ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 499 - ปัญหามาถึงตัว!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 501 - แสดงผลงาน!

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 500 - กลับ!


“เดวิด!!?? ไอ้เจ้าสาระเลวเดวิดมันเป็นใคร!!!!???”

ความเร็วของดาบบินสีทองชะงักลงไปเล็กน้อย ก่อนที่มันจะพุ่งทะยานขึ้นด้วยความเร็วที่สูงมากขึ้นกว่าเดิม สีหน้าของเจ้าสำนักซิกนิสกลายเป็นมืดคล้ำขึ้นมาจนสังเกตได้อย่างชัดเจน

‘ให้ตายสิ! เจ้าเด็กนี่ไปก่อเรื่องก่อราวใหญ่โตเอาไว้มากแค่ไหนกันนะ!’

แต่ในเมื่อตัดสินใจไปแล้ว หูจื่อฟงก็ได้แต่ควบคุมดาบบินให้พุ่งฝ่าอากาศเดินทางกลับสำนักของตัวเองให้ได้เร็วที่สุดเท่านั้น เรื่องที่จะตามหลังมาจากนี้ กลับไปถึงฐานที่มั่นแล้วค่อยคิดแก้ไขอย่างใจเย็นจะดีกว่า

....

มันเป็นการเดินทางที่ราบรื่นและสงบเงียบ บรรยากาศบนดาบบินดูตึงเครียดมากกว่าตอนที่เดินทางมาเล็กน้อย ด้วยความที่เหล่าศิษย์ทุกคนต่างพากันใช้โอกาสและเวลาที่ว่างอยู่ฝึกฝนขัดเกลาความแข็งแกร่งใหม่ของตัวเองให้คงที่คุ้นเคย ไม่มีเสียงพูดคุยปรึกษากันเล็ดลอดออกมาได้ยินบ่อยนัก พวกเขาพากันนั่งสมาธิหมุนเวียนคลื่นสมองไปทั่วร่างกายอย่างขะมักเขม้น เหล่าผู้อาจารย์และผู้อาวุโสที่เดินทางมาด้วยก็นั่งหลับตาทำสมาธินิ่ง ส่วนเจ้าสำนัก! ดูเหมือนว่าสีหน้าของเขาจะดูอึดอัดกว่าขามาไม่น้อย การควบคุมให้ดาบบินพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงกว่าเดิมเกือบ 2 เท่าคงจะไม่ใช่งานที่ง่ายเลย

เดวิดก็เป็นอีกคนฝึกฝนอยู่อย่างเคร่งเครียด แน่นอน! ชายหนุ่มหน้าตาใสซื่อคนนี้ไม่กล้าฝึกทักษะกายาเทวราชตอนที่นั่งอยู่บนอาวุธประจำตัวของผู้ฝึกฝนคนอื่น และเขาไม่ได้ฝึกทักษะอะไรเลยด้วยซ้ำ แค่ผสานทำความคุ้นเคยกับความแข็งแกร่งใหม่ของร่างกายไปอย่างช้า ๆ คลื่นสมองที่เบาบางถูกเคลื่อนวนอยู่รอบตัวเหมือนกับเกราะป้องกัน ในขณะที่กล้ามเนื้อทุกส่วนถูกกระตุ้นให้สั่นไหวอย่างแผ่วเบาด้วยความถี่ที่แตกต่างและเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ

หลังจากออกมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ สนามพลังที่จำกัดการใช้พลังพันธุกรรมก็สูญสลายไป เดวิดตั้งสมาธิตรวจสอบร่างกายจนแน่ใจว่ามันไม่มีผลตกค้างอะไรอยู่จริง ๆ หลายรอบ ก่อนที่เขาจะกระตุ้นส่งถ่ายพลังพันธุกรรมผสานไปกับคลื่นสมองอย่างช้า ๆ เซลล์ทั้งหมดในร่างกายที่ได้รับความเสียหายซ้ำแล้วซ้ำเล่าค่อย ๆ ได้รับการเสริมสร้างจนแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม

ด้วยการควบคุมให้หัวใจเต้นช้าเพียง 1 ครั้งต่อ 3 นาที เลือดในร่างกายของเดวิดแทบจะหยุดเคลื่อนไหว ปล่อยให้การถ่ายเทพลังงานระหว่างกระแสเลือดกับเซลล์ต่าง ๆ เป็นไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อมองจากภายนอกเข้ามา เขาเหมือนกับหุ่นรูปปั้นที่ไร้ชีวิตเลยด้วยซ้ำ เพราะแม้แต่ทรวงอกก็ไม่ได้มีการขยับเขยื้อนส่งสัญญาณให้รู้ว่ายังหายใจอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว เดวิดอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มการเดินทาง ไม่ยอมเสียเวลาไปกับการชื่นชมวิวทิวทัศน์เหมือนกับขามาเลย ดูเหมือนว่าพอออกมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว ปัญหาที่ถาโถมเข้ามาจะใหญ่ยิ่งไปกว่าเดิมเสียอีก เขาฝึกฝนไปพร้อมกับครุ่นคิดหาวิธีแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ผู้ก่อสวรรค์! ปัญหาระดับนี้แก้ไม่ได้ง่าย ๆ แน่

เดวิดลืมตาขึ้นมาครั้งแรกก็ตอนที่รู้สึกว่าดาบบินกำลังลดระดับความสูงลงอย่างรวดเร็ว การเดินทางครั้งนี้สิ้นสุดลงด้วยระยะเวลาเพียง 8 วันเท่านั้น มันเร็วกว่าตอนขาไปเกือบเท่าตัวเลยทีเดียว และเหงื่อที่ซึมออกมาเล็กน้อยบนหน้าผากของเจ้าสำนัก มันบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าต้องสิ้นเปลืองพลังไปมากแค่ไหน

ดาบบินสีทองมาหยุดลอยตัวอยู่เหนือจัตุจักรใหญ่เดิมที่เป็นจุดรวมพลก่อนจะออกเดินทาง เจ้าสำนักเดินออกไปยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ที่ปลายดาบ และยืนรับฟังเสียงตะโกนต้อนรับจากเหล่าลูกศิษย์และบุคลากรที่มารวมตัวกันแน่นเหมือนรู้ตัวล่วงหน้า

“ขอต้อนรับเจ้าสำนักและผู้กล้าที่เข้าร่วมเทศกาลล่าสัตว์อสูรกลับสู่สำนัก!” เสียงของผู้อาวุโสคนหนึ่งตะโกนก้องออกมาอย่างเป็นทางการ ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้ฝูงชนเงียบเสียงลงก่อนชั่วคราว

หูจื่อฟงพยักหน้ารับคำทักทายด้วยความเคร่งขรึม สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ หนึ่งครั้ง ก่อนที่เสียงจะถูกเปล่งออกมาดังกังวาน เขาตั้งใจจะกล่าวกับคนทั้งสำนักจริง ๆ ไม่ใช่แค่เฉพาะที่มารวมตัวกันอยู่ในลานจัตุรัสแห่งนี้เท่านั้น

“ได้โปรดยืนสงบนิ่ง 1 นาที เพื่อเป็นการไว้อาลัยให้กับเหล่าผู้กล้าที่ได้สละชีวิตของตัวเองลง!!”

เมื่อสิ้นสุดเสียงของเจ้าสำนัก ความเงียบปกคลุมไปทั่วอาณาเขตเป็นเวลา 1 นาทีเต็ม ๆ ทุกคนในสำนักต่างหยุดยืนนิ่งและก้มหน้าอย่างสงบ

“เอาล่ะ! ถึงเวลาที่ทุกคนจะได้ส่งเสียงต้อนรับและให้กำลังใจผู้กล้าที่ประสบความสำเร็จแล้ว แสดงความยินดีกับพวกเขาที่รอดชีวิตกลับมาได้ด้วยความแข็งแกร่งและอนาคตที่รุ่งโรจน์!”

เสียงกู่ร้องแสดงความยินดีดังขึ้นอย่างกึกก้อง คำสรรเสริญเยินยอดังต่อเนื่องกันอยู่สักพักก่อนที่เจ้าสำนักจะได้มีโอกาสกล่าวคำต่อ

“ในงานเทศกาลล่าสัตว์อสูรครั้งนี้ พวกเราได้สูญเสียเพื่อน พี่น้อง ลูกศิษย์อันเป็นที่รักไปอย่างมากมาก แต่ในขณะเดียวกัน ผู้ที่รอดชีวิตกลับมาก็กลายเป็นผู้ก่อปฐพีที่แข็งแกร่ง พวกเขาทุกคนมีศักยภาพมากพอที่จะขึ้นเป็นผู้ก่อสวรรค์ในอนาคต พวกเขาทุกคนจะสร้างความรุ่งโรจน์รุ่งเรืองให้กับสำนักของพวกเรา นี่คือโอกาสอันดีที่จะเฉลิมฉลอง นี่คือความแข็งแกร่งชั่วกาลนานของสำนักซิกนิสแห่งนี้

ลูกศิษย์ทุกคนจะได้รับยาเม็ดกลั่นกระดูกเป็นของรางวัลคนละ 1 ขวด และยกเว้นการทำหน้าที่และภารกิจของสำนักเป็นเวลา 1 อาทิตย์”

เสียงโห่ร้องดีใจดังกึกก้องขึ้นมาอีกครั้ง ‘ยาเม็ดกลั่นกระดูก’ แม้ว่าจะไม่ใช่ของมีมูลค่าสูงล้ำอะไรมากมายนัก แต่สำหรับผู้ก่อพลังทั่วไป ประสิทธิภาพของมันเพียงพอแล้วที่จะยกระดับให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมได้อย่างยิ่งยวด

และการแจกรางวัลให้กับลูกศิษย์ทุกคนในสำนักแบบนี้!? เจ้าสำนักช่างใจดีอย่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ

.....

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการต้อนรับ เจ้าสำนักก็ควบคุมดาบบินให้ลอยออกจากจัตุรัสมาหยุดอยู่ที่หน้าอาคารหลังใหญ่มหึมาแห่งหนึ่ง ก่อนจะสั่งให้เหล่าลูกศิษย์ อาจารย์ และผู้อาวุโสทั้งหมดลงจากดาบบินและเข้าไปรวมตัวกันอยู่ในห้องโถงของอาคารแห่งนั้น ตัวของเขาเองเมื่อจัดการกับอาวุธคู่กายเรียบร้อย ก็เดินเข้าไปนั่งอยู่ที่เก้าอี้ประธานในห้องโถงทันที

“เอาล่ะ! ได้เวลาเสียที ต่อไปจะเป็นการพิจารณาความดีความชอบที่ศิษย์แต่ละคนจะได้รับจากเทศกาลล่าสัตว์อสูรครั้งนี้ นำส่งตราประจำตัวผู้เข้าร่วมและสมบัติที่ได้รับมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้ผู้อาวุโสตรวจสอบ ทางสำนักจะมอบรางวัลให้ทุกคนกลับไปตามผลงานที่แต่ละคนทำได้” ผู้อาวุโสคนหนึ่งยืนขึ้นประกาศทันทีที่เจ้าสำนักของพวกเขานั่งลงประจำตำแหน่งเรียบร้อย

เหล่าลูกศิษย์จำนวนร้อยกว่าคนที่ยืนเรียงแถวกันอยู่ในห้องโถงยังไม่ขยับตัว ต้องใช้เวลาหลายวินาทีกว่าที่พวกเขาจะเข้าใจในคำประกาศนั้น และในที่สุดผู้กล้าคนแรกก็เดินตรงไปหยุดยืนต่อหน้าที่นั่งของเหล่าผู้อาวุโสที่เรียงกันอยู่เป็นรูปครึ่งวงกลม แหวนเก็บของถูกหยิบขึ้นมากระตุ้นอย่างไม่ลังเล สมบัติที่เขารวบรวมมาได้ปรากฏวางอยู่บนพื้นเบื้องหน้าอย่างเป็นระเบียบ ตราประจำตัวผู้เข้าร่วมถูกยื่นส่งให้กลับผู้อาวุโสที่ยืนขึ้นประกาศในทันทีเช่นกัน

ด้วยสายตาที่เฉียบคมของเหล่ายอดฝีมือ เพียงแค่กวาดสายตามองแค่เพียงรอบเดียว ผู้อาวุโสที่รับหน้าที่ดำเนินการก็ประกาศออกมาด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินอย่างชัดเจนไปทั่วห้องโถง ใบหน้าของเขานั้นมีรอยยิ้มอย่างพึงพอใจปรากฏอยู่

“ลู่หรง! ระดับในปัจจุบัน ผู้ก่อปฐพีชั้นต้น! สิ่งที่นำส่งให้กับสำนักคือสมุนไพรระดับ 2 จำนวน 4 ต้น สมุนไพรระดับ 1 จำนวน 27 ต้น และทักษะการฝึกฝนชั้นสูงอีก 1 ฉบับ”

ผู้อาวุโสพยักหน้าให้กับลู่หรงเบา ๆ “ถือว่ายอดเยี่ยม!”

“ถึงแม้ว่าจะเก็บเกี่ยวออกมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิได้ไม่มากนัก แต่การที่สามารถมีชีวิตรอดออกมาและยกระดับตัวเองให้กลายเป็นผู้ก่อปฐพีได้ มันก็ถือว่าเจ้าเป็นศิษย์ที่มีศักยภาพควรค่าแก่การส่งเสริม ข้าจะรับเจ้าเข้าเป็นศิษย์ส่วนตัว! ยินยอมหรือไม่!?” ผู้อาวุโสอีกคนยืนขึ้นและกล่าวออกมาด้วยใบหน้ายิ้มละไม

ลู่หรงยืนตัวแข็งด้วยความตกตะลึงอยู่ในช่วงแรก แต่หลังจากที่ตั้งสติได้แล้วเขาก็รีบก้มศีรษะโค้งคำนับลงจนหัวแทบจะแตะพื้น สีหน้านั้นเต็มไปด้วยความยินดี

“ศิษย์น้อมพบอาจารย์!”

“ฮ่าฮ่า! ผู้อาวุโสหมิง! ยินดีด้วย ๆ ในที่สุดก็ได้รับลูกศิษย์ใหม่ที่มีศักยภาพแล้ว ยอดเยี่ยม ๆ”

“ฮ่าฮ่า! ขอบคุณทุกท่าน! ขอบคุณ”

“เอาล่ะ! ลู่หรง! เจ้ากลับเข้าไปยืนประจำที่ตามเดิมก่อน” ผู้อาวุโสที่รับหน้าที่ดำเนินการกล่าวออกมาเมื่อบรรยากาศแห่งการแสดงความยินดีเริ่มสงบลง เมื่อลู่หรงยืนประจำที่เรียบร้อย เขาก็ดำเนินงานต่อทันที

“คนต่อไป!”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด