ตอนที่แล้วบทที่ 434: น้ำใจและปลอม!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 436: เดี๋ยวพาไปดู!

บทที่ 435: เงื่อนไขการแลกเปลี่ยน พี่น้องพานพบ!


ผู้หญิงชุดดำซึ่งเคยเป็นอดีตเจ้าเมืองแห่งหุบเขาผกาขาวที่ถือแก้วไวน์ในมือได้เงยหน้ามองถังเจิ้นด้วยแววตาซับซ้อน

“เลิกล้อกันเล่นซักทีเถอะค่ะท่านเจ้าเมือง อันที่จริงตัวท่านเองก็คงจะทราบตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าฉันซ่อนตัวอยู่ในเมืองนี้”

ขณะที่พูดเจ้าเมืองแห่งหุบเขาผกาขาวก็จับจ้องถังเจิ้นด้วยสายตาอันทรงเสน่ห์

แต่ถังเจิ้นกลับเมินเฉยแล้วกลับไปนั่งที่เดิม จากนั้นก็จ้องหน้ากันต่ออย่างเย็นชา

หลังจากที่ถูกถังเจิ้นจ้องอยู่ซักพักในที่สุดเจ้าเมืองไป่ฮวากู่ (หุบเขาผกาขาว) ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปและยกไวน์ขึ้นจิบ ทำให้แววตาของถังเจิ้นเปลี่ยนไป

“มีคนขอร้องไว้เพราะงั้นครั้งนี้ฉันจะปล่อยเธอไป หวังว่าเธอจะเลิกคิดว่าตัวเองฉลาดแล้วเล่นลูกไม้โง่ ๆ นะ

เธอเองก็คงรู้ดีว่าความอดทนฉันมันก็มีขีดจำกัดอยู่!”

เจ้าเมืองไป่ฮวากู่ได้ยินดังนั้นก็ยกยิ้มเยาะเย้ยแล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปหาถังเจิ้น

“เชื่อว่านายคงจะรู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเมืองเชิ่งหลง แล้วก็รู้ว่าฉันมีแผนจะทำอะไร

และก็ขอบอกเลยว่าถึงนายจะรู้ฉันก็ยังจะลองอยู่ดี เพราะมันเป็นงานสำคัญที่อาจารย์ของฉันมอบหมายให้ทำ

เพราะงั้นนายช่วยปล่อยพวกศิษย์พี่ฉันหน่อยสิ งานนี้ฉันทำคนเดียวไม่ไหวน่ะ

แล้วให้ถือว่าฉันติดหนี้นายครั้งหนึ่ง ในอนาคตฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตอบแทนแน่นอน แบบนี้ดีมั้ย”

ถังเจิ้นได้ยินดังนั้นก็มองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มที่เหมือนไม่ยิ้ม แต่ในใจกลับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

“แล้วตอนนี้เธออยู่ในฐานะอะไร ฐานะตัวเองหรือฐานะตัวแทนอาจารย์”

“แล้วมันต่างกันยังไง”

“ต่างเยอะเลยแหละ เพราะตัวเธอเองไม่มีคุณสมบัติเลย ส่วนอาจารย์นั่นก็ถือว่าพอไหว!”

คำตอบนี้ทำให้ใบหน้าสวย ๆ ของเจ้าเมืองไป่ฮวากู่ต้องเปลี่ยนสีเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นใบหน้าเอาจริงของถังเจิ้นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับอาจารย์ เป็นคำขอส่วนตัวของฉันเอง”

ได้ยินดังนั้นถังเจิ้นก็ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้

“ถ้างั้นก็ต้องโทษตัวเธอเองที่ไร้พลังอำนาจ เพราะความเป็นจริงก็คือพวกมันนั่นแหละที่มาตีเมืองเชิ่งหลงก่อน ในฐานะผู้แพ้ฉันมีสิทธิ์จับพวกมันกุดหัวให้เหี้ยนซะด้วยซ้ำ

แต่นี่อะไร พวกมันวัน ๆ ไม่ทำอะไรเลยแล้วฉันยังต้องเลี้ยงดูปูเสื่อหาของอร่อยให้กินหาน้ำสะอาดให้ดื่มอีก นี่ก็ถือว่ามากเกินพอแล้ว

แล้วแค่คำพูดของเธอเพียงคำเดียวจะให้ฉันยอมปล่อยพวกมันไปเนี่ยนะ ถ้าโลกนี้มันง่ายดายขนาดนั้นล่ะก็ป่านนี้ฉันคงครองโลกไปแล้วล่ะ”

พูดถึงตรงนี้ถังเจิ้นก็จิบไวน์ให้ชุ่มคอก่อนจะพูดต่อ “แต่... ทุกปัญหามีทางแก้เสมอแหละ ถ้าเธอมีค่าไถ่ที่ราคาเท่ากันมาวางล่ะก็ เรื่องการปล่อยตัวพวกมันจะไม่มีปัญหาเลย”

ถังเจิ้นหรี่ตาลงเล็กน้อยจับจ้องไปที่เจ้าเมืองไป่ฮวากู่แล้วพูดต่อด้วยรอยยิ้มที่เหมือนไม่ยิ้ม “เอาล่ะทีนี้ ลองเสนอค่าไถ่ที่ดึงดูดใจฉันได้มาหน่อยซิ”

สำหรับถังเจิ้นการปล่อยตัวนักรบเผ่ามนุษย์ที่ถูกคุมขังเหล่านี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องเล็กน้อยที่ให้คนอื่นทำแทนยังได้

อีกทั้งถ้าหากนักรบเหล่านี้มีส่วนร่วมในการแย่งศิลาเสาเอกของเมืองหานเยว่ด้วยแล้วมันจะยิ่งเป็นการช่วยให้ถังเจิ้นสบายขึ้นซะอีก

ให้พวกมันไปเป็นแนวหน้าเดนตาย ถึงช่วงวิกฤติก็ราดน้ำมันลงกองเพลิง จากนั้นก็ซุ่มซ่อนรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ตอนจบศึก

และตอนนี้ไอ้พวกไร้ค่าเหล่านั้นสามารถเอามาเป็นชิปต่อรองเพื่อกอบโกยสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ด้วยแล้วมันยิ่งดีเข้าไปใหญ่

เจ้าเมืองไป่ฮวากู่ไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดกับถังเจิ้นด้วยสีหน้าไม่เต็มใจ “ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองมีอะไรที่ใช้แลกเปลี่ยนกับนายได้ เพราะงั้น...”

พูดถึงตรงนี้เธอก็กัดริมฝีปากตัวเองเบา ๆ แล้วโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อเข้าใกล้ถังเจิ้น

ส่วนถังเจิ้นก็ยังคงเงียบและทำเพียงแค่มองด้วยสีหน้าเหมือนเดิม

เมื่อเธอเห็นท่าทีของเขาแล้วดวงตาคู่งามก็เปล่งประกายอย่างมีเสน่ห์ ส่วนโค้งส่วนเว้าอกเอวสะโพกนี่ก็ช่างสมบูรณ์แบบอย่างเหลือจะเชื่อ

ขายาว ๆ ในกางเกงรัดรูปได้งอขึ้นมาเพื่อให้ลำตัวสามารถเอียงเข้าไปใกล้ถังเจิ้นได้มากขึ้นจนแทบจะชนกับตัวเขาอยู่แล้ว

เรือนร่างอันบะละฮึ่มนั่นยามเข้าใกล้ได้ส่งกลิ่นหอม ๆ ประจำตัวที่ผู้หญิงพึงมีออกมาให้ได้ดม

ใบหน้างามได้ก้มลงมาจ้องตาเขา เมื่ออ้าปากพูดลมหายใจหอมหวานจากไวน์ที่ดื่มก็ได้พุ่งเข้าปะทะหน้าพร้อม ๆ กับเสียงที่ได้ยินแล้วแทบจะเหลวไปทั้งกระดูก

“หากว่าท่านยอมปล่อยพวกเขาไปล่ะก็ หลังจากที่ฉันทำงานเสร็จแล้วจะยอมไปกับท่านทุกที่แล้วปล่อยให้ท่านทำทุกอย่างตามใจชอบเลยล่ะค่ะ

ไม่ทราบว่าท่าน... พอใจกับค่าไถ่นี้มั้ยคะ”

ถังเจิ้นยิ้มมุมปากและอาศัยจังหวะทีเผลอเหลือบไปโฟกัสกับก้นแน่น ๆ ของหล่อน

เอาเท่าที่ตาเห็นนี่มันดูท่าจะนุ่มและเด้งดึ๋งเป็นพิเศษเลยทีเดียว!

ถังเจิ้นทนไม่ไหวเลยเผลอมือลั่นตะปบไปทีหนึ่งก่อนจะชักมือออก ก่อนจะหันกลับมามองที่เธอซึ่งตอนนี้มีสีหน้าอับอาย

“แค่นี้ไม่พอ ที่ฉันต้องการคือข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับภัยพิบัติหานเยว่ที่เธอถือไว้ และที่สำคัญคือต้องการ... ตอน... นี้!”

เธอได้ยินดังนั้นก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนแล้วจึงพยักหน้าเบา ๆ

********************************

ณ โรงเตี๊ยมในย่านการค้า คนแคระกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะตัวยาวในสภาพเปลือยครึ่งท่อนปิ้งย่างกินดื่มกันอย่างมีความสุข

สำหรับคนแคระขอแค่มีแอลกอฮอล์เจ๋ง ๆ ไหลลงคอชีวิตก็สุขีสวยงามแล้ว

ย่านการค้าของเมืองเชิ่งหลงเป็นสถานที่ที่สามารถเติมเต็มความปรารถนาของพวกเขาได้โดยอนุญาตให้พวกเขาเพลิดเพลินกับเหล้าชั้นดีทุกชนิดที่มี ดังนั้นในทุก ๆ วันคนเหล่านี้จึงกลับมาเมาซ้ำอยู่ที่นี่เสมอ

ในร้านเหล้าเหล่านี้ยังสามารถเห็นเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ดื่มกินกันอย่างมีความสุขได้ตลอด บางคนเมาจนตัวเหลวไปทั่งร่างเหมือนหมา

นอกจากคนแคระแล้วยังมีเผ่าพันธุ์อื่น ๆ อีกมากมายในโลกนี้ที่ชอบขลุกอยู่ในสถานที่อย่างร้านเหล้า

ซึ่งจะต่างจากพ่อค้าวานิชที่เชี่ยวชาญเรื่องการทำธุรกิจ โดยที่นักรบเหล่านี้ที่มารวมตัวกันแทบจะไม่มีลอร์ดคนใดที่เงินขาดมือ แต่ละคนล้วนมีเม็ดเงินในกระเป๋าเป็นจำนวนที่ใครเห็นใครก็ต้องอิจฉา

กับลูกค้ารวย ๆ ที่มีกำลังซื้อสูงนั้น ย่านการค้าย่อมไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ ในการรีดเร้นเอาลูกปัดสมองออกจากกระเป๋าของคนเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย

ร้านขายอาวุธ ร้านขายยา และร้านขายอุปกรณ์เสริมได้ผุดขึ้นมาในย่านการค้าเหมือนดอกเห็ดหลังฝนตกเพื่อรองรับนักรบที่เข้ามาเรื่อย ๆ

พวกต่างเผ่าและชาวโหลวเฉิงอีกจำนวนมากที่มองเห็นโอกาสในการสร้างรายได้จึงใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้เช่าร้านค้าในย่านการค้าโดยหวังว่าจะสร้างรายได้มหาศาล

สุดถนนซอยที่ 9 ของย่านการค้ามีร้านตีเหล็กแห่งหนึ่งที่พึ่งเปิดใหม่และเสียงตีเหล็กดังออกมาให้ได้ยินอยู่ตลอดเวลา

เนื่องจากย่านการค้าให้ความสำคัญกับการปกป้องสิ่งแวดล้อมทำให้มีการเอาร้านค้าที่มีมลพิษสูงเช่นร้านช่างตีเหล็กไปวางกระจุกตัวกันในที่หลืบ ๆ หน่อย

แม้ว่าสถานที่จะตั้งอยู่ห่างไกลมากก็ตาม แต่ธุรกิจกลับไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด

บนถนนกว้าง ๆ มีนักรบจากหลากหลายเผ่าพันธุ์เดินเตร็ดเตร่ให้เห็นเต็มไปหมด โดยแต่ละคนก็ต่างมีออร่าที่ไม่ใช่ธรรมดา

ในเวลานี้ที่ประตูร้านตีเหล็กแห่งหนึ่งข้างถนนที่ชื่อ ‘ตีแหลม’ มีนักรบเดินเข้า ๆ ออก ๆ อยู่ตลอดเวลาซึ่งเห็นได้ชัดว่าธุรกิจกำลังไปได้สวย

เจ้าของร้านนี้เป็นคนแคระที่มีลำตัวเหมือนถังไวน์กับคนจากเผ่าพันธุ์ที่มีเกล็ดสีดำอยู่ทั่วตัว ว่ากันว่าเจ้าตัวมีงานวิจัยด้านวัสดุประเภทโลหะที่ยอดเยี่ยม

ด้วยความร่วมมือของทั้งสองทำให้สามารถสร้างอุปกรณ์เวทมนตร์ขึ้นมาได้อย่างง่ายดายโดยมีอัตราความสำเร็จสูงมาก

ด้วยทักษะของแต่ละคนที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ประกอบกับการทำงานที่เข้าขากันเป็นอย่างดี ผลลัพธ์คือผลประกอบการของร้านนี้ดีขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง

นอกจากเจ้าของร้านทั้งคู่แล้วก็ยังมีเด็กฝึกงานจากทั้งเผ่ามนุษย์และที่ไม่ใช่เผ่ามนุษย์อีกเป็นสิบที่ตอนนี้ตีอาวุธกันจนเหงื่อชุ่มไปทั้งตัวอยู่ในร้าน

แม้ว่าในย่านการค้าจะมีการวางขายอาวุธและอุปกรณ์คุณภาพสูงจำนวนมากจากโลกดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ก็ยังมีบางคนที่เล่นสายนี้ คือประเภทเชื่อถือในวิธีการตีแบบโบราณและชื่นชอบอุปกรณ์เวทมนตร์โดยไม่ได้สนเรื่องความคมหรือความแข็งแกร่งอะไรแบบนั้น

ยังมีบางพวกที่เชื่อแบบหัวดื้อว่าอาวุธที่ไม่ได้ถูกสร้างโดยช่างตีเหล็กนั้นไม่สามารถนำมาใช้ในสนามรบได้อย่างปลอดภัย

มีนักรบต่างเผ่าอีกมากที่มีแนวคิดเช่นนี้ดังนั้นจึงเป็นตัวที่ทำให้ร้านตีเหล็กแห่งนี้มีธุรกิจเฟื่องฟูนั่นเอง

และที่แจ่มที่สุดก็คือนิสัยของนักรบคือต้องซ่อมแซมตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนเริ่มออกรบเสมอ นี่เป็นตัวที่ทำให้ธุรกิจร้านตีเหล็กมาแรงมาก ๆ

คนแคระเตาไฟที่พึ่งจะมาถึงเมืองเชิ่งหลงเมื่อไม่กี่วันก่อนกำลังจด ๆ จ้อง ๆ อยู่ที่โต๊ะทำงานของช่างตีเหล็กเผ่าคนแคระด้วยกันอย่างตั้งอกตั้งใจ เฝ้ารอให้ขวานศึกโทมาฮอว์กของตัวเองออกมา!

ซึ่งเมื่องานกำลังจะเสร็จอยู่นั้นจู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น ตามมาด้วยนักรบเชิ่งหลงหลายคนในชุดเกราะสีดำเดินเข้ามาเหมือนจะให้การอารักขาใครอยู่

ต่อด้วยคนแคระกล้ามโตคนหนึ่งเดินเข้าร้านมาแล้วตรงไปยังขวานศึกซึ่งเป็นอาวุธเวทมนตร์ที่กำลังตีอยู่และมองดูทุกอย่างที่กำลังดำเนินไปอย่างระมัดระวัง

และเตาไฟที่จับตาดูกระบวนการตีไม่วางตาตั้งแต่ต้นก็เหลือบไปเห็นร่างของคนแคระกล้ามโตดังกล่าวโดยไม่ได้ตั้งใจและอดที่จะอ้าปากค้างไม่ได้

“พี่ใหญ่!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด