ตอนที่แล้วบทที่ 158 วางยา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 160 เครื่องหอมอันเซิน

บทที่ 159 ยาพิษ


เหลียงอี้มองฉินชิงแล้วถามว่า

"ยาพิษอะไร? ชิงเอ๋อร์เจ้านึกถึงอะไร?"

"ฝ่าบาท เมื่อครู่หม่อมฉันเล่าให้ฟังว่าพบพระอาการประชวรของฮองเฮาได้อย่างไรใช่หรือไม่เพคะ? ตอนแรกที่หม่อมฉันรู้ว่าฮองเฮาประชวรก็เพราะกลิ่นกำยาน แต่เมื่อวานตอนที่หม่อมฉันค้นตำหนักคุนหนิงของฮองเฮา กลับไม่ได้ค้นดูที่กระถางกำยาน เพราะกลิ่นยามันฉุนจนกลบกลิ่นกำยานไปหมด"

"ดังนั้นชิงเอ๋อร์เลยคิดว่ากลิ่นกำยานคือยาพิษอย่างนั้นหรือ?"

"แต่เรื่องนี้ยังด่วนตัดสินไม่ได้ ถ้าเกิดว่ากลิ่นกำยานคือยาพิษ เช่นนั้นทุกคนในตำหนักคุนหนิงก็ต้องป่วยแล้ว ตอนนี้คนอื่นในตำหนักคุนหนิงไม่มีใครป่วย ดังนั้นการคาดเดาของเจ้าจึงไม่มีทางเป็นไปได้"

หลังจากเหลียงอี้ได้ยินการคาดเดาของฉินชิงก็รีบชี้ให้เห็นถึงช่องโหว่ในคำพูดของนาง และเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ค่อยเห็นด้วยกับการคาดเดาของฉินชิง

ทว่าเมื่อฉินชิงได้ยินคำพูดของเหลียงอี้ก็ไม่ได้ผิดหวัง กลับกันนางยิ่งรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาด้วยซ้ำ

"ฝ่าบาท ยาพิษชนิดนี้เป็นยาที่มีความซับซ้อนมาก เหมือนกับยาพิษเฮ่อติ่งหงที่สามารถคร่าชีวิตได้ ฤทธิ์ของมันจะค่อยๆ กำเริบขึ้น เหมือนกรณีของฮองเฮา เห็นได้ชัดเจนเลยว่าฤทธิ์ยาค่อยๆ กำเริบขึ้นมาช้าๆ"

"แต่ว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกันอย่างไร?"

"สิ่งแรกที่หม่อมฉันคาดเดาก็คือเป็นพิษที่ต้องใช้สารสองชนิดผสมกันถึงจะสามารถใช้งานได้ เหมือนกับความสัมพันธ์ที่ยาและยาที่ชักนำกัน"

"แล้วอีกอย่างล่ะ?" เหลียงอี้ถาม

"การคาดเดาอย่างที่สองของหม่อมฉันเป็นเช่นนี้ ในเมื่อคนวางยาพิษไม่รีบร้อน สามารถวางยาพิษยามกลางคืนที่เข้านอนไปแล้วได้ วิธีนี้จะทำให้ฤทธิ์ยาจางลงเมื่อตื่นเช้าขึ้นมา"

"ถึงแม้ว่าข้างกายของฮองเฮาจะมีนางกำนัล แต่ก็ใช่ว่าคนที่อยู่ข้างกายฮองเฮาตลอดเวลาจะมีเพียงคนเดียว ดังนั้นฤทธิ์ยาพิษที่ค่อยๆ สะสมเรื่อยๆ จึงไม่รุนแรงนัก แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่จะปรากฏให้เห็นจึงไม่ชัดมาก พึ่งพาการรักษาตัวเองของร่างกายก็พอจะต้านทานได้"

"แต่ในเมื่ออาศัยความสามารถในการรักษาตัวเองก็ต้านทานได้ เหตุใดฮองเฮาถึงยังป่วยหนักอยู่ล่ะ?"

"วันนี้หม่อมฉันตรวจชีพจรให้ฮองเฮาก็พบว่าฮองเฮาทรงกังวลมากเกินไป และเหนื่อยสะสมจนประชวร ร่างกายของนางก็เลยทรุดลง" "ฮองเฮานาง..."

"ฝ่าบาท ท่านรู้หรือไม่ว่าพระวรกายของฮองเฮาไม่ค่อยดีมาตลอด?"

ฉินชิงมองเหลียงอี้ ไม่รู้ว่าเขาเข้าใจเรื่องนี้หรือไม่ ฉินชิงรู้ว่าที่เขาชะงักไปก่อนหน้านี้เพราะในใจเขาเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย และกำลังมีความโศกเศร้าอยู่ในนั้น

"ที่สุขภาพของฮองเฮาไม่ดีมาตลอดนั้น เจิ้นเองก็รู้ดี ตั้งแต่นางเสียลูกไป นางก็คิดมากมาตลอดจนตรอมใจ แต่ตอนนั้นเจิ้นเองก็ไม่รู้ว่าจะปลอบใจฮองเฮาอย่างไร และตอนนั้นเจิ้นก็มีราชกิจมากมาย ยุ่งมากในแต่ละวัน"

เหลียงอี้ยิ้มด้วยความขื่นขมแล้วพูดต่อ "ชิงเอ๋อร์เข้ามาช้า ดังนั้นจึงไม่รู้สถานการณ์ในเวลานั้น แต่สภาพของเจิ้นในช่วงภัยแล้งเมื่อปีก่อนชิงเอ๋อร์ก็เคยเห็นมาแล้ว นั่นก็คือสภาพของเจิ้นในช่วงเวลานั้น"

ฉินชิงมองไปที่เหลียงอี้ และคิดไม่ออกจริงๆ ว่าการมีสภาพเช่นนั้นตลอดเวลามันเป็นอย่างไร เหลียงอี้อดทนมากแค่ไหนกว่าจะเดินมาถึงจุดนี้

"แม้ว่าเจิ้นจะเป็นฮ่องเต้ แต่ก็มีพี่น้องมากมาย ทุกคนล้วนมีพลังอำนาจของตัวเอง การกำจัดพวกเขาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เจิ้นละเลยฮองเฮา คิดว่าเวลาจะช่วยเยียวยาความเจ็บปวดของนาง แต่ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าเจิ้นคิดผิด"

เหลียงอี้ได้ตกลงสู่ห้วงแห่งความเจ็บปวดและโทษตัวเอง

ฉินชิงมองเหลียงอี้ ไม่รู้ว่าเขาพูดคำเหล่านี้ออกมาด้วยท่าทีที่สงบได้อย่างไร แม้ว่าฉินชิงจะเป็นคนนอก แต่พอจะนึกถึงเหลียงอี้ยามเพิ่งขึ้นครองบัลลังก์ได้ ความเจ็บปวดในใจของเขาเป็นอย่างไร เขาในตอนนั้นจึงไม่มีเวลาสนใจเรื่องในวังหลังเลย

เรื่องนี้ไม่มีใครผิด แต่สุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องที่น่าเศร้า

ฉินชิงเห็นเหลียงอี้กำลังจมอยู่ในความเจ็บปวดจึงลุกขึ้นไปนั่งข้างๆ แล้วกอดเขาเอาไว้ อ้อมกอดนี้คือสิ่งที่ทรงพลังที่สุด

ไม่นานเหลียงอี้ก็กอดฉินชิงกลับแล้วพูดต่อ

"น่าจะนับตั้งแต่ตอนนั้นมา ฮองเฮาก็ยิ่งเงียบขรึมลง แม้ว่าตอนที่เพิ่งแต่งงานกับเจิ้นนางจะไม่ค่อยชอบพูดอยู่แล้ว และยังมีท่าทางเย็นชา แต่หลังจากที่ตั้งท้องนางก็อ่อนโยนขึ้นมาบ้าง เจิ้นคิดว่านางจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป แม้ว่าเจิ้นจะรู้ว่านางไม่รักเจิ้น แต่การเป็นเช่นนี้ก็พอแล้ว"

เหลียงอี้ปล่อยฉินชิงออกจากอ้อมกอดแล้วดึงฉินชิงเข้ามานั่งใกล้ๆ จับมือนางแล้วพูดต่อ

"แต่หลังจากที่ลูกคนที่สองในครรภ์นางตาย ฮองเฮาก็ยิ่งกลายเป็นคนที่ไม่ชอบพูดมากขึ้น อาจเป็นเพราะตอนนั้นกระมัง ร่างกายของนางจึงค่อยๆ แย่ลง หมอหลวงก็ดูไม่ออก ได้แต่บอกว่าวิตกกังวลเกินไป"

ครั้นฉินชิงได้ยินเช่นนี้ก็เข้าใจ ฮองเฮาคงจะหมดหวังในการมีชีวิตต่อนับแต่นั้นมา การสูญเสียลูกสำหรับมารดาแล้วคือการโจมตีที่ค่อนข้างรุนแรงเกินไป

เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดนี้ ประกอบกับคำอธิบายของเหลียงอี้และสิ่งที่ฉินชิงได้เห็นในตำหนักคุนหนิง ก็พอจะสรุปเช่นนี้ได้แล้ว

ตั้งแต่สามปีก่อน ไม่สิ สี่ปีก่อนหลังจากที่ฮองเฮาสูญเสียลูกไปก็หมดหวังและท้อแท้กับการมีชีวิตอยู่ต่อ และเพราะฮองเฮาคือฮองเฮา ในฐานะฮองเฮาที่ตั้งใจทำหน้าที่ ทุกวันนางจำเป็นต้องจัดการงานมากมาย กังวลอย่างหนัก เหนื่อยสะสมจนประชวร พระวรกายเริ่มแย่ลง

ประกอบกับหลังจากที่ฮองเฮาสูญเสียลูก นางก็ศรัทธาในพระพุทธศาสนามาตลอด ดังนั้นจึงไม่ค่อยกินเนื้อสัตว์เท่าไร พระวรกายของนางจึงอ่อนแอลงทุกวัน ส่วนใหญ่ฮองเฮาจะฝืนทนไว้ ครั้นเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ วันเดียวย่อมไม่หนักหนาอะไร แต่เพราะเป็นแบบนี้มาตลอด พระวรกายจึงเริ่มทรุดโทรมลงไม่หยุด แม้ว่าภายนอกจะดูเหมือนดี แต่ภายในร่างกายเหมือนเปลือกหอยที่ว่างเปล่า

จากนั้นยังมีสนมมาวางยาฮองเฮา เดิมทีฮองเฮาประชวรมาตลอดอยู่แล้ว พระวรกายก็ทรุดโทรมมาก แทบไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อต้านใดๆ จึงทำให้นางล้มป่วยจนไม่สามารถรักษาได้เช่นนี้แล้ว

ดังนั้นแม้ว่าไม่มีการวางยาพิษในครานี้ ก็เกรงว่าฮองเฮาจะทนอยู่ได้ไม่กี่ปี การวางยาพิษครั้งนี้คือการจุดชนวน แต่ไม่ใช่สาเหตุของการประชวรหนักของฮองเฮา

ฉินชิงมองเหลียงอี้แล้วกล่าวว่า "ฝ่าบาท นี่ไม่ใช่ความผิดของท่าน ท่านไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองเลยเพคะ"

เหลียงอี้ได้ยินฉินชิงพูดเช่นนั้นก็ตอบกลับไปว่า "เจิ้นรู้ แต่ก็ยังเสียใจอยู่ดี"

ฉินชิงมองเหลียงอี้ และทำได้เพียงกอดเขาไว้เพื่อให้กำลังใจเท่านั้น

เหลียงอี้ตบหลังฉินชิงเบาๆ แล้วพูดว่า "เจิ้นไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ไม่ต้องปลอบใจเช่นนี้ก็ได้"

ฉินชิงซบลงบนตัวเหลียงอี้ "แต่หม่อมฉันอยากกอดฝ่าบาท ฝ่าบาทให้หม่อมฉันกอดสักครั้งเถอะเพคะ"

เหลียงอี้เห็นฉินชิงซบลงบนตัวของเขา สุดท้ายจึงกอดกลับ เอื้อมมือไปโอบหลังของฉินชิงเอาไว้

คืนวันนี้ทั้งสองคนนอนอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยกัน กอดกันและกันเอาไว้ สัมผัสความอบอุ่นจากกันและกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด