ซะแล้ว ดูเหมือนฉันจะโชคดีนะเนี่ย”

พอเขาเอ่ยประโยคนี้ ห้องถ่ายทอดสดของแดนมังกรก็เกิดเครื่องหมายคำถามอีกครั้ง

“ท่านผู้เฒ่าเรียกสถานการณ์นี้ว่าโชคดีงั้นหรอ!?”

“ใจเย็นๆ นายใจเย็นๆก่อน นี่ถือว่าปกติสำหรับท่านผู้เฒ่า อย่าเพิ่งตื่นตูม”

“พูดตรงๆ ตอนนี้เวลาเห็นสัตว์ประหลาดระดับ B ฉันแทบไม่รู้สึกอะไรแล้ว”

ว่ากันตามจริง ต่อหน้าชูเฟิง สัตว์ประหลาดระดับ B ไม่นับเป็นสิ่งใดจริงๆ

เมื่อเสือดาวกกระโจนลงมา เขายกมือขวาขึ้นทันที ฉกกรีดอากาศออกไปเหมือนมีดแหลมๆ แล้วสับลำคอของเสือดาว!

แคร่ก!

ตามมาด้วยเสียงอันแผ่วเบา คอของเสือดาวไฟหักพับลงทันที

มองดูเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ผู้ชมแดนมังกรรู้สึกหนังศีรษะด้านชา

นี่ใช่สัตว์ประหลาดระดับ B จริงๆน่ะหรือ? ทำไมมันถึงได้ดู ... อ่อนแอแบบนี้

ชัดเจนว่าพวกเขาคาดไม่ถึง ว่าเสือดาวไฟจะไม่อาจทนต่อแรงสับฝ่ามือของผู้เฒ่าชูเฟิงได้

บ๊ะ กระจอกสิ้นดี!

หลังจากกำจัดเสือดาวไฟแล้ว ชูเฟิงก็รวบศพของมันเข้าไปในแหวนพระสุเมรุ

เดิมเขากำลังรอให้ศพของสัตว์ประหลาดหายไป ตั้งใจจะเก็บวัตถุดิบที่ดรอปหลังจากมันตาย

แต่ตอนนี้ หลังจากครอบครองแหวนพระสุเมรุแล้ว วิธีนั้นก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป

ยังไงซะ พื้นที่ข้างในแหวนพระสุเมรุนั้นแทบจะไร้ที่สิ้นสุด ต่อให้เก็บศพสัตว์ประหลาดไว้หลายพันตัว ก็ยังมีที่ว่างเหลือเฟือ

แล้วอีกอย่าง ศพสัตว์ประหลาดเหล่านี้ หากเก็บไว้ บางทีมันอาจมีประโยชน์ในวันหน้าก็ได้?

หรือต่อให้ไม่มีประโยชน์ แต่ในวันหลังก็ยังสามารถนำออกมาปรุงเป็นเนื้อย่างได้!

เนื้อเสือดาว... ชูเฟิงไม่เคยลิ้มรสชาติมันมาก่อน

ตัวแทนคนอื่นๆ อยู่ในเขตอันตราย ทุกคนพยายามระมัดระวังตัว เพราะกลัวว่าจะไปยั่วยุสัตว์ประหลาดดุร้าย

แต่ชูเฟิงกลับตรงกันข้าม เขามุ่งหน้าเป็นเส้นตรงไปในทิศทางที่ตัวประกันอยู่ ขณะเดียวกันมองซ้ายขวา เพราะกลัวว่าจะพลาดสัตว์ประหลาดตัวไหนไป

ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง สัตว์ประหลาดระดับ B สามตัวตายด้วยมือของชูเฟิง

“ผู้เฒ่าชูเฟิงเหมือนกำลังเดินเก็บค่าคุ้มครองในเขตอันตรายเลย”

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ และดูเหมือนจะเรียกเก็บค่าคุ้มครองแพงซะด้วย”

ภายใต้การสนทนาของผู้ชมในแดนมังกร ชูเฟิงยังคงมุ่งหน้าสู่ส่วนลึกของเขตอันตราย

จนในที่สุด หลังจากผ่านไป 1 ชั่วโมง ชูเฟิงก็มาถึงตําแหน่งของจุดแสงได้สําเร็จ

อย่างไรก็ตาม ภาพที่ปรากฏต่อหน้าต่อตาเขา กลับทำให้ชูเฟิงตะลึงงันอยู่กับที่

เบื้องหน้าชูเฟิง มีสัตว์ประหลาดเกาะกลุ่มกันหนาแน่น มีอย่างน้อยหลายร้อยตัว

และในกรงเหล็กขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของสัตว์ประหลาดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าคือตัวประกันที่ชูเฟิงต้องให้ความช่วยเหลือ

แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจ คือตัวประกันที่ติดอยู่ในกรงเหล็ก!

เนื่องจากมีวิชาสยบเทพคชสารประสาทสัมผัสของชูเฟิงจึงเฉียบแหลมอย่างมาก วิสัยทัศน์ในมุมมองของเขาไม่ต่างจากเหยี่ยว

ดังนั้น แม้จะอยู่ห่างกันหลายพันเมตรก็ตาม แต่ชูเฟิงก็สามารถมองเห็นหน้าคนในกรงและระบุตัวได้ในทันที

เขาอึ้งไปเล็กน้อย อุทานเสียงดังว่า “ชูเซี่ย?”

ได้ยินเสียงเขา คนที่ติดอยู่ในกรงเหล็ก จู่ๆก็เงยหน้าขึ้น อุทานด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “พ่อเหรอ!?”

เดิมที ชูเซี่ยยังคงครุ่นคิดอยู่ในกรงเหล็ก ว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี

แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ ยังไม่ทันได้คำตอบ ชูเฟิงปรากฏตัวต่อหน้าเขา!

แต่คําถามคือ ... พ่อของตัวเองอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?

เขาควรอยู่บ้านใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายอย่างสงบไม่ใช่รึ?

หรืออาจเป็นไปได้ว่า ... ชูเฟิงเองก็ถูกส่งเข้ามาในสมรภูมิแห่งโชคชะตาพร้อมกับตัวเขา?

คิดได้แบบนี้ ใบหน้าของชูเซี่ยก็แสดงออกถึงความร้อนรน

เขาจับกรงเหล็กที่อยู่ตรงหน้าด้วยมือทั้งสองข้าง ตะโกนเสียงดังว่า “อย่ามาทางนี้ ที่นี่อันตราย!”

ในฐานะทหาร แน่นอนว่าเขาสามารถรู้สึกได้ ว่าสัตว์ประหลาดรอบๆพวกนี้ มันอันตรายแค่ไหน!

ในสายตาตัวเอง ชูเฟิงคือคนที่ครึ่งเท้าก้าวลงโลงแล้ว ฉะนั้นจะเป็นคู่ต่อสู้ของสัตว์ประหลาดพวกนี้ได้อย่างไร!

แต่ สิ่งที่ชูเซี่ยไม่รู้ก็คือ หลังจากที่เขาตะโกนคำว่า 'พ่อ' ออกมาดังๆ ในห้องถ่ายทอดสดของแดนมังกร ก็เดือดพล่านทันที

“แม่งฉันฟังไม่ผิดใช่มั้ย? ตัวประกันคนนี้ที่แท้ก็คือลูกชายของผู้เฒ่าชูเฟิง!?”

“นายคิดว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญ หรือเป็นความจงใจของสมรภูมิแห่งโชคชะตา?”

“ฉันรู้สึกว่าสมรภูมิแห่งโชคชะตาจงใจ”

“แต่พูดก็พูดเถอะ ในเมื่อท่านผู้เฒ่าเป็นผู้บำเพ็ญเพียรเซียน งั้นลูกชายเขาก็คงแกร่งไม่แพ้กัน ถูกไหม?”

“พวกนายดู เขาสวมเครื่องแบบทหาร ดูเหมือนจะเป็นทหารของแดนมังกรเรา!”

“จริงหรือ ไม่นึกเลยว่าไม่ใช่แค่ท่านผู้เฒ่าที่ต่อสู้เพื่อแดนมังกร แม้แต่ลูกชายเขาก็ยังสู้เพื่อชาติเช่นกัน!”

หลังจากได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของชูเซี่ย ในที่สุด ชูเฟิงก็มั่นใจ ว่าในกรงเหล็ก คือลูกชายตัวเองจริงๆ

เขายังจำได้ สาเหตุที่ตั้งชื่อนี้ให้ลูกชายคนที่สอง เพราะมันพ้องเสียงกับคำว่า 'วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่' มีความหมายว่า'เพื่อประเทศชาติและประชาชน'

เมื่อเติบใหญ่ ชูเซี่ยก็ไม่ทำให้เขาต้องผิดหวัง ตัดสินใจเข้าร่วมกองทัพเป็นทหาร!

แต่ก็เป็นเพราะอาชีพนี้เช่นกัน ที่ทำให้ชูเซี่ยต้องจากบ้านไปทำงานตลอดทั้งปี แม้แต่ช่วงปีใหม่ก็ไม่ค่อยได้กลับมา

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ระหว่างพ่อกับลูกชาย เวลาอยู่ด้วยกันจึงน้อยมาก

กระทั่งชูเฟิงก็นึกไม่ถึงเช่นกัน ว่าพวกเขาจะกลับมาพบกันอีกครั้งในสภาพนี้ พบกันอีกครั้งในสมรภูมิแห่งโชคชะตา!

หลังจากนั้น ชูเฟิงเงยหน้าขึ้น เผยยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยว่า “ลูกเอ๋ย อดใจรออีกหน่อย พ่อจะไปช่วยเจ้าเดี๋ยวนี้แหละ!”

ได้ยินแบบนั้น ชูเซี่ยตกตะลึง นี่พ่อเขาสมองเสื่อมไปแล้วหรือไร? ไม่เห็นสัตว์ประหลาดดุร้ายมากมายตรงหน้าเหรอ??

มีพวกมันขวางทาง แล้วแบบนี้ชูเฟิงจะช่วยเขาได้ยังไง!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด