ตอนที่แล้วCh6: โลก 4
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปCh8: ความหวัง 2

Ch7: ความหวัง 1


------บี๊บ!!!

เสียงแตรรถแหลมๆ ดังขึ้นมาแล้วทำให้แสบแก้วหู

หลี่เฉิงอี้ตื่นขึ้นมาจากอาการตัวแข็งทื่อ เขาแค่ยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งใดๆ

รถบัสสีขาวคันเก่าบีบแตรอย่างต่อเนื่อง กระตุ้นให้คนที่สัญจรไปมาหน้ารถบัสหลีกทางให้

ผู้สัญจรที่ว่าเป็นหญิงชราถือถุงผ้า กำลังข้ามถนนอย่างสิ้นหวัง และรีบเดินขึ้นไปที่ชานชาลา

แตรรถกำลังเตือนเธอ

หลี่หเฉิงอี้มองภาพเหล่านั้นเหมือนอยู่ในภวังค์ และภาพที่เขาเพิ่งเห็นดูเหมือนจะยังคงอยู่ในนิมิตของเขา

ใบหน้ามนุษย์ขนาดใหญ่ที่คอยเข้ามาใกล้

เขายังคงชาไปทั้งตัว และหนังศีรษะของเขาดูเหมือนจะสูญเสียความรู้สึกไปทั้งหมด ราวกับว่าผมของเขาหลุดร่วงไปหมดทั้งหัว

"หุยยยยย---"

ความฝันอีกอย่างเหรอเนี่ย?

เขามองไปรอบ ๆ และเห็นว่าเขาไม่ได้เข้าไปในโรงรถใต้ดินอีก แต่ยังคงยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ ป้ายถนนโลหะด้านข้างระบุตำแหน่งที่นี่ ถนนอันตู้และถนนถงเฟิง อากาศร้อนเล็กน้อยกลายเป็นลม พัดกลิ่นหอมของใบไม้และดอกไม้ กลิ่นดอกไม้อ่อนๆ ทำให้หลี่เฉิงอี้รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย

ตืดดดดดดดด----

ตืดดดดดดดดดด---

โทรศัพท์ที่ติดอยู่กับตัวเขาสั่นสองครั้ง

การสั่นสะเทือนเล็กน้อยนั้นเหมือนกับฟางช่วยชีวิต ดึงจิตสำนึกของหลี่เฉิงอี้กลับคืนมาจากสภาพของม่านหมอกในใจทันที เขารีบหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดหน้าจอ เป็นข้อความจากพ่อแม่ของเขา

'อย่าลืม อย่ากลับบ้านเร็ว พี่สาวแกเตือนคุณแล้ว แกยังมีเงินติดตัวอยู่หรือเปล่า? ฉันจะได้ให้แกเพิ่ม' ++++พ่อ

'อยู่ที่มหาวิทยาลัยต่ออีกหน่อยแล้วกลับไปหลังอาหารเย็น ธุรกิจของพี่สาวแกเป็นเรื่องใหญ่และงานของคุณอาจจะขึ้นอยู่กับอนาคตของเธอ' ++++แม่

หลี่จ้าวและเฟิงหยูหรงเคยเป็นยังไงก็เป็นอยู่อย่างนั้น ความสนใจทั้งหมดอยู่ที่พี่สาวของเขา แต่หลี่เฉิงอี้สามารถเข้าใจได้จริงๆ เพราะอย่างไรก็ตามโอกาสเดียวสำหรับครอบครัวธรรมดาๆ เช่นพวกเขาที่จะหันหลังกลับก็คือการสร้างสัมพันธ์กับชนชั้นสูงที่มีความมั่นคง ซึ่งตอนนี้ หลี่เฉิงจิ่วพี่สาวของเขาตอบสนองความคาดหวังนี้ได้ดีมาก

'รู้แล้ว' เขาสงบลงใจและตอบกลับอย่างเรียบง่าย

เขากดวางโทรศัพท์ลง เขายังคงยืนอยู่ที่นั่น หน้าอกของเขาขึ้นลงอย่างรวดเร็ว คิดถึงทุกสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น

เขายังจำประโยคที่ฉันเห็นในฟอรัมก่อนหน้านี้ได้

'หากคุณพบมุมอับโปรดอย่าติดต่อเรา แต่จงพยายามเพลิดเพลินไปกับชีวิตที่ดีครั้งสุดท้าย โดยปกติมุมอับจะเข้ามาอย่างช้าๆ และจะดึงคุณเข้าไปจนสุดเมื่อถึงสัญญาณที่สาม ฉะนั้นจงทำทุกอย่างที่อยากทำแต่ไม่กล้ามาก่อน แค่ทำมัน'

'ครั้งที่สาม'

'จะว่าไปเมื่อคืนนี้ถือว่าใช่มั้ย... ไม่ควรนับไอ้ที่เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยรึเปล่าวะ เพราะมันไม่ใช่สถานที่เดียวกันกับครั้งแรกที่ฉันรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไป แต่ก็รู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในที่อื่นขณะที่ยังอยู่ในมหาวิทยาลัยซอยู่นะ'

รึจะใช่.. แล้วแบบนี้ นับเป็นครั้งที่สามหรือเปล่า?

หรือว่าเป็นครั้งที่สอง?

หลี่เฉิงอี้ตกอยู่ในภาวะสับสน

เพราะเขาไม่รู้ว่ามุมอับคืออะไรหรือใบหน้านั้นคืออะไร แต่เขาแค่อยากมีชีวิตอยู่

จะว่าไปเขาก้เข้ามาในโลกนี้อย่างลึกลับ และกลายมาเป็นอีกคนที่มีชื่อและนามสกุลเดียวกันอย่างอธิบายไม่ได้

แต่เมื่อเข้ามาแล้วเขาไม่อยากตายจริงๆ

'ฉันไม่ต้องการที่จะตายอย่างไร้ความหมายและหมกมุ่นอยู่กับความกลัว'

ความกลัวกระตุ้นสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดและทำให้ความตื่นตระหนกของหลี่เฉิงอี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

'กูจะทำยังไงดีวะ!?'

"เมื่อกี้นี้ บางทีมันอาจจะไม่ใช่สัญญาณ ใช่แล้ว มันต้องไม่ใช่แน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้ว อาจเป็นได้ว่าตอนนี้ฉันง่วงเกินไปเลยเผลอหลับในไป" เขาเอาแต่ค้นหาเหตุผลสำหรับตัวเองอยู่ในใจ

ในขณะที่เขากำลังคิดสิ่งนี้ จู่ๆ เขาก็รู้สึกเสียวซ่าเล็กน้อยที่เท้าและข้อเท้าของเขา เขาก้มศีรษะลง พับขากางเกงขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วมองดู

จุดเลือดหนาแน่นกระจายอย่างชัดเจนที่ข้อเท้าของเท้าทั้งสองข้าง

หลี่เฉิงอี้สะดุ้งทันที

หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง เขาก็รีบลุกขึ้นอีกครั้ง เปิดปกเสื้อแล้วมองดูตัวเอง

โชคดีที่ไม่มีจุดเลือดบนร่างกาย

'แค่นี้แหละ! มันก็แค่ตอนนั้น!'

จู่ๆ เขาก็จำได้ 'ตอนนี้ในโรงรถใต้ดินลึกลับนั้น เมื่อฉันได้พบกับใบหน้ามนุษย์ตัวใหญ่ ฉันก็รู้สึกเจ็บแปลบที่เท้าเช่นกัน' และตอนนี้ความเจ็บปวดแสบร้อนนี้ได้ถูกนำมาสู่ความเป็นจริงแล้ว 'นี่มันกำลังเตือนฉันว่าไอ้นั่นไม่ใช่ความฝันเหรอ??' หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรงและเขาหายใจหนักขึ้น ราวกับว่ามีก้อนหินขนาดใหญ่กดทับหัวใจทำให้เขาหายใจไม่ออก

จะทำไงดี!?

จะทำไงดีวะ!??

ความคิดที่อันสับสนวุ่นวายนับไม่ถ้วนแวบขึ้นมาในใจของเขาว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าทั้งหมดที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง

เมื่อเผชิญหน้ากับใบหน้ามนุษย์ขนาดยักษ์ที่น่าสะพรึงกลัวนั้น เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตปกติ มันทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก

'บางที ถ้าฉันจะลองโทรหาตำรวจจะดีมั้ย? หรือวอนภาครัฐช่วย!?'

ความคิดนี้แวบขึ้นมาในใจของหลี่เฉิงอี้

ทันทีที่ความคิดนี้เกิดขึ้น มันก็ไม่เคยหายไป แต่กลับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ การต้องเผชิญกับอันตรายที่ไม่อาจเข้าใจได้ บางทีการขอความช่วยเหลือจากกลไกของรัฐอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ทันใดนั้นภาพของเด็กสาวร้องไห้ที่เขาพบในร้านกาแฟเมื่อครู่นี้--เด็กสาวในเสื้อสเวตเตอร์สีขา---ปรากฏตัวขึ้นในใจของเขา

'ทำไมเธอไม่โทรหาตำรวจ?'

นั่นคือความสงสัยที่เกิดขึ้นในใจ

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หลี่เฉิงอี้ก็ไม่สามารถยืนได้อีกต่อไป เขารีบมองไปรอบๆ และกลับไปที่ร้านกาแฟเดิมตลอดทางที่เขาจากมา ขณะที่เขาวิ่งไป ความรู้สึกลึกซึ้งถึงความเร่งด่วนและอันตรายยังคงบังคับให้เขาก้าวไปข้างหน้าและเร่งความเร็ว

เขากลัวว่าสถานการณ์อันตรายอันนั้นจะเกิดขึ้นอีกครั้ง

ถ้าหากจะมีใครสักคนที่สามารถสื่อสารกันในเวลานี้และให้คำแนะนำเขาได้ บางทีอาจจะแค่ต้องวิ่งกลับไปที่เดิม--Yesili Cafe

รถเข็นเคลื่อนที่ขนาดเล็กถูกวางไว้ที่ทางเข้าร้านกาแฟ โดยมีป้ายโฆษณาผลิตภัณฑ์กาแฟใหม่ล่าสุดอยู่บนนั้น รวมถึงของหวานถ้วยเล็กๆ ใหม่ๆ ให้ลองชิม หลี่เฉิงอี้ผลักประตูเปิดแล้วเดินไปรอบๆ ล็อบบี้ชั้หนึ่งที่เริ่มมีคนมากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา

'แต่ฉันไม่เห็นเด็กผู้หญิงใส่สเวตเตอร์สีขาวที่ฉันเคยเห็นคนนั้นที่ไหนเลย'

ทุกคนมีสีหน้าอ่อนโยน บ้างก็ยิ้มและพูดคุย บ้างก็ล้อเล่นด้วยเสียงแผ่วเบา และบางคนก็เพียงแต่ทำการบ้านหรืออ่านอะไรซักอย่างในขณะที่รับประทานอาหารโดยถือแท็บเล็ตไปด้วย ชีวิตของพวกเขาดูเหมือนจะโดดเดี่ยวจากหลี่เฉิงอี้โดยสิ้นเชิง และดูเหมือนเป็นของอีกโลกหนึ่ง เมื่อไม่พบที่ชั้นหนึ่ง เขาจึงรีบขึ้นไปที่ชั้นสอง

น่าเสียดายที่ที่ยังไม่ปรากฎเด็กสาวในชุดสเวตเตอร์สีขาวไม่ว่าตรงไหน

หลี่เฉิงอี้ลงไปชั้นล่างด้วยความผิดหวังเล็กน้อย และเปิดประตูสู่เสียงอิเล็กทรอนิกส์อันนุ่มนวลของ "ยินดีต้อนรับอีกครั้ง"

อยู่นอกประตู ริมถนน รถ SUV ในเมืองสีขาวจอดอย่างเงียบ ๆ ข้างถนน กระจกรถถูกกลิ้งลงมาจนเผยให้เห็นใบหน้าของคนขับ เห็นได้ชัดว่าเป็นชายวัยกลางคนที่มีอายุมากกว่าเขา มีคิ้วหนาและมีหนวดเคราสีเทาเรียบร้อย ใบหน้าเรียวเล็ก และผมของเขาถูกรวบไปด้านหลังอย่างเรียบร้อย เขาวางมือข้างหนึ่งบนพวงมาลัยรถ และจ้องมองผู้คนที่ผ่านไปมานอกหน้าต่างอย่างว่างเปล่า ดูท่าจะงุนงง

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ขณะที่หลี่เฉิงอี้เดินออกจากร้านกาแฟ ดวงตาของชายวัยกลางคนก็หันไปหาเขาอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนเขาจะสังเกตอะไรบางอย่าง และดูเหมือนเขาจะมองเห็นอะไรบางอย่าง

ร่างกายของหลี่เฉิงอี้ตึงขึ้นเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าทำไม ไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมเขาต้องกังวล แต่ร่างกายของเขาเริ่มตึงเครียดโดยไม่มีเหตุผล

'ถ้าไม่สามารถหาเด็กสาวสองคนที่เจอเมื่อเร็วๆ นี้ได้' ความคิดก็วิ่งวนอยู่ในใจของเขา 'สิ่งที่น่าจะช่วยได้มากที่สุดในตอนนี้คือการค้นหาวิธีการที่เกี่ยวข้องทางออนไลน์และรับความช่วยเหลืออย่างเป็นทางการ'

สิ่งที่ซับซ้อนในใจของเขาชัดเจนอย่างรวดเร็ว และเขาก็ค้นพบหนทางที่จะเอาชีวิตรอดได้มากที่สุด

"ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันคงไม่เดินไปมาแบบนี้อีกต่อไป"

ทันใดนั้นก็มีเสียงทุ้มลึกของผู้ชายดังมาจากด้านหน้าเขา

"ทำไมเธอไม่บ้าให้เต็มที่ไปเลยในขณะที่ยังมีเวลาเหลืออยู่"

เสียงนั้นยังพูดต่อไปอีก หลี่เฉิงอี้เงยหน้าขึ้นทันที ตามเสียงนั้น และดวงตาของเขาก็สบกับชายวัยกลางคนที่มองมาทางนี้

"เธอรู้อะไรไหม!" เขาเปิดปาก แต่เสียงของเขาแหบแห้งและต่ำในบางช่วง เขาขยับเข้าไปใกล้รถออฟโรดสีขาวในเมืองมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว "เธอกำลังจะตาย" ชายวัยกลางคนพูดอย่างใจเย็น "ลางสังหรณ์ที่สามกำลังจะมา แล้วแกก็จะเป็นเหมือนคนอื่นๆ นะเจ้าเด็กโง่" เขาประสานมือที่ปากปากของเขาเพื่อเปล่งเสียงผ่านมัน "หายไปอย่างสมบูรณ์"

"มีวิธีไหนบ้าง?" ดวงตาของหลี่เฉิงอี้เบิกกว้าง และเขาก็ถามอย่างรวดเร็วด้วยอารมณ์สงบที่เขาไม่คาดคิด "มีใครรอดชีวิตมาบ้างไหม คุณช่วยผมได้ไหม" ความหดหู่ในใจของเขาดูเหมือนจะมองสิ่งที่พบตอนนี้เป็นความก้าวหน้าและเป็นฟางช่วยชีวิตในทันที

'หากคนที่รู้เรื่องราววงในช่วยคุณ คุณอาจรอดได้!'

ความคิดดังกล่าวปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วในใจของเขา

"ฉันเหรอ?" ชายคนนั้นหัวเราะ หันศีรษะแล้วมองที่หน้าหน้าต่างรถ "ฉันเป็นแค่คนขี้แพ้ เป็นคนไร้ประโยชน์ ฉันจะไปช่วยเธอได้ยังไง.. ที่นั่น" เขาหันศีรษะอีกครั้งและมองไปที่หลี่เฉิงอี้ "ไม่มีใครช่วยเธอได้ คนเดียวที่คุณพึ่งพาได้คือตัวเธอเอง เช่นเดียวกับเพื่อนเก่าของฉัน ลูกของฉัน พวกเขาต่างก็เป็นแบบนี้" ขณะที่เขาพูด เขาก็หยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าด้านในของชุดสูทสีดำ ลดศีรษะลงเล็กน้อย จุดบุหรี่แล้วสูดลมหายใจ "ไปซะเถอะ อย่าอยู่ที่นี่กับฉัน มันจะทำให้เธอซวยเปล่าๆ" เขาโบกมือให้หลี่เฉิงอี้

"มันต้องมีทางอยู่ใช่ไหม ในเมื่อคุณริเริ่มที่จะมาที่นี่และคุยกับผม แปลว่ามันต้องมีทางใช่ไหม?" หลี่เฉิงอี้ไม่ได้โง่ขนาดนั้น

อีกฝ่ายสามารถเห็นลางบอกเหตุในตัวเขาจึงริเริ่มที่จะพูดคุยกับเขา มันไม่ใช่สิ่งที่จะทำโดยไม่มีเหตุผลอย่างแน่นอน

ในเมื่อคิดว่าตัวเองเป็นตัวซวยทำไมไม่พูดอะไรตั้งแต่แรกล่ะ?

"ฉลาดอยู่นี่" ชายคนนั้นยิ้ม เอื้อมมือออกไปปัดก้นบุหรี่ออกไปนอกหน้าต่างรถ "จริงๆ แล้วถ้าเธอหลบหนีไปสักพักล่ะ? เธอก็จะตายไม่ช้าก็เร็ว ซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่มีที่สิ้นสุดและไม่มีความหวัง"

"อนาคตก็คืออนาคต แต่ตอนนี้ผมไม่อยากตาย!" หลี่เฉิงอี้จ้องมองเขาอย่างจริงจังและตอบทีละคำ

"แล้วทำไมฉันถึงต้องช่วยเธอล่ะ" ชายคนนั้นถามอีกครั้ง

"เมื่อคุณมาที่นี่และริเริ่มที่จะพูดคุยกับผม นั่นแปลว่าผมต้องมีอะไรซักอย่างที่คุณต้องการ" หลี่เฉิงอี้พูด "ดังนั้น---"

"ดังนั้น" ชายคนนั้นขัดจังหวะเขา "ถ้าเธอสามารถอยู่รอดได้ในครั้งแรก เราจะมีความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกันในอนาคต"

"เอาสิ ให้มันรอดไปก่อนดีมั้ย?" หลี่เฉิงอี้ถามอย่างรวดเร็ว "อยากเล่าให้ฟังไหมว่าผมเจออะไรมาบ้าง"

"ไม่จำเป็น!" ชายคนนั้นขัดจังหวะเขาอีกครั้ง "ไม่มีเหตุผล มีเพียงบุคคลใดบุคคลหนึ่งเท่านั้นที่สามารถเข้าไปในมุมอับในลักษณะที่เป็นของเขาเท่านั้น เมื่อเขาเข้าไปแล้วเขาจะเข้าใกล้โดยอัตโนมัติซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกว่าเขาจะถูกกลืนกินจนหมด ก็แค่นั่น"

"แล้วผมจะรอดได้ยังไง!?" หลี่เฉิงอี้ยังคงถามต่อไป

"หลังจากเข้าไปอย่างสมบูรณ์เป็นครั้งที่สามแล้ว หาทางออกแล้วออกไปจากที่นั่น แล้วเธอจะรอด" ชายคนนั้นตอบ "แต่ที่นั่นไม่มีทางออกจริงๆ และเธอต้องหาวิธีพิเศษแบบเดียวกันในการหาประตูที่จะออกเมื่อเธอเข้าไป" เขาชี้ไปที่หัวของเขา "เธอต้องคิด ไม่ใช่บังคับ ที่นั่น กองกำลัง ปืน และผู้คนจำนวนมากล้วนไร้ประโยชน์ อย่างไรก็ตาม ฉันขอแนะนำให้ว่าอย่าโทรหาตำรวจ ไม่เช่นนั้น เธออาจสูญเสียความหวังสุดท้ายริบหรี่"

"ผม--" หลี่เฉิงอี้ต้องการถาม แต่กระจกรถของอีกฝ่ายถูกม้วนขึ้นแล้ว

ชายคนนั้นโบกมือให้เขาผ่านหน้าต่างรถ สตาร์ทรถและขับออกไปช้าๆ ดูเหมือนเขาจะไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับการอยู่รอดของหลี่เฉิงอี้เลย และคิ้วของเขาก็มีท่าทีผิดหวัง

รึบางที หลี่เฉิงอี้อาจไม่ใช่คนที่เขากำลังมองหาเลยด้วยซ้ำ

0 0 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด