ตอนที่แล้วบทที่ 111 : ประเภทภารกิจคุ้มกัน (1-1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 113 : ประเภทภารกิจ คุ้มกัน (2-1)

บทที่ 112 : ประเภทภารกิจ คุ้มกัน (1-2)


บทที่ 112 : ประเภทภารกิจ คุ้มกัน (1-2)

[ดันเจี้ยนหลัก ชั้นท้าทายปัจจุบันคือชั้น 15]

[ประตูจะเปิดใน 10 วินาที เตรียมตัวให้พร้อม!]

แสงค่อยๆ เข้มขึ้นตรงที่รอยแยกมิติของเวลา

และเมื่อแสงจางลง เราก็พบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย

ฉันมองไปรอบๆ

ท้องฟ้าแจ่มใส บ่งบอกว่าเป็นเวลากลางวัน

'ชั้น 15 ก็เป็นเมืองเหมือนกันสินะ'

ฉันสำรวจสภาพแวดล้อมอีกครั้ง คราวนี้ละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม เมืองในชั้นที่ 10 มีอาคารที่สร้างจากหินและมีซากปรักหักพัง แต่เมืองนี้เป็นระเบียบเรียบร้อย อาคารไม้หลายชั้นและถนนที่ได้รับการดูแลอย่าง และผังเมืองก็สวยงามดึงดูดสายตา

“เรื่องจริงเหรอเนี่ย?”

"ถ้างั้นเราต้องไปแล้ว!"

ชายชราสองคนเดินผ่านเราไป

และยังมีคนอื่นๆ อีกหลายคน ประชาชนในเมืองได้ดำเนินชีวิตประจำวันในที่ต่างๆ ของเมือง ผู้คนเจรจาต่อรองกับเจ้าของร้านที่ร้านขายผลไม้ เด็กๆ เล่นอยู่ในตรอก ผู้คนสัญจรไปมาเพื่อมุ่งสู่จุดหมายปลายทาง

อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้ดูเหมือนจะมองไม่เห็นเรา

พวกเขาเป็น NPC ที่มองไม่เห็นเรา

หญิงสูงอายุที่หลังค่อมสบตาฉัน

เธอก็เมินพวกเราและเดินไปที่ไหนสักแห่ง

'...'

บรรยากาศแตกต่างจากชั้น 10

ย้อนกลับไปตอนนั้น ฉันเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งต่างๆ ที่เจอตอนนี้กำลังแย่ลง คราวนี้ไม่มีลางสังหรณ์อะไรเกิดขึ้น ผู้คนก็ใช้ชีวิตประจำวันในเมืองอันเงียบสงบ

จากนั้นหน้าต่างภารกิจก็ปรากฏขึ้น

[ชั้น 15]

[ประเภทภารกิจ – คุ้มกัน]

[เป้าหมาย – ปกป้องใครบางคนที่ถูกกำหนดไว้]

เราสี่คนมุ่งความสนใจไปที่จุดเดียว

เรากำลังดูหน้าต่างวัตถุประสงค์

ไม่มีข้อความเตือน ไม่มีข้อความระบุสถานะ และจำนวนของศัตรู มีเพียงหน้าต่างวัตถุประสงค์เท่านั้นที่ถูกแสดงขึ้นมา ฉันเหลือบมองพลเมืองที่เดินผ่านไปมาแล้วพูดขึ้น

"พวกเรา รวมตัวได้เเล้ว"

ทั้งสี่เข้าเดินมาใกล้

ฉันพูดขึ้น

“อย่างที่พวกนายเห็น มันคือภารกิจคุ้มกัน เรามีเวลาไม่มากอย่างที่ฉันได้บอกไปแล้ว เราจำเป็นต้องค้นหาบุคคลที่กำหนดไว้ ฉันคิดว่าเขาคงจะตายในไม่ช้านี้”

“เราต้องปกป้องใคร? เราไม่เห็นสัตว์ประหลาดเลย มีแต่คนเท่านั้น”

เราควรปกป้องใคร?

แล้วเขาอยู่ที่ไหน?

นี่เป็นคำถามสำคัญของภารกิจนี้

“มีใครรู้เกี่ยวกับสถานที่นี้ไหม?”

“ผมรู้ครับ ผมเคยมาขายของที่นี่มาก่อน”

"จริงเหรอ?"

"ครับ เมืองนี้ชื่ออาดิท เป็นเมืองที่มีการค้าเฟื่องฟู ผมไม่รู้ว่าเรามาที่นี่ทำไม แต่…”

เสียงของอารอนหายไป

'ตามที่คาดไว้ ด่านสำหรับทำภารกิจอยู่ในทาวเนีย'

ฉันหลับตาลงแล้วพูดต่อ

“สถานที่พิเศษในเมืองนี้คืออะไร?”

“สถานที่ที่พิเศษเหรอครับ?”

“สถานที่สำคัญหรือสถานที่ทางประวัติศาสตร์หรืออะไรก็ได้ หากมีสถานที่สำคัญก็บอกให้รู้”

“ในใจกลางเมืองมีวิหารของเทพธิดา มีชื่อเสียงว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของนิกาย มันถูกเรียกว่าวิหารสีเงิน มันเป็นหนึ่งในวิหารที่งดงามที่สุดไม่กี่แห่งในทวีปนี้”

“อา วิหารสีเงิน! ฉันเคยได้ยินชื่อมันมาก่อน มันคงจะต้องใหญ่มากแน่ๆ”

“แล้วคนพวกนี้จะไปที่วิหารนั้นเหรอ?”

ประชาชนบนถนนส่วนใหญ่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียว

อารอนมองดูพวกเขาอย่างใกล้ชิดและทำท่าทางครุ่นคิด

“ดูเหมือนว่าจะเป็นแบบนั้นะครับ วิหารน่าจะกำลังจัดงานอะไรอยู่”

'คนๆ นั้นอาจจะอยู่ที่วิหารหรือเปล่า?'

“ไปกันเถอะ.”

"เราจะไปที่ไหน?"

“วิหารใจกลางเมือง”

ถ้ามีเวลามากกว่านี้ ก็คงจะรวบรวมข้อมูลได้ แต่ตอนนี้ถึงเวลาต้องย้ายที่แล้ว

ฉันก้าวไปข้างหน้าและสมาชิกปาร์ตี้ก็เดินตาม

ฉันเหลือบมองอีดิสที่กำลังเดินอยู่ข้างๆ ฉัน

“อีดิส เราจะไปที่วิหาร ฉันต้องการความช่วยเหลือจากเธอ”

"เข้าใจแล้ว"

อีดิสพุ่งเข้าไปในตรอกที่อยู่ติดกับถนนสายหลัก จากนั้นจึงเริ่มปีนกำแพง เธอเป็นคนที่คล่องแคล่วที่สุดในปาร์ตี้ และด้วยความสามารถพิเศษของเธอในการถือกริชและธนูในเวลาเดียวกัน เธอจึงเหมาะสมกับบทบาทนี้มาก เธอจะติดตามเราและให้ความช่วยเหลือในการรับข้อมูล

“มีคนเยอะมาก”

เจนน่าตั้งข้อสังเกต และมองดูคนเดินถนนที่ผ่านไปมา

เธอพูดถูก ขณะที่เรามุ่งหน้าไปยังวิหารใจกลางเมือง จำนวนผู้คนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ใบหน้าของประชาชนยังแสดงถึงความสุขอย่างมาก ฉันเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น

หลังจากนั้นประมาณสามนาที ก็มองโครงร่างของอาคารขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นไกลๆ

และเมื่อเราเดินต่อไปได้สักพัก ทิวทัศน์ก็เปลี่ยนไปทันที

จัตุรัสกว้างขวางปรากฏออกมา เต็มไปด้วยผู้คนทุกวัยและทุกเพศทุกวัย ประชากรทั้งหมดของเมืองดูเหมือนจะมารวมตัวกันที่นี่

ที่ทางเข้าจัตุรัส ทหารสองคนกำลังทำการตรวจสอบ ทหารสวมชุดเกราะอันวิจิตรวิจิตรเป็นประกายสีเงินและถูกสลักรูปไม้กางเขนไว้ที่หมวก

อารอนบ่นอุบอิบ

“ทหารจากวิหาร”

ทหารที่หน้าหน้าเข้าวิหารหันมามองมาที่เรา

ขณะที่ฉันเดินเข้าไปใกล้พวกเขา พวกเขาก็เอื้อมมือไปคว้าด้ามดาบที่เอว

"หยุด นายเข้าไม่ได้…”

ฉันคว้าหัวทหารคนนั้นดึงเข้ามาหาฉัน และใช้เข่าของฉันเข้าแขงเข้าไปที่จมูกของเขา

เสียงกระดูกหักพร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็น ทหารล้มลงโดยไม่มีเสียงร้องใดๆ

“ทำไมนายแบบนี้…!?”

ทหารที่อยู่ข้างๆ เขาพยายามเป่าแตรที่ห้อยอยู่ที่ตัวของเขา

ฉันฟาดไปใบหน้าเขาด้วยโล่ จากนั้นก็คว้าหัวของเขามาแล้วกระแทกเข้ากับผนัง

ตุ๊บ! ตุ๊บ! ตุ๊บ!

ฉันกระแทกหัวเข้าไปสามครั้งก่อนที่จะปล่อยเขา และทหารก็ทรุดลงไปพร้อมกับส่งเสียงร้องครวญคราง

“พี่ ทำไมจู่ๆ ถึง…”

“นยยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”

ฉันเอาเท้าเขี่ยสีข้างของทหารคนนั้น

“ไอ้สารเลวพวกนี้มันมองเห็นพวกเราได้”

นั่นหมายความว่า...

“พวกมันเป็นศัตรู”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด