ตอนที่แล้วบทที่ 86 : เริ่มเปิดฉาก (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 88 : เริ่มเปิดฉาก (4-2)

บทที่ 87 : เริ่มเปิดฉาก (4-1)


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 87 : เริ่มเปิดฉาก (4-1)

เลื่อนยศให้เป็นราชาเลยเหรอ

คำพูดที่ฟังแล้วน่าขันเหลือเกิน

“กระทั่งตอนนี้พวกเขาก็ยังคงค้นหานายด้วยความสิ้นหวัง ฮีโร่จากนิมฟ์เฮมน่ะรู้กันแล้วว่านายมาที่นี่”

หญิงสาวพูดต่อไปเรื่อยๆ

“ลองคิดดู จะมีฮีโร่ที่ไหนในโลกที่ค้นหานายทั่วทุกหนทุกแห่งอย่างไม่หยุดยั้งเป็นเวลาหลายเดือนเพียงเพราะนายท่านของพวกเขาหายตัวไป นายจะทำอย่างนั้นหรือเปล่าล่ะ? โร่จากห้องรออื่นๆ จะทำแบบเดียวกันหรือเปล่า?”

นางฟ้าวางมือทั้งสองข้างบนเอวของเธอแล้วส่ายศีรษะ

มันหมายถึง 'ไม่'

“วิธีการเล่นของนายนั้นมีเอกลักษณ์มาก ฉันไม่มีทางคิดแผนแบบนายได้เลย ฉันไม่เคยคิดว่าจะมีนายท่านที่ไม่ใช้การสังเคราะห์อยู่บนโลกนี้ด้วย”

ฉันแทบไม่เคยใช้การสังเคราะห์ แต่ถ้าจำเป็น ฉันก็จะทำ

แต่อย่างที่หญิงสาวพูด ถ้าฉันเป็นนายท่านคนอื่น ก็คงจะใช้การสังเคราะห์ให้มากขึ้นเพื่อควบคุมห้องรอ อาจจะสังเคราะห์สองถึงสามครั้งต่อวัน ทว่าเมื่อมองย้อนกลับไปก่อนที่ฉันจะถูกอัญเชิญมาที่นี่ การสังเคราะห์รอบล่าสุดของนายท่านที่กำลังคุมฉันอยู่น่าจะเกิดขึ้นเมื่อสามเดือนก่อน

“การดำเนินการอื่นๆ ไปก็เช่นเดียวกัน ก่อนที่นายจะกลายเป็นที่รู้จักนายท่านเกือบทั้งหมดในพิกมีอัพต่างปฏิบัติต่อฮีโร่เหมือนเป็นของเล่น นายท่านเล่นกับพวกเขาจนเบื่อแล้วก็ทิ้งพวกเขาเหมือนเป็นสิ่งของดั่งเศษขยะ”

หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“นายรู้งั้นเหรอว่าฮีโร่เหล่านี้เป็นมนุษย์จริงๆ? หรือแค่นายรู้สึกว่ามันแปลก? แต่การกระทำของนายทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่านายรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว นั่นแหละคือข้อสรุปของฉัน”

ฉันแค่คิดว่ามันเป็นเกมที่ดูประหลาดเท่านั้นเอง

ฮีโร่ที่อยู่ข้างในเกมมีความสมจริงมากจนแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นแค่ตัวละครที่สร้างขึ้นโดยโปรแกรมเมอร์ แต่ละคนมีปฏิกิริยาและมีวิธีดำเนินการตามคำสั่งที่แตกต่างกัน

แต่ไม่ใช่ว่าฉันเชื่อว่าพวกเขาเป็นมนุษย์จริงๆ

“มันแค่ดูเหมือนเป็นเกมที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเกมอื่น”

คนเล่นเกมทั่วไปจะควบคุมเหล่าฮีโร่ผ่านการสังเคราะห์

หากมีฮีโร่ที่ไม่เชื่อฟังหรือรู้สึกว่าไร้ค่า พวกเขาจะกำจัดพวกเขาอย่างไร้ความปรานีและปกครองห้องรอด้วยความหวาดกลัว แม้ว่าฮีโร่ระดับล่างจะแสดงศักยภาพเท่าไร แต่พวกเขาก็จะกลายเป็นเพียงอาหารสำหรับฮีโร่ระดับสูงกว่าเท่านั้น

แต่ฉันแตกต่างออกไป

ฉันไม่เคยสุ่มได้ฮีโร่ 5 ดาวเลย ฉันมีเพียงฮีโร่ 4 ดาวเพียงคนเดียว

คนอื่นๆ ต่างแนะนำให้ฉันยอมแพ้และเลิกเล่น พวกเขาบอกว่าบัญชีของฉันมันตายไปแล้ว

แต่ฉันไม่ยอมแพ้

ฉันนั้นคุ้นเคยกับความไม่ยุติธรรม ดังนั้นฉันจึงทำแค่มองหาหนทางเอาตัวรอดข้างหน้า และด้วยเหตุนี้ มุมมองของฉันก็เปลี่ยนไป ฉันต้องจัดห้องรอด้วยฮีโร่ระดับ 3 ดาวหรือต่ำกว่า ทำทุกอย่างให้เป็นไปตามแบบแผนทั้งหมด

แม้ว่าระดับดาวของพวกเขาจะต่ำ แต่ฉันก็จะไม่ทิ้งพวกเขาหากพวกเขามีศักยภาพ

ในตอนแรก พวกเขาอาจดูไร้ประโยชน์ แต่พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในภายหลัง

หากห้องรอถูกควบคุมด้วยความกลัวเพียงอย่างเดียว ห้องนั้นก็จะพังทลายลงไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หลังจากเก็บข้อมูล ฉันก็พบว่าในพิกมีอัพมีหลายวิธีในการควบคุมฮีโร่ มันขึ้นอยู่กับรูปแบบการเล่น ฉันวิเคราะห์จับประเด็นและนำมาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสมเมื่อจำเป็น

เมื่อมีผู้พิสูจน์คุณค่า ย่อมต้องมีรางวัลให้ตอบแทน

ทว่าหากไร้ค่าและเกียจคร้าน ย่อมต้องมีการลงโทษ

หากมีคนที่ไร้ประโยชน์และกลายเป็นอุปสรรค ฉันจะใช้พวกมันแบบ 'เบี้ยที่ใช้แล้วทิ้ง'

ปาร์ตี้ที่ฉันส่งไปเป็นกองหน้าของดันเจี้ยนผจญภัย คนพวกนั้นมีแนวโน้มที่จะไม่เหมาะกับการใช้งานในระยะยาว ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อฮีโร่ที่อยู่ใกล้เคียง

ฉันไม่ได้ใช้การสังเคราะห์ เว้นแต่จะมีความจำเป็นจริงๆ

นั่นคือวิธีที่ฉันใช้ปกครองนิมฟ์เฮม

ในบรรดาปาร์ตี้หลักนั้น พวกเขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้แข็งแกร่งที่สุดในเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด โดยมีสมาชิกห้าคน

และในหมู่พวกเขา มีฮีโร่ที่เริ่มต้นจากระดับ 1 ดาวด้วย

เนื่องจากฉันไม่ได้ใช้การสังเคราะห์ มันจึงทำให้จำนวนประชากรในห้องรอนั้นเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ

เป็นผลให้นิมฟ์เฮมเติบโตขึ้นจนมีขนาดใกล้เคียงกับอาณาจักร

ดังนั้นแล้ว การวิเคราะห์จากการที่ฉันไม่สังเคราะห์ตัวละครว่า 'รู้ความจริง' ของโลกใบนี้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่โง่เขลานัก

“แกชอบการเล่นของฉันเหมือนกันเหรอ?”

"ใช่ ฉันเลยอยากคุยกับนายจริงๆ น่าเสียดายที่มันไม่สามารถเกิดขึ้นบนโลกได้”

"ฉันก็รู้สึกแบบเดียวกัน หากเราเจอกันบนโลก ฉันคงจะกำจัดแกทันที”

หญิงสาวกระพริบตาของเธอปริบๆ

ฉันยิ้มแล้วพูดต่อ

“ฉันจะไม่มีวันลืม ฉันไม่มีอะไรในใจเกี่ยวกับแกเลยนอกจากความเกลียดชังที่มีจนแทบปริล้นออกมา”

“เป็นแบบนั้นเหรอ?”

“ไม่ว่าจะเป็นทาวเนียหรือนิมฟ์เฮม ฉันก็ไม่สนใจทั้งสองอย่าง ฉันเป็นมนุษย์ที่มาจากโลก อย่าเอาเรื่องตัวเองมาให้คนอื่นแก้สิ”

“ฮิฮิ นายไม่สนใจเหรอ? ฮีโร่ของนิมฟ์เฮมคงผิดหวังมากแน่ถ้าพวกเขาได้ยินนายพูดแบบนั้น”

“ปล่อยให้พวกเขาเสียใจตามที่พวกเขาต้องการเลย”

ฉันไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้สักนิดเดียว

หากต้องการให้ฉันช่วยพวกเขาปีนหอคอยจริงๆ ไม่จำเป็นต้องพาฉันมาที่นี่หรอก นิมฟ์เฮมกำลังก้าวหน้าและทำทุกอย่างอย่างขยันขันแข็งด้วยแบบแผนที่ฉันวางไว้ พวกเขาก็มาถึงชั้นที่ 88 แล้ว เหนือกว่าชั้นที่ 85 และอีกไม่นานกำแพงปีศาจอย่างชั้น 90 ก็กำลังรออยู่ตรงหน้าแล้ว

แต่ระหว่างนั้น มันกลับดึงฉันมาที่นี่

ยิ่งไปกว่านั้น มันยังบุกเข้ามาที่ชั้น 10 และยังพาฉันมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องไร้สาระอีกด้วย กับข้อมูลแค่นี้ ฉันไม่สามารถคาดเดาอะไรได้หรอก

ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ฉันสามารถบอกได้คือ ยัยคนนี้ไม่สนใจคนอื่นเลย มันสนใจผลประโยชน์ของมันเองเท่านั้น

ฉันจึงสามารถตัดสินใจได้ทันที

“ฉันจะไม่ร่วมมือกับแก ที่จริงแล้วแกควรไปให้พ้นตั้งแต่ตอนนี้ซะก่อนที่ความอดทนของฉันจะถึงขีดจำกัด”

“เดี๋ยวนายก็จะกลายเป็นฮีโร่ที่ช่วยกอบกู้โมเบียส”

หญิงสาวหัวเราะ

“เอาเถอะ แต่มันไม่สำคัญอะไรหรอก มีเพียงสิ่งเดียวที่ฉันต้องการจากนายคือจงปีนหอคอยไปยังจุดที่ฉันอยู่อย่างปลอดภัย หากนายสามารถทำเช่นนั้นได้ ฉันก็จะยอมให้อภัยและอดทนทนต่อการดูถูกในครั้งนี้แล้วกัน”

“เธอเป็นคนทำให้นักบวชทมิฬปรากฏตัวบนชั้น 10 ใช่ไหม?”

“แล้วถ้าใช่ล่ะ?”

ฉันกัดฟันแน่น

“อย่าโมโหไปเลย ฉันจะไม่เข้าไปยุ่งตั้งแต่ชั้นที่ 15 เป็นต้นไป ทาวเนียคงเล่นนายหนักอยู่แล้ว ถึงฉันจะไม่ได้เข้ามาแทรกแซงก็ตาม เพราะมันเป็นความยากระดับ S แบบเดียวกันกับนิมฟ์เฮม”

“……”

“ไม่ว่านายจะทำได้ดีแค่ไหน ฉันก็ประเมินว่ามีโอกาสที่นายท่านอาจจะล้มเลิกได้เลย 90% ซึ่งก็คงไม่แตกต่างอะไรหากฉันยื่นมือเข้ามายุ่งด้วย”

หญิงสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้

เบาะหนังสีดำก็พลันเลือนหายไปทันที

“ฉันสาบานเลยว่า หากนายสามารถปีนหอคอยจนถึงจุดสูงสุด ฉันจะส่งนายกลับไปยังที่ที่นายจากมา และอีกอย่างหนึ่ง ฉันจะโอนครึ่งหนึ่งของหุ้นในโมเบียสให้นาย นายจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทที่สามารถสั่นสะเทือนเศรฐกิจโลกได้”

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของโมเบียส

'ฉันไม่เชื่อหรอก'

ต่อให้สัญญาว่าจะส่งฉันกลับไปก็ไม่อาจจะเชื่อ

เมื่อฉันปีนขึ้นไปบนหอคอย ความจริงย่อมจะถูกเปิดเผยออกมาต่อหน้าฉันเอง

ฉันจะกลับไปด้วยตัวของฉัน ฉันจะไม่พึ่งพาขยะแบบแก

“ว่าอย่างนั้น มาทำสัญญาเลยไหม?”

หญิงสาวถามด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์

“ตราบใดที่เธอไม่ปรากฏตัวต่อหน้าฉัน”

“ดูเหมือนว่านายจะเกลียดฉันจริงๆ เลยนะ ทำไมกันล่ะ?”

“ทำไมถึงกล้าถามล่ะ?”

"ก็เรื่องนั้น…."

ฉันดึงกริชอันที่สองออกมาแล้วขว้างไปที่หน้าผากของหญิงสาว

มีดแทงทะลุกะโหลกศีรษะของเธอ และฝังลึกอยู่ด้านใน

“นี่คือคำตอบของฉัน”

"ฮิฮิฮิ..."

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด