ตอนที่แล้วบทที่ 1037 (158) คนที่ทำให้หัวใจของฉันเจ็บปวด (ตอนฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป บทที่ 1039 (160) เฉียวเจียไคฝืนชะตากรรมได้?

บทที่ 1038(159) มันจะต้องมีวันนั้น ไม่ช้าก็เร็ว! (ตอนฟรี)


บทที่ 1038(159) มันจะต้องมีวันนั้น ไม่ช้าก็เร็ว!

ในระหว่างรับประทานอาหาร ในที่สุดจี้ช่าวเหลยก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นก่อนว่า “น้องสาม จริงๆแล้วการที่ต้วนเผิงกลับมาในครั้งนี้ เขามีบางเรื่องที่ต้องจัดการ ฉันมาคิดๆดูแล้ว ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะต้องให้นายช่วย!”

นั่นไง! มีบางอย่างเกิดขึ้นจริงๆ!

จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะแอบคิดอยู่ในใจ ต้วนเผิงที่ตั้งใจย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างประเทศแต่อยู่ๆกลับมาโดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า อีกทั้งยังตั้งใจมาหาจี้ช่าวเหลยและตัวเขาเองทันทีที่กลับมา มันจะต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแน่นอน ไม่อย่างนั้น แม้ว่าเขาคิดถึงบ้านหรืออยากจะรวมตัวกับเพื่อนเก่า เขาก็ควรจะมาหาจี้ช่าวเหลย ไม่ควรเรียกเขาออกมาอย่างกะทันหันเช่นนี้

เห็นได้ชัดว่าอย่างที่พี่รองจี้ช่าวเหลยกำลังพูด มีบางอย่างเกิดขึ้นกับต้วนเผิง และมันก็เกี่ยวข้องกับเขาด้วย!

“ถ้าผมสามารถช่วยได้ ผมจะช่วยอย่างเต็มที่” จี้เฟิงยิ้มบางๆ เขาเหลือบมองต้วนเผิงและพูดว่า “แต่ตอนนี้ผมอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหล่าต้วน?”

“เหล่าจี้.. ก่อนจะพูดถึงเรื่องอื่น ฉันอยากจะขอบคุณคุณสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้ว ดูเหมือนว่าฉันจะไร้มารยาทและยังไม่ได้ขอบคุณคุณอย่างจริงจังเลย ฉันจะใช้โอกาสนี้เพื่อขอบคุณคุณด้วยตัวเอง...” เมื่อได้ยินคำพูดของจี้เฟิง ต้วนเผิงก็พูดกับจี้เฟิงด้วยความซาบซึ้ง “ถ้าไม่ใช่เพราะเหล่าจี้ ฉันคงจะถูกจับเข้าคุก และไม่ได้ไปอยู่ที่ต่างประเทศ หรือแม้แต่จะไม่ได้ไปต่างประเทศ ฉันก็คงไม่สามารถอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ ทุกอย่างเป็นเพราะเหล่าจี้ที่ช่วยเหลือฉันเอาไว้ ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจมาก!”

ต้วนเผิงรู้ดีอยู่แก่ใจว่าตั้งแต่แรกที่เขาสามารถไปต่างประเทศได้อย่างปลอดภัยก็เพราะจี้เฟิงคอยกันคนของตระกูลเฉียวเอาไว้ให้ ทำให้พวกนั้นไม่มีเวลามาจัดการกับเขา

และถ้าไม่ใช่เพราะจี้เฟิง ตระกูลเฉียวคงเล่นงานเขาไปนานแล้ว

ตระกูลเฉียวไม่ได้จับตาดูทรัพย์สินของเขามาแค่วันสองวัน แต่พวกนั้นจ้องจะเขมือบทรัพย์สินของเขามานานแล้ว มีไขมันฉ่ำๆอยู่ตรงหน้า ใครบ้างจะอดใจไหว!

ดังนั้นต้วนเผิงจึงรู้สึกขอบคุณจี้เฟิงเป็นอย่างมาก

แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าที่จี้เฟิงช่วยเหลือเขานั้นเนื่องมาจากความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับจี้ช่าวเหลย แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร บุญคุณก็คือบุญคุณแถมยังเป็นบุญคุณที่ไม่น้อยเลย

จี้เฟิงโบกมือทันทีและพูดด้วยรอยยิ้ม “เหล่าต้วนก็พูดเกินไป เพื่อนกันช่วยเหลือกันเป็นเรื่องปกติ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความ!”

จู่ๆจี้เฟิงก็เริ่มรู้สึกระแวง เขากับต้วนเผิงไม่ใช่เพื่อนกันโดยตรง ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะมีจี้ช่าวเหลยอยู่ตรงกลาง ดังนั้นคำขอบคุณและบุญคุณที่เกิดขึ้นควรไปตกอยู่กับจี้ช่าวเหลย

ที่จี้เฟิงพูดไป มันก็เป็นแค่การพูดตามมารยาทเท่านั้น..

“เหล่าต้วน พูดมาได้เลยว่าปัญหาของนายคืออะไร บางทีน้องสามอาจช่วยนายได้” จี้ช่าวเหลยที่อยู่ข้างๆพูดขึ้น

ต้วนเผิงพยักหน้าและพูดว่า “ในเมื่อเหล่าจี้พูดแบบนี้ ฉันก็ขอเล่าเลยแล้วกัน... จริงๆแล้วเรื่องนี้ฉันต้องเริ่มพูดตั้งแต่ตอนที่ฉันไปต่างประเทศ...”

จี้เฟิงฟังเรื่องราวของต้วนเผิงอย่างเงียบๆ และค่อยๆเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด

ปรากฏว่าในตอนที่ยังอยู่ประเทศจีน ต้วนเผิงถูกกดดันโดยตระกูลเฉียวจนแทบจะจนตรอก และเนื่องจากผู้อาวุโสจี้ยังคงออกตัวปกป้องตระกูลเฉียวอยู่พอสมควร จี้ช่าวเหลยและคนอื่นๆจึงไม่กล้าทำอะไรกับตระกูลเฉียวมากนัก สิ่งนี้ทำให้ต้วนเผิงเหลือทางออกไม่มากนัก สุดท้ายก็ต้องจำใจกัดฟันออกจากประเทศจีนไปยังต่างประเทศ

หลังจากมาถึงต่างประเทศด้วยความสิ้นหวัง ต้วนเผิงพบว่าประเทศที่เขาไปนั้นแตกต่างจากประเทศบ้านเกิดอย่างสิ้นเชิง

มีกฎบางอย่างที่ชัดเจนหรือเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับกฎที่บ้านเกิด ดูเหมือนว่าต้วนเผิงจะปรับตัวเข้ากับกฎเกณฑ์ของต่างประเทศได้มาก พิสูจน์ได้จากการกระทำของเขาที่ทำได้ออกมาดีทีเดียว

แม้ว่าจะมากลุ่มคนต่างๆที่คอยสร้างปัญหา ยกตัวอย่างเช่นแก๊งนักเลงท้องถิ่นที่คอยเรียกเก็บค่าคุ้มครอง มีการเลือกปฏิบัติจนสร้างความยากลำบากให้กับชาวจีนและปัญหาประเภทอื่นๆอีกยิบย่อย แต่อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่คุณรู้ว่าอะไรเป็นอะไร และเข้าใจธรรมชาติของกฎเกณฑ์นั้นๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะอยู่

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “อันที่จริง จะว่าแบบนั้นก็ไม่ถูกต้องทั้งหมด กฎของสถานที่ใดๆก็ตามล้วนถูกกำหนดขึ้นโดยคน ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เพียงแค่เรียนรู้และสัมผัสนิสัยของคนในท้องถิ่นนั้น เราก็จะเข้าใจกฎของพวกเขาได้ไม่ยาก ดังนั้นการจะอาศัยอยู่ร่วมกันก็สามารถทำได้ แน่นอนว่าถ้าพูดมันฟังดูง่าย แต่การจะเข้าใจนิสัยของคนอื่นหรือเรียนรู้กฎเกณฑ์ใหม่ๆนั้นไม่ใช่เรื่อง ยังไงมันก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถทำได้ ดังนั้นคนที่สามารถสัมผัสอะไรเหล่านี้ได้จึงเป็นส่วนน้อย!”

“น้องสามพูดถูก!” จี้ช่าวเหลยพยักหน้าทันทีและกล่าวว่า “ต้วนเผิงเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในด้านนี้ เขาสามารถตีเนียนอยู่ได้ในทุกที่ที่เขาไป!”

“ช่าวเหลย ขอร้องล่ะ! อย่าแซวฉันมากนักเลย!”

ต้วนเผิงโบกมือด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวและพูดว่า “จริงๆแล้วทุกคนนั้นรู้กฎดี ถ้าอยู่ที่ไหนที่หนึ่งนานๆ ไม่ว่าใครก็ต้องเข้าใจจิตใจคนรอบข้าง บุคลิกหรือนิสัยของคนในท้องถิ่น แต่มันยังมีสิ่งที่สำคัญกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นจุดเริ่มต้น ต้นทุน โดยเฉพาะคนจีนอย่างเราต้องใช้ต้นทุนไม่น้อยเลย ดีที่ฉันพอจะมีเงินติดตัวไปพอสมควร ไม่อย่างนั้นคงได้อยู่แบบคนอนาถา!”

“เหล่าต้วน ทำไมคุณถึงพูดว่าคนจีนอย่างเรา... คุณไปประเทศไหนกันแน่? ชาวจีนถูกเลือกปฏิบัติมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” จี้เฟิงถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ฉันไปที่สหรัฐอเมริกา ถ้าคุณไม่ไปอยู่ที่นั่นด้วยตัวเอง คุณจะไม่เข้าใจสถานการณ์ของที่นั่นเลย”

ต้วนเผิงส่ายหัวแล้วพูดต่อ “ถ้าจะให้ฉันเล่า การที่ฉันบอกว่าคนจีนถูกเลือกปฏิบัติถือว่าเป็นเด็กน้อยไปเลย มันอาจจะฟังดูแย่นะ แต่คนจีนก็ยังดีกว่าคนผิวดำ แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เล็กน้อยมากจริงๆ และถ้าเทียบเรากับคนผิวขาว อย่าพูดว่าเราถูกเลือกปฏิบัติ ให้พูดว่าเราเป็นคนละระดับกับพวกเขา อยู่กันคนละชนชั้นที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงดีกว่า!”

“ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีปัญหาทางธุรกิจเกิดขึ้น แล้วหน่วยงานใดก็ตามที่มีอำนาจตัดสินผิดถูกเห็นว่าฝ่ายหนึ่งเป็นชาวจีน คดีนี้ก็จะไม่ตรงไปตรงมาอีกต่อไป จู่ๆหลักฐานบางอย่างจะหายไป จนไม่เพียงพอต่อการพิสูจน์หาความจริง หรือไม่ก็มีเงื่อนไขบางประการที่ยังไม่ถูกกำหนดขึ้น ยังไงก็ตาม มีเหตุผลอีกมากมายที่จะนำมาใช้ สรุปง่ายๆ พวกเขาไม่ต้องการที่จะปล่อยเราไปง่ายๆ!”

ต้วนเผิงยิ้มเยาะ “ในความคิดของคนอเมริกัน พวกเราชาวจีนยังคงเป็นกลุ่มลิงผิวเหลืองที่โง่เง่าหัวช้า หรือไม่ก็เป็นแค่ตู้กดเงินสด!  ดูคนต่างชาติที่มาท่องเที่ยวในประเทศเราสิ พวกเขาไม่ต่างจากสุนัขจิ้งจอกหิวเงิน ตั้งใจมาดูดเงินที่ประเทศจีน ทั้งๆที่ความจริงแล้วเมื่อพวกเขาอยู่ที่ประเทศของตัวเองนั้นไม่นับเป็นอะไรได้เลย พวกเขาอยู่ที่ประเทศของตัวเองไม่รอดด้วยซ้ำ!”

“ฉันก็เคยได้ยินเรื่องนี้!”

จี้ช่าวเหลยพยักหน้าและกล่าวว่า “พูดตามตรง ระหว่างประเทศเรากับประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา มันยังคงมีช่องว่างขนาดใหญ่ แม้ว่าอะไรหลายๆอย่างในประเทศเราจะค่อยๆพัฒนาและดีขึ้น แต่ช่องว่างนั้นก็ยังคงใหญ่มากอยู่ดี ซึ่งนั่นก็ดึงดูดชาวต่างชาติจำนวนมากให้มายังประเทศของเรา ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ไม่สามารถหาเลี้ยงชีพในประเทศของตัวเองได้!”

“แต่ที่ทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจมากที่สุดคือคนจีนส่วนใหญ่ต่างแสดงออกเหมือนกับชาวต่างชาติพวกนั้นเป็นพ่อเป็นแม่แท้ๆ ไม่คิดกันบ้างหรือไงนะว่าคนพวกนั้นมาที่ประเทศของเราทำไม! พวกเขาก็แค่มากอบโกยผลประโยชน์เท่านั้นแหละ!”

มุมปากของต้วนเผิงคว่ำลงเป็นรอยยิ้มเยาะ “หลังจากที่ฉันได้ออกไปเปิดหูเปิดตาที่โลกภายนอก ฉันก็รู้ซึ้งเลยว่าคนในประเทศเราชื่นชมยกย่องชาวต่างชาติมากมายขนาดไหน! แต่พอลองมองไปที่ประเทศอื่น พวกเราถูกปฏิบัติดีกว่าหมูและหมานิดหน่อย พวกเขาแทบไม่มองเราเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกับพวกเขาด้วยซ้ำ!”

หลังจากประโยคนี้จบลง ทั้งสามคนก็นิ่งเงียบกันไปครู่หนึ่ง เจียงโจวได้ชื่อว่าเป็นไข่มุกแห่งจีนและถูกยกย่องให้เป็นมหานครระดับนานาชาติ ผู้คนที่อยู่ที่นี่มีทุกประเภท และทั้งสามคนก็เคยเห็นชาวต่างชาติและการกระทำต่างๆ ดังนั้นทั้งจี้เฟิงและจี้ช่าวเหลยจึงสามารถเข้าใจในอารมณ์และสิ่งที่ต้วนเผิงพูดได้อย่างสุดซึ้ง

ลองนึกภาพดูว่า มนุษย์คนหนึ่งปฏิบัติต่อคุณเหมือนสุนัข แต่คุณกลับเข้าหาและเลียหน้าพวกเขาอย่างยินดี ความแตกต่างอย่างมากนี้ทำให้พวกเขารู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจมากจริงๆ

“แม้ว่าจะมีคนจีนจำนวนมากที่ไร้สมอง ไม่เคยคิดอย่างจริงจังและชื่นชมชาวต่างชาติที่หวังจะกอบโกยแต่ผลประโยชน์ แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนมากเช่นกันที่ไม่แสดงออกอะไรแบบนั้น”

จี้ช่าวเหลยกล่าวว่า “พูดก็พูดเถอะ เราก็ต้องชื่นชมชาวต่างชาติที่เป็นผู้บุกเบิกมาทำมาหากินอยู่ที่นี่เหมือนกันนะ พวกเขาอาจจะเป็นแค่คนธรรมดาๆ หรือไม่ก็นักเลงกระจอกๆเมื่ออยู่ในบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขา แต่พวกเขาก็กล้าเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลดั้นด้นมาหาเงินหาทองในประเทศจีน และถ้าพูดถึงความสามารถเมื่อเทียบกับคนของเรา หลายสิ่งหลายอย่างพวกเขาก็เหนือกว่าเล็กน้อย นั่นเป็นช่องว่างที่ยังคงมีและเป็นข้อเท็จจริงที่เราเถียงไม่ได้!”

“ใช่! แม้ว่าฉันจะไม่อยากยอมรับและอยากบอกว่าคนในประเทศเราเองก็มีดีและเก่งกว่าประเทศอื่น แต่ความเป็นจริงก็เห็นอยู่ทนโท่! มันทำให้เราพูดอะไรไม่ออกจริงๆ!” ต้วนเผิงส่ายหัวแล้วพูด

“เรายังคงอยู่ในขั้นตอนการพัฒนานั่นแหละนะ เมื่อไหร่ที่สถานะของประเทศเราสูงขึ้นเรื่อยๆ อะไรหลายๆอย่างก็จะค่อยๆดีขึ้น เห็นหรือเปล่าล่ะว่า เมื่อก่อนนี้ชาวต่างชาติมาเพื่อกอบโกยเงินทองในประเทศเราแล้วก็กลับไป แต่เดี๋ยวนี้พวกเขามาอยู่ยาว มาลงทุนกันมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งเหล่านี้มันหมายความว่าไง? มันคือแนวโน้มที่ดีขึ้นยังไงล่ะ!”

จี้เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “มันแสดงให้เห็นว่าสุดท้ายแล้ว ประเทศของเรานั้นมีดีอยู่มากจริงๆ มากพอที่จะดึงดูดพวกเขาให้มาลงทุน! ไม่ว่าพวกเขาจะมากอบโกยผลประโยชน์หรืออะไรก็ตาม สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ต้องมาทำงานให้เรา มาพัฒนาประเทศของเรา อย่างน้อยมันก็พิสูจน์ได้ว่าประเทศของเรากำลังก้าวหน้าไปทุกปีๆ แล้วในไม่ช้าก็เร็ว จะมีสักวันหนึ่งที่ชาวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาในประเทศของเราเป็นจำนวนมากจนเราเป็นฝ่ายขับไล่พวกเขาและคัดเลือกแต่บุคลากรชั้นยอดเท่านั้นที่จะมาทำงานให้กับเรา คอยดูเถอะ! วันนั้นจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว!”

“พูดได้ดี!”

จี้ช่าวเหลยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันยังเชื่ออีกว่าประเทศของเราจะต้องกลายเป็นสถานที่ที่ทุกคนต่างก็ใฝ่ฝัน จากนั้นเรานี่แหละจะเป็นฝ่ายเลือกปฏิบัติต่อพวกเขา ดูกอริลลาพวกนั้นสิ ขนดกเฟิ้มไปทั้งตัว ถ้าอยากเข้ามาประเทศของเรา ก็ไปโกนขนให้สะอาดเสียก่อนเถอะ!”

“ฮ่าๆๆๆ~!”

พวกเขาทั้งสามคนระเบิดเสียงหัวเราะ และบรรยากาศที่ชวนอึดอัดกดดันก็มลายหายไปทันที อันที่จริง พวกเขาสามคนรู้สึกอึดอัดอยู่เล็กน้อย สุดท้ายแล้วเรื่องที่ต้วนเผิงพูดก็น่าหดหู่จริงๆ

“เอาล่ะๆ อย่าอ้อมค้อมไปมากกว่านี้เลย” จี้เฟิงยิ้มและโบกมือ “เราคุยกันมาสักพักแล้ว ฉันรู้สึกว่าเรายังไม่ถึงประเด็นหลักเสียที.. เหล่าต้วน เรามาคุยเรื่องของคุณกันดีกว่า!”

ต้วนเผิงได้ยินเช่นนั้นก็ตระหนักได้ว่าหัวข้อนี้หลงทางไปไกลแล้วจริงๆ!

เขารีบพูดทันที “ฉันเกือบจะลืมธุระที่จะพูดไปแล้วจริงๆ... ในปีที่ผ่านมา ฉันได้ก่อร่างสร้างตัวอยู่ที่นั่น ธุรกิจของฉันพัฒนาไปอย่างช้าๆ และฉันก็ได้พบกับคนสองสามคนโดยบังเอิญ และนั่นแหละ คือจุดเริ่มต้นของปัญหา!”

“หืม?” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “คนอเมริกันสร้างปัญหาให้คุณเหรอ?”

“ไม่ใช่เสียทีเดียว... มีชาวอเมริกันสองสามคนและชาวเอเชียสองคน” ต้วนเผิงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ประเด็นสำคัญคือชาวเอเชียคนหนึ่ง พูดให้เจาะจง เขาเป็นคนจีน และเป็นคนจีนที่พวกคุณก็รู้จัก!”

“ใคร?!” จี้เฟิงถามทันที

“เฉียวเจียไค!” ต้วนเผิงตอบ “คิดดูเอาแล้วกันว่าฉันเป็นคนที่โชคร้ายขนาดไหน เคยได้ยินว่าถนนที่มีศัตรูมันแคบ แต่ไม่คิดว่าจะแคบขนาดนี้!”

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้วนเผิงพูดทำให้สีหน้าของจี้เฟิงเปลี่ยนไป เขาเอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เหล่าต้วน คุณแน่ใจจริงๆหรือไม่ว่าคนที่คุณพบเป็นเฉียวเจียไคจริงๆ?”

.....จบบทที่ 1038

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด