ตอนที่แล้วบทที่ 103 คุณหล่อ เอาตามที่คุณพูดแล้วกัน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 105 อย่าเรียกคนอื่นว่าแม่ตามใจชอบ

บทที่ 104 เอาคุณเปลี่ยนเป็นศพผู้ชายก่อน


ติงอี้ย่วนออกไปพร้อมนาฬิกาข้อมือ ความเสียใจเป็นเรื่องเล็ก เสียหน้าคือเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อหร่วนหลิวเจิงวิ่งเข้ามาในตอนท้ายซึ่งไม่รู้ว่าเธอได้เห็นภาพที่น่าอายนั้นหรือเปล่า...

ทั้งโกรธและอายเกินจะรับไหวจึงได้แต่วิ่งไปข้างหน้า แต่กลับชนเข้ากับกำแพงมนุษย์โดยไม่คาดคิด ยิ่งไปกว่านั้นกล่องนาฬิกาข้อมือยังตกลงพื้นเสียงดังโครม นาฬิกาข้อมือกระเด็นออกมาแถมยังแตก...ชิ...

"โอ้โห!" เสียงของเฉิงโจวอวี่ดังขึ้น "คุณหนูครับ ทำอะไรครับเนี่ย? มีของขวัญให้ผมเหรอ?"

คำพูดที่โดนใจติงอี้ย่วน ด้วยความโมโห เธอใช้เท้าเหยียบนาฬิกาข้อมือจนมันแตกเป็นชิ้น เธอพูดอย่างโกรธแค้น "คุณหมอเฉิง ฉันคงจะยังไม่เคยบอกคุณ ฉันสอบได้คะแนนเต็มในการสอบกายวิภาค!"

"ชิ...มิน่า..." เฉิงโจวอวี่ยิ้มอย่างไม่จริงจัง "น่าสงสารนะ...เฮ้อ"

"มิน่าอะไร? น่าสงสารอะไร?" ติงอี้ย่วนเข้าใจว่าเขารู้เรื่องที่เธอสารภาพรักแล้วต้องพ่ายแพ้ จึงเกิดอาการตื่นและหน้าแดงก่ำ

เฉิงโจวอวี่ทอดถอนใจ "มิน่าล่ะตอนนี้คุณถึงยังไม่มีแฟน!"

"คุณ..." ติงอี้ย่วนตาแดง หากว่าในมือของเธอมีมืดผ่าตัดอยู่ด้วย เธอสงสัยจริงๆ ว่าตนเองจะตัดจมูกเขาทิ้งแล้วหรือเปล่า!

เฉิงโจวอวี่กลับไม่กลัวตายและพูดต่อ "คุณผู้หญิงครับ ในฐานะที่เราอยู่แผนกเดียวกัน ผมขอเตือนคุณด้วยความหวังดี ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง อย่าเอาแต่พูดเรื่องชำแหละ มีดผ่าตัดทั้งวี่ทั้งวัน อ่อนโยนหน่อยโอเคไหม? ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางได้แตะต้องตัวผู้ชาย ได้แค่แตะศพผู้ชาย!"

หร่วนหลิวเจิงที่ถูกหนิงจื้อเชียนสั่งให้ไปเอายาที่คลินิกผู้ป่วยนอกผ่านมาเห็นทั้งสองคนจึงร้องทัก "อาจารย์เฉิงสวัสดีค่ะ" จากนั้นก็รีบไปที่คลินิกอย่างรวดเร็ว

ในใจของติงอี้ย่วนร้อนดั่งไฟเมื่อคิดถึงความใกล้ชิดระหว่างหนิงจื้อเชียนกับหร่วนหลิวเจิงก็ยิ่งโกรธและชกเข้าที่จมูกของเฉิงโจวอวี่ "ถ้าอย่างนั้นเรื่องแรกที่ฉันจะทำก็คือเปลี่ยนคุณให้เป็นศพผู้ชาย! ผู้ชายสารเลว!"

เฉิงโจวอวี่คิดไม่ถึงว่าเธอจะลงมือจริงจึงอึ้งไปครู่หนึ่ง ทั้งเจ็บและคันที่จมูกและมีบางอย่างไหลออกมาจากจมูก...

ในฐานะศัลยแพทย์ เขามีความรู้สึกไวต่อกลิ่นที่คุ้นเคย——เลือด...

ติงอี้ย่วนยังคงแค้นใจจึงผลักเขาไปอีกด้านจากนั้นก็กระฟัดกระเฟียดเดินจากไป

เฉิงโจวอวี่กุมจมูกและกลับไปที่ห้องทำงานอย่างเจ็บปวด พยาบาลเสี่ยวอวิ๋นที่ออกมาจากห้องคนไข้วิ่งไปที่ออฟฟิศเมื่อเห็นก็ประหลาดใจ "หมอเฉิง คุณเป็นอะไรคะ?"

เฉิงโจวอวี่กุมจมูกและส่ายหน้า

เลือดไหลออกมาจากระหว่างนิ้วของเขา เสี่ยวอวิ๋นตกใจ "คุณหมอเฉิง! จมูกคุณ!"

เฉิงโจวอวี่เองก็รู้สึกเหนียวลื่นที่ระหว่างนิ้ว เมื่อยื่นมือออกมาดูก็เต็มไปด้วยเลือด...

เสี่ยวอวิ๋นตกใจและร้องเสียงดัง "อาจารย์หนิง! อาจารย์หนิงคุณมาดูจมูกให้อาจารย์เฉิงหน่อยค่ะ!"

เฉิงโจวอวี่แอบโมโห "เสี่ยวอวิ๋น! ขอเถอะเธอเป็นพยาบาลนะ! แถมเป็นพยาบาลแผนกศัลยกรรมด้วย! เห็นเลือดแล้วจะทำเหมือนเห็นผีได้งั้นเหรอ?"

ที่จริงแล้วหนิงจื้อเชียนสังเกตเห็นเขาแล้วและกำลังเดินเข้าไปหาเขาเพื่อจะตรวจรักษา เขายื่นมือเปื้อนเลือดออกมา "ไม่ต้องเข้ามา! ไม่ต้องมา! ผมจัดการเองได้!"

"ให้ฉันดูหน่อย! เลือดกำเดาไหลเป็นประจำเหรอ?" หนิงจื้อเชียนวินิจฉัยเขาที่เลือดกำเดาไหลอย่างไม่มีเหตุผลด้วยความรับผิดชอบเต็มที่ "จะมองข้ามเรื่องเลือดกำเดาไหลไม่ได้..."

ไม่พูดยังพอว่า พอพูดเท่านั้นเฉิงโจวอวี่ก็โมโห "เป็นนายนั่นแหละที่ทำ!"

"ฉัน? เกี่ยวอะไรกับฉัน?" หนิงจื้อเชียนไม่รู้อะไรด้วยเลย

"นาย..." เฉิงโจวอวี่ลังเลที่จะพูดเพราะเห็นเสี่ยงอวิ๋นถือถาดอุปกรณ์มาทำแผลที่จมูกเขาแล้ว จึงได้แต่เงียบ เขาแอบดูติงอี้ย่วนเอานาฬิกาข้อมือไปใส่เกะของหนิงจื้อเชียน ถึงแม้จะไม่ถูกกับติงอี้ย่วน แต่นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของผู้หญิงคนนี้ ตอนนี้คงจะโดนปฏิเสธและเสียหน้า ดังนั้นก็อย่าให้คนอื่นรู้เยอะเลยจะดีกว่า จึงกลั้นหายใจไว้แล้วพึมพำออกมา "นายนี่เก่งนะ แค่คำพูดคำเดียวเงินหลายแสนก็แหลกสลายเป็นเศษแก้ว..."

หนิงจื้อเชียนยิ่งไม่เข้าใจ...

เสี่ยวอวิ๋นจ้องจมูกเขาและพึมพำ "คุณหมอเฉิง ทำไมฉันดูแล้วจมูกคุณเป็นการบาดเจ็บภายนอกนะคะ ตอนนี้จมูกช้ำแล้ว พรุ่งนี้คงจะดูแย่ยิ่งกว่านี้"

พูดไร้สาระอะไรกัน!

เฉิงอวี่โจวโกรธจัด "พรุ่งนี้? พรุ่งนี้วันคริสต์มาสนะ! เพื่อนนักเรียนของฉันนัดกัน! น่าเกลียดขนาดนี้จะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้ไง? แล้วจะไปเจอเพื่อนสาวๆ ได้ไง!?"

เสี่ยวอวิ๋นถูกตะคอกจนกลัว "ฉะ...ฉันไม่ได้เป็นคนต่อยนี่คะ..."

"ใครบอกต่อย?" เฉิงโจวอวี่เดือด "กระแทกต่างหาก!"

โอเค เสี่ยวอวิ๋นใช้สำลีเช็ดเลือดให้เขากลางกลุ่มคนเงียบๆ ไม่พูดอะไรอีก

"ไม่ต้องโมโห ระวังยิ่งโมโหเลือดจะยิ่งไหล เลือดจะยิ่งไหลเยอะ..." หนิงจื้อเชียนพูดเบาๆ เหมือนจะเข้าใจแล้วว่าหมัดนี้ที่เขาโดนเป็นฝีมือใคร...

ติงอี้ย่วนวิ่งเต็มฝีเท้าพอไปถึงห้องผู้ช่วยผู้อำนวยการก็ช้าลงและความโกรธในใจของเธอก็ดูเหมือนจะลดลงไปไม่น้อย เธอมองหมัดของตัวเอง มิน่าล่ะถึงได้มีคนต่อยกระสอบทรายเวลาโมโห พอต่อยออกไปความโกรธก็ออกไปด้วย เพียงแต่ยังคงรู้สึกอับอาย

ขายหน้า

ผู้ช่วยผู้อำนวยการติงอยู่ในห้องทำงาน เธอเข้าไปก็ทำหน้าขมขื่นและร้องตะโกน "พ่อคะ"

"เป็นอะไรอีก?" ผู้ช่วยผู้อำนวยการติงก็รู้สึกปวดหัวกับลูกสาวสุดที่รักเช่นกันในตอนนี้

"หนู..." จู่ๆ เธอก็ไม่รู้ว่ามาทำไม เดิมทีอยากจะให้พ่อจัดการกับหนิงจื้อเชียน แต่ตอนนี้ก็ไม่คิดแบบนั้นแล้ว หลังจากลังเลครู่หนึ่งก็พึมพำ "หนูไม่อยากอยู่กับอาจารย์หนิงแล้ว"

ไม่ว่าจะอย่างไรก็คงไม่สามารถทำหน้าด้านหน้าทนต่อหน้าอาจารย์หนิงได้อีก

"ลูกพูดบ้าอะไรน่ะ? หมอหนิงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยศาสตร์ที่อายุน้อยที่สุด ลูกไม่ได้เล็งเขาไว้หรอกเหรอ? ตอนนี้เปลี่ยนแล้ว? ลูกคิดว่าลูกเล่นพ่อแม่ลูกอยู่เหรอ?" ผู้ช่วยผู้อำนวยการติงรู้สึกว่าไม่สามารถตามใจลูกสาวได้อีกแล้ว

ติงอี้ย่วนทำหน้าไม่พอใจ "ยังไงก็ไม่อยู่ด้วยแล้ว"

"บอกเหตุผลมา!"

"อาจารย์หนิงเขา...เขา...เข้มงวดเกินไป..." เธอทำได้เพียงพูดแค่นี้

"เข้มงวดเป็นเรื่องดี! ครูที่เข้มงวดศิษย์คุณภาพดี!"

"..." ติงอี้ย่วนหน้ามุ่ยและหาเหตุผลมาหักล้างไม่ได้ เธอเองก็ไม่คิดจะหาเรื่องมาใส่ร้ายหนิงจื้อเชียน

เมื่อเห็นลูกสาวทำหน้าเศร้าแบบนั้น ผู้ช่วยผู้อำนวยการติงก็ใจอ่อนและโน้มน้าว "ลูกจ๋า ศัลยกรรมระบบประสาทเดิมก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อน มีจุดที่ยากนั่นเป็นเรื่องธรรมดา แต่นิสัยที่ไม่ยอมแพ้มาตลอดอย่างลูก ไม่มีเรื่องยากอะไรจะมาล้มลูกได้ไม่ใช่เหรอ? ลูกจ๋า พ่อเชื่อมั่นในตัวหนู! ขอเพียงพยายาม จะต้องเอาชนะความยากลำบากนั้นได้แน่!"

สิ่งที่พูดทำให้ติงอี้ย่วนรู้สึกร่าเริงขึ้นมาก ใช่สิ ขอเพียงพยายาม ไม่มีอะไรที่เอาชนะไม่ได้อยู่แล้ว!

"ขอบคุณค่ะพ่อ!" เธอยิ้มอย่างมีความสุข

วันคริสต์มาสอีฟทั้งเมืองเต็มไปด้วยบรรยากาศรื่นเริง ซึ่งไม่สามารถรู้สึกได้ในโรงพยาบาล แต่พอเลิกงานก็ถูกรายล้อมไปด้วยบรรยากาศรื่นเริงอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นในรถไฟใต้ดินตามท้องถนนล้วนมีแต่หนุ่มสาวออกมาเฉลิมฉลองเทศกาลนี้

ปกติยุ่งจนไม่รู้สึกแต่ตอนนี้เพิ่งจะรู้สึกว่าตนเองนั้นแก่แล้วหรือไม่? เทศกาลแบบนี้ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวพันกับเธออีกต่อไป กลับบ้านไปฟังแม่บ่นเรื่องนัดบอดพรุ่งนี้และพักผ่อนเถอะ เข้าใจก่อนนะว่าวันนี้แม่ส่งข้อความให้เธอไม่ต่ำกว่าสิบข้อความให้เธอเลิกงานแล้วไปทำผมก่อน

เธอไม่ได้คิดจะทำผม ถ้ามีเวลาขนาดนั้นเธอจะไปเขียนหนังสือสักสองพันคำ...

แต่ว่าเผยซู่เฟินไม่มีทางปล่อยเธอไปง่ายๆ

แน่นอนพอเธอเข้าประตูไปพร้อมกับผมดำที่ยังคงมัดไว้อยู่ด้านหลัง เผยซู่เฟินแทบจะโยนเธอออกมาและลากเธอไปร้านเสริมสวย

"แม่คะ หนูยังไม่ได้กินข้าวเลย" เธอขอร้องอย่างขมขื่น

"ที่ร้านทำผมมีข้าวให้! ไม่งั้น ลูกไปทำก่อนเดี๋ยวแม่ทำอาหารส่งไปให้ก็ได้!"

นี่ถือเป็นการทุ่มสุดตัวเพื่อการแต่งงานของเธอแล้ว...

หร่วนหลิวเจิงไม่แม้แต่จะเอากระเป๋ามาด้วย เธอถูกเผยซู่เฟินลากมานั่งในร้านเสริมสวยอยู่หลายชั่วโมง ดัดผมยาวและทำสีผมน้ำตาลประกายทอง เพราะไม่ได้เอากระเป๋ามาด้วย เผยซู่เฟินจึงเป็นคนออกค่าใช้จ่าย เงินที่ใช้จ่ายไปทำให้มีความสุขเหมือนได้เห็นหร่วนหลิวเจิงใส่ชุดแต่งงานแล้ว หรือแม้แต่กลายเป็นแม่คนแล้ว อีกทั้งยังกำชับให้เข้านอนดี ๆ ตอนกลางคืนและอย่าทำผมเสียทรง...

หร่วนหลิวเจิงจนปัญญา กว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบเที่ยงคืนแล้วจึงรีบอาบน้ำนอนแถมยังเป็นกังวลเรื่องทรงผมสุดท้ายก็นอนไม่หลับอยู่นานจนนอนหลับไม่สนิททั้งคืน...

ดีที่เผยซู่เฟินรักเธอจึงไม่ได้เรียกเธอแต่เช้า แต่เธอถูกทำให้ตื่นด้วยเสียงโทรศํพท์...

เก้าโมง เธอยังนอนอยู่ เธองัวเงียได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดังและคลำหากระเป๋าด้วยความงุนงง เมื่อหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาด้วยความงุนงงก็เป็นสายของหนิงจื้อเชียน

"ฮัลโหล?" ยังคงงัวเงียไม่ยอมตื่น

"หลิวเจิง?"

"อืม..." ขี้เกียจไม่ยอมตื่น

"ยังไม่ตื่นเหรอ?"

"ใช่ค่ะ..."

"สุขสันต์วันคริสต์มาส" เขาที่ปลายสายพูดขึ้น

"ขอบคุณค่ะ สุขสันต์วันคริสต์มาสค่ะ" เธอตื่นขึ้นเล็กน้อย นี่เป็นคำถามที่คุ้นเคยช่วงเทศกาลนะ เขายังจำทุกวันหยุดแบบนี้ได้ อ้อ เปล่า เป็นโทรศัพท์มือถือของเขาที่แจ้งเตือนในช่วงเวลาคับขัน

"หลิวเจิง" เสียงของเขาดังขึ้นอีกครั้งที่ปลายสาย

"คะ?"

"วันนี้พักผ่อน วางแผนจะทำอะไรไหม?" เขาถาม

"อืม...กลางวันฉันมีนัดเพื่อนกินข้าว" เขาไม่ได้ลืมเรื่องนัดดูตัว

"หลังจากนั้นล่ะ?"

"จากนั้น..." จากนั้นเธอยังไม่รู้เลย! ก็ต้องดูก่อนว่าต้องตาต้องใจไหม! หากถูกใจถึงจะมีอะไรต่อ! ถ้าไม่ถูกใจก็คงไม่มีอะไรต่อแล้ว! แต่ว่าเมื่อคิดดูแล้วจึงพูดขึ้น "จากนั้นอาจจะดูหนัง ชอปปิ้ง อะไรแบบนั้น"

"กับเพื่อนเหรอ?"

"ใช่ค่ะ..."

"งั้นก็โอเค เที่ยวเล่นให้สบายใจนะ"

"อือ ขอบคุณค่ะ" หวังเพียงมีความสุข...บ่ายนี้มีความสุข แม่ก็คงมีความสุขด้วย จากนั้นทุกคนก็จะมีความสุข...

เมื่อถูกปลุกให้ตื่นเธอก็ไม่สามารถจะนอนต่อได้แล้ว ตื่นขึ้นมาอาบน้ำกินเข้าเช้า! จากนั้นเผยซู่เฟินก็นำ "ชุดออกศึก" ของเธอออกมา! โอเวอร์โคดสีชมพู! ยิ่งกว่านั้นยังมีท่าทีว่าจะไม่ปล่อยไปแน่ถ้าเธอไม่ยอมใส่ หมดหนทางแล้วได้แต่ทำตามแม่สั่ง

ชุดใหม่ทั้งตัวยังไม่พอ ยังมีเครื่องสำอางอีกยกใหญ่ให้เธอแต่งหน้าทาปาก

ไม่ใช่ไม่เต็มใจแต่ว่ามันไม่ได้จริงๆ! หลังจากล้างและแต่งใหม่อยู่อย่างนั้นหลายครั้ง จนแม้แต่เผยซู่เฟินก็ยังยอมแพ้จนเกินจะเยียวยาและพูดอย่างกลัดกลุ้ม "ช่างเถอะ! ทาลิปสติกให้ดูสดใสหน่อยแล้วกัน..."

ขณะนั้นเป็นเวลาสิบเอ็ดนาฬิกาซึ่งห่างจากเวลานัดราวหนึ่งชั่วโมง

เผยซู่เฟินเริ่มเร่ง "รีบๆ หน่อย หากรถติดลูกจะสายนะ!"

หร่วนหลิวเจิงถูกเผยซู่เฟินดันให้ออกจากบ้าน

หลายวันมานี้เธอบอกเผยซู่เฟินว่าเพื่อนยืนรถไป เผยซู่เฟินเองก็ไม่ถามอะไรมาก ได้แต่เร่งให้เธอนั่งแท็กซี่ไป อย่าเดินไปนั่งรถไฟใต้ดิน

ก็ได้ เธอจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นเพื่อจองรถและเดินไปด้วย

ตอนนั้นเองที่เธอพบว่ามีสายที่ไม่ได้รับเจ็ดแปดสาย ทั้งหมดเป็นสายจากหนิงจื้อเชียน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นสายจากเมื่อคืน เมื่อคืนเธอทำผมอยู่หลายชั่วโมงและไม่ได้เอากระเป๋าไปด้วย ดังนั้นจึงไม่ได้รับสักสาย...

ถ้าหากมีเรื่องอะไรเมื่อเช้าเขาคงพูดกับเธอแล้ว คิดดูแล้วคงไม่มีเรื่องสำคัญอะไร

เมื่อเธอเดินไปถึงท้ายซอยก็พบว่ามีรถคันหนึ่งจอดอยู่ตรงหน้าเธอ เซวียเหว่ยหลิน เปลี่ยนรถคันใหม่อีกแล้ว ยังคงเป็น***สีแดง...

"คุณหมอหร่วน เดินเล่นโทรศัพท์มือถือมันอันตรายนะครับ หรือว่าคุณหมอหร่วนไม่รู้?" กระจกรถถูกลดลง ใบหน้าของเซวียเหว่ยหลินปรากฏขึ้นที่กระจกเผยให้เห็นฟันกระต่ายขาว

อืม ฟันของเขามีสุขภาพดีจริงๆ เอาไปถ่ายโฆษณายาสีฟันได้เลย

โรคประจำตัวหมอ...

เธอวางโทรศัพท์มือถือลง "คุณเซวียสวัสดีค่ะ"

"บอกไปแล้วว่าเจอกันอีกทีก็เป็นเพื่อนกันแล้วไง ยังจะเรียนคุณเซวียๆ อยู่อีก เรียกชื่อไปเลยเถอะครับ!" เขายิ้มและพูด

หร่วนหลิวเจิงหัวเราะ

"ไปข้างนอกเหรอครับ?" เขาถาม "ไปไหน? ผมไปส่งนะ"

เธอมองโทรศัพท์มือถือของตัวเอง แท็กซี่คนใช้บริการเยอะวันคริสต์มาสงั้นเหรอ? ทำไมถึงไม่มีใครรับงานเลย

"ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมเองก็จะออกไปเหมือนกัน ก็แค่ทางผ่าน! ขึ้นรถเถอะ!" เซวียเหว่ยหลินตั้งใจลงจากรถและเปิดประตูรถให้เธอ

หากหร่วนหลิวเจิงยังไม่ขึ้นรถอีกคงเสียมารยาท เมื่อขึ้นไปนั่งบนรถเขาอีกครั้ง เธอจึงบอกว่าตนเองจะไปไหน

เซวียเหว่ยหลินยิ้ม "ไปกินข้าวเหรอครับ?"

"ใช่ค่ะ" เธอคาดเข็มขัดนิรภัย

"กับแฟนเหรอครับ?" เซวียเหว่ยหลินยิ้มและถาม

เธอนิ่งไป ยังไม่ถือว่าเป็นแฟน หากคนอื่นไม่ถูกใจเธอจะว่ายังไง? "ไม่ค่ะ ไม่ใช่..."

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด