ตอนที่แล้วบทที่ 15 ไก่ต้มเผือก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 17  ได้รับฉายา

บทที่ 16 โรงเรือนเพาะปลูก


บทที่ 16 โรงเรือนเพาะปลูก

“พอเถอะ เจ้าหน้าแดงมากแล้ว?”

“มันต้องแดงเพราะมันเผ็ด!”

“เอามาเถอะน่า  ขอให้ข้ากินบ้าง”

"ไม่!"

“เชื่อฟังข้า!”

"ไม่!"

ทุกคนเห็นเล่าหงวิ่งไเข้าหาอู๋ฉีเพื่อแย่งชิงซอสพริก!

ทันทีที่เตียวเสี้ยนเดินเข้าไปในครัว นางก็พบกับสาวใช้กำลังทำเครื่องดื่มน้ำแข็งอยู่ เวลาที่นางใช้ไปจึงไม่นานเลย แต่นางไม่เคาดหวังว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นด้วยเวลาที่รวดเร็วเช่นนี้!

เตียวเสี้ยนเห็นเล่าหงเอื้อมมือออกไปคว้ามือของอู๋ฉี ในขณะที่อู๋ฉีกำลังปกป้องขวดซอสพริกด้วยมือเดียว และมืออีกข้างผลักหน้าของเล่าหงอย่างแรง ด้วยความตั้งใจว่าจะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายทำสำเร็จ!

【คะแนนภารกิจ +100,000】

【คะแนนภารกิจ +100,000】

【คะแนนการแข่งขัน +100,000】

อู๋ฉีปกป้องซอสพริกแล้วพูดว่า "อย่า…ท่านอย่าคว้ามัน!"

 .

หลิวเล่าพยายามเอื้อมมือคว้าวให้ได้ “เอามาให้ข้าเถอะ ข้าอยากได้!”

  

อู๋ฉีเอามือบังไว้แล้วกล่าวว่า "อย่างอื่นข้าให้ท่านได้แต่ซอสพริกเหลือครึ่งขวดเท่านั้น ข้าจะแบ่งให้ท่านได้ยังไง!"

เล่าหง  “เจ้าคือน้องชายของข้าไม่ใช่เหรอ?”

  

อู๋ฉี  “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับความเป็นพี่น้อง!”

หลิวหง  “???”

อู๋ฉี “เพื่อซอสพริก วันนี้ข้าไม่มีพี่น้อง!”

【คะแนนการแข่งขัน +2,000,000】

เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถแย่งชิงมาได้ เล่าหงก็เริ่มเรียกกำลังเสริม  "อาฟู(บิดา) มาช่วยข้าเร็ว!"

เมื่อได้ยินเสียงเรียก เตียวเหยียงย่อมพุ่งเข้ามา ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แต่ทหารองครักษ์ทั้งสองคนก็มาสมทบกับเตียวเหยียงด้วย!

เดิมทีด้วยความแข็งแกร่งของอู๋ฉี 85 แต้ม เล่าหงและเตียวเหยียงย่อมไม่สามารถเอาชนะเขาได้ แต่อู๋ฉีไม่ได้คาดหวังเลยว่า ความแข็งแกร่งของหวังเย่จะไม่ทิ้งห่างกับเขามากนัก

ทันทีที่หวังเย่เข้าร่วม อู๋ฉีไม่สามารถปกป้องซอสพริกได้อีกต่อไป!

อู๋ฉีจ้องมองไปที่หวังเย่แล้วกล่าวว่า "เจ้าไม่ได้พูดว่า 'เย่ชื่นชม(拜服)' ไม่ใช่เหรอ? ทำไมเจ้าถึงทำเช่นนี้?"

(拜服 ไป้ฝู ชื่นชม)

หวังเย่ตอบว่า "ท่านได้ยินผิดแล้ว! ข้าพูดว่า เย่ขอเลิกลา(掰服) ไม่ใช่เหรอ?"

(掰服 ไป้ฝู เลิกลาหรือหยุด)

พูดจบแล้ว หวังเย่ใช้แรงมากขึ้นเพื่อพลิกข้อมือของอู๋ฉี

อู๋ฉีรู้สึกกังวลมากจึงตระโกนว่า "ภรรยาข้า เจ้ามาช่วย... ไม่ ไม่ เจ้าไปเรียกทหารถั่วมาหน่อยสิ!"

เตียวเสี้ยนมีสีหน้าหัวเราะไม่ได้ร่ำไห้ไม่ออก พลางกล่าวว่า "เรื่องเล็กน้อย ไยท่านจึงต้องเรียกทหารถั่ว!"

แต่นางก็เป็นผู้หญิงที่ฉลาด หลังจากคิดได้สักพัก เนางก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า

“คุณชายไป๋ ข้ามีอะไรที่อร่อยกว่าพริก ถ้าท่านปล่อยมือสามีของข้า ข้าจะทำให้ท่านลองทาน!”

ทันใดนั้นดวงตาของเล่าหงก็สว่างขึ้น  "อะไรนะ อร่อยกว่างั้นเหรอ? ตกลง! น้องสะใภ้ของข้า เจ้าต้องรักษาคำพูดและรีบนำมันมา!"

  

พูดจบแล้วปล่อยเขาก็ปล่อยมือทันที

อู๋ฉียังคงบ่นอุบอิบว่า "พวกเจ้าอุกอาจมาก แขกจะปล้นเจ้าของอาหารของเขาได้อย่างไร?"

เล่าหงสวนทันทีเลยว่า: “ในเมื่อเจ้าเป็นน้องชายของข้า ทุกอย่างย่อมเป็นของข้าด้วย แล้วเจ้าจะเรียกมันว่าการปล้นได้อย่างไร?”

เตียวเหยียงหัวเราะเยาะจากด้านข้าง: เจ้าไม่เข้าใจฝ่าบาทของเรา สิ่งที่เขาทำไม่เคยสอดคล้องกับสามัญสำนึก! จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ในอดีตชอบรักษาใบนหน้าของตนเอง แต่จักรพรรดิผู้นี้ พระองค์ไม่สนใบหน้า เขากล้าทำในสิ่งที่จักรพรรดิองค์อื่นๆ ไม่กล้าทำ!

ไอ้สารเลวน้อย เจ้าไม่อาจเล่นเลห์กับพระองค์ได้!

นอกเหนืออื่นใด มีจักรพรรดิคนไหนที่เรียกขันทีว่า "อาฟู(บิดา)" บ้าง?

ทว่าเล่าหงทำอย่างนั้นจริงๆ!

หลังจากนั้นไม่นาน เตียวเสี้ยนจึงสั่งให้สาวใช้ยกเครื่องดื่มใส่น้ำแข็งมาสองแก้ว

เล่าหงมองไปที่มันและค่อนข้างสงสัย  "น้องสะใภ้ นี่มันไม่ใช่แค่ตะกรันน้ำแข็งเหรอ? มันอร่อยไหม?"

ก่อนที่เตียวเสี้ยนจะพูดอะไร อู๋ฉีก็หยิบมันขึ้นมาและเริ่มกินมัน  "โอ้!  อร่อย มันอร่อยมาก! หลังจากกินพริกแล้ว ข้าจะกินไอศกรีม(冰淇淋) มันอร่อยมาก!"

(冰淇淋 Bīngqílín ไอศครีม)

“กิเลนน้ำแข็ง(冰麒麟)?” หลิวหงคิดว่าสิ่งนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับตัวกิเลนแม้แต่น้อย เขาจึงตักมันขึ้นมาด้วยช้อนอันเล็กแล้วตักเข้าปาก…

(冰 Bīng คือน้ำแข็ง 麒麟  qílín คือกิเลน)

“อ๊ะ…อร่อยจังเลย!”

เล่าหงอุทานว่ากิเลนน้ำแข็งนี้ มันช่างสดชื่นในปากยิ่งนัก มันมีความหอมหวานและยังละลายในปาก เขายังได้ลิ้มรสของผลไม้ที่มันคงอยู่ระหว่างฟันและปลายลิ้น ไม่เพียงเท่านั้น มันยังบรรเทาความมันของไก่ต้มเผือก แถมยังทิ้งรสหวานไว้ ซึ่งมันน่าจดจำไม่รู้จบ!

  

【คะแนนกิจกรรม +1,000】

หลังจากนั้นเล่าหงก็กินไอศกรีมอีกครั้ง

อู๋ฉียินดีที่เล่าหงละทิ้งซอสพริก เพราะการทำไอศกรีมมันไม่ยาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ง่าย และมันกไม่มีอะไรมากไปกว่าน้ำตาล นม และน้ำแข็ง แม้ว่าในยุคนี้ทั้งสามรายการนี้มันจะราคาไม่ถูกก็ตาม

แพงแล้วยังไง……

คุณว่าอู๋ฉีขาดเงินหรือเปล่า?

ตราบใดที่ของยังมีในยุคนี้และมีราคา เขาก็สามารถหาซื้อได้อย่างง่ายดาย!

เตียวเหยียงรู้สึกอิจฉามากที่เห็นอู๋ฉีและเล่าหงกินอาหารดีๆ แต่เขาเคยชินกับมันมานานแล้ว ดวงตาของเขากวาดสายตามองจานอื่นๆ บนโต๊ะด้วยความเบื่อหน่าย

ทันใดนั้น……

ดวงตาของเขาพักอยู่บนจานวัตถุดิบ

เนื่องจากไก่ต้มเผือกนี้เป็นหม้อไฟ แทนที่จะเคี่ยวไก่ต้มเผือกเฉยๆ มันจึงมีวัตถุดิบอื่นๆ มากมายให้เราจุ่มในหม้อไฟด้วย เช่น หมู เนื้อแกะ ผ้าขี้ริ้ว ฯลฯ และแน่นอนว่ายังมีผักดิบอีกมากมาย

ดวงตาขอ เตียวเหยียงเพ่งไปที่ผักจานหนึ่ง ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นมาทันทีและจ้องมองไปที่มัน และเสียงของเขาสั่นเครือ  "นี่คือ... นี่คือ...ผักโขมน้ำ(เวิ้งไช่)?"

อู๋ฉีเหลือบมองมัน  "โอ้…มันเรียกว่าผักบุ้ง(คงซินไช่)!เจ้าเรียกมันว่าผักโขมน้ำ(เวิ้งไช่) งั้นเหรอ?"

เล่าหงรู้สึกประหลาดใจเช่นกันและถามเตียวเหยียงว่า "ก่อนหน้านี้ ข้าก็เคยได้กินผักโขมน้ำมาก่อน มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับมันเหรอไง?"

เตียวเหยียงรีบเตือนทันทีว่า "ฝ่าบาท สิ่งที่พระองค์เสวยก่อนหน้านี้ล้วนเป็นผักโขมดอง แต่นี่มัน...ผักสด!"

"อา!"

เล่าหงตระหนักได้ทันที เพราะว่าในฐานะจักรพรรดิ แม้ว่าเขาจะชอบสนุกสนาน แต่เขาก็ยังมีความรู้ ดังนั้นเขาจึงถามอู๋ฉีว่า "ผักโขมนี้...เจ้าเอามาจากไหน เจ้าปลูกมันที่บ้านงั้นเหรอ?"

"ถูกต้อง!"

【คะแนนการแข่งขัน +2,000】

อู๋ฉีคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า  “อา…เข้าใจแล้ว ท่านกำลังพูดถึงผักบุ้งที่หาได้เฉพาะในภาคใต้เท่านั้นใช่ไหม? แล้วข้าจะมีมันที่นี่ได้ยังไง? ฮ่าฮ่าฮ่า…มามามา ข้าจะพาท่านไปดู หลังจากที่เรากินข้าวเสร็จ!”

หลังอาหารเสร็จแล้ว เล่าหงและคนอื่นๆ ไม่สนใจว่าอู๋ฉีเช็ดปากของเขาด้วยกระดาษไช่หลุนอันล้ำค่า และขอร้องให้อู๋ฉีพาเขาไปดูอย่างกระตือรือร้น เมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น พวกเขาถามว่า "นี่...นี่คือ?"

(กระดาษไช่หลุน กระดาษที่คิดค้นโดยขุนนางผู้หนึ่งนามว่า…ไช่หลุน เป็นสิ่งของที่มีราคาแพงมากในสมัยฮั่นตะวันออกหรือสมัยสามก๊กนั่นเอง)

อู๋ฉียิ้มและพยักหน้า  "เป็นไง ท่านคิดไม่ถึงล่ะสิ?"

สิ่งที่พวกเขาเห็นตรงหน้าคือ...

โรงเรือนเพาะปลูก!

มันคือโรงเรือนเพาะปลูกขนาดใหญ่!

เพียงแต่ว่าโครงสร้างเปลือกนอกของโรงเรือนเพาะปลูกแห่งนี้ไม่ได้ทำจากพลาสติกและกระจกแก้วแบบโรงเรือนเพาะปลูกสมัยใหม่ แต่มันทำจากผ้าไหมที่บางเท่ากับปีกจั๊กจั่น รวมกับอุปกรณ์อื่นๆ ที่เล่าหงไม่สามารถเข้าใจได้

เมื่อทุกคนเดินผ่านทางเข้า ทันใดนั้น พวกเขาก็รู้สึกถึงความร้อนอบอ้าว

จู่ๆ เตียวเหยียงก็ชี้ไปข้างหน้า แลัวกระซิบบอกทันที "ฝ่าบาททรงทอดพระเนตรดู!"

เล่าหงเงยหน้าขึ้นมองและพบว่าโรงเรือนเพาะปลูกนั้นโปร่งใสมาก! โปร่งใสจริงๆ!

อู๋ฉีแนะนำด้วยรอยยิ้มว่า "ข้าเรียกมันว่าโรงเรือนกระจก ไม่เพียงแต่ท่านสามารถปลูกผักที่เป็นเอกลักษณ์ทางตอนใต้เท่านั้น แต่ท่านยังสามารถปลูกผักฤดูร้อนในตอนฤดูหนาวได้อีกด้วย!"

  

【คะแนนกิจกรรม +1,000】

เมื่อพูดถึงการปลูกผักฤดูร้อนในตอนฤดูหนาว จู่ๆ เล่าหงก็จำอะไรบางอย่างได้

กล่าวกันว่าในสมัยราชวงศ์ก่อนฮั่น(ราชวงศ์ฮั่นตะวันตก) มีสวนไท่กวนในพระราชวัง ซึ่งใช้สำหรับปลูกผักฤดูร้อนในฤดูหนาวโดยเฉพาะ นั่นคือเรือนกระจกรุ่นโบราณ

เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เมื่อถึงช่วงเปลี่ยนผ่านของราชวงศ์ฮั่น เมืองฉางอันถูกทำลายด้วยสงคราม และสวนไท่กวนก็ไม่รอด

เป็นเรื่องแปลกที่จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันออกพยายามสร้างสวนไท่กวนขึ้นมาใหม่ในพระราชวังลั่วหยาง(ลกเอี๋ยง) ซึ่งเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ แต่เขาทำไม่สำเร็จ

สิ่งนี้ทำให้เล่าหงค่อนข้างเสียใจ

หากไม่มีเรือนกระจก และเขาต้องการทานอาหารภาคใต้หรือผักฤดูร้อนตอนหน้าหนาว มันต้องดองผักไว้ล่วงหน้าและกินเป็นผักดอง

รสชาติของผักดองนั้น มันไม่มีใครเทียบได้กับผักสดตามธรรมชาติ

เล่าหงรู้สึกอิจฉาทันที แน่นอนว่า เตียวเหยียงก็อยากจะแบ่งปันความกังวลของจักรพรรดิและเริ่มถามว่า  "อู๋จวงจู๊ ท่านช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับทักษะของเรือนกระจกแบบนี้ให้ข้าได้ไหม?"

อู๋ฉีโบกมือโดยไม่ได้คิดอะไร  "ไม่มีปัญหา แต่ว่ามันไม่สามารถอธิบายให้จบได้ภายในหนึ่งหรือสองวัน เราจะคุยเรื่องนี้อีกทีวันหลัง!"

เทคโนโลยีเรือนกระจกดูเรียบง่ายแต่ซับซ้อน มันไม่สามารถทำได้ด้วยการหุ้มด้วยแผ่นพลาสติกเพียงอย่างเดียว

เพียงตอนที่เตียวเหยียงแอบบอกว่าน่าเสียดาย เล่าหงก็เข้าใจความหมายของเตียวเหยียง เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วยิ้มให้อู๋ฉี แล้วถามว่า "น้องชายอันประเสริฐ เจ้าสนใจโตำแหน่งเช่าฟู่หรือไม่?”

(少府 Shǎo fǔ เสนาบดีกรมวังและพระคลังมหาสมบัติ)

คำพูดเหล่านี้ทำให้เตียวเหยียงตกใจขึ้นมาทันที…

ฝ่าบาท... ต้องการทำให้ตำแหน่งเช่าฟู่แก่อู๋ฉีจริงๆ!

หนึ่งในเก้าขุนนางระดับสูง ผู้ดูแลการเงินส่วนตัวและกิจวัตรประจำวันของราชวงศ์!

แม้ว่าทุกตำแหน่งอย่างเป็นทางการในราชสำนักจะมีราคาที่ชัดเจน และเจ้าสามารถซื้อได้ด้วยเงิน แต่ไม่ใช่ว่าเจ้าจะขายมันแบบสบายๆ ได้จริงๆ

พูดโดยทั่วไป มีเพียงผู้ที่ใช้เงินในกลุ่มคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเท่านั้นที่สามารถเข้ารับตำแหน่งได้ ไม่ว่าเจ้าจะมีเงินมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์กับคนที่ไม่มีคุณสมบัติ

ดังนั้นตอนนี้องค์ชายและอ๋องทุกคนในราชสำนัก ล้วนเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จหรือเป็นบุตรของตระกูลที่มีชื่อเสียง ไม่มีผู้ใดสามารถขึ้นสู่จุดสูงสุดด้วยการใช้จ่ายเงินเพียงอย่างเดียว

แต่ตอนนี้...

ฝ่าบาททรงต้องการให้อู๋ฉีได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นเช่าฟู่โดยตรงตั้งแต่แรก!

【ติ๊ง! โฮสต์จะใช้มูลค่าผลงานทางการเมือง 2,000 แต้ม เพื่ออัปเกรดตำแหน่งของโฮสต์เป็นขุนนางเช่าฟู่หรือไม่? 】

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด