ตอนที่แล้วบทที่ 371: แลกเปลี่ยนขยะเป็นเงิน อัปเดตอาวุธ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 373: อัปเกรดโหลวเฉิง หอคอยป้องกันขนาดยักษ์!

บทที่ 372: ซ้อมรบก่อนอัปเกรด!


เมื่อถังเจิ้นกลับมา เมืองเชิ่งหลงก็ยุ่งวุ่นวายกันอีกรอบ

อาวุธยุทโธปกรณ์ที่แลกเปลี่ยนมาจากสามาพันธ์เอเชียและสันนิบาติอเมริกันถูกถังเจิ้นเอาไปติดตั้งและทดลองใช้งานอย่างรวดเร็ว เพื่อให้แน่ใจว่าการป้องกันจะไม่มีจุดบอดใด ๆ หลงเหลือ

เนื่องจากพื้นที่ของเมืองมีการขยายตัวทำให้ความยากในการป้องกันเมืองเพิ่มมากขึ้น

ยังโชคดีที่เมื่อถังเจิ้นปรับเปลี่ยนภูมิประเทศเขาได้ยกยอดเขาที่ล้อมรอบให้สูงและชันขึ้น หากว่าไม่มีเครื่องมือช่วยปีนล่ะก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะอาศัยการไต่เขาบุกเข้าเมืองมา!

ถังเจิ้นมีงานยุ่ง ส่วนคนอื่น ๆ ก็ไม่มีเวลาว่างเหมือนกัน

ทหารเชิ่งหลงแทบไม่มีเวลาพัก ต้องทำความคุ้นเคยกับอาวุธใหม่ทั้งวัน ช่วงนี้จะได้ยินเสียงปืนหลายประบอกดังขึ้นพร้อมกันจากหุบเขาด้านหลังอยู่บ่อย ๆ

เฉียนหลง ไทสัน และคนอื่น ๆ นี่หลังไม่ได้แตะพื้นเลย ส่วนใหญ่เวลาจะกินข้าวก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ หากไม่ใช่เพราะร่างกายอันแข็งแกร่งของนักรบล่ะก็ป่านนี้คงจะมีล้มประดาตายกันไปบ้างแล้ว

ถังเจิ้นไปปรากฏตัวในสถานที่ต่าง ๆ เพื่อตรวจเช็กความคืบหน้าที่หน้างานเป็นครั้งคราวเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีข้อผิดพลาด

แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เช่นนี้ไม่สามารถปกปิดจากสายตาของผู้อื่นได้

เหล่าพ่อค้าวานิชจากเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ และผู้พเนจรในย่านการค้าล้วนสัมผัสถึงความผิดปกติได้กันตั้งนานแล้ว ดูจากสภาพการณ์แค่แว้บเดียวก็รู้แล้วว่าทางเมืองเตรียมตัวจะทำสงคราม!

ซึ่งพอคิดไปแบบนั้นเหล่าพ่อค้าวานิชก็เริ่มที่จะพิจารณากันแล้วว่าควรจะอยู่ห่างจากบริเวณแถบนี้ซักพักดีมั้ย

เพราะว่าสงครามไม่ได้เป็นเพียงเรื่องแค่คนสองคน มันคือปลักโคลนขนาดใหญ่ที่พร้อมจะลากทุกคนลงไปคลุกตลอดเวลา ดังนั้นจึงไม่แปลกที่พ่อค้าวานิชทั้งหลายจะไม่อยากที่จะให้ตนเองต้องประสบกับภัยพิบัติอันไม่สมควรโดน

ทว่าทางย่านการค้าได้แจ้งให้ทราบโดยทันทีว่าทางเมืองเชิ่งหลงจะอัปเกรดเมืองในอีกเร็ว ๆ นี้ ดังนั้นการซ้อมรบจึงทำเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับมอนสเตอร์ปิดล้อมเมือง ขออย่าได้ตกใจไป

หลังจากที่อัปเกรดเมืองเรียบร้อยแล้วสถานการณ์ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติดังเดิม!

หลังจากที่ทราบข่าวก็ทำให้ทั้งย่านการค้ากลับมามีเสถียรภาพทันที

พ่อค้าต่างก็คิดเหมือนกันว่าเมืองเชิ่งหลงก็สมควรที่จะอัปเกรดจริง ๆ เพราะในตอนนี้เป็นเพียงโหลวเฉิงเลเวล 3 ซึ่งไม่ได้คู่ควรกับย่านการค้าที่เจริญรุ่งเรืองเช่นนี้เลยซักนิด

ยิ่งไปกว่านั้นหากระดับของโหลวเฉิงสูงพอมันจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเหล่าบรรดาพ่อค้านักลงทุนว่าเมืองเชิ่งหลงจะสามารถประคองรักษาชิ้นปลามันชิ้นใหญ่นี้ไว้ได้ตลอดรอดฝั่ง!

ดังนั้นเมื่อเลิกตื่นตระหนกแล้วพวกพ่อค้าเลยกลับมาคิดใหม่โดยหวังว่าเมืองเชิ่งหลงจะอัปเกรดโดยเร็วที่สุด

เพียงแต่... ต้องมาคอยฟังเสียงปืนอยู่บ่อย ๆ แล้วนี่มันช่างสยองจริง ๆ ต่างคนต่างก็ต้องตัวสั่นอย่างหวาดกลัวกันทั้งนั้น

เพราะที่ผ่านมาเคยเห็นศพที่โดนยิงหัวแตกสมองกระจายในย่านการค้ามาแล้วหลายครั้ง ทั้งหมดล้วนเป็นพวกมีหัวไว้คั่นหู อยู่ดี ๆ ไม่ชอบชอบก่อหวอด ดังนั้นพวกเขาเลยกลัวปืนมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคิดหลอนไปเองว่าซักวันจะมีกระสุนลูกหลงบินมาโดนพุงกะทิของตัวเองเข้า

แล้วก็ยังมีพวกที่มาด้วยวัตถุประสงค์บางอย่างซึ่งคอยสั่งเกตการณ์และรวบรวมข้อมูลกันอย่างระมัดระวัง

คนเหล่านี้ต่างเดินไปทั่วย่านการค้าเพื่อคอยรวบรวมข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทางเมืองเชิ่งหลงมีเปิดเผยแพลม ๆ ออกมา และเมื่อได้รู้สิ่งที่อยากรู้ก็เป็นต้องหวาดกลัวจนตัวสั่น

เพราะเมืองเชิ่งหลงในตอนนี้แข็งแกร่งทรงพลังมากเกินไป!

คงมีแค่เทวดาเท่านั้นที่รู้ว่ามอนสเตอร์ปิดล้อมเมืองในครั้งนี้จะแข็งแกร่งเพียงใดและมีมากมายขนาดไหนกันแน่ถึงต้องซ้อมรบเตรียมพร้อมกันขนาดนี้

เวลาผ่านไปแบบนี้ไปอีกหลายวัน จนมาถึงวันหนึ่งเมืองเชิ่งหลงได้เงียบลง

แต่ทุกคนต่างรู้กันดีว่านี่เป็นเพียงช่วงเวลาเงียบสงบก่อนที่พายุจะเข้า

ไม่นานนักก็มีการกระจายข้อมูลให้ทุกคนได้รับทราบ

นั่นคือพรุ่งนี้เมืองเชิ่งหลงจะอัปเกรด ในเวลานั้นประตูเมืองจะถูกปิด ย่านการค้าเองก็ปิดโดยไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออกได้ตามใจชอบ

และวันนี้เมืองเชิ่งหลงจะมีการฝึกซ้อมเพื่อเช็กความพร้อมขั้นสุดท้าย

ไม่นานหลังจากที่กระจายข่าวก็มีพ่อค้าวานิชจากหลาย ๆ เผ่าพันธุ์ไปยืนเฝ้าดูอยู่ที่ทางเข้าย่านการค้าและเห็นว่ามีกลุ่มนักสู้โผล่ออกมาจากเมืองชั้นใน

โดยที่นักสู้เหล่านี้ติดตั้งอาวุธเป็นปืนและดาบทุกประเภท และทุกคนล้วนเปล่งจิตสังหารออกมาอย่างรุนแรง

พวกเขาวิ่งกันเป็นแถวยาวตรงไปยังกำแพงเมืองเพื่อเข้าประจำที่ของตนเอง

พ่อค้าวานิชโดยปกติแล้วจะเห็นเฉพาะรปภ.ประจำย่านการค้าและทหารยามที่เฝ้าประตูกับกำแพงเมืองเท่านั้น ไม่เคยเห็นทหารเชิ่งหลงที่มากมายขนาดนี้กันมาก่อนเลย!

พวกที่มีประสบการณ์ด้านการทหารมาก่อนไปลองประมาณดูแล้วพบว่าทหารเหล่านี้มีจำนวนไม่น้อยกว่า 3,000 นาย!

ถ้าไม่ใช่เพราะปฏิบัติการป้องกันเมืองล่ะก็คงไม่มีใครรู้หรอกว่าเมืองเชิ่งหลงได้ซุกซ่อนกองทัพดังกล่าวนี้เอาไว้

ในรถคันหนึ่งที่จอดอยู่ริมถนน ไทสันแหกปากตะโกนจนเสียงแหบเสียงแห้ง แม้ว่าจะมีกำลังใจเต็มเปี่ยมก็ตาม ทว่าใบหน้ายังคงแฝงความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเอาไว้อยู่

ทั้งการฝึกฝนและการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องยาวนานมาหลายวันทำให้เขาเหนื่อยมากจริง ๆ

แต่ตราบใดที่มันทำให้เมืองเชิ่งหลงสามารถก้าวหน้าต่อไปได้ และทำให้กองทหารเชิ่งหลงแข็งแกร่งขึ้นได้ล่ะก็ ไทสันก็เต็มใจที่จะเอาชีวิตตัวเองเข้าแลกให้เลย

ทุกสิ่งที่มีตอนนี้ได้จากการทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงกายไปนับไม่ถ้วนของผู้ที่ก่อตั้งเมืองเชิ่งหลงขึ้นมา ดังนั้นพวกเขาจึงถือว่ามันเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตของตน

ทำให้ไม่ว่าจะต้องลำบากและเหนื่อยยากซักแค่ไหนก็ไม่มีเสียใจ

ในขณะที่จัดวางกองพันที่ 2 ให้ป้องกันโดยรอบบนแนวยอดเขา กองพันที่ 1 ก็ปรากฏตัวออกมากันทันที โดยกองพันนี้จะรับผิดชอบหน้าที่ป้องกันกำแพงเมืองเผชิญหน้ากับศัตรูตรง ๆ

ทหารจำนวนมากของกองพันที่ 1 ล้วนเป็นทหารผ่านศึกที่เข้าร่วมกองทัพตั้งแต่สมัยที่เมืองเชิ่งหลงก่อตั้งช่วงแรก ๆ และเข้าร่วมการต่อสู้ป้องกันเมืองมาแล้วทุกครั้ง

แม้ว่าทหารผ่านศึกส่วนใหญ่จะถูกย้ายไปประจำกองพันที่ 2 เพื่อฝึกทหารเกณฑ์ใหม่ แต่ก็มีการเสริมทหารใหม่เข้ามาในกองพันที่ 1 โดยใช้คนที่ฝีมือสูงส่งขนาดที่ว่าคนเดียวเทียบได้กับ 10 คนเข้าไปใหม่

หน้าที่เฝ้ากำแพงชั้นนอกจึงไม่ใช่ของใครอื่นนอกจากพวกเขาเหล่านี้!

รอจนกระทั่งทหารผ่านศึกที่แสนจะป่าเถื่อนฆ่าคนโดยไม่กระพริบตาผ่านไปแล้ว ต่อมาก็มีนักสู้อีกกลุ่มปรากฏตัวขึ้นอีก

คราวนี้เป็นนักรบที่สวมชุดเกราะสีดำสนิท ใบหน้าถูกปกปิดไว้อย่างมิดชิด เปิดเผยเฉพาะดวงตาที่ส่องแสงเรือง ๆ เท่านั้น

ด้วยการเพิ่มของประชากรพลเมืองประกอบกับทรัพยากรในการฝึกฝนที่มากเพียงพอ ทีมนักรบจึงกำจัดสภาพที่น่าอับอายของพวกหมาแมวไม่รู้ประสาทิ้งไปหมดตั้งนานแล้ว

ขณะนี้เมืองเชิ่งหลงมีทีมนักรบไม่น้อยกว่า 100 ทีม รวมกำลังพลทั้งหมดประมาณ 700 คน!

โดยยังไม่นับรวมวัยรุ่นที่โม่รึ่นกำลังฝึกอบรมให้เป็นพิเศษที่ยังอยู่แค่เลเวล 1 หรือ 2 เข้าไปด้วย

เมื่อเปรียบเทียบกับทหารที่ดุดันราวกับหมาป่าและเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำแล้วทีมนักรบคือเงียบกริบ แต่ว่าไม่มีใครกล้าสงสัยในประสิทธิภาพการต่อสู้ของพวกเขาเลย

โดยทีมนักรบจะเดินกันเป็นกลุ่ม ๆ ซึ่งพกอาวุธที่หลากหลายแตกต่างกันไปดูไม่ค่อยจะเป็นระเบียบซักเท่าไหร่

อาจเป็นเพราะต้องออกปฏิบัติการป้องกันเมืองทำให้อาวุธส่วนใหญ่แล้วจะเป็นพวกปืนชนิดต่าง ๆ โดยเมนหลักคือสไนเปอร์ไรเฟิล

พลังอำนาจของสไนเปอร์นั้นได้รับการพิสูจน์ผ่านการต่อสู้จริงมาแล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะใช้สไนเปอร์ไรเฟิลกันเยอะขนาดนี้

หลังจากที่ผู้เข้าร่วมรบทั้งหมดพร้อมแล้ว การฝึกซ้อมป้องกันเมืองก็จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ!

จากการวิเคราะห์ของพวกถังเจิ้น กองกำลังหลัก ๆ ที่จะมาโจมตีเมืองในครั้งนี้น่าจะเป็นทหารรับจ้างที่รับภารกิจ

เมื่อเปรียบเทียบกับมอนสเตอร์ที่รู้แค่วิธีอาละวาดแล้วทหารรับจ้างที่ฉลาดแกมโกงนั้นรับมือได้ยากกว่าเยอะ

ดังนั้นคราวนี้ถังเจิ้นจะลงมือเปิดก่อนไปเลย ขณะที่พวกทหารรับจ้างข้ามประตูมิติมาปุ๊บเขาจะยิงถล่มใส่พวกมันก่อน โดยกะว่าจะกวาดทิ้งไปซักครึ่งหนึ่งก่อนที่สมครามจะเริ่มต้นขึ้น!

กำแพงเมืองพร้อมกับยอดเขาที่เป็นหน้าผาชันซึ่งติดตั้งปืนใหญ่รอไว้แล้วมากมายหลายกระบอกจะกลายเป็นฝันร้ายของผู้ปิดล้อมอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งอาวุธต่อต้านอากาศยานไว้อีกเพียบ หากพวกมันจะบุกทางอากาศล่ะก็จะต้องร้องเอ๋ง ๆ กลับไปหาแม่ชัวร์!

อีกทั้งการอัปเกรดเมืองในครั้งนี้เขาจะสร้างโหลวเฉิงที่เปิดม่านพลังป้องกันได้ขึ้นมาด้วย ดังนั้นเมื่อมีมันอยู่ล่ะก็ภัยคุกคามจากบนท้องฟ้าก็จะยิ่งลดลงอีก

เตรียมการพร้อมซะขนาดนี้ถ้าเมืองเชิ่งหลงไม่กวาดล้างผู้ปิดล้อมจนราบคาบก็ต้องยอมรับว่าศัตรูมันเก่งจริง!

พวกพ่อค้าวานิชที่เฝ้าดูด้วยความตื่นเต้นนั้นไม่สามารถเห็นทุก ๆ กระบวนการได้ จะเห็นก็แค่เมื่องเชิ่งหลงวิ่งวุ่นกันอยู่พักหนึ่งแล้วทหารก็กลับกรมกอง

ในย่านที่อยู่อาศัยของเมือง มีผู้หญิงที่ดูธรรมดาสุด ๆ คนหนึ่งยืนอยู่ตรงมุมมุมหนึ่ง และเธอก็กำลังจ้องมองไปยังกองทหารติดอาวุธสงครามด้วยความตั้งใจ

หลังจากดูอยู่นานเธอก็ถอนหายใจเล็กน้อยแล้วหันหลังกลับ

แต่เธอไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตอนที่เธอเฝ้าดูกองทหารอยู่นั้นก็มีถังเจิ้นคอยเปิดมุมมองแผนที่เฝ้าดูเธออยู่เหมือนกัน

เขาเหลือบมองเธอเพียงเล็กน้อยและได้มีชุดข้อมูลส่วนตัวของเธอเด้งขึ้นมาให้อ่าน

ถังเจิ้นเห็นแล้วก็ส่ายหัวเบา ๆ แล้วจมลงสู่ห้วงลึกแห่งความคิด

ผู้หญิงคนนี้ซุ่มเงียบอยู่ในเมืองเชิ่งหลงมาก็ตั้งนานนม แต่จนถึงป่านนี้แล้วก็ยังไม่เคยเคลื่อนไหวอะไรใด ๆ เลย ไม่รู้ว่าวางแผนอะไรอยู่กันแน่

ใจนางยากแท้หยั่งถึงแท้น้อ!

ก็ว่าไปนั่น!

ถ้าถังเจิ้นเดาไม่ผิดล่ะก็อีกไม่นานเมื่อภัยพิบัติหานเยว่มาถึงเธอก็คงกระโดดโลดเต้นออกมาเองนั่นแหละ

และตอนนั้นก็จะเป็นตอนที่แผนการของเธอถูกเปิดเผย

ส่วนตอนนี้ก็... ปล่อยไปก่อน!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด