ตอนที่แล้วCD บทที่ 441 ประชันคนหนุนหลัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปCD บทที่ 443 เรียบร้อยอย่างสมบูรณ์

CD บทที่ 442 นักเลงของแท้


สารวัตรหวังทักทายจ้าวหยู่อย่างอบอุ่น และจากไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนาย เขาไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียวเกี่ยวกับเรื่องทะเลาะวิวาทกับผู้อื่น

เมื่อเห็นสิ่งนี้ผู้ใหญ่บ้านจ้าวก็เริ่มสับสน เขารีบออกไปพร้อมกับคนของเขา เขาต้องการเคลียร์ข้อสงสัยกับสารวัตรหวัง

เมื่อสารวัตรหวังเดินออกไปจากบ้านของจ้าวหยู่ เขาก็หันกลับมาตำหนิจ้าวจินเซิงว่า

“เฒ่าจ้าว คุณรู้ไหมว่าวันนี้คุณเกือบทำให้ฉันซวยแล้ว คุณรู้ไหมว่าถ้าเราจับเจ้าหนุ่มหยู่ไปก่อนหน้านี้ วันพรุ่งนี้ฉันคงถูกเด้งออกไปจากสถานีแล้ว”

"อะไรนะ? เป็นไปได้ยังไง? เขาไม่ใช่ตำรวจยศต่ำหรอกเหรอ?” จ้าวจินเซิงขมวดคิ้ว

"คุณไม่รู้อะไรเลย!" สารวัตรหวังตะโกน “คุณรู้ไหมว่าเราเกือบซวยกันทั้งหมด โชคยังดีที่ฉันมาทัน! ไม่อย่างนั้น มันคงจบลงไม่สวยแน่อย่างนี้แน่!

เห็นแก่ที่รู้จักกันมานาน ฉันจะบอกความจริงแก่คุณ เหตุผลที่ฉันรีบมาก็เพราะหัวหน้าสำนักหลิวของสำนักเทศมณฑลโทรหาฉัน และบอกฉันว่าอย่าสร้างเรื่องกับจ้าวหยู่ ไม่เช่นนั้นฉันจะต้องรับผลที่ตามมาทั้งหมด”

"อะไรนะ!? คุณหมายถึงหัวหน้าสำนักหลิวแห่งสำนักเทศมณฑลคนนั้นน่ะเหรอ?” จ้าวจินเซิงคิดว่ามันเว่อร์เกินจนเกือบจะหัวเราะออกมา

"ใช่! ถ้าฉันไม่รีบมา หัวหน้าสำนักหลิวคงจะเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ คุณรู้ไหมว่าหัวหน้าสำนักหลิวได้รับคำสั่งจากที่ไหน?“สารวัตรหวังหยุดครู่หนึ่งและพูดต่อว่า”เขาได้รับคำสั่งจากหัวหน้าเทศบาลเมืองฉินซาน!"

"อะไรนะ? เทศบาลเมือง?”

“เฒ่าจ้าว ฟังฉันนะ หลังจากนี้… อย่าทำให้เจ้าหนุ่มหยู่ต้องขุ่นเคือง!” สารวัตรหวังส่ายหัวและถอนหายใจ “เราไม่สามารถยุ่งกับเขาได้ ก่อนที่ฉันจะมา ฉันค้นหาข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับเขา ตามแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ มีคนเห็นเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองเติมไวน์ในแก้วของจ้าวหยู่เป็นการส่วนตัวในร้านอาหาร

นอกจากนี้ยังมีแหล่งข้อมูลอื่นที่ระบุว่าผู้นำสองสามคนจากสำนักงานจังหวัดเป็นเพื่อนกับเจ้าหนุ่มหยู่คนนี้ เราจะลูบคมกับคนที่ภูมิหลังที่แข็งแกร่งอย่างนี้ได้อย่างไร?”

"ไม่จริง..."

เมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมด จ้าวจินเซิงก็ตกใจมากจนแทบจะทรุดตัวลงกับพื้น เขาไม่รู้ว่าจ้าวหยู่หาคนหนุนหลังที่ทรงอิทธิพลเช่นนี้ได้อย่างไร

“เขา… ทำได้ยังไง? ไม่อยากจะเชื่อเลย” จ้าวจินเซิงจ้องมองด้วยความสงสัย “เขา… เขาเพิ่งมาเป็นตำรวจได้ไม่กี่ปีเองนะ…”

“เฮ้! คุณเข้าใจที่ฉันพูดไหม!?” สารวัตรหวังเริ่มใจร้อนแล้ว “อย่าตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก! นี่คือเรื่องจริง หากคุณคิดว่าฉันไม่สามารถช่วยคุณได้ คุณสามารถลองขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าสำนักหลิวได้ ลองดูว่าเขาต้องการช่วยคุณมั้ย!?”

“ไม่ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น…” จ้าวจินเซิงพูดด้วยสีหน้าหดหู่ “แล้ว... หลานชายของฉันล่ะ?”

"อะแฮ่ม! คุณก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าเรื่องมันเกิดขึ้นเพราะอะไร ต้องโทษหลานของคุณเองที่มีตาหามีแววไม่“สารวัตรหวังกล่าวเสริมว่า”ฉันขอเตือนคุณไว้ก่อนว่าเจ้าหนุ่มหยู่สามารถฆ่ามือปืนหลายสิบคนได้อย่างง่ายดาย หลานของคุณแค่โดนทุบตีเท่านั้น ถือว่าเขาโชคดีมาก แต่ถ้าหากหลานของคุณยังไม่หยุดหาเรื่อง คุณก็คงจะรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา”

หลังจากพูดจบ สารวัตรหวังโบกมือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนาย จากนั้น พวกเขาก็ขี่มอเตอร์ไซค์ของตัวเองและเดินทางกลับสถานี โดยที่ทิ้งให้จ้าวจินเซิงและคนของเขาที่ตกตะลึงไว้เบื้องหลัง

ในเวลาเดียวกัน บ้านของจ้าวหยู่กลับมาสู่บรรยากาศที่คึกคักเหมือนก่อนหน้านี้ พวกผู้หญิงรวมตัวกันเพื่อเตรียมเกี๊ยวในหม้อใบใหญ่ และเสิร์ฟลุงของจ้าวหยู่

ขณะที่เดินกลับไปที่บ้านของเขา จ้าวหยู่แสร้งทำเป็นจริงจังและพูดกับเหมี่ยวอิงว่า

“ที่รัก ให้นี่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่คุณจะเผชิญกับปัญหาแทนฉัน ฉันเป็นผู้ชายนะ ฉันจะปล่อยให้ภรรยาขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้อย่างไร? คุณรู้ไหมว่าฉันรู้สึกอับอายมากแค่ไหน”

เมื่อเห็นท่าทางที่แน่วแน่ของจ้าวหยู่ เหมี่ยวอิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

"คุณหัวเราะอะไร?" จ้าวหยู่ทำหน้าเคร่งขรึมและพูดว่า “ฉันจริงจังนะ! ถ้าฉันไม่สามารถแก้ไขปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้ได้ ฉันจะเรียกตัวเองว่าสามีของคุณได้อย่างไร!?”

“ก็ได้ ๆ… ฉันจะทำตามที่คุณพูด ตอนนี้คุณพอใจแล้วหรือยัง? เจ้านักเลงแสนเจ้าเล่ห์” เหมี่ยวอิงสัญญากับจ้าวหยู่ ในสายตาของเธอ แม้ว่าจ้าวหยู่จะเป็นนักเลง แต่มันก็ทำให้เธอประทับใจเมื่อเห็นเขายอมแบกรับภาระทั้งหมดด้วยตัวเอง

"ดี! ครั้งต่อไปคุณต้องฟังคนของคุณ อย่าทำอะไรด้วยตัวเอง” จ้าวหยู่พูดด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ

เมื่อไม่เห็นใครอยู่รอบ ๆ เขากระซิบกับเหมี่ยวอิง

“เพื่อเป็นรางวัล ฉันจะ ‘ดูแล’ คุณอย่างดีในคืนนี้… ฮิฮิฮิ…”

“หนอย! เจ้าคนกะหล่อนเอ๊ย!”

เหมี่ยวอิงหน้าแดง

หลังมื้ออาหารเย็น ทั้งครอบครัวก็สนุกสนานกัน และทั้งห้องก็เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ

จ้าวหยู่ถือโอกาสมอบเงินหนึ่งล้านหยวนให้กับพ่อของเขา เขาบอกให้พ่อรีบหาคนมาสร้างบ้านใหม่และย้ายออกจากบ้านเก่าโทรม ๆ หลังนี้ไป

พ่อแม่ของจ้าวหยู่รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นลูกชายมีความกตัญญู อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าจ้าวหยู่นำเงินจำนวนมหาศาลกลับบ้าน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะกังวลว่าเงินมาจากไหน พวกเขากังวลว่ามันจะมาจากธุรกิจผิดกฎหมายหรือไม่

เพื่อให้พวกเขาสบายใจ จ้าวหยู่รับรองกับพวกเขาว่าเงินทั้งหมดได้มาอย่างถูกกฎหมาย โดยมันมาจากโบนัสของคดีที่เขาไขได้ เมื่อได้ยินเช่นนั้น พ่อแม่ของเขาก็รู้สึกโล่งใจ

อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ของจ้าวหยู่ยอมรับจากเขาเพียงสองแสนหยวนเท่านั้น โดยแม่ของเขาอธิบายว่าการสร้างบ้านไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากขนาดนั้น สองแสนหยวนก็เกินพอแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเข้าใจว่าตอนนี้จ้าวหยู่อาศัยอยู่ในเมือง และมีแฟน ดังนั้นจ้าวหยู่จึงจำเป็นต้องซื้อบ้านเป็นของตัวเอง พวกเขาจึงยืนกรานที่จะรับเงินเพียงสองแสนหยวนเท่านั้น

เมื่อเห็นว่าพ่อแม่ของเขาค้านหัวชนฝา จ้าวหยู่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับการตัดสินใจของพวกเขา ในขณะเดียวกันทุกคนก็คุยกันเรื่องการสร้างบ้านหลังใหม่ เช่น จะหาผู้รับเหมาได้ที่ไหน? ซื้อวัสดุที่ไหน? และจะสร้างบ้านแบบไหน ด้วยเหตุนี้ บรรยากาศในบ้านจึงเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

แม้ว่าเหมี่ยวอิงจะไม่ได้เข้าร่วมวงสนทนา แต่เธอก็รับฟังอย่างเงียบ ๆ

เมื่อจ้าวหยู่ครอบครัวของเขาคุยกันอย่างมีความสุข เขาก็ถือโอกาสวิ่งออกไปอย่างลับ ๆ โดยใช้ข้ออ้างที่ว่าเขาต้องไปเข้าห้องน้ำ

หลังจากออกจากลานบ้าน ดวงตาของจ้าวหยู่ก็ดูเย็นชาและชั่วร้าย ในฐานะผู้ยึดมั่นในกฎของท้องถนน เขาทนไม่ได้ที่มีตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง ถึงแม้ว่าผู้ใหญ่บ้านจ้าวจินเซิงจะเป็นคนโทรแจ้งตำรวจ แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าหลี่เอ๋อร์กั๋วไม่ได้ให้เกียรติคำพูดของพวกเขา

ในฐานะอดีตราชาแห่งท้องถนน เขาจะทำให้พวกเขาได้รู้ซึ้งถึงกฎบนท้องถนนมันสำคัญอย่างไร?

เมื่อพูดไปแล้วก็ไม่อาจคืนคำได้

จ้าวหยู่ถอดเครื่องแบบตำรวจออกแล้วนำไปไว้ในรถ หลังจากนั้นเขาก็ตรงไปที่บ้านของผู้ใหญ่บ้านจ้าวจินเซิงโดยไม่สวมเสื้อ

หลังจากการต่อสู้กับหลี่เอ๋อร์กั๋วและคนอื่น ๆ จ้าวหยู่ก็เป็นที่พูดถึงกันทั้งหมู่บ้าน ขณะที่เดินผ่านหมู่บ้าน ความตกตะลึงและความกลัวก็ปรากฏอยู่ในดวงตาของทั้งชายและหญิง ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

‘ฮึ!’

จ้าวหยู่เยาะเย้ยอย่างเย็นชา เขามีความสุขกับสถานะปัจจุบันของเขา และนับจากนี้เป็นต้นไป ชื่อเล่นในวัยเด็กของเขาได้กลายเป็นอดีตที่จะไม่ถูกยกมาพูดถึงไปตลอดกาล

เมื่อจ้าวหยู่กำลังเข้าใกล้บ้านของจ้าวจินเซิง เขาก็คว้าแตงกวามาจากเด็กคนหนึ่ง โดยเคี้ยวมันขณะเดินเข้าไปในบ้านของฝ่ายหลัง ในขณะนั้น ครอบครัวของจ้าวจินเซิงและญาติบางคนกำลังคุยเรื่องของหลี่เอ๋อร์กั๋ว แต่เมื่อพวกเขาเห็นจ้าวหยู่ที่ไม่สวมเสื้อกำลังเคี้ยวแตงกวาที่ถูกกัดครึ่งหนึ่งแล้วเดินเข้าไปในบ้าน พวกเขาก็ตกใจจนตัวแข็งทื่อ

“จะ… จ้าวหยู่!” จ้าวจินเซิงพูดตะกุกตะกักในขณะที่เขานึกถึงสิ่งที่สารวัตรหวังพูดก่อนหน้านี้ “กะ… แก… แกต้องการอะไร!?”

จ้าวหยู่เหลือบมองจ้าวจินเซิง และไม่สนใจเขา เขามองไปรอบ ๆ บ้านของจ้าวจินเซิง และเห็นแตงโมขนาดใหญ่และมีดอยู่ตรงกลางห้อง จากนั้นเขาก็พ่นแตงกวาออกจากปากของเขาลงข้างทาง

หลังจากนั้น จ้าวหยู่ก็หยิบแตงโมชิ้นเล็ก ๆ แล้วกินเข้าไป

“แก… แกคิดจะทำอะไรกันแน่?” จ้าวจินเซิงมองอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ไปที่จ้าวหยู่

จ้าวหยู่หั่นแตงโมเสร็จและโยนเปลือกแตงโมทิ้งไป เขาพูดว่า

“มันช่างหวานเสียเหลือเกิน!”

หลังจากนั้น จ้าวหยู่หยิบมีดแตงโมขึ้นมาแล้วโยนมันลงบนเขียงอย่างแรง มีดแตงโมถูกเสียบไว้บนเขียง

ทุกคนในบ้านต่างหวาดกลัว หนึ่งในนั้นกระโดดขึ้นจากที่นั่ง

*ตึง!*

เมื่อมีดแตงโมเสียบลงบนเขียง แตงโมชิ้นหนึ่งก็ถูกหั่นออก จ้าวหยู่ใช้มือซ้ายหยิบชิ้นแตงโม จากนั้นใช้มือขวาชี้ไปที่จ้าวจินเซิง และพูดว่า

“ผู้ใหญ่บ้าน มานี่… ฉันมีเรื่องต้องพูดกับแก!”

ขณะที่จ้าวหยู่กำลังพูด เขาก็เดินเข้าไปในห้องนอนของจ้าวจินเซิง

แม้ว่าจ้าวจินเซิงจะกลัว แต่เขาก็ทำใจดีสู้เสือ และตามหลังจ้าวหยู่ไป

“ฮ่าฮ่าฮ่า!!!”

หลังจากเข้าไปในห้องนอน จ้าวหยู่ก็หัวเราะอย่างซุกซนออกมา ขณะที่เขาปิดประตูอย่างเงียบ ๆ...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด