ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 470 - อ้าวเฮ้ย! ไม่เหมือนที่โม้กันไว้นี่นา!!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 472 - ยินดีต้อนรับ!!

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 471 - ตาแก่! แกทำอย่างนี้ได้ยังไง ไม่ยุติธรรมเลย!


ใบหน้าขนาดมหึมาบนท้องฟ้าไม่ได้จ้องอยู่ที่ชายหนุ่มทั้ง 2 คน แต่มันหันจ้องไปมองดวงดาวที่ทอแสงริบหรี่ทันทีที่หนิงเหลียงหายตัวไป แม้ว่าร่างกายที่เหมาะสมที่สุดจะหนีออกไปได้ แต่การที่ดวงดาวไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้น ชายชราถือว่านี่ยังไม่เสียหายมากนัก แม้ว่าจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่เขายังมีร่างเหลือให้เลือกใช้อยู่อีก 2 ร่างด้วยกัน

สายตาของโอวหยางฟงหันจ้องมองลงมาที่เวเธอร์และเดวิดอีกครั้ง ตอนนี้เหลือแค่พวกเขาเท่านั้น มันหมายความว่า 1 ใน 2 คนนี้มีความทรงจำเกี่ยวกับเนื้อหาของทักษะระดับสวรรค์อยู่ในหัวอย่างแน่นอน

เวเธอร์หันมองไปยังดวงดาวที่หรี่แสงอยู่ด้วยเช่นกัน ก่อนจะหันมาจ้องมองเดวิดอย่างพิจารณาอยู่ครู่หนี่ง แล้วระเบิดเสียงหัวเราะลั่นออกมา ถ้าสิ่งที่เจ้าวิญญาณเฒ่าพูดออกมาเป็นความจริง มันเหลืออยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จในการฝึกฝนทักษะระดับสวรรค์คราวนี้

“ฮ่าฮ่าฮ่า! นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ดูเหมือนว่าที่ผ่านมาฉันจะดูถูกพรสวรรค์ของแกมากเกินไปเสียแล้ว แม้แต่ทักษะระดับสวรรค์ยังสามารถจดจำได้หมดภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน!? ยอดเยี่ยม! พลังใจและความสามารถในการเรียนรู้ของแกนี่ช่างน่ามหัศจรรย์จริง ๆ” เขากล่าวออกมาพร้อมกับอาการส่ายหน้าช้า ๆ เวเธอร์เริ่มรู้สึกเสียดายขึ้นมาเล็กน้อย ที่ไม่ได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการรับเจ้าเด็กคนนี้มาเป็นลูกน้องของตัวเอง

คิ้วของเดวิดขมวดเล็กน้อยแล้ว “เฮ้! ต่อให้แกกับฉันมีความแค้นต่อกันมากแค่ไหน การโกหกใส่ความกันง่าย ๆ อย่างนี้ก็ดูจะเกินไปหน่อยนะ ทำไม? กลัวฉันมากจนคิดจะใช้ให้ตาแก่นี่ลงมือแทนอย่างนั้นหรือ? เฮ้อ! แกนี่หน้าด้านหน้าทนขนาดนั้นเลยหรือ?” นำเสียงของเขาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย และมันไม่จบลงง่าย ๆ แค่นี้ด้วย

“ทำไม? ฉันยังเป็นแค่ผู้ก่อพลังชั้นสมบูรณ์เท่านั้น ในขณะที่แกอยู่ระดับชั้นผู้ก่อปฐพีแล้ว แค่จะสู้กันตรง ๆ ยังไม่กล้าเลยหรือยังไง? ให้ตายสิ! สถานที่ที่แกจากมามีแต่คนขี้ขลาดแบบนี้ใช่มั้ย? หรือว่าเป็นแค่เฉพาะแกเท่านั้น? ถูกส่งมาทำอะไรล่ะ หรือถูกเนรเทศมา?

อ้า! ใช่แน่ ๆ อยู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาในสำนัก แกคิดที่จะขโมยทักษะระดับสูงกลับไปเพื่อลบล้างความผิดใช่มั้ย นี่คงเป็นโอกาสที่หาไม่ได้ในชีวิตแล้วสิ! ได้รับทักษะระดับสวรรค์กลับไป บางทีนอกจากจะได้รับการอภัยโทษแล้ว อาจจะได้รับรางวัลมหาศาลเลยด้วยใช่มั้ย?” สีหน้าของเดวิดเต็มไปด้วยความสับสน แววตาบ่งบอกถึงความสงสัยอย่างเต็มที่ คำพูดที่ออกมาจากปากนั้นร้อยเรียงไหลลื่น ดวงตาที่จ้องมองเวเธอร์นั้นคาดคั้นแบบต้องการคำตอบที่เป็นความจริงเท่านั้น

อึ้ง! ใบหน้าที่มีรอยยิ้มกว้างของเวเธอร์แข็งค้าง คำพูดที่ถั่งโถมออกมาราวกับน้ำทะลักจากเขื่อนที่แตกอย่างกะทันหันของเดวิดทำให้เขาตั้งตัวไม่ทัน ในหัวเริ่มคิดตามแล้วว่าตัวเองถูกเนรเทศออกมาจริง ๆ ใช่มั้ย มันเป็นข้อหาอะไรกันนะ??

มันต้องใช้เวลาครู่หนึ่งทีเดียวก่อนที่ความคิดของเวเธอร์จะกลับมาแจ่มใสได้อีกครั้ง ถ้าไม่ได้แน่ใจจริง ๆ ว่าตัวเองจำเนื้อหาอะไรของทักษะดับสวรรค์ไม่ได้เลยแม้แต่คำเดียว บางทีคำพูดของอีกฝ่ายอาจจะกล่อมให้เขาเชื่ออย่างสนิทใจไปแล้ว!

รอยยิ้มอันเย็นชาปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำเงินอีกครั้ง “แกทำเป็นปากดีต่อไปเถอะ! มันไม่มีประโยชน์อะไรทั้งสิ้น ต่อให้ฉันเป็นคนที่จดจำทักษะทั้งหมดไปได้จริง ๆ แล้วจะเป็นยังไง แกคิดว่าเจ้าแก่นั่นจะกล้าลงมือกับฉันจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?” แล้วเวเธอร์ก็เงยหน้าขึ้นมองจ้องไปยังโอวหยางฟง พร้อมกับเอ่ยคำพูดที่เหมือนกับการสั่งลูกน้องออกมาทันที

“เอาล่ะ! ฉันคิดว่าที่นี่ไม่มีอะไรที่น่าสนใจอีกต่อไปแล้ว เปิดประตูกลับไปสู่โลกภายนอกให้ฉันเดี๋ยวนี้ ฉันยังมีเรื่องที่ต้องทำอยู่อีกไม่น้อย อย่ามาทำให้เสียเวลา!” มันเป็นน้ำเสียงที่ไม่เปิดโอกาสให้โต้แย้งเลยแม้แต่นิดเดียว

น่าแปลก! ไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาจากปากของชายชราแม้แต่คำเดียว สายตาของเขานั้นจ้องมองสลับกันไปมาระหว่างเด็กหนุ่ม 2 คนที่ยืนอยู่ด้านล่าง

วูซ!!

เสียงลมพัดอย่างแผ่วเบาดังขึ้น ก่อนที่ประตูเล็ก ๆ บานหนึ่งจะปรากฏขึ้นต่อหน้าของเวเธอร์ ซึ่งเขาก็เอื้อมมือไปเปิดประตูและก้าวผ่านเข้าไปอย่างไม่ลังเล แต่ยังไม่วายที่จะหันกลับมาส่งสายตาเยาะเย้ยให้เดวิดในวินาทีสุดท้ายก่อนที่ร่างจะถูกส่งลับหายไปพร้อมกับประตู

ดวงตาของเดวิดเบิกค้างอยู่อย่างตกตะลึง ‘ตาแก่! แกทำอย่างนี้ได้ยังไง ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด! ฉันเสียน้ำลายไปตั้งเยอะ แกไม่คิดที่จะฟังเลยสักนิดหรือยังไง?’ ปากของเขาขยับอย่างอยากจะตวาดด่าออกไปแรง ๆ สักครั้งจริง ๆ มีอย่างที่ไหน เจ้าบ้าเวเธอร์นั่นพูดนิดเดียวก็เชื่อแล้ว ปัญญาอ่อนจริง ๆ

สายตาของโอวหยางฟงไม่ได้จับจ้องอยู่ที่เดวิดเลย มันมองนิ่งอยู่ที่ดวงดาวที่หรี่แสงตั้งแต่ประตูมิติปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว เมื่อเห็นว่าหลังจากที่ประตูมิติหายไป แสงสว่างของดวงดาวไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย รอยยิ้มอันชั่วร้ายก็ปรากฏเด่นขึ้นมาบนใบหน้าที่หันกลับมาเผชิญกับเดวิดอีกครั้ง

“อาแฮ่ม! ตาแก่! อย่าเพิ่งสรุปไป เรื่องมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิดก็ได้ ลองฟังฉันอธิบายอีกหน่อยได้มั้ย? ฉันคิดว่าตัวเองรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เดวิดยิ้มอย่างใจดีสู้เสือ คำพูดที่กล่าวออกไปนั้นสุภาพอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง

“โอ้! เจ้ามีคำอธิบายอย่างนั้นหรือ? ก็ดี! ไหนลองบอกออกมาให้ฟังสิ เจ้าใช้วิธีไหนถึงสามารถขโมยทักษะของข้าไปได้?” โอวหยางฟงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ดูเหมือนว่าเขาจะควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี

เดวิดสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างเต็มที่ ปากเริ่มขยับเพื่อจะอธิบายเรื่องราวทุกอย่างออกไป แต่! เขาไม่มีโอกาสส่งเสียงเลยแม้แต่นิดเดียว

ตูม!!

ก่อนจะได้เปิดปาก เดวิดต้องกระทืบเท้าลงพื้นอย่างแรงเสียก่อน มือที่เคลื่อนไหวอยู่ในแขนเสื้ออย่างลับ ๆ ถูกยกขึ้นมาประกบกัน ร่างของเขาแยกพุ่งออกไปพร้อมกัน 3 ทิศทาง เพราะว่าไม่รู้ว่าอีกฝ่ายขยับตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่หัวกะโหลกเพลิงสีเขียวปรากฏขึ้นอยู่ที่เหนือหัวอย่างแทบที่จะไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย

“ตาแก่! แกอย่าทำตัวไม่มีเหตุผลได้มั้ย? ฉันกำลังจะอธิบายเรื่องราวให้ฟัง!! ให้ตายสิ! จะฟังกันก่อนสักนิดไม่ได้หรือไง!?” เดวิดตวาดใส่อย่างหงุดหงิด เขาอุตส่าห์คิดปั้นเรื่องเอาไว้ตั้งมากมาย อีกฝ่ายไม่คิดจะฟังเลย! นี่มันรับไม่ได้จริง ๆ

‘เดวิด’ ทั้ง 3 คนแยกกันอยู่คนละมุม แต่ดูเหมือนว่าโอวหยางฟงจะรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าตัวจริงของเขาอยู่ที่ไหน ใบหน้าขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่บนฟ้าพุ่งเข้าใส่อย่างไม่ผิดพลาดและไม่มีอาการชะงักเลยแม้แต่นิดเดียว

หนัก! นี่คือความรู้สึกของเดวิดในตอนนี้ ร่างกายเริ่มหนักและขยับตัวได้ลำบากเป็นอย่างยิ่ง คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย พยายามยกมือขึ้นมาเพื่อแสดงกระบวนท่าย้ายตัวเองไปยังร่างแปลง แล้วก็พบว่าร่างกายขยับไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

ดวงตาที่เบิกค้างของเขาจ้องมองก้อนเมฆขนาดใหญ่ที่เปลี่ยนรูปร่างอีกครั้งอย่างตื่นตระหนก ดูเหมือนว่าโอวหยางฟงจะแยกตัวออกจากภูติรับใช้ของเขาในที่สุด ร่างวิญญาณของชายชราปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าร่างที่ยืนแข็งค้างอยู่พร้อมกับร้อยยิ้มกว้าง

“ข้าใช้ชีวิตมาอย่างยาวนาน แต่ชั่วชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยพบใครที่สามารถจดจำเนื้อหาทักษะระดับสวรรค์ได้ภายในระยะเวลา 7 เดือนเลยแม้แต่คนเดียว” เขาส่ายหน้าช้า ๆ แววตานั้นแสดงความทึ่งออกมาเล็กน้อย

ก่อนที่สีหน้าของชายชราจะกลายเป็นเคร่งเครียดอย่างฉับพลัน “บางทีอาจจะไม่ใช่การจดจำเนื้อหาของทักษะ แต่เป็นการฝึกฝนจนสำเร็จแล้วอย่างนั้นใช่มั้ย? เจ้าคิดจะอธิบายแบบนี้หรือเปล่า?” หลังจากกล่าวจบ เขาก็หัวเราะเยาะตัวเองออกมา

“หึหึ! ดูเหมือนว่าการอยู่คนเดียวในสถานที่แห่งนี้อย่างยาวนาน เริ่มส่งผลให้ข้าฟุ้งซ่านไปไม่น้อยเลย”

เดวิดที่เบิกตากว้างอยู่กลอกตาไปมา ราวกับต้องการจะสื่อบอกออกมา ‘ฟุ้งซ่าน!? มองโลกแง่ดีไปหน่อยมั้ย แกน่ะบ้าไปแล้วชัด ๆ’

“เอาล่ะ! เลิกพูดโยกโย้วุ่นวายไร้สาระเสียที ในเมื่อร่างที่เหมาะสมที่สุดหนีออกไปได้ เหลืออยู่เพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น! แม้ว่าศักยภาพในการฝึกฝนจะต่ำต้อยจนเกือบไม่ผ่านมาตรฐาน แต่ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว คงต้องจัดการกับเรื่องนี้ทีหลัง” สีหน้าของชายชรามีอาการครุ่นคิดอย่างจริงจัง

ถ้าสายตาสามารถฆ่าคนได้ โอวหยางฟงคงถูกเดวิดจ้องตายไปหลายพันครั้งแล้ว ‘หึ! คิดจะยึดร่างฉัน ยังจะมาบ่นเรื่องศักยภาพบ้าบออะไรอยู่อีก ตาแก่ที่น่าตายเอ้ย!”

“อืม!? คงจะไม่มีปัญหาอะไรมาก แค่ต้องใช้ทรัพยากรในการฝึกฝนเพิ่มขึ้นสัก 2-3 เท่า สิ่งที่เตรียมเอาไว้น่าจะพอเพียง” ยัง! ตาแก่บ้ายังพึมพำต่อไม่หยุด

“เอาละ! นี่คือคำแนะนำสุดท้าย ถ้าไม่อยากทรมานก็อย่าต่อต้าน...”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด