ตอนที่แล้วตอนที่ 29 : นักล่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 31 : ค้อนแห่งธอร์!

ตอนที่ 30 : ความโลภและความมุ่งมั่น


ตอนที่ 30 : ความโลภและความมุ่งมั่น

ในเรื่องของการหลบหนี หวังซ่งค่อนข้างมีประสบการณ์แล้วหลังจากได้ผ่านมันมาครั้งหนึ่ง

เขานำคนที่เหลือทั้งแปดคนซอกแซกไปตามมุมต่างๆ และหาโอกาสที่จะหลบหนีผ่านหน้าต่างและอาคาร ซึ่งมันก็ได้แสดงให้เห็นถึงประสบการณ์อันเหลือล้นของเขาเลย

แม้ว่าจางหลี่ซิน เมิ่งเจีย และคนอื่นๆ จะไม่ใช่ผู้ตื่น แต่หวังซ่งก็คอยคุ้มกันความปลอดภัยของพวกเขาเอาไว้ได้ ซึ่งนี่ก็เกี่ยวข้องกับการที่จางเย่เป็นเป้าหมายหลักของนักล่าด้วย

หลังจากผ่านไปประมาณ 20 นาที

เสียงกรีดร้องที่บีบคั้นหัวใจของจางเย่ก็ดังมาจากระยะไกล

นี่ทำให้หวังซ่งสั่นสะท้าน และจางเฉิงเฉิงก็ทรุดตัวลงและหลั่งน้ำตาออกมา

มันไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจางเย่

อย่างไรก็ตาม โศกนาฏกรรมครั้งนี้ก็ทำให้หวังซ่งสงบนิ่งมากยิ่งขึ้น

“ทางเข้าหมู่บ้าน รถหุ้มเกราะ อาวุธ หลบหนี ที่พังพิงกลางเมือง!”

“และยังมีพี่ลู่หมิง”

คำนามหลายๆ คำเชื่อมโยงกันในเวลานั้นเอง

“ก่อนอื่นต้องไปที่บ้านของพี่ลู่หมิงและพาเขาไปกับพวกเราด้วย! ตอนนี้มันมีซอมบี้ระดับสองปรากฏตัวขึ้นในหมู่บ้านกู๊ดโฮปแล้ว พวกเราไม่อาจรั้งอยู่ที่นี่ต่อไปได้แล้ว”

หวังซ่งพูดในขณะที่พวกเขาหลบหนี

ข้อเสนอแนะนี้ได้รับความเห็นชอบจากผู้อื่นอย่างเป็นเอกฉันท์

ระยะทางจากหมู่บ้านกู๊ดโฮปไปถึงที่พักพิงในตัวเมืองคือ 13 กิโลเมตร แม้ว่าพวกเขาจะมีรถหุ้มเกราะ แต่มันก็เป็นเรื่องท้าทายสำหรับพวกเขาที่จะไปถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยโดยมีซอมบี้อยู่เต็มถนน

ลู่หมิงคือผู้ตื่น การพาลู่หมิงไปด้วยคงจะช่วยเพิ่มปลอดภัยในการเดินทางได้อีกขั้น

นอกจากนี้ เนื่องจากจางเย่ตายไปแล้ว การปล่อยลู่หมิงให้อยู่ที่นี่คนเดียวย่อมไม่ต่างอะไรกับการทิ้งให้เขาตายอยู่ที่นี่

การพาเขาไปด้วยจะเป็นการช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ มันเป็นประโยชน์ต่อเขาเอง

มันไม่มีอะไรผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย!

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์จริงก็ทำให้หวังซ่งทั้งประหลาดใจและงุนงงอีกครั้ง

“ฉันไม่ไป”

เมื่อได้ยินการปฏิเสธอันเย็นชาจากด้านหลังประตู ดวงตาของหวังซ่งจึงค่อยๆ เบิกกว้างขึ้น

“พี่ นั่นคือซอมบี้ระดับสองนะ! ระดับสอง!”

“ฉันรู้ นายเพิ่งพูดเองหนิ”

“งั้นทำไมพี่—”

ก่อนที่หวังซ่งจะทันได้พูดจบ ลู่หมิงที่อยู่ด้านในก็แค่นเสียงออกมา

“มันมีซอมบี้ระดับสองปรากฏขึ้นในหมู่บ้านเล็กๆ เช่นนี้แล้ว งั้นไม่ใช่ว่ามันจะมีซอมบี้ระดับสูงกว่านี้อยู่ที่ด้านนอกเหรอ?”

เมื่อฉันอยู่ภายในบ้าน ฉันก็อาจจะสามารถจัดการกับซอมบี้ได้ แต่เมื่อฉันออกไป ถ้าไม่มีที่กำบัง ฉันจะสามารถต่อสู้กับซอมบี้ได้ยังไง?!

ไม่มีอะไรผิดกับสิ่งที่เขาพูดเลย

มันยังไม่ทราบเส้นทางข้างหน้า และอะไรก็เกิดขึ้นได้ระหว่างทาง

ไม่มีใครสามารถคาดการณ์อนาคตได้ ซึ่งหมายความว่าใครๆ ก็พลาดได้ทั้งนั้น

หวังซ่งไม่เก่งในการโน้มน้าวผู้คนด้วยเหตุผล

เมื่อเห็นว่าลู่หมิงยังรั้นเช่นนี้ หวังซ่งก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา

ด้านหลังเขา จางหลี่ซินได้ดึงคอเสื้อของหวังซ่งมา

นี่ทำให้หวังซ่งต้องหันไป

เขาเห็นสหายทั้งหกคนด้านหลังเขาตัวแข็งทื่อ และจ้องมองออกไปในระยะไกล

เขามองตามสายตาของคนพวกนี้

เขาเห็นซอมบี้สี่ขาที่ดูน่าขนลุกคล้ายกับสุนัขล่าสัตว์ค่อยๆ เดินเข้ามาจากปลายถนนที่ห่างไกล

และในปากของมันก็มีร่างของจางเย่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งพร้อมกับมีเลือดไหลลงมา ร่างของเขาขาดวิ่น ศีรษะของเขายังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ และดวงตาสีเทาของเขาก็จ้องตรงมาที่หวังซ่ง ราวกับว่าเขาตายไปพร้อมกับความคับข้องใจที่เหลืออยู่

บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที

นักล่าวางศพของจางเย่ลงกับพื้น

มันหมอบลงเหมือนกับสุนัขล่าเนื้อจริงๆ และเงยหน้าขึ้นเมื่อมองมายังหวังซ่งและคนอื่นๆ

มุมปากของมันโค้งขึ้นเล็กน้อยอย่างแปลกๆ

ราวกับว่ามันกำลังเยาะเย้ยพวกเขา

ความฉลาดของซอมบี้ยักษ์นั้นไม่ได้ต่ำเลยจริงๆ

และสถานการณ์นี้ก็ดูเหมือนว่าจะยืนยันได้ถึงหนึ่งสิ่ง คือเมื่อระดับของซอมบี้เพิ่มขึ้น ระดับสติปัญญาของพวกมันก็จะเพิ่มขึ้นด้วย

อย่างน้อยหวังซ่งก็สามารถมองเห็นการเยาะเย้ยแปลกๆ และความดุร้ายที่ซ่อนอยู่ในสายตาของนักล่า

“มันกำลังเล็งเป้ามาที่พวกเรา…”

เมิ่งเจียพึมพำด้วยความสิ้นหวัง

นั่นมันชัดเจนเกินไปแล้ว

สำหรับนักล่า ผู้ตื่นระดับสองอย่างจางเย่ถือเป็นอาหารชั้นเลิศเลย แต่หวังซ่งและจางเฉิงเฉิงที่เป็นผู้ตื่นระดับหนึ่งก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเท่าไร

ในตอนนี้ หลังจากที่มันจัดการกับจางเย่ได้แล้ว และกินอีกฝ่ายเข้าไปแล้ว นักล่าก็ได้ให้พวกซอมบี้แยกย้ายกันไปและไล่ตามพวกเขามาเพียงลำพังตามร่องรอยที่หวังซ่งและคนอื่นๆ ทิ้งเอาไว้

มันเหมือนกับสุนัขล่าเนื้อจริงๆ

ทั้งโลภและดื้อดึง

ถนนทั้งสายกลายเป็นแรงกดดันเนื่องจากการปรากฏตัวของนักล่า

แต่นักล่ากลับไม่เคลื่อนไหวต่อไป

มันแค่มองคนทั้งเจ็ดที่อยู่ในระยะไกล และเหมือนจะสัมผัสได้ว่ายังมีคนธรรมดาอีกคนอยู่ภายในนั้น

ดังนั้นมันจึงมีเหยื่อทั้งหมดแปดคน

หลังจากล็อกเป้าหมายและจดจำกลิ่นได้ นักล่าก็ก้มศีรษะของมันลง ฉีกแขนข้างหนึ่งของจางเย่ และเริ่มเคี้ยวมันอย่างตะกละตะกลาม

“ปล่อยเขานะ!”

จางเฉิงเฉิงกรีดร้องออกมา เธอไม่อาจทนเห็นพี่ชายของเธอถูกกระทำเช่นนั้นได้แม้ว่าเขาจะตายไปแล้ว โชคดีที่หวังซ่งคว้าตัวของเธอเอาไว้ได้ทัน

“อย่าบุ่มบ่าม…”

หลังจากพูดออกมาเบาๆ หวังซ่งก็เห็นจางเฉิงเฉิงหันมามองเขาด้วยความสิ้นหวัง

“ไม่บุ่มบ่ามแล้วมันจะมีอะไรดีขึ้นเหรอ?”

ความใจร้อนย่อมนำไปสู่ความตาย และการไม่ใจร้อนก็นำไปสู่ความตายเช่นกัน

ในทันทีที่นักล่าปรากฏตัว โชคชะตาของทุกคนก็ถูกลิขิตเอาไว้แล้ว

หวังซ่งพูดไม่ออก

เขาไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของจางเฉิงเฉิงยังไงเหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้ยินเสียงเอี๊ยดเบาๆ ดังมาจากหน้าต่างด้านบน

เมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นว่าหน้าต่างบนชั้นที่สองได้ถูกเปิดออก ลู่หมิงยืนอยู่ด้านหลังของหน้าต่าง และมองไปยังนักล่าอย่างใจเย็น

หวังซ่งอดถอนหายใจออกมาไม่ได้

“พี่ มันเป็นความผิดของผมเอง ผมสร้างปัญหาให้กับพี่ซะแล้ว”

เขารู้สึกเสียใจกับลู่หมิงอย่างแท้จริง

ในระหว่างการไล่ล่าของซอมบี้ยักษ์ก่อนหน้านี้ มันก็เป็นลู่หมิงที่ช่วยพวกเขาไว้

และในตอนนี้ เขาก็ได้นำซอมบี้ระดับสองมาที่บ้านของลู่หมิงอีก

คราวนี้มันคงจะไม่ลงเอยเหมือนครั้งก่อนอีก

ความโศกเศร้าเอ่อล้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจของเขา หวังซ่งอดพูดไม่ได้ว่า “ชาตินี้ผมติดหนี้พี่ ชาติหน้าผมจะใช้คืนให้อย่างแน่นอนครับ”

จากนั้นเขาก็เห็นลู่หมิงมองเขาอย่างเย็นชาและยกหนังสติ๊กขึ้นมา

ลู่หมิงรู้สึกว่าหวังซ่งมีปัญหาบางอย่างอยู่ในหัวของตัวเอง

ก่อนหน้านี้หวังซ่งได้แนะนำให้เขาย้ายออกไป

เมื่อครู่ หวังซ่งก็ได้มาชวนเขามุ่งหน้าไปยังกลางเมืองด้วยอีก

และตอนนี้เขาก็ได้ดราม่าขึ้นมาอีก ซึ่งลู่หมิงก็เกลียดเรื่องแบบนี้เป็นที่สุด

ประเด็นสำคัญคือการตัดสินใจของผู้ชายคนนี้ไม่เคยจบลงด้วยดีเลย เขาวุ่นวายอยู่ทั้งวัน และไม่เคยลงเอยด้วยดีเลย

คนผู้นี้แปลกมาก เขาเป็นผู้มีพรสวรรค์ในการทำร้ายตัวเองชัดๆ

หลังจากเหลือบมองหวังซ่งแล้ว ลู่หมิงก็ไม่ได้สนใจเขาอีกและมองไปยังซอมบี้ที่อยู่ไกลออกไป

ซอมบี้ระดับสอง

นักล่า!

มันดูเหมือนกับสิ่งที่ไม่ควรล้อเล่นด้วยเลย

แต่พูดตามตรง แรงกดดันจากนักล่าก็ไม่ได้รุนแรงอะไรขนาดนั้น

อย่างน้อย มันก็ไม่ได้รู้สึกกดดันเหมือนกับเมื่อตอนที่เขาเจอซอมบี้ยักษ์เป็นครั้งแรก

“บางทีอาจจะเป็นเพราะรูปร่างของมัน… แม้ว่ามันจะดูแข็งแกร่ง แต่มันก็ยังดูผอมไปหน่อย ความแข็งแกร่งของมันไม่น่าจะมากมายอะไร และพลังป้องกันของมันก็น่าจะไม่ได้สูงมากด้วย”

อย่างไรก็ตาม มันก็ยังเป็นสัตว์ประหลาดกินคน! มันเป็นภัยคุกคามต่อฉัน!

ถ้ามันเป็นภัยคุกคาม เขาก็ต้องกำจัดมัน

ถ้าเขาไม่สามารถกำจัดมันได้ ลู่หมิงก็พร้อมที่จะล่าถอยเข้าไปในห้องใต้ดิน

เขายกแขนขึ้นแล้วดึงหนังสติ๊ก

สายหนังสติ๊กส่งเสียงดัง

แม้ว่านักล่าจะไม่ได้แผ่ความรู้สึกกดดันอันรุนแรงออกมา แต่มันก็ยังเป็นซอมบี้ระดับสอง

ลู่หมิงตัดสินใจว่าจะทุ่มสุดตัว

สายหนังสติ๊กถูกยืดขึ้นเรื่อยๆ

ลู่หมิงออกแรงอย่างบ้าคลั่ง!

พร้อมกับเสียงดังปัง ลู่หมิงก็ได้ทำให้หนักสติ๊กของเขาหัก

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด