ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 419 - ได้เวลาพักผ่อน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุุ์ผสม บทที่ 421 - การต่อสู้ในฐานะผู้ใช้คลื่นสมองครั้งแรก

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 420 - ภารกิจคุ้มครองความปลอดภัย


ทันทีที่เดินพ้นออกมาจากหน้าประตูสำนัก สายลมที่เย็นสบายก็พัดโชยมาสัมผัสกับร่างกายของเดวิดอย่างนุ่มนวล มันทำให้เขาสงบร่มเย็นและรู้สึกถึงความเป็นอิสระขึ้นมาได้อย่างแปลกประหลาด

“หือ? ง่าย ๆ อย่างนี้เลยหรือ?”

เดวิดพึมพำออกมา สภาพบางอย่างที่คอยดึงรั้งการเต้นของหัวใจสลายลงไปแบบฉับพลัน นี่กลายเป็นการทะลวงผ่านสภาวะคอขวดที่ง่ายที่สุดของเขาไปแล้ว อัตราการหมุนเวียนเลือดที่หยุดชะงักอยู่ที่ 500 รอบต่อนาทีสามารถขยับสูงขึ้นไปได้อีก แต่จะไปสิ้นสุดที่เท่าไร เดวิดก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน

หลังจากที่สูดลมหายใจเอาอากาศอันแสนบริสุทธิ์เข้าไปในปอดจนพอใจ เขาก็หันหน้าไปยังตัวอาคารที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ไม่ไกลจากหน้าประตูสำนักมาก ก่อนที่จะเดินเข้าไปใช้ตราประจำตัวศิษย์ทั่วไปสแกนเพื่อรับพาหนะที่จะใช้ในการเดินทางครั้งนี้ออกมา ‘ม้าเกล็ดโลหิต’ ที่ดูสง่างามเป็นอย่างยิ่งตัวหนึ่ง

สถานที่เป้าหมายในการทำภารกิจของเดวิดอยู่ห่างจากสำนักออกไปไม่ถึง 100 กิโลเมตรเท่านั้น การเดินทางด้วยม้าเกล็ดโลหิตจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง พวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงที่สร้างขึ้นมาด้วยการตัดต่อทางพันธุกรรมเลียนแบบม้าเกล็ดโลหิตตัวจริง ทำให้ลดความดุร้ายตามธรรมชาติลงจนสามารถนำมาใช้เป็นพาหนะได้ แต่แน่นอน! ถ้าไม่มีคลื่นพิเศษที่ปล่อยออกมาจากตราประจำตัวลูกศิษย์ คนแปลกหน้าจะไม่สามารถขึ้นไปอยู่บนหลังของมันได้เลย

ความสามารถของม้าเกล็ดโลหิตตัวจริงที่เล่าลือติดต่อกันมา คือมันสามารถเดินทางได้รวดเร็วเป็นระยะทางหลายพันกิโลเมตรในแต่ละวัน สำหรับม้าที่สร้างขึ้นมาจากการตัดต่อพันธุกรรม จะยังไม่สามารถทำได้เต็มประสิทธิภาพขนาดนั้น แต่ก็ยังเดินทางได้วันละหลายร้อยกิโลเมตรเลยทีเดียว

เดวิดจูงม้าเกล็ดโลหิตที่มีขนาดสูงใหญ่มากกว่า 2 เมตรออกมา แปลกใจเล็กน้อยที่มันเชื่องและดูเป็นมิตรอย่างมากมาย เขาปีนขึ้นไปนั่งบนหลังมันอย่างนุ่มนวล ก่อนที่จะกระตุ้นให้มันเริ่มออกวิ่งไปอย่างช้า ๆ

................

“ท่านพ่อ! ลูกไม่เข้าใจว่าทำไมท่านพ่อถึงต้องทำให้เรื่องมันยุ่งยากด้วย ถ้าพวกเราเชิญลูกศิษย์ของสำนักที่ใกล้ที่สุดมาทำหน้าที่คุ้มกันการเดินทางในครั้งนี้ ป่านนี้ขบวนเดินทางหาสมุนไพรคงจะได้เริ่มออกเดินทางกันไปตั้งนานแล้ว คงไม่ต้องมาเสียเวลารออยู่แบบนี้เลย” เสียงของสาวน้อยคนหนึ่งดังถามขึ้นมา เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ค่อนข้างหรูหรา สายตากำลังจับจ้องมองออกไปที่ลานกว้างข้างคฤหาสน์ขนาดใหญ่ ที่ลานกว้างแห่งนั้นมีคนจำนวนหนึ่งกำลังยืนพูดคุย และเฝ้ารอเวลากันอยู่อย่างเงียบสงบ

ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ทางด้านข้างของสาวน้อยวางแก้วชาบนมือลงที่โต๊ะ ก่อนจะเอ่ยปากอย่างอ่อนโยน “ความคิดของเจ้ายังตื้นเขินเกินไปนัก พวกเราเป็นเพียงแค่ตระกูลที่ไม่ได้ใหญ่โตมีอำนาจอะไรมากมายนัก ที่ดันมาตั้งอยู่ในพื้นที่ตรงกลาง และรายล้อมไปด้วยสำนักใหญ่เล็กที่หลากหลาย ถ้าพวกเราเชื้อเชิญยอดฝีมือมาจากสำนักใดสำนักหนึ่งโดยเฉพาะ มันจะทำให้เหมือนกับว่าพวกเรานั้นเลือกฝักเลือกฝ่ายและมีอคติกับสำนักอื่นที่ไม่ได้เชื้อเชิญ ในระยะยาว การทำแบบนั้นจะไม่ส่งผลดีแน่”

เหตุผลของเขาทำให้หญิงสาวพยักหน้าลงอย่างพูดอะไรไม่ออก สายตาของเธอยังจับจ้องอยู่ที่กลุ่มคนที่อยู่ในชุดเครื่องแบบหลากสีสันในลานกว้าง ดูเหมือนว่าทั้งหมดจะเป็นลูกศิษย์ของไม่สำนักใดก็สำนักหนึ่งที่ตั้งอยู่ในรัศมีหลายร้อยกิโลเมตรรอบ ๆ คฤหาสน์แห่งนี้นี่เอง

เวลาผ่านไปอีกสักพัก มีลูกศิษย์ของสำนักต่าง ๆ ทยอยเดินทางเข้ามาเพิ่มอีก 4-5 คน จนเมื่อชายคนหนึ่งควบม้าเกล็ดโลหิตเข้ามาใกล้ สาวน้อยก็แววตาเป็นประกาย และลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ทันที

“ท่านพ่อ! ถ้าตามข้อมูลที่สำนักต่าง ๆ ส่งมา ดูเหมือนว่าลูกศิษย์ของพวกเขาที่ลงทะเบียนรับภารกิจของพวกเราจะมากันครบแล้วค่ะ!” ดวงตาคู่สวยของเธอกวาดมองไปยังกลุ่มคนเบื้องล่างอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวถามต่อ

“แล้วท่านพ่อคิดว่าสำนักไหนจะได้เป็นผู้คุ้มกันขบวนไปในครั้งนี้?”

ชายวัยกลางคนยักไหล่ เขาเองก็ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้แล้วเช่นกัน “โอ้! พ่อจะไปรู้ได้อย่างไร พ่อไม่ใช่ผู้ฝึกฝนเจ้าก็รู้ อ้อ! เวลาเจอพวกเขาก็อย่าตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้นล่ะ ความแข็งแกร่งของคนพวกนี้ไม่ได้ตัดสินกันได้ด้วยสายตาเลย” หลังจากกล่าวจบ เขาก็เดินลงบันไดไปด้านล่างทันที

...................

เดวิดชะลอฝีเท้าของม้าเกล็ดโลหิตลงเมื่อแน่ใจว่าตัวเองมาถึงเป้าหมายที่ระบุเอาไว้แล้ว แต่สายตาของเขามีความสับสนเล็กน้อยเมื่อเห็นคนจำนวนมากยืนรวมกลุ่มกันอยู่ที่ลานกว้าง และต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ในการทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า หลังจากที่กวาดสายตามองดูเครื่องแต่งกายของกลุ่มคนที่ยืนอยู่ เดวิดก็รู้แล้วว่าตัวเองไม่ได้มาผิดที่เลย

ตระกูลฉางแห่งนี้ไม่ได้ส่งภารกิจไปขอความชั่วเหลือจากสำนักเดียว และไม่ได้ต้องการผู้คุ้มกันคนเดียวอย่างที่เขาคิด มีผู้ฝึกฝนที่แต่งกายด้วยเครื่องแบบของสำนักต่าง ๆ ยืนรวมกันอยู่ในลานกว้างเกือบ 30 คน และมีอยู่ 2-3 คนที่มาจากสำนักซิกนิสเช่นเดียวกันกับเดวิด

หลังจากแน่ใจแล้ว เดวิดก็ค่อย ๆ ไสม้าไปยังคอกที่ตั้งอยู่ข้างลานกว้าง ผูกมันเข้าไว้กับเสาต้นหนึ่ง ก่อนที่จะเดินเข้าไปรวมกลุ่มอย่างไม่รีบร้อนนัก

“ฮ่าฮ่า! ดูเหมือนว่าจะมีเศษสวะมาเพิ่มอีกคนหนึ่งนะ” เสียงหัวเราะของใครคนหนึ่งดังขึ้น และทำให้กลุ่มคนที่แต่งกายเหมือนกับเขาอีก 5 คนพากันหันมองไปยังคนที่มาใหม่ พร้อมกับรอยยิ้มเยาะเย้ยและเสียงหัวเราะที่ดังตามออกมา

“หึ! เจ้าพวกไม่เจียมตัวเอ้ย! อยู่ดี ๆ ไม่ว่าดี ชอบพาตัวเองมาทำให้ขายหน้าอยู่ได้แบบไม่หยุดหย่อน” ชายอีกคนสบถเยาะเย้ยออกมา

“ฮ่าฮ่า! จะพูดอะไรกันให้มากความ ถ้ามีโอกาส พวกเราก็ลงมือสั่งสอนพวกมันให้รู้สำนึกไปเลยดีกว่า นาน ๆ จะได้อัดคนโดยไม่ต้องระมัดระวังกฎเกณฑ์ คราวนี้ฉันจะทำให้มันจำไปจนซึ้งใจเลย” อีกคนเริ่มบีบมือของตัวเองจนเสียงกระดูกลั่นเกรียวกราวออกมา สายตานั้นเต็มไปด้วยความดุร้ายและกระเหี้ยนกระหือรือ

เดวิดได้ยินทุกคำพูดของพวกเขา แต่ก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจอะไรนัก เพียงแค่พึมพำกับตัวเองเบา ๆ ‘เฮ้อ! ไม่ว่าจะโลกไหน ๆ ก็มีคนจำพวกชอบรวมกลุ่มกันรังแกคนอ่อนแออยู่เรื่อยไปสินะ!’ เขาส่ายหน้าอย่างสมเพชเบา ๆ ไม่ได้หันกลับไปมองตามเสียงเสียด้วยซ้ำ

“แก!!” เมื่อเห็นว่าเหยื่อของพวกเขาไม่มีทีท่าสนใจหรือหวาดกลัว สีหน้าของคนกลุ่มนั้นก็แดงขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรต่อไปมากกว่านั้น ชายวัยกลางคนก็เดินน้ำหน้าเด็กสาวคนหนึ่งเข้ามาที่พวกเขา และเอ่ยทักทายออกมาเสียก่อน

“ทุกท่าน! ผมชื่อฉางฟง ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู้เคหสถานอันต่ำต้อยแห่งนี้ หวังว่าทุกท่านคงจะไม่ได้ลำบากในการเดินทางมามากนัก” ชายวัยกลางคนก้มหัวลงเป็นการทักทายอย่างสุภาพ บนใบหน้านั้นมีรอยยิ้มที่จริงใจปรากฏอยู่

“พวกเราทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่ามารวมตัวกันที่นี่เพื่ออะไร? ผมคงจะไม่เอ่ยรายละเอียดอันน่าเบื่อให้มากความ แต่ทว่า ผมเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าภารกิจที่ขอความช่วยเหลือไป จะได้รับความสนใจมากมายถึงเพียงนี้ ทางเรามีความสามารถในการจ้างผู้คุ้มกันแค่ 5 ท่านเท่านั้น สำหรับการร่วมเดินทางไปกับขบวนเก็บสมุนไพร เพื่อป้องกันอันตรายจากสัตว์ร้าย หรือสิ่งไม่คาดฝันที่เกินกว่าคนธรรมดาจะรับไหว” สีหน้าของเขาเริ่มกลายเป็นจริงจังขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อพูดถึงจุดนี้

“ผมคงไม่มีสิทธิที่จำทำการคัดเลือกว่าใครจะเหมาะสมที่จะได้รับงานครั้งนี้ไป พวกท่านทั้ง 30 คนคงต้องตกลงและตัดสินกันเอาเอง และถ้าเป็นไปตามธรรมเนียมที่เคยปฏิบัติกันมา พื้นที่แห่งนี้ได้ถูกจัดเตรียมเอาไว้แล้ว ผู้ที่เหลืออยู่ในวงกลมนี้ 5 คนสุดท้าย จะเป็นผู้ที่ได้รับการว่าจ้างให้ทำภารกิจในครั้งนี้” หลังจากพูดจบ เขาก็รีบเดินนำลูกสาวถอยกลับเข้าไปยังตัวคฤหาสน์ทันที คนธรรมดาแบบเขาไม่คิดที่จะเสี่ยงอันตรายยืนดูอยู่ใกล้ ๆ ให้ถูกลูกหลงโดยไม่จำเป็นเลย

และทันทีที่ผู้ว่าจ้างก้าวเท้าพ้นออกจากลานกว้าง เหล่าผู้ฝึกตนที่รวมตัวกันอยู่ก็เริ่มกระจายตัวออกไปเต็มพื้นที่วงกลมที่วาดเอาไว้บนพื้นล่วงหน้าทันที อาวุธบินจำนวนมากมายลอยออกมาจากแขนเสื้อของพวกเขาทุกคนอย่างพร้อมเพียงกัน แน่นอน! มีดบินระดับต่ำของเดวิดก็ลอยออกมาจากแขนเสื้อของเขาแล้ว

การตกลงและตัดสินใจ!? มันเป็นแค่คำพูดที่ถูกใช้ให้ฟังดูดี ทุกอย่างจะถูกตัดสินด้วยการต่อสู้และความแข็งแกร่งเท่านั้น และเมื่อแต่ละคนไม่ได้อยู่ในสำนักของตัวเอง นั่นหมายถึงมันไม่มีกฎเกณฑ์อะไรมากีดกั้นการลงมือของพวกเขาเลย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด