ตอนที่แล้วบทที่ 108 : พิธีรายงานตัว (1-2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 110 : พิธีรายงานตัว (2-2)

บทที่ 109 : พิธีรายงานตัว (2-1)


บทที่ 109 : พิธีรายงานตัว (2-1)

[ปาร์ตี้ที่ 1 มารวมกันที่จัตุรัสสสสส!] เสียงตะโกนของ ไอเซลล์ดังกึกก้อง

ฉันลุกจากที่นั่ง เอกสารเกี่ยวกับ “พิกมีอัพ” กระจายอยู่ทั่วโต๊ะในห้อง หลังจากรวบรวมกระดาษพวกนั้นและเก็บมันไว้ในลิ้นชักใต้โต๊ะ ฉันก็ล็อคมันไว้

ขณะที่ฉันก้าวออกไปที่จัตุรัส มีคนสี่คนมารวมตัวกัน เจนน่า อารอน ออลก้า และแม้แต่อีดิสที่เป็นสมาชิกชั่วคราวเองก็ด้วย

ที่รอยแยกของมิติและเวลานั้น กลุ่มปาร์ตี้ที่ตอนนี้มีสมาชิกเหลืออยู่สามคนก็ปรากฏตัวขึ้นหลังจากเพิ่งเสร็จสิ้นการต่อสู้ เป็นก่อนหน้านี้มีสมาชิกห้าคนซึ่งประกอบด้วยฮีโร่ระดับ 1 ดาวที่มีแนวโน้มว่าจะมีทักษะที่ดีและพัฒนาขึ้นได้ในอนาคต ตอนนี้กลับมีเพียงสามคนเท่านั้นที่กลับออกมา

ทั้งสามเดินผ่านเราไปด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ราวกับรูปปั้นปูนปลาสเตอร์

“วันนี้เราจะขึ้นชั้น 11 อีกครั้งเหรอ?” เจนน่าพร้อมยกคันธนุขึ้นพาดหลังพร้อมกับถามออกมา

“น่าจะชั้น 12 เราใช้เวลาอยู่บนชั้น 11 มามากพอแล้ว ประสิทธิภาพของประสบการณ์ลดลง และถึงเวลาที่ต้องก้าวไปสู่ขั้นต่อไป”

[จงเปิดออกรอยแยกของมิติและเวลา!]   เสียงเอี๊ยดดังสนั่นประตูหน้าจัตุรัสเปิดออก ทั้งสามคนเดินเข้าไปข้างใน และขณะที่อีดิสและฉันกำลังจะตามไป

เธอก็คว้าแขนเสื้อของฉันแล้วกระซิบ “นายจะไม่พูดอะไรเลยเหรอ?”

"เธอหมายความว่ายังไง?"

“ที่เราต้องต่อสู้กับมนุษย์จริงๆ ไง”

“พวกเราไม่ใช่เด็กแล้ว ไม่จำเป็นต้องอธิบายทุกอย่าง” ฉันตอบแล้วเดินเข้าไปข้างใน

หลังจากที่อีดิสถอนหายใจและเข้าไป ประตูก็ปิดลงทันที

กระจกทางด้านซ้ายสว่างขึ้นและมีข้อความปรากฏขึ้น [ดันเจี้ยนหลัก ชั้นปัจจุบันคือชั้น 12]

[ประตูจะเปิดภายใน 10 วินาที เตรียมตัวให้พร้อม!]

อีดิสพูดด้วยเสียงต่ำ “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แค่ต้องทำสิ่งที่ต้องทำ”

“ฉันรู้”

“ถ้ารู้แล้วก็ดี ทำให้ดีกว่าเดิมก็แล้วกัน” เจนน่ากระพริบตาด้วยสีหน้างุนงง อารอนหันไปหาอีดิส

“สัตว์ประหลาดบนชั้นที่ 12 แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”

“พวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งเกินไปหรอก แต่นายจะรู้เองเมื่อเราไปถึงที่นั่น” ดวงตาของอีดิสเย็นชา

ชริ้ง

ฉันชักดาบออกมาจากฝัก เสียงโลหะที่เสียดสีกันดังขึ้นบาดหูของฉัน ดาบยาวประกายแสงอันน่าสยดสยอง ฉันปีนหอคอยเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ แสงสว่างปกคลุมไปทั่วบริเวณ และฉันก็พบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย

[ชั้นที่ 12]

[ประเภทภารกิจ – การปราบปราม]

[วัตถุประสงค์ – ทำลายล้าง!]

ที่นี้มันดูเหมือนเมือง ถนนปูด้วยอิฐทอดยาวระหว่างอาคาร แต่ถนนหนทางกลับกลายเป็นที่รกร้าง ใบไม้ถูกลมพัดและปลิวไปไกล

“ภารกิจปราบปราม แล้วศัตรูอยู่ที่ไหน?” เจนน่าหยับลูกธนูออกมาด้วยความมั่นใจและมีสายตาที่แน่วแน่

นี่คือผลของการวิจัยการตอบสนองของฮีโร่ ตอนนี้ฮีโร่คนอื่นๆ สามารถเห็นวัตถุประสงค์ของภารกิจที่แสดงเป็นข้อความระบบได้แล้ว

[ทหารมนุษย์ Lv.11 X 13]

“มนุษย์… ทหารมนุษย์?” เจนน่าเอียงศีรษะของเธออย่างสงสัย

“พวกคุณเป็นใคร?” เสียงของชายคนหนึ่งดังมาจากอีกด้านหนึ่ง ฉันหันสายตาไปทางนั้น ฝั่งตรงข้ามถนน มีทหารติดอาวุธเจ็ดนายกำลังมองมาทางเรา พวกเขาสวมชุดเกราะและหมวกเกราะ พวกนั้นเล็งหอกมาที่เรา

'พวกเขาสามารถเห็นเราได้'   แตกต่างจาก NPC ทั่วไป แต่แน่นอนว่าตอนนี้พวกเราเป็นศัตรูกัน ฉันจึงดึงโล่ของฉันออกมา

อารอนเดินเข้ามาหาฉัน “พี่ครับ พวกเขาไม่ใช่สัตว์ประหลาด พวกเขาเป็นแค่มนุษย์ใช่ไหม?”

“หมายความว่าจะไม่สู้งั้นเหรอ?”

“ไม่นะครับ ผมแค่คิดว่าพวกเราควรจะคุยกับพวกเขาก่อน” ฉันหันหลังกลับไปมอง พวกเขาทั้งสามมีสีหน้างุนงง ออลก้าตัวแข็งทื่อพอได้สติกลับคืนมา เธอก็พูดว่า

"ฉันเห็นด้วย เราควรหาข้อมูลของที่นี่จากพวกเขาให้ได้มากที่สุดก่อน เราอาจจะผ่านไปได้โดยไม่ต้องต่อสู้ก็ได้”

“พวกนายไม่อยากสู้เหรอ?”

“ฉะ ฉันแค่หวังว่าเราจะหลีกเลี่ยงการหลั่งเลือดได้โดยไม่จำเป็น”

"แล้วเธอล่ะ เจนน่า?"

“อา ก็…”   เจนน่าเกาหัว อีดิสยืนอยู่ห่างไกลจากเรา ดวงตาของเธอปิดลงราวกับว่าเธอไม่สนใจ

“พี่ครับ…” ดวงตาของอารอนสั่นไหว นั้นหมายความว่า 'เขาไม่อยากสู้' ฉันอาจจะบังคับให้พวกเขาเชื่อฟังได้ แต่เมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า มันคงไม่ใช่แนวทางที่ดี ดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องเห็นมันด้วยตัวเอง

“ถ้าอย่างนั้น ก็ลองดู”

"ครับพี่ งั้นผมจะลองคุยกับพวกเขาก่อน” อารอนเดินไปที่ถนน เมื่อเขาไปถึงกลางถนนอารอนก็ตะโกน

“ผมอารอน ผมอยากจะคุยกับพวกคุณน่ะครับ!” อารอนหยุดอยู่กลางถนน ชายที่ดูเหมือนเป็นผู้นำก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า

“เราเองก็เหมือนกัน! เราถูกลากมายังสถานที่ประหลาดๆ โดยไม่รู้เหตุผลเลย”

"หมายความว่ายังไงนะครับ?"

“มันซับซ้อนมากจนยากที่จะอธิบาย เข้ามาใกล้ๆ สิเราจะได้คุยกันง่ายขึ้น ไม่ต้องกังวลพวกเราจะไม่ทำร้ายนายแน่  เราแค่อยากกลับไป เราไม่สามารถออกไปได้เพราะมีสิ่งกีดขวางแปลกๆ อยู่”

“ได้ครับ งั้นผมจะเดินเข้าไปแล้วนะ”

“วางอาวุธลงก่อนที่จะเดินเข้ามาสิ สหายของฉันเป็นพวกที่ค่อนข้างจะระมัดระวัง” อารอนลังเล แต่ก็วางหอกลง

ฉันจึงพูดว่า "หยุด"

"ครับ?"

“นี่นายงี่เง่าเหรอ? จะทำตามที่พวกนั้นมันพูดทุกอย่างเลยหรือยังไง?” ฉันตะโกนกลับไปหาพวกนั้น

“พวกนายนั้นแหละเดินมาทางนี้ด้วย….จากนั้นวางอาวุธลง พวกเราก็ค่อนข้างที่จะระมัดระวังเช่นกัน”

“นั่นมันจะแย่เอาน่ะสิ!”

“ทำไมล่ะ พวกนายให้เราทิ้งอาวุธของเรา แต่ตัวเองกลับไม่วางอาวุธลง ลูกไม้แบบนี้มันตื้นเกินไปหรือเปล่า?”

ขณะที่ฉันโต้ตอบ สีหน้าของผู้นำก็แข็งกระด้างอย่างเห็นได้ชัด หลังจากพูดคุยกับทหารที่อยู่ข้างๆ เขาแล้ว ผู้นำก็พยักหน้า

"ได้ แต่จะมีแค่พวกเราสามคนจะไปหาพวกนาย”

“ตามที่พวกนายต้องการเลย” ผู้นำและผู้ใต้บังคับบัญชาสองคนวางอาวุธลงบนพื้นแล้วเดินเข้ามาหาเรา

“พี่กำลังพยายามจะคุยกับพวกเขาอยู่หรือเปล่าเนี่ยครับ?” การพูดคุยก็เป็นเรื่องที่ดี มีบางอย่างที่ฉันอยากจะถามเช่นกัน เพราะฉันมีข้อมูลมากมายที่อยากรู้ ทำไมพวกเขามาถึงด่านนี้ และทำไมพวกเข้าถึงถูกตัดสินโดยระบบว่าเป็นสัตว์ประหลาด และสิ่งอื่นๆ ที่พวกเขารู้

'ถ้าถามได้ก็คงะจดี'

เคร้ก เคร้ก เคร้ก

ในแต่ละย่างก้าวที่ทหารพวกนั้นก้าวไป ชุดเกราะนั้นก็ส่งเสียงเสียดสีออกมา ผู้นำหยุดห่างออกไปสามเมตรแล้วกางมือพูด

“อย่างที่พวกนายเห็น พวกเราไม่มีอาวุธ หวังว่าพวกนายจะให้ความร่วมมมือนะ”

เกร๊งง!

ฉันวางโล่และดาบของฉันลงบนถนน

“แค่นั้นพอไหม?”

"ได้ ตอนนี้เราสามารถพูดคุยกันได้อย่างสะดวกใจแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า….มีเสียงก้องอยู่ในหัวของฉันไม่ยอมหยุด แม้ว่าฉันจะพยายามหยุดมัน แต่ก็ทำไม่ได้ ถึงฉันจะพยายามอุดหูแล้วก็ทำให้มันเงียบลงไม่ได้” ผู้นำของพวกเขาเข้ามาหาฉันอย่างช้าๆ

“เสียงกระซิบนั้นมันยังกระซิบตอนไปไม่ยอมหยุด แม้กระทั่งตอนนี้”

"โอ้จริงเหรอ? แล้วมันพูดว่าอะไรล่ะ?”

“มันบอก…”   ม่านตาของชายคนนั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เส้นเลือดดำเริ่มสั่นอยู่ข้างดวงตาของเขา

“มันบอกให้ฉันฆ่าพวกแกให้หมด!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด