ตอนที่แล้วบทที่ 23 ตอน นายเป็นมนุษย์หรือผี?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 25 ตอน คนนอกผู้น่ารังเกียจ

บทที่ 24 ตอน ไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์


ขณะที่พูด หลินไห่ยกโทรศัพท์ขึ้น และด้วยแสงไฟจากโทรศัพท์ เขาเห็นใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีแดง มันมีผิวซีดเซียวเหมือนกระดาษ ตาแดงก่ำ รอยคล้ำหนา...

  แม้ว่ามันจะดูแปลก แต่จริงๆ แล้วมันเป็นใบหน้าของคนๆ หนึ่ง และเงาที่อยู่ข้างหลังคนๆ นี้ก็ยังปรากฏให้เห็นจากแสงไฟจางๆ ที่สาดส่องมา...

  หลินไห่ถอนหายใจอย่างโล่งอก มีเงา ไม่น่าจะเป็นผี...

   “คุณเป็นใคร? คุณมาที่นี่ทำไม?”

   มู่โหยวขมวดคิ้วและมองดูคนสองคนที่อยู่ตรงหน้า

   หนึ่งชั่วโมงที่แล้ว เขาลงจากรถแท็กซี่ในบล็อกที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งกิโลเมตร และหลังจากเปลี่ยนร่างเป็นผู้เฝ้าดู เขาก็พบโรงงานไม้

  โรงงานแห่งนี้มีพื้นที่กว้างพอสมควร มู่โหยวค้นหาไปรอบๆ โรงงานด้วยตะเกียงหัวฟักทอง และในที่สุดก็พบร่องรอยที่ต้องสงสัยว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากโลกดวงดาว จากนั้นเขาก็เดินตามรอยเท้าไปจนสุดก็พบสถานที่แห่งนี้

   เพียงแต่เขาไม่คาดคิดว่าจะมีคนเข้ามาที่นี่ก่อนเขา และก็ยังถือกล้องซึ่งดูเหมือนว่ากำลังจะถ่ายอะไรบางอย่างอยู่

   มู่โหยวไม่รู้ตัวตนของคนสองคนนี้ แต่เขาไม่ต้องการให้ใครบันทึกภาพเขาไว้ เขาจึงยิงธนูใส่พวกเขาทันที แน่นอนว่าเป้าหมายไม่ใช่พวกเขา แต่เป็นกล้องที่ถ่ายอยู่

   “นายก็มาที่นี่เพื่อสำรวจหาวิญญาณด้วยเหรอ?” หลินไห่มองมู่โหยวขึ้นลง และหลังจากยืนยันว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่ เขาก็ผ่อนคลายมากมากขึ้น

เมื่อหลินไห่นึกถึงฉากการกระทำอันเหลือเชื่อก่อนหน้านี้ เขาก็กลับมาดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง และเขาก็รีบย้ายตัวไปอยู่ข้างๆ มู่โหยว พร้อมกับทำท่าทีประจบประแจง “พี่ใหญ่ เมื่อกี้คุณทำอะไรกับมือนั้น? มันวิเศษมาก ช่วยสอนฉันหน่อยได้ไหม” นะๆ? จะจ่ายให้อย่างงาม พี่ใหญ่จะเอาเท่าไหร่?”

   มู่โหยวมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ “สำรวจหาวิญญาณ?”

   “นี่ไม่รู้เหรอ? ว่ามีเหตุการณ์เหนือธรรมชาติเกิดขึ้นที่โรงงานนี้เมื่อไม่กี่วันก่อน มีผีอยู่บนอาคาร และมีคนถ่ายรูปไว้ ดูสิ” เขาหยิบรูปถ่ายออกมาแสดงให้เขาดู

   มู่โหยวเหลือบมองรูปถ่ายแล้วก็ขมวดคิ้วด้วย

  มีคนถ่ายรูปบางอย่างได้และรอยเท้าที่เขาติดตามก็หายไปใกล้ๆ ด้วยดูเหมือนว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ต้องมีสิ่งมีชีวิตประหลาดซ่อนอยู่ในอาคารนี้แน่!

   “ทั้งสองคน รีบออกไปเถอะ ที่นี่ไม่ปลอดภัย อย่าอยู่ที่นี่นาน” มู่โหยวเก็บรูปถ่ายไว้ในกระเป๋า มองดูทั้งสองคนแล้วพูดอย่างจริงจัง

  เขากำลังจะไล่จับสิ่งมีชีวิตตัวนั้น แต่เขาไม่อยากให้ใครเห็น

   “ไม่ปลอดภัยเหรอ? หมายถึง... มีผีอยู่ที่นี่หรอ?” ดวงตาของหลินไห่เป็นประกายเมื่อเขาได้ยินคำพูดนั้น และจ้องมองไปที่มู่โหยว

“ฉันบอกไม่ได้ว่าเป็นผีหรือเปล่า แต่มันเป็นสิ่งที่อันตรายมากแน่นอน ฉันแค่ไล่ตามมันมาจนสุดทาง...” มู่โหยวเหลือบมองชายหนุ่มอย่างประหลาด เนื่องจากคนส่วนใหญ่จะกลัวเมื่อได้ยินสิ่งที่คล้ายผี แต่ทำไมคนพวกนี้ถึงดูตื่นเต้น?

   “นายเป็นนักพรตเต๋าจากเหมาซาน ลงมาปราบผีใช่ไหม?” หลินไห่ถามพร้อมกับมองดูมู่โหยวอย่างคาดหวัง และน้ำเสียงของเขาก็แสดงออกด้วยความเคารพนับถือด้วย

   มู่โหยวขมวดคิ้ว “ไม่ต้องสนใจว่าฉันเป็นใคร เอาล่ะ ถ้าคุณไม่อยากตาย คุณควรออกไปจากที่นี่ซะ!”

   ในขณะที่พูดเขาหนักนิ้วกร็อบ ราวกับขะข่มขู่

  ร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นนั้นเหนือกว่าคนทั่วไปมาก ประกอบกับความสูงปัจจุบันของเขาที่เกือบสองเมตร ทำให้การกระทำนี้ดูน่สกลัวขึ้นไปอีก

   เมื่อทั้งสองเห็นท่าทางของมู่โหยวที่พร้อมจะโจมตี พวกเขาก็กลัวเล็กน้อย

  ช่างภาพหนุ่มกลืนน้ำลาย “คุณชายหลิน ปล่อยให้การล่าผีเป็นหน้าที่ของเขาเถอะครับ เรารีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดดีกว่า สถานที่แห่งนี้มันน่ากลัวเกินไป …”

  จริงๆ แล้ว หลินไห่รู้สึกกลัวเล็กน้อย แต่หลังจากการไลฟ์สตรีมเป็นเวลานาน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับยอดฝีมือของจริง ดังนั้นเขาจึงไม่เต็มใจที่จะจากไปแบบนี้

  ทันใดนั้นหลินไห่ก็ลุกลี้ลุกลนนึกถึงบางสิ่งบางอย่างได้ และรีบพูดว่า “ท่านอาจารย์ ฉันก็อยากจะออกไป แต่เรายังมีอีกคนรออยู่ชั้นบน …”

   “มีคนขึ้นไปชั้นบนแล้วเหรอ?” มู่โหยวขมวดคิ้ว คนกลุ่มนี้อาจถูกฆ่าได้

“กรี้ดดด”

  ในขณะนี้ มีเสียงกรีดร้องจากชั้นบน ทำให้ยืนยันคำพูดของหลินไห่ จากนั้นแสงสีขาวก็แวบผ่านบันไดบนชั้นสามและหายไปทันที

  ทั้งหลินไห่และช่างภาพหนุ่มต่างตกตะลึง ใบหน้าของหลินไห่เปลี่ยนไป “ไม่นะ นี่มันเสียงร้องของเสี่ยวหลิว มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา!”

   แต่ในเวลานี้มู่โหยวได้หายไปแล้ว?

  ทันทีที่เสียงกรีดร้องดังออกมา เขาก็รีบวิ่งไปที่ตรงนั้นแล้ว

  บันไดชั้น 1 ของอาคารนี้ถูกปิดกั้นด้วยไม้กระดานและเศษซากซีเมนต์จำนวนมาก ทำให้ผ่านไปได้ยาก แต่มู่โหยวไม่ได้ตั้งใจจะขึ้นทางบันได

เขารีบวิ่งไปที่มุมอาคาร เดินตามท่อนซุงยาวสามถึงสี่เมตรที่ตั้งเฉียงไปตามขอบกำแพง ขึ้นไปบนนั้นไม่กี่ก้าว และหลังจากขึ้นไปถึงความสูงของชั้นสอง จากนั้นก็อาศัยแรงถีบเหวี่ยงตัวเองขึ้นไปจนร่างลอยขึ้นราวกับบินได้ และใช้มือข้างเดียวคว้าราวกั้นทางเดินบนชั้นสอง แล้วพลิกเข้าไปเบาๆ

  เขาเข้าร่วมชมรมปาร์กูร์ตอนที่เขาเรียนมหาวิทยาลัย เรียนรู้ท่าปาร์กูร์ และเมื่อรวมกับลักษณะทางกายภาพที่แข็งแกร่งขึ้น เขาก็ขึ้นมาจนสำเร็จ

  อย่างไรก็ตาม ในสายตาของคนธรรมดาสองคนที่อยู่ชั้นล่าง สิ่งนี้ดูเกินจริงไปมาก

   “เชี่ยยย!”

  หลินไห่ตะโกนอย่างตื่นเต้น “เหล่าเถี่ยนายเคยเห็นนักพรตเต๋าไหม! เขาเป็นนักพรตเต๋าจากเหมาซานแน่นอน... เอ๊ะ ทำไมไลฟ์สตรีมของฉันถึงหยุดกลางคัน?”

  หลินไห่ยังคงตื่นเต้นและในที่สุดก็พบปรมาจารย์ในตำนาน ตอนนี้เขากำลังจะสติแตก! เป็นผลให้เขามองลงไปที่โทรศัพท์มือถือของเขา แต่หน้าจอในห้องไลฟ์สตรีมกลับมืดสนิท และการเชื่อมต่อได้ถูกตัดไปแล้ว

   “เป็นไงบ้างถ่ายได้หรือเปล่า?” หลินไห่รีบมองไปที่ช่างภาพ

  ในเวลานี้ช่างภาพหนุ่มก็ตกตะลึงเช่นกัน เขายกกล้องขึ้นมองดู แต่กลับพบว่าตำแหน่งของเลนส์กล้องถูกยิงทะลุเป็นรูไปเเล้ว...

  …

   มู่โหยวกระโดดเข้าไปในทางเดินบนชั้นสอง ปรากฏว่าเมื่อมาถึงชั้น 2 กลับไม่มีใครอยู่ที่นี่ และเสียงกรีดร้องก็ดังมาจากด้านบน

  เขารีบขึ้นบันไดไปชั้นสาม

   แน่นอนว่าที่ด้านบนของบันไดบนชั้นสาม มีชายหนุ่มคนหนึ่งล้มลงกับพื้น ตาและปากเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดและแน่นิ่งไปแล้ว

   มู่โหยวเดินไปตรวจลมหายใจ

   บุคคลนี้ยังมีชีวิตอยู่และไม่เห็นบาดแผลบนร่างกาย แต่คงจะเป็นลมไปเพราะความหวาดกลัวเท่านั้น

   กล่าวอีกนัยหนึ่ง หลังจากที่สิ่งนั้นทำให้เขาตะลึง มันไม่ได้โจมตีเขา แต่กลับวิ่งหนีไป จากการสันนิษฐานเป็นไปได้ว่าสิ่งมีชีวิตนี้ไม่มีความดุร้ายแต่อย่างใด...

  มู่โหยวเดินออกจากบันไดแล้วเดินไปรอบๆ ไปที่ทางเดินบนชั้นสาม เพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิตประหลาดต่อไป

  ใครจะคิดว่าทันทีที่เขาเพิ่งเลี้ยวเข้ามุมมุม จู่ๆ เงาดำขนาดใหญ่ก็กระโจนออกมาจากขอบหน้าต่างของห้องแรกทางด้านซ้าย

  ด้วยความช่วยเหลือของแสงที่ฉายจากสวนสนุกในระยะไกล มู่โหยวจึงมองเห็นได้ชัดเจนว่าสิ่งที่โผล่ออกมาจากขอบหน้าต่างคือสัตว์ประหลาดที่มีใบหน้าสีฟ้าและเขี้ยวยาว!

   สัตว์ประหลาดตัวนี้สูงสองหรือสามเมตร มีผิวสีม่วงอมฟ้า มีรูปร่างอ้วนท้วน เกล็ดคล้ายปลามีหนามปกคลุม และปากที่มีเขี้ยวเปลือยดุร้าย ดวงตากลมโต และฟันแหลมคม

   “คุณกำลังทำอะไร?”

ทันทีที่เขาเห็นสัตว์ประหลาดตัวนี้ ในหัวของมู่โหยวก็เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม รอยเท้าที่เขาติดตามก่อนหน้านี้มีขนาดเท่าฝาขวดเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าสิ่งมีชีวิตนั้นมีขนาดเล็กมาก ขนาดประมาณเท่าแมวและสุนัขทั่วไป มันจะเป็นสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไร? มันดูไม่สมเหตุสมผลตามหลักทางวิทยาศาสตร์เลย!

  นอกจากนี้ อะไรคือรสนิยมของผู้วิเศษจากโลกอื่นที่จะเก็บสัตว์ประหลาดน่าเกลียดเช่นนี้ไว้เป็นสัตว์เลี้ยงในบ้าน?

  ความคิดเหล่านั้นแวบขึ้นมา และมู่โหยวก็ถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แต่ในไม่ช้าก็ชนราวกั้นทางเดิน และด้านนอกบนชั้นสามก็สูงเกือบสิบเมตร เขาไม่มีทางที่จะถอยกลับ

  สัตว์ประหลาดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้พุ่งมาข้างหน้าแล้ว กางกรงเล็บอันแหลมคมของมันเพื่อกั้นทางออกด้านซ้ายและขวา และเปิดปากอันน่าสยดสยองของมันเพื่อจะกลืนหัวของมู่โหยวในอึกเดียว จากนั้นก็กัดเขา

ท้ายบท ปาร์กูร์ เป็นการเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนด้วยวิธีที่เร็วที่สุดและมีประสิทธิภาพที่สุดโดยไม่มีอุปกรณ์ช่วยเหลือ ส่วนใหญ่ผู้เล่นจะเลือกบริเวณที่เป็นอาคารเก่าๆ ตึกสูง หรือสถานที่ที่เต็มไปด้วยสิ่งกีดขวาง

https://www.youtube.com/watch?v=gMHCokVNxzc

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด