ตอนที่แล้วตอนที่ 3 น้องสาวโกรธ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 5 น้องสาวสับสน

ตอนที่ 4 น้องสาวใกล้ถึงวัย


“ตามการประเมินของเย่อันผิง เวลาที่เขากับเพ่ยเหลียนเสวี่ยไปถึงเมือง พวกเขายังเหลือเวลาเตรียมการอีกเจ็ดวัน

แต่ในความเป็นจริง ทุกสิ่งเตรียมไว้หมดแล้ว

เขาวางแผนนี้มาสิบปี

เขาอยากถึงเมืองล่วงหน้า ไม่ใช่แค่เพราะกังวลว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิด แต่ยังเพื่อให้เพ่ยเหลียนเสวี่ยผ่อนคลาย นางจะได้ไม่ประหม่าและทำพลาดในวินาทีสำคัญ

ไม่ต้องพูดถึงเพ่ยเหลียนเสวี่ย เด็กสาวอายุ14 แม้กระทั่งคนโตอายุ 35 อย่างเขาที่ชีวิตมายี่สิบปีก่อนจะข้ามมาใช้ชีวิตในโลกนี้อีก15ปีก็ยังประหม่า

เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขากำลังจะไปจัดการกับผู้บ่มเพาะที่เหนือกว่าพวกเขาสองระดับ

เมื่อพวกเขาถึงเมือง เย่อันผิงก็ดีใจที่เลือกพานางมาล่วงหน้า

หลังเขาจองห้อง เขาอยากพานางไปเดินเล่น เป็นผลให้ ทันทีที่นางก้าวเหยียบถนน เพ่ยเหลียนเสวี่ยก็กลายเป็นระแวงทุกคนที่นางเห็น และทุกคนก็ดูเหมือนผู้บ่มเพาะมาร

พอเห็นผู้บ่มเพาะก่อตั้งรากฐานที่กำลังซื้อซาลาเปาอยู่ไม่ไกล นางก็ถามเย่อันผิง“พี่ คนคนนั้นใช่ผู้บ่มเพาะมารที่ท่านพูดถึงหรือเปล่า?”

“เปล่า แค่ผู้บ่มเพาะทั่วไป”

“โอ้..”เพ่ยเหลียนเสวี่ยพยักหน้า จากนั้นก็เห็นคนสะพายกระบี่บนหลังและถามใหม่“พี่ นั่นใช่เขาไหม?”

“นั่นคือนายอำเภอเมืองอู่ซี”

“แล้วคนโกนหัวละ?”

“นั่นแค่ขอทาน”

เย่อันผิงคิดว่านางน่ารักและยิ้ม“น้องพี่ ตอนนี้เจ้าเหมือนหนูเลย”

“เจ้าสิหนู!”เพ่ยเหลียนเสวี่ยหน้ามุ่ย“ข้าไม่ใช่..”

“กลัว?”

“กลัวสิ!เราต้องจัดการกับผู้บ่มเพาะมารระดับแก่นวิญญาณเลยนะ..”

เย่อันผิงลูบหน้านาง.”เจ้าต้องเชื่อในพี่ใหญ่ของเจ้า จะไม่มีปัญหาใด ลืมการคิดบวกแบบที่ข้าสอนแล้วเหรอ?’

“ข้าจำได้”

“พูดสิ”

“ตอนเจอกับความยากลำบาก อย่ากลัว ให้ยิ้มสู้ วีธีที่ดีสุดในการไล่ความกลัวคือสู้กับความกลัว!”เพ่ยเหลียนเสวี่ยเขย่ากำปั้นน้อย“ฮูเร่!”

“ใช่ อย่ากลัว”

“พี่ ข้าอยากถามมาตลอด ฮูเร่คืออะไร?”

“คือ..”เย่อันผิงหยุดและอธิบาย“คิดซะว่าเป็นคำพูดปลุกใจคนเฉยๆ”

“โอ้”

ทั้งสองเดินไปตามถนนสักพัก ตอนนั้นเอง เสียงกลองก็ดังจากข้างหน้า วันนี้ดูเหมือนจะมีงานแต่ง

ไม่นานนัก ขบวนเจ้าสาวก็ปรากฏ

เกี๊ยวแดงนำทาง ตามด้วยคนนับสิบที่ถือไก่ เป็ด ปลา เสียงกลองดังเหมือนงานเทศกาล

เย่อันผิงไม่พบมันในนิยาย แต่เพ่ยเหลียนเสวี่ยสนใจมาก นางจ้องมันด้านหน้า ความกลัวก่อนหน้าหายไป นางอยากจะนั่งบนเกี๊ยวแดงบ้าง

พูดก็พูด มันเป็นปกติ เพ่ยเหลียนเสวี่ยคือเด็กสาวจากตระกูลธรรมดา ในโลกนี้ เด็กสาวเช่นนางจะโตมาเพื่อหวังแต่งงานเข้าตระกูลดีๆตอนวัย15

ปีนี้นาง 14 แล้ว

หลังคิด เย่อันผิงก็ถาม“เจ้าอยากไปดูตรงนั้นไหม?น่าจะมีงานแต่งนะ”

นางรีบละสายตา และหลังลังเล นางก็ส่ายหัว”เรากำลังตามหาผู้บ่มเพาะมารกันอยู่นี่?เราจะไปมีเวลาดูคนอื่นแต่งงานกันได้ไง?’

“ไม่เป็นไร เจ้าคงไม่เคยเห็นงานแต่งมาก่อนใช่ไหมละ?”

“ข้าอ่านมันในหนังสือ”

“เราไปดูกันเถอะ”

เย่อันผิงลากนางไปหน้าประตูบ้านใครก็ไม่รู้ที่จัดงานแต่ง

เขาอธิบายกับอีกฝ่ายว่ามายินดีด้วย และหลังแสดงป้ายของสำนักร้อยดอกบัว พวกเขาก็ได้รับเชิญในที่พิเศษ

อย่างไม่คาดคิด ตอนเขานั่งที่โต๊ะ เขาตระหนักว่ามีผู้บ่มเพาะบางคนที่มากินเหมือนพวกเขา

พวกเขานั่งโต๊ะแปดคน เป็นผู้บ่มเพาะหมด และทันทีที่เย่อันผิงนั่งลง ชายหนุ่มข้างเขาก็เริ่มคุย

“พวกเจ้าว่างเลยมาดูคนอื่นแต่งงานกันใช่ไหม?”

“ฮี่ ผู้อาวุโสพูดถูก”เย่อันผิงพยักหน้า“น้องสาวข้าไม่เคยเห็นงานแต่งมาก่อน นางอยากรู้ ในเมื่อเรามา ข้าเลยพานางมาดู”

“โอ้ พวกเจ้าเป็นพี่น้องกันนี่เอง”

เย่อันผิงมองผู้บ่มเพาะคนอื่นที่โต๊ะ พร้อมทักทายพวกเขา และถามว่าได้ยินชื่ออู่โหยวกันไหม

แต่ตอนเขาเห็นชายในโต๊ะ เขาก็ตระหนักว่าไม่ต้องถามอีก

ชายคนนั้นมีทั้งเสน่ห์แบบผู้ชายและหญิง ใบหน้าดูเป็นกลาง ผมของเขามัดเป็นมวยยาวสองข้าง รูม่านตาสีม่วงฉายแสงชั่วร้าย

ไม่ต้องสงสัยว่าหน้าตานี้กับอารมณ์นี้ตรงกับปรมาจารย์ใหญ่ของสำนักพิษมารในเกม

แต่ปัญหาคือ ทำไมเขา ผู้บ่มเพาะมารถึงมางานแต่งของคนธรรมดาเพื่อกินข้าว?เขาว่างนักเหรอ?

เย่อันผิงไม่กล้าจ้องเขานาน หลังพยักหน้า เขากับเพ่ยเหลียนเสวี่ยก็มองเจ้าบ่าวเจ้าสาว ที่กำลังดื่มกับแขก

แต่ อู่โหยวริเริ่มคุยกับพวกเขา

“เห้ เจ้าหนู ข้าคิดว่าเจ้าอายุแค่ 14 15 แต่ก็ถึงขั้นสามของหลอมลมปราณแล้ว อนาคตเจ้าดูสดใสนะ”

“อ่า..”หลังได้ยินเสียงที่แยกเพศไม่ออก เย่อันผิงก็แกล้งเป็นเด็กหนุ่มขี้อาย“ขอบคุณสำหรับคำชม ผู้อาวุโส อาจารย์สอนข้ามาดี”

“ส่วนเด็กสาวคนนี้ก็ด้วย..ถ้าข้าเดาไม่ผิด นางบรรลุขั้นสมบูรณ์ของหลอมลมปราณแล้วใช่ไหม?”

“น้องสาวข้ามีพรสวรรค์และขยันฝึก”เย่อันผิงยิ้ม เกาหลังหัว จากนั้นก็ตบไหล่เพ่ยเหลียนเสวี่ย ลากสายตานางกลับจากเจ้าบ่าวเจ้าสาว“น้องพี่ ผู้อาวุโสท่านนี้กำลังชมเจ้า”

“อา…”เพ่ยเหลียนเสวี่ยมองอู่โหยวและพยักหน้า“ขอบคุณสำหรับคำชม ผู้อาวุโส”

อู่โหยวยิ้ม พยักหน้าให้ทั้งสอง ขยับไหสุรามาเติมชามด้านหน้าเย่อันผิงและเพ่ยเหลียนเสวี่ย

“สองพี่น้อง มังกรและหงส์ถูกลิขิตให้เป็นอัจฉริยะในอนาคต ถือซะว่าสุราสองชามนี้คือการสร้างมิตรภาพ”

เย่อันผิงพยักหน้าและยิ้ม มองสุราสองชามด้านหน้าเขากับเพ่ยเหลียนเสวี่ย

สุราภายในใส ไม่มีอะไรผิดปกติในแวบแรก แต่เขารู้ว่ามันต้องมีคาถา

มันดูเหมือนว่าอู่โหยวจะรู้แล้วว่ารากปราณของเพ่ยเหลียนเสวี่ยพิเศษ

แต่ ความพยายามสิบปีของเขากับเพ่ยเหลียนเสวี่ยไม่ได้สูญเปล่า หลังฝึกสิบปี รวมถึงกินยาพิษทุกชนิด นี่จะไม่มีผลกับพวกเขาเลย

“น้องพี่ ดูสิ ผู้อาวุโสรินสุราให้เรา’

“อา..โอ้ ขอบคุณ ผู้อาวุโส”

เพ่ยเหลียนเสวี่ยดื่ม ตบไหล่เย่อันผิงและร้อง“พี่ ดูสิ ดูนั่น เจ้าบ่าวเจ้าสาวทำความเคารพกันแล้ว!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด