ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 415 - เริ่มน่าสนใจมากยิ่งขึ้น!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 417 - วาโยหมุนวน!

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 416 - เริ่มฝึกฝนทักษะ


เดวิดยืนมองผลการต่อสู้ด้วยนัยน์ตาที่เป็นประกาย ความแตกต่างกันของพลังโจมตีของทักษะขั้นแรกและขั้นที่ 2 นั้นปรากฏชัดอยู่ในสายตา การฝึกทักษะขั้นแรกจนสำเร็จ มันเป็นเหมือนแค่การเปิดประตูให้ผู้ฝึกฝนสามารถใช้ทักษะออกมาได้เท่านั้น ไม่ได้หมายถึงว่าเขาหรือเธอผู้นั้นจะเชี่ยวชาญช่ำชองจนระเบิดศักยภาพของทักษะออกมาจนถึงขีดสุด

การขยับร่างกาย ขยับนิ้วเปลี่ยนแปลงรูปร่าง และการหมุนเวียนคลื่นสมองได้ถูกต้อง คือปัจจัยหลักที่จะทำให้สามารถบรรลุขั้นแรกของทักษะ การจะยกระดับให้เชี่ยวชาญเพิ่มขึ้นคือต้องเพิ่มความเร็วและความแม่นยำของการหมุนเวียนคลื่นสมอง ซึ่งมันต้องอาศัยความแข็งแกร่งและความเข้มข้นที่สูงกว่าระดับแรกอย่างมหาศาลเลยทีเดียว

มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ต้วนหมิงอันจะเอาชนะจ้าวเจี่ยได้ ประสิทธิภาพการเปลี่ยนคลื่นสมองให้กลายเป็นพลังทำลายล้างนั้นเทียบกันไม่ติดเลยแม้แต่นิดเดียว

แน่นอน! สภาพของต้วนหมิงอันในตอนนี้ไม่ได้ปลอดโปร่งโล่งสบายอะไรมากนัก ใบหน้าของเขานั้นซีดเผือด ที่มุมปากมีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย ยิ่งทักษะสมบูรณ์มากขึ้นเท่าไร อัตราการใช้คลื่นสมองก็จะพุ่งสูงขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ ถ้าจ้าวเจี่ยป้องกันหรือหลบการโจมตีครั้งนี้ออกไปได้ ต้วนหมิงอันก็ไม่เหลือพลังที่จะใช้ทำการต่อสู้ต่อไปอีกเลย

“เป็นยังไง? รู้ซึ้งถึงความแตกต่างระหว่างสวะอย่างแกกับฉันแล้วหรือยัง?” แม้ว่าจะอ่อนแรงลงไปไม่น้อย แต่น้ำเสียงที่เขาใช้ออกมายังเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส ดวงตาที่เต็มไปด้วยการเหยียดหยามจ้องมองอยู่ที่คู่ต่อที่ดิ้นรนพยายามลุกขึ้นมาจากพื้นเขม็ง

“จำใส่หัวของแกเอาไว้ อย่าได้คิดที่จะเข้าไปใกล้ชิดกับเสวียหมิงเออร์อีก เพราะคราวต่อไปฉันจะไม่ใจดีแบบนี้แน่ สวะอย่างแกควรจะซุกหัวอยู่ในรูอย่างเจียมตัวให้ดีที่สุด อย่าได้คิดเสนอหน้าออกมาอีกเลย” เมื่อกล่าวจบ ต้วนหมิงอันก็สะบัดแขนเสื้ออย่างไว้ท่า และหันหลังเพื่อจะเดินกลับออกไปทันที

จ้าวเจี่ย!? เขากระอักเลือดคำโตออกมาจากปากอีกครั้ง ก่อนที่จะทรุดตัวลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นทำให้หมดสติลงไปในที่สุด

“เป็นไปตามที่คาด! ศิษย์พี่ต้วนหมิงอันเป็นฝ่ายที่แข็งแกร่งกว่าจริง ๆ พรสวรรค์ของเขา พวกเราไม่สามารถเทียบได้เลย”

“อีกไม่นานจะมีเทศกาลการล่าของสำนักแล้ว ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ ผลงานที่ออกมาคงจะยอดเยี่ยมแน่นอน ดีไม่ดี! ศิษย์พี่ต้วนอาจจะได้รับการเลื่อนระดับไปเป็นศิษย์หลักเลยก็ได้นะ” เสียงพึมพำสรรเสริญเยินยอดังออกมาจากเหล่าศิษย์ที่เริ่มเดินหันหลังออกไปจากจัตุรัสอย่างไม่ขาดสาย

“ถ้ามันจะเป็นอย่างนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรนี่! ด้วยการสนับสนุนจากตระกูล ถ้าเขาจะได้รับเลือกให้เป็นศิษย์หลักก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจอะไร” เสียงเห็นด้วยดังออกมาไม่หยุด

เสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการต่อสู้ก็ดังขึ้นอย่างอื้ออึงเช่นกัน แต่น่าแปลกใจ! ไม่มีลูกศิษย์คนไหนขยับตัวเข้าไปดูแลหรือตรวจสอบอาการของจ้าวเจี่ยเลย ปล่อยให้เขานอนจมกองเลือดอยู่ที่ข้างเวทีประลองอย่างเดียวดาย

เดวิดที่ยืนนิ่งอยู่กับที่เพื่อทบทวนสิ่งที่ตัวเองเห็นเพื่อทำความเข้าใจให้ชัดเจนมากขึ้น ลืมตาและระบายลมหายใจยาวออกมาในที่สุด เขาส่ายหน้าเบา ๆ เมื่อนึกเปรียบเทียบพลังทำลายของต้วนหมิงอันกับพลังป้องกันของตัวเอง แม้ว่าในสภาพปัจจุบัน การโจมตีแบบนั้นจะไม่สามารถระคายผิวของเขาได้ แต่ถ้าย้อนกลับไปตอนที่เป็นสไปรเยอร์ แม้แต่เดวิดเองก็คงเกือบตายอย่างแน่นอน

ตอนที่เขาหมุนตัวเพื่อจะรีบกลับห้องพักไปฝึกฝน ที่หางตาก็เหลือบไปเห็นจ้าวเจี่ยนอนนิ่งอยู่ด้วยสภาพเลือดออกท่วมกาย เดวิดขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาทันที ในฐานะของผู้ที่ฝึกฝนร่างกายจนหัวใจเต้นรุนแรงกว่าคนปกติหลายเท่าตัว ปริมาณเลือดที่เห็นในตอนนี้ทำให้เขาเป็นกังวลใจ และขยับตัวเข้าไปยังร่างที่นอนหมดสติอยู่นั้นตามสัญชาตญาณ ก่อนที่จะยกร่างนั้นขึ้นมาจากพื้นเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องพยาบาลทันที

สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ในสายตาของต้วนหมิงอันโดยตลอด สีหน้าของเขากลายเป็นบิดเบี้ยวด้วยความโทสะที่พุ่งสูงขึ้นมาทันที การที่ลูกศิษย์คนอื่นยังไม่เข้าไปช่วยเหลือจ้าวเจี่ยในตอนนี้ แต่รอให้เขาเดินออกจากจัตุรัสก่อน มันเป็นธรรมเนียมของสำนักแห่งนี้ มันเป็นการให้เกียรติแก่ผู้ที่ชนะในการประลอง และเป็นเหมือนบทลงโทษที่ผู้พ่ายแพ้จะต้องได้รับด้วย

แต่สภาพร่างกายของต้วนหมิงอันในตอนนี้ ไม่เอื้ออำนวยให้ระเบิดโทสะอะไรออกมา เขาทำได้แค่จดจำหน้าตาและรูปร่างของเดวิดเอาไว้ในใจ ก่อนที่จะแค่นเสียงอยู่ในลำคอและเดินหายไปตามทางของตน

........

หลังจากที่ส่งจ้าวเจี่ยถึงห้องพยาบาลแล้ว เดวิดก็ยกมือขึ้นเขกตัวตัวเองแบบเพิ่งนึกขึ้นได้ เขาเพิ่งสร้างศัตรูขึ้นมาโดยไม่จำเป็นอีกคนหนึ่งแล้ว ลูกศิษย์ของสำนักแห่งนี้ไม่ได้มีอัตราการเต้นหัวใจเหนือไปกว่าคนธรรมดา พวกเขาจะไม่เสียชีวิตด้วยอาการเสียเลือดอย่างรวดเร็วเหมือนกับที่เดวิดเป็นกังวลเลย

แต่มันก็ทำอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้แล้ว เขารู้ธรรมเนียมของการประลองระหว่างศิษย์ของสำนักแห่งนี้อยู่บ้าง และรู้ดีว่าตัวเองเพิ่งพาตัวเองเข้าไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่นอีกครั้ง แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว เดวิดก็ได้แต่สายหน้าพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะรีบมุ่งหน้ากลับไปที่ห้องพักทันที ความต้องการทดลองฝึกฝนทักษะมันกำลังอัดแน่นอยู่ในอกจนแทบจะระเบิดออกมาแล้ว

เมื่อกลับเข้ามานั่งอยู่ในห้องพักเล็ก ๆ ของตัวเองได้ เดวิดก็รีบทบทวนแผนการที่วางเอาไว้ในหัวทันที ทักษะการฝึกฝนทั้ง 4 ทักษะที่เขาสนใจ ดูเหมือนว่าอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนบ้างเล็กน้อย ‘คลื่นรวมศูนย์’ ‘ตัดสายฟ้า’ และ ‘วาโยหมุนวน’ ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เดวิดไม่คิดว่า ‘หมัดดาวตก’ จะเป็นทักษะที่เขาควรจะฝึกฝนในตอนนี้

การต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกคลื่นสมองคือการต่อสู้ระยะกลาง และระยะไกล การควบคุมดาบบินเพื่อป้องกันตัวของพวกเขารวดเร็วและว่องไวเป็นอย่างมาก มันแทบจะไม่มีโอกาสที่ศัตรูจะพาตัวเองเข้าไปต่อสู้ในระยะประชิดได้เลย ทั้งทักษะคลื่นรวมศูนย์ และทักษะตัดสายฟ้ามุ่งเน้นไปที่การโจมตีที่รุนแรง เดวิดต้องการทักษะที่จะเอาไว้ใช้ป้องกันตัวและโจมตีได้อย่างคล่องแคล่วมากกว่า 2 ทักษะนี้ และหลังจากที่นั่งนึกทบทวนความทรงจำของตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตัดสินใจว่าจะฝึกฝนทักษะ ‘ฝนดาวตก’ ซึ่งเป็นทักษะระดับกลางที่เหมาะสมกับการต่อสู้กับศัตรูจำนวนมากแทน

“เอาล่ะ! สรุปทักษะที่จะฝึกฝนได้แล้ว แต่ฉันควรจะเริ่มจากทักษะไหนก่อนดี? มันยังไม่ควรจะเป็นตัดสายฟ้า เพราะน่าจะเป็นทักษะที่ฝึกฝนได้ยากที่สุด วาโยหมุนวนก็เป็นการฝึกสมาธิ ที่ฉันต้องการคือทดลองควบคุมมีดบิน ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มฝึก ‘คลื่นรวมศูนย์’ ก่อนก็แล้วกัน เสร็จแล้วค่อยย้อนกลับมาฝึกวาโยหมุนวนต่อ” เดวิดพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนที่จะนั่งสมาธิหลับตาทบทวนขั้นตอนการฝึกฝนทักษะคลื่นรวมศูนย์ที่อยู่ในหัวตัวเองอย่างละเอียดอีกครั้ง

หลังจากที่ลมหายใจของเขาเริ่มสงบและสม่ำเสมอมากขึ้น มีดบินประจำตัวก็พุ่งจากช่องเก็บที่แขนเสื้อมาลอยอยู่ตรงหน้า มือทั้ง 2 ข้างของเดวิดถูกยกขึ้นมาประสานกันเอาไว้ และเริ่มกระตุ้นหมุนเวียนคลื่นสมองให้หลั่งไหลออกมาจากศีรษะ พยายามชักนำมันไปจนทั่วร่างกาย ก่อนที่จะส่งมันเข้ามารวมกันไว้ที่มือของตัวเองในท้ายที่สุด

นิ้วทั้ง 10 นิ้วของเดวิดเริ่มขยับเป็นท่าทางต่าง ๆ ที่ระบุเอาไว้ในเนื้อหาของคู่มือ เขาเปรียบเทียบมันกับการขยับมือของทั้งต้วนหมิงอันและจ้าวเจี่ยที่เพิ่งเห็นมาจากการประลองเมื่อสักครูนี้ทุกขั้นตอน รวมถึงพยายามบังคับให้คลื่นสมองหมุนวนเคลื่อนไหวให้ตรงกับที่ระบุเอาไว้ให้ได้มากที่สุด

“ไป!” เดวิดตวาดออกมาเบา ๆ พร้อมกับสายตาที่จ้องเขม็งไปยังผนังห้อง นิ้วชี้และนิ้วกลางประกบกันเป็นรูปดาบสะบัดฟาดชี้ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

มีดบินสั่นเทิ้มตอบสนองขึ้นมาในเสี้ยววินาที แสงสีแดงทอประกายออกมาจากใบมีดอย่างเข้มข้น แต่! มันไม่ขยับออกจากตำแหน่งเดิมแม้แต่นิ้วเดียว

“ยากกว่าที่คิดแฮะ! อืม? มันผิดพลาดตรงไหน?” เดวิดพึมพำออกมา พร้อมกับนึกทบทวนขั้นตอนต่าง ๆ ซ้ำอีกครั้ง ก่อนที่จะหลับตาลง และเริ่มขยับนิ้วให้เป็นรูปร่างต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว

หวือ! แกร็ก!

สำเร็จ! อย่างน้อย ๆ คราวนี้มีดบินก็พุ่งเข้าหาผนังห้องตามคำสั่งของเดวิดแล้ว แม้ว่าความเร็วจะต่ำและไร้ซึ่งอำนาจทะลุทะลวงเลยก็ตาม

“อื้อ! จังหวะของการกระตุ้นคลื่นสมองต้องแม่นยำกว่านี้ ส่วนนิ้ว! มันเคลื่อนไหวได้ถูกต้องเกือบสมบูรณ์แล้ว” ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้เดวิดเสียกำลังใจเลย แม้ว่าเขาจะควบคุมร่างกายได้อย่างแม่นยำ แต่การควบคุมคลื่นสมองนั้นยังเป็นสิ่งใหม่ มันต้องใช้เวลาในการสะสมประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ

เวลา 3 วันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดประตูห้องพักของเดวิดก็ถูกเปิดออก หลังจากที่คร่ำเคร่งฝึกฝนอย่างแทบจะไม่ได้พักผ่อนมาอย่างต่อเนื่อง เขาก็ตัดสินใจที่จะออกมาสูดอากาศและหาอาหารใส่ท้องของตัวเองบ้างแล้ว ส่วนความก้าวหน้าในการฝึกฝน ถ้าดูจากรอยยิ้มกว้างที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า คาดว่ามันคงจะไม่ต่ำต้อยอย่างแน่นอน...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด