ตอนที่ 27 : กลางคืน
ตอนที่ 27 : กลางคืน
ในฐานะผู้ตื่นคนแรกที่รู้จักที่มีวิวัฒนาการ จางเย่จึงได้เรียกตัวเองในตอนนี้ว่าเป็นผู้ตื่นระดับสอง
ส่วนผู้ตื่นระดับหนึ่งก็คือเขาก่อนหน้านี้ และหวังซ่ง จางเฉิงเฉิง กับผู้ตื่นคนอื่นๆ
ส่วนคนธรรมดาก็ถือว่าอยู่ในระดับศูนย์
สิ่งนี้สอดคล้องกับระดับของพวกซอมบี้
ในลานหน้าบ้าน เมิ่งเจียช่วยจางเย่ทำการทดสอบ
พละกำลัง ความแข็งแกร่ง ความเร็ว และอื่นๆ
หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ผลการทดสอบก็ออกมา
“สองเท่า สมรรถภาพทางร่างกายในทุกๆ ด้านของนายเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากเดิม”
ถ้าให้ยกตัวอย่าง ค่าสถานะทั้งสามของจางเย่ตอนอยู่ในระดับหนึ่งก็อยู่ประมาณ 10 หน่วย
ส่วนตอนนี้มันก็ได้เพิ่มขึ้นเป็น 20 หน่วยแล้ว
และการเติบโตของค่าสถานะแบบก้าวกระโดดนี้ก็หมายถึงความก้าวหน้าในพลังการต่อสู้ที่แท้จริง!
ด้วยค่าสถานะในปัจจุบันของจางเย่ เขากระทั่งสามารถเอาชนะผู้ตื่นระดับหนึ่งที่โดดเด่นอย่างหวังซ่งได้ด้วยมือข้างเดียว!
“ไม่ใช่แค่นั้นนะ”
หลังจากจางเย่พูดจบ เขาก็ยื่นมือขวาออกมาต่อหน้าทุกคน
มันมีแสงสีแดงจางๆ แผ่ออกมาจากมือของจางเย่และในไม่ช้า เปลวเพลิงเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
ภาพอันน่ามหัศจรรย์เช่นนี้ทำให้ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
จางเย่สบัดเปลวเพลิงออกไป และมันก็พุ่งไปกว่าสิบเมตรก่อนที่จะตกลงบนพื้นและเกิดการระเบิดด้วยเสียงอันดัง ความรุนแรงของการระเบิดนี้เทียบได้กับระเบิดมือเลยทีเดียว
“นี่คือสิ่งที่ฉันพูดถึงก่อนหน้านี้ ความสามารถใหม่ของฉัน!”
ผู้ตื่นระดับหนึ่งสามคนต่างพากันประหลาดใจกับมัน และเมิ่งเจียก็สรุปผลว่า “ผู้ตื่นระดับหนึ่งไม่มีความสามารถพิเศษเช่นนี้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันมีแค่ผู้ตื่นระดับสองเท่านั้นที่สามารถปลุกความสามารถพิเศษเช่นนี้ขึ้นมาได้ งั้นก็เรียกมันว่าพลังพิเศษไปก่อนละกัน”
คำศัพท์ใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้นอีกแล้ว
…
ดั่งคำกล่าวที่ว่าเรื่องดีๆ ย่อมมาพร้อมๆ กัน
วันนี้มันมีสองเหตุการณ์ใหม่เกิดขึ้นในบ้านตระกูลจาง
เรื่องแรก มันมีผู้ตื่นมาเพิ่มอีกหนึ่งคนคือหวังซ่ง
เรื่องที่สอง ผู้นำจางเย่วิวัฒนาการได้สำเร็จและกลายเป็นผู้ตื่นระดับสองคนแรก
ในมื้อเย็น แม้แต่ผู้รอดชีวิตธรรมดาก็ยังได้รับเนื้อกระป๋องพิเศษอีกด้วย
ฐานที่มั่นของตระกูลจางได้ใช้ระบบอาหารส่วนกลาง
เสบียงจะถูกแจกจ่ายแบบเท่าเทียมกัน เว้นเสียแต่ว่าจะมีสถานการณ์พิเศษ ซึ่งถ้ามีใครอยากกินอาหาร พวกเขาก็ต้องมาที่โรงอาหาร
หยูเฟยและไป่ลู่หยิบถาดของพวกเธอและไปรับอาหารที่เคาน์เตอร์
มันไม่ได้มากมายอะไร แค่ข้าวขาวครึ่งถ้วย ผักแห้ง ผักดอง และเนื้อกระป๋อง
ก่อนวันสิ้นโลก หยูเฟยและไป่ลู่คงจะดูถูกอาหารพวกนี้ เพราะพวกเธอย่อมมีคนยินดีพาไปร้านอาหารสุดหรูทุกวัน
แต่หลังจากผ่านไปกว่าสิบวันในวันสิ้นโลก มันก็ทำให้มาตรฐานของนางฟ้าทั้งสองคนต่ำลง อย่างน้อย นี่ก็เป็นมื้ออาหารที่อร่อยที่สุดที่พวกเธอได้พบในวันสิ้นโลก เพราะก่อนหน้านี้ พวกเธอก็ได้แต่กินอาหารสำเร็จรูป เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เมื่อตอนที่อยู่ใกล้ๆ กับบ้านของลู่หมิง
พวกเธอไม่กังวลเรื่องการรักษาภาพลักษณ์อีกต่อไปแล้ว
หยูเฟยและไป่ลู่เริ่มกินอาหารของพวกเธออย่างเอร็ดอร่อย
ในขณะที่พวกเธอกำลังกินข้าว พวกเธอก็ได้ยินเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นข้างๆ จากนั้นทั้งสองก็เงยหน้าขึ้นและเห็นสาวสวยคนหนึ่งกำลังยิ้มให้กับพวกเธอและนั่งลงข้างๆ หยูเฟย
“สวัสดี ฉันชื่อจางเฉิงเฉิง ฉันเห็นไม่มีใครนั่งด้วย งั้นฉันขอนั่งละกันนะ?”
“ไม่มีปัญหาค่ะ ตามสบายเลย”
แม้ว่าพวกเธอจะเพิ่งมาถึงที่นี่เมื่อตอนบ่าย แต่หยูเฟยและไป่ลู่ก็เคยได้ยินชื่อของน้องสาวร่วมสายเลือดของจางเย่อย่างจางเฉิงเฉิงซึ่งเป็นผู้ตื่นในที่พักพิงแห่งนี้มาแล้ว
ในตอนแรก พวกเธอก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ถึงกระนั้นแม้จางเฉิงเฉิงจะมีสถานะที่สูงและความสามารถที่แข็งแกร่ง แต่เธอก็มีนิสัยที่ร่าเริงและจริงใจมาก
อีกทั้งสามสาวยังเป็นคนสวยที่มีอายุใกล้เคียงกัน ดังนั้นพวกเธอจึงเริ่มพูดคุยกันอย่างรวดเร็ว
จางเฉิงเฉิงถาม “ว่าแต่ ก่อนหน้านี้พวกเธอรวมตัวกันอยู่ที่ไหนเหรอ?”
หยูเฟย “แถวถนนกวงปิงน่ะ”
“แถวนั้นมีซอมบี้เยอะมั้ย?”
“มันไม่มีซอมบี้อยู่แถวๆ เขตปลอดภัยของพวกเราเลย พวกมันถูกจัดการไปหมดแล้วโดยพี่หวังและพี่ลู่ แต่มันก็มีซอมบี้อยู่เป็นจำนวนมากที่ทางเข้าหมู่บ้าน พวกมันคือกลุ่มซอมบี้ที่เคยต่อสู้กับจางหลี่ซินและพวกของเขา และยังเหลือซอมบี้อีกเป็นจำนวนมากขวางทางเข้าหมู่บ้านเอาไว้อยู่”
คำตอบของหยูเฟยทำให้จางเฉิงเฉิงรู้สึกสนใจขึ้นมา
เธอพอรู้สถานการณ์ของกองทัพมาจากคนอื่นบ้าง
เมื่อตอนบ่าย เธอได้ยินจากจางหลี่ซินว่ามีอาวุธและรถหุ้มเกราะเหลืออยู่ที่นั่น ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นขุมสมบัติอันยิ่งใหญ่สำหรับฐานที่มั่นของตระกูลจาง
ในตอนนี้ ในขณะที่กำลังสนทนากันแบบไม่เป็นทางการกับหยูเฟยและไป่ลู่ เธอก็ต้องการสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ที่นั่นด้วย เพราะเขตปลอดภัยเดิมของพวกเธอนั้นอยู่ใกล้กับสนามรบมาก
ไม่น่าเชื่อว่าหยูเฟยยังได้เล่าข่าวสำคัญอีกอันให้เธอฟังด้วย
“พี่ลู่? พี่ลู่เป็นใครกัน?”
“พี่ลู่คือลู่หมิง เขาเป็นผู้ตื่นจากเขตปลอดภัยเดิมของพวกเรา”
ผู้ตื่นอีกคน…
หวังซ่งไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย
จางเฉิงเฉิงถามด้วยความสงสัย “ว่าแต่ทำไมเขาถึงไม่ย้ายมาที่นี่ด้วยล่ะ?”
หยูเฟยหัวเราะเบาๆ “จะว่ายังไงดีล่ะ เขาเป็นที่แปลกสุดๆ เลย ฉันอยู่ที่นั่นมาหนึ่งอาทิตย์ แต่ก็ไม่เคยเห็นเขาออกมาจากบ้านเลย”
ไป่ลู่เสริม “เมื่อพวกเราตัดสินใจว่าจะย้ายมาที่นี่ พี่หวังกระทั่งไปชวนลู่หมิงมาด้วย แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เจ้าตัวประหลาดนั่นก็ยังไม่ออกมาและตัดสินใจอยู่ในบ้านต่อไป ตอนนี้เขาก็อยู่ที่นั่นเพียงคนเดียวแล้ว… ฉันคิดว่าพวกเราคงจะได้ไปเก็บศพของเขาในไม่ช้านี้แหละ”
คำพูดของหยูเฟยและไป่ลู่ทำให้จางเฉิงเฉิงขมวดคิ้ว
เธออยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่เมื่อคิดดูดีๆ แล้ว เธอก็เลือกที่จะเปลี่ยนหัวข้อแทน
“แล้วอยู่ที่นี่สบายดีไหม?”
ไป่ลู่และหยูเฟยพยักหน้าซ้ำๆ
“สบายมาก! ผ้าปูที่นอนและผ้าห่มต่างก็เป็นของใหม่หมดเลย”
“อาหารก็ดีกว่า ดีกว่ามากเลย”
“และมันก็มีคนอยู่มากกว่าด้วย ดังนั้นมันก็น่าจะปลอดภัยกว่า”
“ฉันอยู่ที่นั่นเป็นอาทิตย์แล้ว แต่ฉันยังไม่ได้กินเนื้อเลย แต่ที่นี่ พวกเราได้กินเนื้อตั้งแต่วันแรกแล้ว…”
โดยสรุปแล้วที่นี่ถือว่าดีกว่าที่เก่ามากเลย
ด้วยเหตุผลบางอย่าง จางเฉิงเฉิงก็เริ่มรู้สึกเบื่อขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้คุยกับสองคนนี้
เธอยิ้มอย่างสุภาพและกล่าวว่า “พวกเธอกินกันตามสบายเลยนะ ฉันมีเรื่องต้องไปทำ”
จากนั้นเธอก็ขอตัวลา
ก่อนจะออกไปจากโรงอาหาร จางเฉิงเฉิงก็เห็นหลี่ซีเดินมานั่งแทนเธอ จากนั้นก็พูดคุยกันกับสองสาวอย่างสนุกสนาน
…
อาหารเย็นของลู่หมิงคือข้าว อกไก่ต้ม และผักอบแห้ง
แม้ว่ามันจะมีอาหารเป็นจำนวนมาก แต่รสชาติก็แค่งั้นๆ
อย่างไรก็ตาม ลู่หมิงก็ไม่ใช่คนเลือกกิน เขากินเพื่อเติมเต็มการบริโภคในแต่ละวันเท่านั้น
หลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว ลู่หมิงก็เปิดหน้าต่างข้อมูลของเขาขึ้นมา
ชื่อ: ลู่หมิง
พละกำลัง: 28.5
ความแข็งแกร่ง: 29
ความว่องไว: 27.3
ส่วนทักษะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าก็เลื่อนระดับจากระดับแปดเป็นระดับเก้าแล้วด้วย
วันอันสงบสุขกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว
หลังจากขึ้นไปบนชั้นสองและซ้อมยิงธนูไปสักพัก เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังก้องจากด้านนอก
ฉนวนกันเสียงในบ้านของลู่หมิงมีคุณภาพดีมาก…
ถ้าลู่หมิงสามารถได้ยินเสียงฝีเท้าจากในบ้าน มันก็แสดงว่าข้างนอกต้องมีเสียงดังมาก!
เขารีบเดินไปที่หน้าต่างและเปิดช่องสังเกตการณ์
แค่มองแวบเดียว ลู่หมิงก็เห็นซอมบี้จำนวนมากผสมกับซอมบี้ยักษ์ประปรายกำลังเดินมาที่หมู่บ้านเหมือนกับกองทัพ…
ในทันทีที่เห็น ลู่หมิงก็ปิดช่องสังเกตการณ์และสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“มันมีฝูงซอมบี้จากทางเข้าหมู่บ้าน!”
“ซอมบี้ระบาด!?”
“ไม่ นี่เป็นปฏิบัติการที่มีเป้าหมายและเป็นระเบียบอย่างชัดเจน!”
“ดูเหมือนว่าคืนนี้จะมีบางสิ่งเกิดขึ้น…”
เขารีบหยิบอาวุธของเขา
มันมีซอมบี้มากมายอยู่ข้างนอกจนพวกมันสามารถเอาชนะลู่หมิงได้อย่างง่ายดาย จากมุมมองในตอนนี้ เป้าหมายของฝูงซอมบี้ก็ไม่ใช่ลู่หมิง ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการที่จะยั่วยุพวกซอมบี้
แต่ภัยคุกคามก็ยังเป็นภัยคุกคามอยู่ดี!
ลู่หมิงไม่สบายใจเลย
“น่าเสียดายที่ค่าสถานะของฉันยังไม่พอ ถ้าค่าสถานะของฉันมีมากกว่า 100 หน่วย ไม่สิ มากกว่า 200 หน่วย ฉันคงจะสามารถจัดการกับพวกแกทั้งหมดได้แน่ๆ!”
ในเวลานั้นเอง ลู่หมิงก็คิดถึงหวังซ่ง
เขาช่างเป็นโล่เนื้อชั้นยอดจริงๆ…
ถ้าเขายังอยู่…
หลังจากทำการจำลองสถานการณ์คร่าวๆ ลู่หมิงก็ส่ายหัว “พวกเราก็ยังเอาชนะพวกมันไม่ได้อยู่ดี”
“งั้นมันก็คงต้องพึ่งตัวเองซะแล้ว!”