ตอนที่แล้วบทที่ 1 : งานศพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3 : แต้มพลังเร้นลับ +1

บทที่ 2 : ศพที่ถูกขโมยไป


"ศพอาจารย์… ถูกขโมย?"เฟยหลินตกใจไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น

จากนั้นเขาถามอีกฝ่ายด้วยสีหน้าซีดเซียว

"มันขโมยศพอาจารย์ไปทำอะไร? รู้ไหมว่าใครทำ?" เรย์ โรมาโนเป็นคนที่เขาเคารพและเป็นคนที่คอยช่วยเหลือเขามาตลอด ตอนนี้ร่างของอาจารย์ถูกขโมยไป ถึงรู้สึกโกรธแค้นมากขนาดนี้

"ไม่รู้สิ ผมโทรแจ้งตำรวจให้มาสอบสวนเรื่องนี้อยู่" โจซีพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง

การเสียชีวิตอย่างกระทันหันของพ่อทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจมากอยู่แล้ว แถมตอนนี้ศพของพ่อยังถูกขโมยไปอีก ซึ่งทำให้เศร้าใจยิ่งกว่าเดิม

"คุณครับ ผมขอทราบชื่อและความสัมพันธ์คุณกับคุณเรย์ โรมาโนด้วยครับ"

เมื่อเห็นเฟยหลินเดินเข้ามา เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงผมสีน้ำตาลในวัยยี่สิบถามเขา

"ผมชื่อเฟยหลินซุกส์ เป็นลูกศิษย์ของเขา"เฟยหลินตอบกลับ

"คุณเรย์ โรมาโนเคยมีเรื่องกับใครหรือเปล่า? โดยเฉพาะเมื่อเร็ว ๆ นี้" เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงยังคงซักถามต่อไป

"คุณตำรวจสงสัยว่าคนที่ขโมยศพอาจารย์เป็นคู่กรณีเก่าท่านเหรอครับ?"

เฟยหลินรู้ดีถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำถามของเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง จึงอดไม่ได้ที่จะถามกลับ

"คดียังอยู่ในขั้นตรวจสอบรายละเอียดเลยยังไม่สะดวกเปิดเผยข้อมูล โปรดตอบคำถามเราต่อด้วย" เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงอธิบายอย่างจริงจัง

"ขออภัยด้วยครับ"

เฟยหลินขอโทษและหลังจากนึกได้สักพักก็ตอบกลับ

"ตั้งแต่เริ่มทำงานก็ติดต่อกับอาจารย์น้อยลง เท่าที่รู้… อาจารย์มีมนุษยสัมพันธ์ดีกับคนรอบข้างเสมอ ไม่น่ามีคู่กรณีแบบนั้น"

"เมื่อวานคุณไปงานศพมาหรือเปล่า แล้วคุณเจออะไรผิดปกติไหม?" เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงยังคงถามต่อไป

"ผมไปงานศพเมื่อวานนี้จริง และไม่พบสิ่งผิดปกติเลยในงาน"เฟยหลินส่ายหน้า

เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงไม่ได้ถามคำถามเพิ่มเติม ก่อนเดินออกไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกหลายคนหลังจากนั้นไม่นาน เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังมองหาเบาะแสเพื่อสืบหาการขโมยศพ

เป็นเพราะว่าจากการสอบถามเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์เลย

เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้แล้วเฟยหลินไม่ได้รีบกลับไปที่ห้องทดลอง แต่มองไปยังโจซีและแนะนำว่า

"คุณโรมาโน ขณะที่ให้ตำรวจกำลังสืบสวน ผมแนะนำให้จ้างนักสืบมาสอบสวนเพิ่มอีกแรงครับ เพราะพวกเขาน่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าตำรวจ"

ผู้ที่สามารถทำหน้าที่เป็นนักสืบได้นั้นส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีความสามารถเฉพาะตัว ถ้าไม่มีความสามารถเฉพาะตัวก็ไม่สามารถประกอบอาชีพนี้ได้

สุดท้ายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ต้องการค่าจ้างในการทำงานเหมือนที่ทุกคนคิด  พวกเขาทำตามหน้าที่ของตนเอง แต่ลึก ๆ แล้วพวกเขายังต้องการค่าจ้าง และค่าจ้างมักไม่ใช่จำนวนที่น้อยเลย

โจซีครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเห็นด้วยกับคำแนะนำของเฟยหลินและถาม

"คุณเฟยหลินคุณพอรู้จักนักสืบเก่ง ๆ บ้างไหม?"

"ผมไม่รู้จักใครเลย แต่เคยได้ยินเกี่ยวกับนักสืบที่ชื่อแคฟฟี่ โคลอน เขาเชี่ยวชาญสืบคดีเกี่ยวกับการหายตัวไปแบบนี้ ถ้าคุณไม่มีตัวเลือกอื่น ผมขอแนะนำให้จ้างนักสืบคนนี้ครับ"เฟยหลินเสนอ

หลังจากนั้นไม่นานเฟยหลินและโจซีก็ไปเรียกรถม้า หลังจากเดินทางไปครึ่งชั่วโมง รถม้าหยุดที่หน้าสำนักงานนักสืบแห่งหนึ่ง

ก๊อกๆๆ!

หลังจากเคาะประตูแล้ว ทั้งสองผลักประตูและเข้าไปในสำนักงานนักสืบ

มีทั้งโต๊ะขนาดใหญ่ โซฟา โต๊ะกาแฟ และสิ่งของอื่น ๆ ภายในสำนักงานนักสืบ แม้ห้องไม่ใหญ่มากแต่ก็ตกแต่งอย่างประณีต

เวลานี้มีชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะ ชายวัยสามสิบสวมแว่นตาขอบทอง เสื้อเชิ้ตสีขาว และเสื้อกั๊กสีดำ เนื่องจากอากาศหนาวจึงสวมเสื้อโค้ทสีเทาทับข้างนอกในที่ร่ม

"เชิญนั่งครับ"

ชายคนนั้นขอให้เฟยหลินและโจซีนั่งลงบนโซฟา

ไม่รีบร้อนที่จะถามทั้งสองเกี่ยวกับความตั้งใจที่มาหา แต่หลังจากรินชาดำให้แต่ละคนแล้วเขาก็นั่งบนโซฟาตรงข้ามทั้งสอง ก่อนถามขึ้น

"ผมนักสืบแคฟฟี่ โคลอน ไม่ทราบว่ามาที่นี่มีเรื่องอะไรให้ช่วยครับ?"

"คุณโคลอน ผมชื่อโจซี โรมาโน เมื่อคืนหลุมฝังศพพ่อของผมถูกขุดและศพยังถูกขโมยไปด้วย ผมอยากจ้างวานคุณโคลอนเป็นคนตรวจสอบเรื่องนี้ครับ"

โจซีอธิบายจุดประสงค์ของตัวเอง

"ศพถูกขโมยไป? คุณโรมาโน… ผมยินดีรับงานนี้ แต่ก่อนเริ่มลงมือทำ ผมต้องเตือนคุณก่อนว่าค่าจ้างที่ผมเรียกนั้นสูงมาก ต้องใช้ทองมาถึง 50 ปอนด์" แคฟฟี่อธิบาย

"ไม่มีปัญหา ตราบใดที่คุณหาศพพ่อผมเจอ"

โจซีตอบตกลงโดยไม่ต่อรอง

บางทีหลังจากการเจรจาต่อรองค่าจ้างอาจน้อยลง แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดมากให้เสียเวลา

"งั้นตกลงตามนี้ ผมรับสืบเรื่องของคุณ" แคฟฟี่ยื่นมือออกไปจับมือโจซีเป็นการตกลง

สุสานนอกเมืองเฟยหลินโจซี และแคฟฟี่เพิ่งเดินทางมาถึง

เฟยหลินเลือกที่จะติดตามพวกเขามาด้วย เนื่องจากเรย์ โรมาโนเป็นอาจารย์ของเขา คนที่เขาเคารพซึ่งเคยช่วยเหลือตัวเองไว้อย่างมาก ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะตามมาช่วยอีกแรง

สุดท้ายถ้าพบศพ ไม่ว่าจะจับคนขโมยศพหรือจะขนศพกลับก็ต้องใช้กำลังคนมากอยู่ดี แถมเขาต้องการรู้ด้วยว่าใครเป็นคนขโมยศพอาจารย์ไป และอีกฝ่ายขโมยศพไปทำไม?

ทั้งสามเดินเข้าไปในสุสานเพื่อไปยังหลุมฝังศพของเรย์ โรมาโน ยังคงมีอีกาเกาะอยู่บนกิ่งก้านบนต้นที่แห้งกรอบ ราวกับเหมือนเป็นอีกาตัวเมื่อวาน

อีกามองไปทางคนทั้งสามที่เดินเข้ามา ดวงตาคู่นั้นดูเหมือนจะเคลื่อนไปตามการเคลื่อนไหวของพวกเขา

ในสุสานไม่มีใครเลยนอกจากทั้งสาม ท้องฟ้าที่มีเมฆปกคลุมไปด้วยความมืด และบรรยากาศชวนขนลุกอย่างอธิบายไม่ถูก

"ไอ้เลวนี่!"

เมื่อเห็นหลุมฝังศพที่ถูกขุดขึ้นมา สีหน้าของโจซีซีดเซียว กำปั้นกำแน่น พยายามระงับความโกรธในใจ

สีหน้าเฟยหลินดูไม่พอใจเหมือนกัน เรย์ โรมาโนเป็นชายที่เขาเคารพ แต่หลังจากที่เขาเสียชีวิตและดันเกิดเรื่องแบบนี้เฟยหลินไม่สามารถอยู่เฉยได้

"คุณโคลอน ได้โปรดช่วยหาศพพ่อผมให้เจอเร็ว ๆ ที" โจซีระงับความโกรธที่รุนแรง ก่อนหันไปพูดกับแคฟฟี่

"วางใจได้ นี่คืองานของผมครับ" แคฟฟี่พยักหน้าและเริ่มเข้าสู่โหมดทำงาน

อันดับแรก เขามองดูหลุมฝังศพที่ถูกขุดขึ้นมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นเดินวนรอบหลุมฝังศพและมองสภาพแวดล้อมรอบ ๆ

แม้ค่าตัวจะสูงแต่เขาก็เป็นคนที่มีความสามารถเฉพาะตัว ในไม่ช้าเขาก็ได้เบาะแส

"มาทางนี้!" เขาหันกลับไปเรียกเฟยหลินและโจซีให้เดินตามมา

"รอยเท้านี้ยังใหม่มาก ไม่น่าใช่รอยเท้าที่มีนานแล้ว สงสัยจะเป็นรอยเท้าที่โจรปล้นสุสานทิ้งไว้" แคฟฟี่พูดพร้อมกับชี้นิ้วไปตรงรอยเท้าบนพื้น

"เป็นไปได้ไหมว่าเป็นรอยเท้าคนทำความสะอาดสุสาน?"เฟยหลินมองรอยเท้าและถามอย่างสงสัย มีแค่รอยเท้าซึ่งเขาไม่เข้าใจว่าทำไมแคฟฟี่ถึงคิดว่ารอยเท้านี้ถูกทิ้งไว้โดยโจรปล้นสุสาน

"มีวัชพืชขึ้นอยู่ทางนั้น และถนนก็เดินได้ลำบาก ถ้าเป็นคนทำความสะอาดจะไม่เดินออกจากสุสานทางนี้แน่"

"นอกจากนี้ ดูจากรอยเท้าแล้ว ช่วงเวลาที่มันถูกทิ้งเอาไว้ยังผ่านมาไม่นานนัก ถึงจะไม่แน่ใจ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่รอยเท้านั้นจะถูกทิ้งไว้โดยโจรปล้นสุสาน" แคฟฟี่อธิบาย

"เป็นแบบนี้นี่เอง"

หลังจากฟังคำอธิบายของแคฟฟี่ ทั้งเฟยหลินและโจซีต่างตกตะลึง พวกเขาอดไม่ได้ที่จะตั้งตารอการค้นพบเบาะแสใหม่

แคฟฟี่ใช้รอยเท้านี้เป็นเบาะแสและเริ่มติดตาม เนื่องจากไม่มีฝนตกในช่วงหลายวันมานี้ รอยเท้าจึงไม่สอดคล้องกันและไม่สามารถติดตามรอยเท้าได้ตลอดทาง

แต่เขามีวิธีการติดตามที่ดีมาก

บางครั้งเขาใช้วัชพืชที่โดนเหยียบย่ำเป็นทางเดิน

บางครั้งใช้กิ่งไม้ที่ตายแล้วมาเขี่ยหาเบาะแสที่อาจทิ้งไว้บนพื้น

บางครั้งสังเกตจากใยแมงมุมที่ฉีกขาดเป็นเบาะแส

เฟยหลินและโจซีเหมือนได้เปิดหูเปิดตา ในสายตาของพวกเขาสิ่งธรรมดา ๆ มักจะกลายเป็นเบาะแสให้แคฟฟี่ติดตามหาตัวคนร้าย

ทั้งสามคนออกจากสุสานจากด้านข้างเข้าไปในป่าใกล้สุสาน และเดินเข้าไปโดยไม่ลังเล

หลังจากเดินไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ซากสัตว์ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา ทั้งสามเดินไปด้านข้างหน้าเพื่อตรวจสอบ นี่คือซากสัตว์ขนสีขาวหงอกยาวสี่ฟุต มีกองเลือดแห้งอยู่ข้างใต้

"ทำไมมีหมาตายอยู่ที่นี่?" โจซีอุทานด้วยความประหลาดใจ

"ไม่ มันไม่ใช่หมา แต่เป็นศพของหมาป่า" แคฟฟี่ส่ายหน้าและพูดต่อ

"หมามักจะมีหูห้อยลงมา ในขณะที่หูของศพนี้ตั้งขึ้นในแนวตั้ง"

"เมื่อเทียบกับหมาแล้ว จมูกของมันยาวและแหลมกว่า ปากมีความกว้างกว่าด้วย ทั้งหมดนี้เป็นลักษณะเฉพาะของหมาป่า"

"เป็นไปได้ไหมว่ามันอาจจะถูกฆ่าโดยโจรปล้นสุสาน?"เฟยหลินถาม

แคฟฟี่ไม่ตอบทันที แต่นั่งลงและมองดูศพหมาป่าและบริเวณโดยรอบ

ตรงคอของหมาป่าตัวนี้มีบาดแผลฉกรรจ์ที่เผยให้เห็นเนื้อและเลือดข้างใน พบว่ามีเนื้อชิ้นใหญ่หายไป ซึ่งน่าจะเป็นบาดแผลร้ายแรง รอบข้างมีร่องรอยถลอกเหมือนกลิ้งไปกับพื้นจนเกิดแผลเละเทะ

เขาสันนิษฐานและอธิบาย

"มันอาจไม่ได้ถูกฆ่าโดยโจรปล้นสุสาน เว้นแต่ว่าเขาจะชอบต่อสู้เหมือนสัตว์ร้ายที่มีนิสัยชอบกินเนื้อและเลือดดิบ ๆ" ทั้งสามคนยังคงเดินหน้าต่อไป เวลานี้ท้องฟ้าเริ่มสลัว และอีกไม่นานจะมืดแล้ว

"กุ๊ก กุ๊ก กุ๊ก กุ๊ก   "

ในป่ามีเสียงนกที่ไม่รู้จักตัวหนึ่งส่งเสียงร้อง ท้องฟ้าที่กำลังมืดลง ช่างสร้างบรรยากาศน่ากลัวที่ไม่ธรรมดาเลย

ต้นไม้หนาทึบโดยรอบภายใต้การพัดของลมยามเย็น แกว่งไกวเป็นครั้งคราวราวกับมีบางอย่างอยู่ระหว่างนั้น

เฟยหลินรู้สึกขนลุกเล็กน้อยโดยไม่มีเหตุผล อดไม่ได้ที่จะเข้าใกล้โจซีและแคฟฟี่มากขึ้น ดูเหมือนโจซีจะไม่สบายใจเล็กน้อย เขามองไปทางซ้ายและขวาและพูดกับแคฟฟี่

"คุณโคลอน นี่เริ่มมืดแล้วทำไมเราไม่กลับเข้าเมืองก่อนและตรวจสอบอีกทีวันพรุ่งนี้"

"คุณโรมาโน คุณเป็นนายจ้าง ถ้านี่เป็นการตัดสินใจของตัวเองผมยินดีทำตาม แต่อยากเตือนคุณว่ายิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ โอกาสที่จะได้ศพกลับคืนมาจะน้อยลงเท่านั้น" แคฟฟี่หยุดและพูดกับโจซี

"งั้น… ไปกันต่อเถอะครับ" โจซีกัดฟัน แม้จะรู้สึกไม่สบายใจ แต่เขาก็ตัดสินใจสืบสวนมาถึงขั้นนี้แล้ว

"อืม" แคฟฟี่พยักหน้า สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันดูเหมือนว่าเขาจะคาดหวังไว้มากว่าจะจบงานในวันนี้

พวกเขาเห็นแคฟฟี่หยิบกระบอกไม้ไผ่ออกมาจากเสื้อโค้ทสีเทา หลังจากบิดมันไปมาก็กลายเป็นคบเพลิง

แสงสีส้มส่องไปทั่วทางข้างหน้า

แคฟฟี่ถือคบเพลิงไว้ข้างหน้า แล้วทั้งสามก็ค้นหากันต่อไป แสงจากคบไฟส่องไปที่ต้นไม้รอบ ๆ ทำให้เกิดเงาดำตัวสูงยาว

เฟยหลินซึ่งเดินอยู่ท้ายแถว เมื่อมองไปที่เงาดำจากแสงคบเพลิงที่ส่องมา ไม่เพียงแต่เขาไม่ผ่อนคลายขึ้นเท่านั้น แต่ยังขนลุกมากขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อคบเพลิงขยับเงาดำจะเปลี่ยนไป ราวกับว่ามันมีชีวิตขึ้นมา ทำให้เขากังวลว่าจะมีปีศาจซ่อนอยู่ในเงามืดเหล่านี้หรือไม่ และมันจะกระโดดออกมาเมื่อไหร่

"ใครน่ะ…?"

แคฟฟี่ซึ่งกำลังเดินอยู่ข้างหน้าก็ตะโกนขึ้นเฟยหลินรีบถอนสายตาจากเงาดำแล้วหันไปมองตามเสียง

ทั้งสามเห็นคนกำลังก้มหน้าก้มตาท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ชายคนนั้นเหมือนก้มหน้าลงและกินอะไรบางอย่างอยู่

เมื่อเห็นแผ่นหลังของคนคนนี้ เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ได้ ราวกับว่าเขาเคยเห็นแผ่นหลังที่คล้ายกันที่ไหนสักแห่ง

เขาไม่เห็นแต่โจซีซึ่งอยู่ข้างหน้าในเวลานี้ ดูเหมือนจะเห็นฉากที่แปลกประหลาดอย่างยิ่งและใบหน้าก็เป็นเปลี่ยนซีดเผือด

เฟยหลินอาจยังคิดไม่ออกว่าเคยเห็นคนนั้นที่ไหน แต่โจซีจำคนตรงหน้าได้อย่างรวดเร็ว ด้านหลังของชายคนนี้คล้ายกับพ่อของเขามาก หรือแทบจะเหมือนกันทุกประการ

ยิ่งไปกว่านั้น เสื้อผ้าที่ชายคนนี้สวมก็เหมือนกับเสื้อผ้าที่ศพพ่อสวมใส่ก่อนถูกฝัง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด