ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 435 - พร้อมสู้ตาย!!!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 437 - รายชื่อและค่าหัว

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 436 - เริ่มเตรียมตัวสำหรับเทศกาลล่าสัตว์อสูร


“อ้าว! พวกศิษย์พี่ยังอยู่กันที่นี่อีกหรือ?” เดวิดอุทานออกมาอย่างแปลกใจที่เห็นกลุ่มของถังหลินทั้ง 3 คนยังคงยืนรออยู่เขาที่หน้าประตู

“ใช่! พวกเราต้องรออยู่ตามหน้าที่น่ะ พวกเราต้องรอจนกว่าผลการพิจารณาคดีจะเสร็จสิ้นลง ส่วนใหญ่ก็เพื่อรอส่งผู้ทำผิดไปรับการลงโทษ ไม่ได้มีผู้ที่ถูกเรียกมาไต่สวนมากนักหรอกที่จะเดินออกมาได้อย่างไร้ความผิดแบบศิษย์พี่เดวิด อันที่จริง! ผมนึกว่าจะต้องเป็นคนส่งศิษย์พี่ไปคุมขังที่คุกน้ำด้วยตัวเองเสียแล้ว! ศิษย์พี่นี่โชคดีไม่น้อยเลย” ถังหลินกล่าวออกด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่แววตายังเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขาสงสัยเป็นอย่างมากว่าด้านในเกิดอะไรขึ้น เสียงที่ดังโครมครามออกมาถึงภายนอกขนาดนั้น แต่เดวิดยังสามารถเดินยิ้มแย้มออกมาได้อย่างไร้ความผิดอีกอย่างนั้นหรือ?

“ใช่! จะว่าไปก็ต้องถือว่าผมโชคดีจริง ๆ นั่นแหละ แล้วก็ยังดีที่ข้อแก้ต่างนั้นมีเหตุผลและฟังขึ้น พอเถอะ! อย่ามัวมาพูดถึงเรื่องที่มันผ่านไปแล้วเลย” เดวิดพยักหน้ารับ ก่อนจะกล่าวถามออกมาต่อทันที

“ศิษย์พี่ถัง! ผมมีเรื่องข้องใจสงสัยอยู่เล็กน้อย หวังว่าศิษย์พี่จะช่วยอธิบายให้ความกระจ่างขึ้นมาได้ ไม่ทราบว่าจะเป็นการรบกวนเกินไปหรือไม่?”

ถังหลินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับออกมาอย่างรวดเร็ว “อา! ไม่มีปัญหา! ของแค่เป็นเรื่องที่ไม่ผิดกฎของทางสำนัก ผมยินดีที่จะอธิบายให้ฟังได้ทุกเรื่องเลย”

“เยี่ยมเลยครับ พอดีช่วงนี้ผมได้ยินคนพูดถึงเทศกาลล่าสัตว์อสูรบ่อยมาก ศิษย์พี่ช่วยเล่ารายละเอียดของมันให้ผมฟังหน่อยได้หรือไม่ ผมยังไม่แน่ใจเลยว่ามันพิเศษอย่างไร ทำไมทุกคนถึงได้ตื่นเต้นกับงานเทศกาลครั้งนี้เหลือเกิน” เดวิดถามออกไปตรง ๆ แน่นอน! เขาพอจะรู้เรื่องนี้อยู่คร่าว ๆ แล้ว ก็เป็นไปตามคำถามที่เพิ่งถามออกไป ข้อมูลที่ได้รับมามันก็แค่กิจกรรมแข่งกันล่าสัตว์ แต่ในเมื่อแม้แต่เจ้าสำนักยังกล่าวถึง นี่ต้องไม่ใช่ธรรมดาแบบที่คิดเอาไว้ทีแรกแน่นอน

ถังหลินได้ฟังคำถามก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจที่เดวิดถามถึงเรื่องนี้ออกมา เทศกาลล่าสัตว์อสูรเป็นสิ่งที่ศิษย์แทบทุกคนตั้งตารอ และต่างศึกษารายละเอียดและเตรียมตัวล่วงหน้ากันมาอย่างยาวนาน แต่หลังจากครุ่นคิดไปได้สักพัก เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นเพียงลูกศิษย์ใหม่ ไม่น่าแปลกใจที่จะไม่รู้ถึงรายละเอียดลึก ๆ และความสำคัญของงานเทศกาลครั้งนี้เลย

“เทศกาลล่าสัตว์อสูรก็เป็นไปตามชื่อของมันนั่นแหละ เพียงแต่ปีนี้จะมีความพิเศษเป็นอย่างยิ่ง มันครบกำหนด 500 ปีพอดี สำนักต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ในบริเวณรอบ ๆ นี้ร่วมมือกันจัดขึ้นเป็นพิเศษ พวกเขาจะส่งศิษย์ในสำนักเข้าร่วมในงานเทศกาลด้วย สำหรับสำนักซิกนิสของพวกเรา ศิษย์ที่จะมีโอกาสได้เข้าร่วมต้องอยู่ในอันดับ 1-500 เท่านั้น เหล่าศิษย์ทุกคนที่พอจะสามารถขยับอันดับของตัวเองขึ้นไปได้ จึงพยายามฝึกฝนและท้าทายแย่งตำแหน่งกันอย่างเต็มที่แบบที่เห็น

และเนื่องจากเป็นการจัดเทศกาลครั้งพิเศษ มีข่าวลือมาว่าสถานที่จัดการแข่งขันจะเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของยอดฝีมือในยุคโบราณ แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจนักว่ามันเป็นความจริงหรือไม่” ถังหลินกล่าวอธิบายออกมาอย่างยืดยาว ก่อนจะหยุดลงเพื่อหายใจเล็กน้อย

“ศิษย์พี่รู้หรือไม่ว่าทำไมศิษย์จำนวนมากถึงยอมกดระดับพลังของตัวเองเอาไว้ ไม่ยอมทะลวงขึ้นไปเป็นผู้ก่อปฐพี?” เขาถามกลับมาบ้าง

เดวิดส่ายหน้ากลับไปตามตรง แน่นอนว่าเขาสังเกตุได้ว่าลูกศิษย์ใน 500 อันดับแรกแทบทุกคนจะยังอยู่ในระดับผู้ก่อพลัง แต่ก็คิดเพียงว่าการยกระดับขึ้นไปเป็นผู้ก่อปฐพีน่าจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากเกินไปเท่านั้น ไม่ได้คิดว่าจะมีเบื้องหลังอะไรแอบแฝงอยู่เลย กลายเป็นว่าเดวิดคิดผิดไป ระดับความแข็งแกร่งเป็นเงื่อนไขในการเข้าร่วมเทศกาลล่าสัตว์อสูรอย่างนั้นด้วยหรือ?

“มันเป็นเพราะพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในข่าวลือ มีสนามพลังงานบางอย่างป้องกันอยู่ ถ้าผู้ที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าผู้ก่อพลังผ่านเข้าไป จะถูกแรงกดดันโจมตีอย่างหนักทันที และสนามพลังพวกนี้ร้ายกาจเป็นอย่างมาก มันไม่ใช่เพียงแค่ป้องกันเท่านั้น แต่มันยังสามารถฆ่าคนที่บุกรุกเข้าไปให้เสียชีวิตได้เลย” ถังหลินกล่าวต่อออกมาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมจริงจัง

เมื่อได้ฟังและวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด เดวิดก็เริ่มคิดแล้วว่าข่าวลือที่ถังหลินอ้างถึง น่าจะเป็นข่าวที่ปล่อยออกมาจากสำนักโดยเจตนามากกว่า ถ้านี่เป็นเทศกาลใหญ่ระดับ 500 ปีมีครั้ง ทางสำนักน่าจะไม่ปล่อยให้ลูกศิษย์เข้าร่วมโดยไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยแน่ และสำหรับเขาแล้ว เดวิดถือว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้มาฝึกฝนแลกเปลี่ยนในเวลานี้พอดี ไม่สิ! นี่อาจเป็นข้อตกลงที่ทำไว้ระหว่างศาสตราจารย์ใหญ่กับเจ้าสำนักแห่งนี้ล่วงหน้าแล้วก็ได้

“อืม? ผมเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีความสงสัยอยู่ ต่อให้เทศกาลล่าสัตว์อสูรที่รวมสำนักต่าง ๆ เข้ามาร่วมแข่งขันจะจัดขึ้นไม่บ่อยครั้งนัก และต่อให้คราวนี้เป็นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 500 ปี มันมีสาเหตุหรือผลตอบแทนอะไรที่ทำให้พวกลูกศิษย์ถึงได้ยอมเข้าไปเสี่ยงชีวิตของตัวเองด้วย ยิ่งเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงเท่าไร ไม่ใช่ว่าจะยิ่งมีอันตรายจากสัตว์อสูรมากยิ่งขึ้นเท่านั้นหรือ? แล้วยังเรื่องกันต่อสู้กันระหว่างศิษย์ของสำนักต่าง ๆ อีก คราวนี้น่าจะต้องมีคนตายจำนวนไม่น้อยแน่!” เดวิดถามออกไปด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น

“แน่นอน! ต้องมีผู้ที่พลาดท่าเสียชีวิตในเทศกาลครั้งนี้ไม่น้อยแน่ แต่ทุกคนก็พร้อมที่จะยอมรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นอย่างเต็มใจ ผู้ที่สามารถรอดชีวิตออกมาจากพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ได้ในแต่ละครั้ง พวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างมหาศาล ในนั้นมีทั้งสมบัติ และสมุนไพรที่ช่วยในการฝึกฝนและเสริมความแข็งแกร่งให้เก็บเกี่ยวมากมาย บางคนโชคดีได้รับอาวุธระดับตำนาน หรือทักษะการฝึกฝนขั้นสุดยอดออกมาด้วยซ้ำ ศิษย์พี่ไม่คิดว่ามันคุ้มค่าอย่างนั้นหรือ”

...........

หลังจากที่แยกจากกลุ่มของถังหลิน เดวิดก็มุ่งตรงกลับมาที่ห้องพักของตัวเองทันที ข้อมูลที่เพิ่งได้รับมา ทำให้แผนการฝึกฝนเอาไว้ต้องถูกนำมาทบทวนใหม่ทันที เวลาที่เหลือเพียงอีกแค่อาทิตย์เดียว ไม่น่าจะพอทำให้เขายกระดับตัวเองขึ้นไปเป็นผู้ก่อพลังขั้นสมบูรณ์ได้ บางทีการเลือกฝึกฝนทักษะการควบคุมดาบบินเพิ่มเติมน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

ถึงแม้ว่าเขาในตอนนี้จะสามารถจัดการกับผู้ก่อปฐพีได้ด้วยการกวัดแกว่งดาบยักษ์ แต่ถ้าวัดกันที่ความแข็งแกร่งและเข้มข้นของคลื่นสมอง เดวิดรู้ดีว่าตัวเองยังอ่อนด้อยกว่าศิษย์ระดับสูงอยู่ไม่น้อย วิธีที่จะลบความแตกต่างได้ดีที่สุดคือทักษะการต่อสู้ที่ทรงพลังและเชี่ยวชาญกว่าเท่านั้น เขาไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถเอาชนะศิษย์ที่อยู่ใน 50 อันดับแรกได้ในตอนนี้ ถ้าไม่ได้ใช้ดาบยักษ์ หรือใช้พลังพันธุกรรมออกไป

เดวิดจับตัวเจ้าฟลินท์น้อยขึ้นมาวางไว้บนตัก ก่อนจะลูบขนมันเล่นไปแบบไม่สนใจเสียงขู่คำราม ในหัวเริ่มคิดทบทวนทักษะการต่อสู้ทั้งหมดที่จดจำมาได้ ในตอนนี้เขาฝึกฝนทักษะจนบรรลุขั้นสมบูรณ์แบบได้ 3 ทักษะแล้ว แต่มีเพียงแค่ตัดสายฟ้าเท่านั้นที่เรียกได้ว่าเป็นทักษะระดับสูง คลื่นรวมศูนย์กับฝนดาวตกยังเป็นแค่ทักษะระดับกลางเท่านั้น เดวิดต้องการฝึกฝนทักษะระดับสูงอีกทักษะให้สำเร็จก่อนที่งานเทศกาลจะเริ่มต้น และนั่นไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากอะไรนักเลย

ในที่สุด! สายตาของเดวิดก็ทอประกายออกมา เขาพบชุดของทักษะที่น่าสนใจเข้าแล้ว ‘ดาบเหนือจิตนาการ’ มันเป็นทักษะการต่อสู้ระดับสูงที่เรียกได้ว่าทรงพลังเทียบเท่ากับทักษะระดับปฐพีเลยด้วยซ้ำ

ทักษะดาบเหนือจินตนาการประกอบไปด้วย 3 กระบวนท่า จะต้องฝึกฝนแยกกันจนเชี่ยวชาญถึงระดับสมบูรณ์แบบในแต่ละกระบวนท่าก่อน ซึ่งพวกมันก็ทรงพลังพอ ๆ กับทักษะระดับสูงอื่น ๆ แล้ว หลังจากนั้นก็จะเป็นส่วนที่ยากที่สุด ผสานการโจมตีทั้ง 3 กระบวนท่าเข้าด้วยกันให้ได้ ถ้าจะให้กล่าวออกมาอย่างชัดเจน มันเหมือนกับการฝึกทักษะ 3 ทักษะเสียมากกว่า นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้มันเทียบได้กับทักษะระดับปฐพี

และเมื่อตรวจสอบทบทวนวิธีการฝึกฝนทั้งหมดอยู่ในใจไปรอบหนึ่ง เดวิดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมผู้ฝึกฝนคลื่นสมองคนอื่นถึงต้องใช้เวลาเกือบชั่วชีวิตกว่าที่จะฝึกฝนทักษะระดับปฐพีได้ถึงขึ้นสมบูรณ์แบบ เพราะวิธีการฝึกฝนช่างยุ่งยากและซับซ้อนอย่างมากเหลือเกิน เขาเริ่มจะไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองจะฝึกได้สำเร็จภายในเวลา 1 อาทิตย์ อ้อ! หมายถึงสำเร็จขั้นสมบูรณ์แบบนะ!!

หลังจากวางแผนการฝึกฝนได้เป็นมั่นเหมาะแล้ว เดวิดก็เดินออกจากห้องพักมาอีกครั้ง เขายังมีเรื่องที่ต้องทำก่อนที่จะเก็บตัวฝึกฝน อย่างแรกคือย้ายห้องพักไปอยู่ใน 500 อันดับแรกให้ได้เสียก่อน แม้ว่าเดวิดจะเอาชนะฟงเทียนได้แล้ว แต่การที่พวกเขาเสียชีวิตลงไปทั้งกลุ่ม 7 คนแบบนั้น เขาไม่อาจเปิดเผยมันออกไปให้ใครรู้เรื่องได้เลย ส่วนอีกเรื่องที่น่าจะสำคัญยิ่งกว่า คือการหาอาหารเตรียมเอาไว้ให้กับเจ้าฟลินท์อย่างพอเพียง ไม่อย่างนั้นเดวิดคงต้องรำคาญและฝึกฝนอย่างไม่เป็นสุขแน่นอน....

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด