ตอนที่แล้วบทที่ 118: ขุนนางระดับสูงผู้นี้เป็นตัวตนที่ส่งมาจากสวรรค์โดยแท้ เพียงคิดชั่วขณะก็ได้ผลงานชิ้นเอกที่อยู่ตราบนานชั่วฟ้า!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 120: ผู้ใดบอกว่าเราไม่มีขุ่นเคืองใจ มันมีมากจนแทบล้นออกมาด้วยซ้ำไป!

บทที่ 119: แม่นางซือเย่ว์ ได้โปรดหักห้ามอารมณ์ไว้ ข้ามิใช่มารดาของท่าน!


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 119: แม่นางซือเย่ว์ ได้โปรดหักห้ามอารมณ์ไว้ ข้ามิใช่มารดาของท่าน!

ท่ามกลางความคาดหวังของฝูงชน ซือเย่ว์ก็ยิ้มออกมาและกล่าวว่า “ตัวข้าผู้นี้รู้สึกสุนทรีกับบทกวีของท่านขุนนางระดับสูงอย่างมาก! ด้วยคำพูดร้อยอักษร กลับสามารถแสดงออกถึงความเสน่ห์หาและอารมณ์ของจันทราที่สว่างไสวได้อย่างสมบูรณ์แบบ! ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้ชนะการชุมนุมบทกวีนี้จะเป็นใครอื่นนอกจากท่านหลินเป่ยฟาน!”

“ยอดเยี่ยม…” ทุกคนตะโกนออกมาอย่างเห็นด้วย

สาวใช้ที่มีใบหน้ายิ้มแย้มก็กำลังจะยกสมบัติออกมา “ท่านขุนนางระดับสูง นี่คือรางวัลที่ท่านจะได้รับ!”

“ภาพทิวทัศน์ฤดูใบไม้ร่วงบนภูเขาหิมะ!”

“เหล้าเกล็ดหิมะชั้นเลิศ!”

หลินเป่ยฟานยิ้มและกล่าวว่า “ข้าขอรับภาพวาดภูเขาหิมะยามฤดูใบไม้ร่วงไป! ส่วนเรื่องเหล้านั้น มันเคยมีคำกล่าวที่ว่าเพื่อนแท้หายากยามเมื่อน้ำเมาได้หลั่งริน เราทุกคนล้วนเป็นสหาย ทว่ากลับไม่ค่อยได้มารวมตัวกันนัก เช่นนั้นทำไมเราไม่เปิดมันและดื่มอวยพรกันคนละถ้วยเลยเล่า?”

"ยอดเยี่ยมเหลือเกิน! ท่านหลินช่างเป็นคนใจกว้างอย่างแท้จริง!”

“ขอบคุณท่านหลิน!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็ร่าเริงยิ่ง

ผลก็คือ เหล้าเกล็ดหิมะได้ถูกเปิดออกและกลิ่นหอมตลบอบอวลของมันก็ล่องลอยไปทั่วอากาศ

แต่ละคนยกถ้วยและขนมปังขึ้นมา “แด่ท่านหลิน แด่แม่นางซือเย่ว์ สู่ดินแดนอันงดงามและสายธารแห่งอาณาจักรอู๋!”

จากนั้นพวกเขาก็ดื่มมันลงไปทั้งหมดในคราเดียว ทำให้บรรยากาศคึกคักยิ่ง!

คุณหนูซือเย่ว์ก็รู้สึกตื่นเต้นมากเช่นกัน

เพราะในที่สุดนางก็สามารถดำเนินการตามแผนการของนางได้แล้ว!

ขณะที่ย่างก้าวไปอย่างสง่างาม นางก็เดินไปที่ด้านข้างของหลินเป่ยฟานอย่างเชื่องช้าพร้อมกับรอยยิ้มประดับบนใบหน้าของนาง “ท่านหลิน ท่านคู่ควรที่จะเป็นผู้ชนะในราตรีนี้อย่างแท้จริง! คงเป็นเวลาที่ตัวข้าจักต้องทำตามสัญญาแล้ว ได้โปรดมากับข้าด้วย”

หลินเป่ยฟานโบกมือพร้อมด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “ข้าว่ามันคงไม่จำเป็นหรอกกระมัง? ข้าเข้าใจเจตนาดีของแม่นางซือเย่ว์ แต่…”

ซือเย่ว์มองไปที่เขาด้วยแววตาอันน่าสงสาร ก่อนจะกล่าวว่า “หรือว่าท่านหลินต้องการปฏิบัติต่อหญิงสาวผู้นี้อย่างไม่ยุติธรรมงั้นหรือ?”

“ไม่ใช่เช่นนั้น! แต่เพราะตัวข้าเป็นบุรุษที่แต่งงานแล้ว มันคงไม่เหมาะสมนักที่บุรุษเยี่ยงข้าและสตรีเช่นแม่นางจะอยู่ด้วยกันตามลำพังในห้อง…”

“หยุดกล่าววาจาไร้สาระและมากับข้าเถิด!”

ซือเย่ว์เริ่มหมดความอดทนและคว้ามือของหลินเป่ยฟานทันที จากนั้นนางก็นำเขาไปที่ห้องโถงด้านในอย่างรวดเร็ว

หลินเป่ยฟานรู้สึกสับสนยิ่ง!

เอาจริงหรือเนี่ย? ไฉนนางถึงรีบร้อนขนาดนั้น?

แม้นข้าไม่เห็นด้วย แต่นางก็ยังฉุดลากข้าไปเหรอ?

ทุกคนที่เห็นฉากนี้พลันตะลึง!

แม่นางซือเย่ว์ได้คว้ามือของขุนนางระดับสูงออกไปในทันที!

ดูเหมือนว่า…นางจะกระตือรือร้นยิ่ง!

เป็นไปได้ไหมว่านาเงองก็มีความรู้สึกต่อเขา...

ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ!

"เหอะ! ไอ้เจ้างี่เง่านั่น!” ท่านหญิงน้อยบ่นออกมาอย่างไม่มีความสุขนัก ทว่านางก็ยังคงหยิบเนื้อชิ้นใหญ่ขึ้นมาแทะ

หัวใจของโม่หรูซวงเต็มไปด้วยความขมขื่น แต่นางก็ไม่มีสิทธิ์ใดที่จะพูด ดังนั้นนางจึงได้แต่ยอมแพ้

คนเดียวที่มีสิทธิ์พูดคือหลี่ซือซือ ทว่านางเองก็ไม่ต้องการให้สามีของนางอับอาย นางยิ้มและจึงกล่าวกับทุกคนไปว่า “เชิญรับประทานกันก่อนเถิด อีกประเดี๋ยวท่านสามีของข้าก็คงจะกลับมา!”

ในยามนั้นเอง ซือเย่ว์ก็ได้นำหลินเป่ยฟานเข้าไปในห้องที่งดงามด้านใน

นางรู้สึกโล่งใจอย่างยิ่ง

ทันใดนั้น นางก็เพิ่งตระหนักว่านางกำลังจับมือหลินเป่ยฟานอยู่

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่นางจับมือชายอื่น ใบหน้าของนางพลันแดงเล็กน้อย นางรู้สึกเขินอายเล็กน้อย จึงได้ปล่อยมืออย่างเชื่องช้า

“นายท่านหลิน เมื่อครู่นี้ข้าหุนหันพลันแล่นเล็กน้อย ได้โปรดให้อภัยข้าด้วย!” ซือเย่ว์พยักหน้าและยิ้มออกมา

“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ!” หลินเป่ยฟานยิ้มออกมา

"ท่านเข้าใจหรือ?" ซือเย่ว์รู้สึกสับสน

"ใช่ คงเพราะรูปลักษณ์และความสามารถของข้า สตรีหลายนางจึงควบคุมตัวเองอย่างยิ่งเมื่อได้พบเจอข้า! แม่นางซือเย่ว์ นี่ก็ถือว่าเจ้าค่อนข้างสงวนตัวแล้ว!” หลินเป่ยฟานหัวเราะออกมา

ซือเย่ว์กลอกตาด้วยความโกรธ!

เขากล้าบอกว่านางไม่อาจควบคุมตัวเองได้เมื่อเห็นหน้าเขาเนี่ยนะ…

คิดว่าข้าเป็นคนตื้นเขินอย่างนั้นเหรอ?

ไอ้เจ้าคนหลงตัวเอง!

แต่เมื่อมองดูรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายอย่างใกล้ชิด นางก็พบว่าเขาสมควรที่จะพูดคำเช่นนี้ออกมาจริงๆ!

“นายท่านหลิน หากท่านเข้าใจก็ดี!” ซือเย่ว์กัดฟันกรอด เนื่องจากผ้าคลุมบางๆ แยกพวกเขาออกจากกัน ใบหน้าที่กลับกลายเป็นน่าเกลียดของนางจึงไม่ถูกเขามองเห็น

ทั้งสองนั่งอยู่บนพื้น มีเครื่องดื่ม ชาและของว่างวางอยู่บนโต๊ะ

อีกด้านหนึ่ง มีสาวใช้แสนสวยนั่งอยู่ มือของนางค่อยๆ บรรเลงท่วงทำนองบทเพลงอย่างไพเราะบนทางเดิน

หลินเป่ยฟานรู้สึกสับสน เขาชี้ไปยังสาวใช้ที่อยู่ไม่ไกล “แม่นางซือเย่ว์ เจ้าไม่ได้บอกว่าเจ้าจะทำตามสัญญาหรอกเหรอ? เผยใบหน้าของเจ้าและบรรเลงเพลงให้ข้าสิ ทำไมถึงได้...”

ซือเย่ว์ใช้เสน่ห์ของนางและกล่าวตอบไปว่า “นายท่านหลิน ในโอกาสประจวบเหมาะเช่นนี้ ไฉนต้องสนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ด้วยเล่า? ไม่ใช่ว่าข้านั้นสวยมากเลยหรือ?”

หลินเป่ยฟานพยักหน้า “อืม เจ้าก็งดงามมาก แต่เช่นนี้ข้าก็ไม่รู้สิว่าเจ้าหน้าตาเป็นเช่นไร!”

ซือเย่ว์กลอกตาด้วยความหงุดหงิด สรุปเขาจะดูถูกนางหรือกำลังชมนางกันแน่?

นางจึงกล่าวไปว่า “วางใจได้เถิดนายท่าน ตัวข้าจะเปิดเผยใบหน้าของข้าให้ท่านเห็นในภายหลังเอง ท่านจะไม่ผิดหวังแน่!”

“เช่นนั้นนายท่านผู้นี้จะตั้งหน้าตั้งตารอเลย!”

ซือเย่ว์มองไปที่อาหารเลิศรสบนโต๊ะ ทันใดนั้นนางก็พูดอย่างสุภาพว่า “นายท่านหลิน ยามที่ข้านั้นหิวโหยในวัยเด็ก มารดาของข้าจะนำเค้กหอมหมื่นลี้มาให้ข้าเสมอ”

หลินเป่ยฟานมองไปที่เค้กหอมหมื่นลี้บนโต๊ะ เขาหยิบมันขึ้นมาหนึ่งชิ้นทันทีและวางไว้ในชามของนาง

“ขอให้อร่อย แม่นางซือเย่ว์!”

ซือเย่ว์จึงกล่าวต่อ “นายท่านหลิน เมื่อข้ากระหายน้ำในวัยเด็ก มารดาของข้ามักจะชงชาให้ข้าเสมอ”

หลินเป่ยฟานเข้าใจความหมายและรินชาให้นางทันที “เชิญเพลิดเพลินเลย แม่นางซือเย่ว์!”

ซือเย่ว์รู้สึกมีความสุขยิ่ง บุรุษทุกคนล้วนโง่เขลา เจ้าน่ะหนีไม่พ้นจากเงื้อมมือของข้าหรอก!

“เมื่อข้ารู้สึกเหน็บหนาวยามเยาว์วัย มารดาของข้าก็มักจะกอดข้าไว้แน่น”  ซือเย่ว์ตัวสั่น สายตาของนางจ้องเขม็งไปทางหลินเป่ยฟาน

หลินเป่ยฟานได้เงียบกริบไป

หลินเป่ยฟานนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “แม่นางซือเย่ว์ ได้โปรดหักห้ามอารมณ์ไว้ ข้าไม่ใช่มารดาของเจ้า!”

ซือเย่ว์ได้แต่เงียบกริบไป

ในยามนั้น ซือเย่ว์ต้องการที่จะทุบตีใครสักคนเพื่อระบายความโกรธออกมา!

นางตัดสินใจที่จะหยุดเสแสร้งและเปิดเผยความตั้งใจที่แท้จริงของนางทันที!

“นายท่านหลิน ท่านอยากเห็นโฉมหน้าของหญิงสาวผู้นี้มาตลอดเลยใช่หรือไม่? เช่นนั้นจงมองดูให้ดี!”

ซือเย่ว์ได้เผยใบหน้าของนาง หลินเป่ยฟานได้ประจักษ์กับรูปโฉมสะคราญและน่าหลงใหลอย่างไม่น่าเชื่อ

ใบหน้านี้ไม่ธรรมดาเลย ผิวดูบอบบาง มีใบหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ สายตาที่จ้องมองมาคล้ายขับกล่อมใบหน้าให้น่าหลงใหลยิ่ง ทั้งนี้มันยังมีความเต่งตึงคล้ายสตรีจากตะวันออก เป็นใบหน้าของผู้ที่มีสายเลือดลูกครึ่ง

จากนั้นเอง ดวงตาสีม่วงของซือเย่ว์ก็คล้ายกับหมุนวนไปมา

ดวงตาของหลินเป่ยฟานค่อยๆ สูญเสียสมาธิไป

เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของหลินเป่ยฟาน ซือเย่ว์ก็รู้สึกยินดียิ่ง

เมื่อเห็นหน้าของข้าแล้ว เจ้าจะกล้าทำตัวอวดดีอีกหรือเปล่า

สิ่งที่นางใช้ในยามนี้คือวิชาบ่มเพาะพลังของนางที่ถูกเรียกขานว่า “เคล็ดวิชาหยกวิญญาณม่วง”

มันเป็นวิชาที่มุ่งเป้าไปที่จิตใจและจิตวิญญาณของเป้าหมาย

ตราบใดที่ความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามไม่มากเกินนางไปหรือจิตใจของพวกเขาไม่ได้เหนือมนุษย์ พวกเขาก็จะหลงใหลในตัวนาง ก้มศีรษะยอมจำนนและปฏิบัติตามคำสั่งของนางอย่างเชื่อฟัง!

นางต้องการเอาชนะหลินเป่ยฟานด้วยวิชานี้ ทำให้เขาเต็มใจทำตามทุกอย่างที่นางสั่ง!

“ขุนนางคนนี้ไม่เพียงแต่เป็นขุนนางระดับสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ชื่นชอบของจักรพรรดินีอีกด้วย! เขามีทั้งความรู้และมีความสามารถ! ถ้าข้าสามารถทำให้เขาทำงานให้ข้าได้ มันคงจะเป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่ต่อแผนของข้าอย่างแน่นอน!”

ยิ่งซือเย่ว์คิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร นางก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น นางปลดปล่อยพลังออกมา หวังว่าจะพิชิตหลินเป่ยฟานให้เร็วที่สุด

ทว่าพลังวิญญาณของนางกลับหลั่งไหลเข้าไปในจิตใจของหลินเป่ยฟานราวกับก้อนหินที่จมลงไปในทะเล มันไม่มีการตอบสนองใดๆ เลยั้งสิ้น

“ดูเหมือนว่าพลังจิตของขุนนางผู้นี้จะค่อนข้างแข็งแกร่ง!”

“แต่ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะทำให้เจ้าหลงใหลไม่ได้!”

ซือเย่ว์เพิ่มพลังวิญญาณของนาง เหงื่อพลันเริ่มปรากฏบนใบหน้า

ในเวลานี้เอง โลกภายนอก

ทุกคนต่างกำลังฟังเสียงอันไพเราะของกู่เจิงด้วยความอิจฉา

“ท่านหลินช่างเป็นผู้ที่เกิดมาพร้อมโชคอย่างแท้จริง! ไม่เพียงแต่เขาจะได้ยลโฉมใบหน้าอันไม่มีใครเทียบได้ของซือเย่ว์ ทวากลับยังได้ฟังนางบรรเลงท่วงทำนองอย่างใกล้ชิด! ช่างน่าอิจฉาอย่างแท้จริง!”

“สตรีโฉมงามอันดับแรกของเรือนร้อยบุปผาได้เลือกท่านหลินไปแล้ว ข้าหวังว่าคนที่สองนี้ก็จะไม่ตกไปอยู่ในมือของเขาเช่นกันนะ”

“ข้าว่าคงจบสิ้นแล้ว! เมื่อครู่เจ้าไม่เห็นหรือว่าแม่นางซือเย่ว์ใจร้อนแค่ไหน? จนบางทีข้ายังนึกสงสัยด้วยซ้ำว่าการจัดชุมนุมบทกวีของแม่นางซือเย่ว์ บางทีอาจจะมุ่งเป้าไปหาท่านหลิน!”

“กล่าวตามตรง ในเมืองหลวงแห่งนี้ สตรีทุกนางล้วนแต่ต้องการแต่งงานกับท่านหลินแล้วกระมัง!”

"สถานการณ์ยามนี้แทบไม่ต่างจาก ‘การมรณาเพราะกระหายน้ำทั้งที่ถูกล้อมรอบด้วยแม่น้ำ’ และ ‘จมน้ำทั้งที่โดยรอบแห้งแล้ง'!"

เสียงพูดคุยของคนโดยรอบยังดังต่อไป

ท่านหญิงน้อยรู้สึกไม่พอใจยิ่ง นางเปลี่ยนความเศร้าและความโกรธของนางเป็นความอยากอาหาร นางเริ่มสวาปามทุกอย่างด้วยความเร่งรีบ

โม่หรูซวงเองก็ดูเหมือนจะสูญเสียความคิดและเสียสมาธิไปบ่อยครั้ง

ในทางกลับกัน หลี่ซือซือยังคงรักษาความสงบของนางได้อยู่เช่นเดิม นางเผยรอยยิ้มและให้ความบันเทิงแก่ทุกคนอย่างสง่างาม

ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงรู้สึกชื่นชมขุนนางหลินมากยิ่งขึ้น

ภายในครอบครัวธงสีแดงมิเคยร่วงหล่นให้ผู้ใดเห็น ภายนอกโบกสะบัดธงสีสันสดใส ภรรยาที่เลิศประเสริฐย่อมเป็นมงกุฎของสามีตนโดยแท้

ในยามนั้นเอง บทเพลงแรกก็ได้จบลง

แต่ไม่นาน บทเพลงที่สองก็เริ่มต้นขึ้น

"อะไรกัน? เริ่มบทเพลงที่สองเลยงั้นหรือ!"

"ไม่ใช่ว่าจะเล่นเพียงเพลงเดียวเหรอ?”

“บางทีแม่นางซือเย่ว์และขุนนางหลินคงกำลังสนุกกัน จึงมีการเล่นให้เขาฟังเป็นพิเศษกระมัง!”

"บัดซบ! ช่างโชคดีอะไรเช่นนี้!”

หลังจากบทเพลงที่สองจบลง บทเพลงที่สามก็เริ่มเล่น

"อะไรกันเนี่ย? นี่มันบทเพลงที่สามแล้วนะ!”

“ยังไม่จบอีกหรือ? ข้าแทบจะกลั้นใจไว้ไม่อยู่แล้ว!”

“ดูเหมือนว่าบุปผางามอีกดอกหนึ่งคงจะถูกเด็ดไปโดยขุนนางหลินเสียแล้ว! เขาช่างน่าทึ่งนัก!”

"จบสิ้นกันแล้ว ดอกรักของข้ากลับเหี่ยวแห้งไปเสียแล้ว!”

ทุกคนต่างถูกความหึงหวงครอบงำ!

ทำไมกันล่ะ?

ทุกคนในยามนี้ต่างมีความสามารถ มีชื่อเสียงมากมาย ทั้งยังมีเสน่ห์และหล่อเหลาเหมือนบุรุษรูปงามตามตำรา ไฉนถึงมีเพียงหลินเป่ยฟานเท่านั้นที่ได้รับความสนใจจากแม่นางซือเย่ว์?

หรือเป็นเพียงเพราะเขามีความสามารถมากกว่าเราเพียงเล็กน้อย?

หล่อกว่าเราเพียงเล็กน้อย?

ทุกคนเงยหน้าขึ้นและถอนหายใจกับความอยุติธรรมของสวรรค์!

บางคนถึงกับไม่สามารถกลั้นใจไว้ได้อีก พวกเขาระเบิดและจมอยู่กับความเศร้าโศก ดื่มเครื่องดื่มมึนเมาหมายทำให้สมองลบเลือนทุกสิ่งอย่าง!

ในยามเดียวกัน ภายในห้อง หลินเป่ยฟานยิ้มออกมาขณะที่เขามองไปทางซือเย่ว์ที่มีสีหน้าซีดเซียวและเต็มไปด้วยเหงื่อที่กำลังส่งกลิ่นหอม เขาถามออกมา “เจ้าจะดิ้นรนอีกนานแค่ไหนกัน แม่นางซือเย่ว์?”

“ทำไม…ทำไมวิชาเสน่ห์ของข้าถึงไม่ได้ผลกับเจ้า?” ซือเย่ว์ตกใจยิ่ง

ด้วยระดับเสน่ห์ของนาง กระทั่งระดับปรมาจารย์ก็ยังต้องหลงใหล!

เหตุอันใดขุนนางผู้ไร้พลังเบื้องหน้านางถึงไม่ได้รับผลกระทบเลย!

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นได้?

นางไม่อาจเข้าใจ!

“เพราะสุภาพบุรุษผู้นี้ยึดถือความชอบธรรมอยู่ในใจ มีนิสัยอันสูงส่งและเจตจำนงอันแน่วแน่ ข้าไม่ได้หวั่นไหวไปกับเส้นทางที่ชั่วร้ายเลยสักนิดเดียว!” หลินเป่ยฟานประกาศกร้าวออกมาด้วยความชอบธรรม

ซือเย่ว์ตัวสั่นด้วยความโกรธ "เจ้ามันตัวโกงไร้ยางอายต่างหาก!”

เจ้าเป็นเพียงขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวงที่น่ารังเกียจ กลับกล้ากล่าวอ้างว่าตนมีความชอบธรรมและนิสัยอันสูงส่งงั้นหรือ?

เจ้ามีความละอายใจบ้างไหม?

สุนัขมันไปกินความชอบธรรมและอุปนิสัยของเจ้าหมดแล้วงั้นหรือ?

ถุ้ย!

บางทีกระทั่งสุนัขมันยังไม่รับประทานด้วยซ้ำ!

"คุณหนู!"

สาวใช้ที่กำลังเล่นกู่เฉิงก็รีบวิ่งไปพยุงซือเย่ว์ให้ลุกขึ้นจากพื้น ในอีกมือหนึ่ง นางถือกริชเย็นเหยียบที่ส่องแสงพลางจ้องมองหลินเป่ยฟานอย่างระมัดระวัง

นางกระซิบเอ่ยถาม"คุณหนู ยามนี้เราควรจะทำเช่นไรดี? ข้าควรสังหารเขาเลยหรือไม่?”

“นี่…” เสียงของซือเย่ว์ขาดห้วงไป

หลินเป่ยฟานยังคงสงบนิ่ง เขาดื่มเหล้าและยิ้มออกมา จากนั้นเขาจึงกล่าวว่า “นั่นเป็นความคิดที่แย่ที่สุด! ถ้าท่านฆ่าข้า ท่านและคนของท่านคงไม่มีทางหนีรอดไปได้! เช่นนั้นทำไมเราไม่มานั่งลงและพูดคุยกันอย่างสนุกสนานแทนเล่า ข้ากล่าวถูกหรือไม่ องค์หญิงแห่งราชวงศ์เซียนเยว่?”

ใบหน้าของซือเย่ว์นั้นประหลาดใจยิ่ง “เจ้ารู้ตัวตนของข้าได้เช่นไร?”

. . . . . .

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด