ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 372 - ไร้ทางสู้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 374 - คู่ต่อสู้ที่น่าประหลาดใจ!

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 373 - ยีนของลูกครึ่งเทพ??


อัฒจันทร์ที่นักเรียนจากชั้นเรียนหมายเลข 12 นั่งอยู่นั้นเงียบกริบ พวกเขาได้แต่สงสัยว่าทำไมถึงได้มีคนที่แข็งแกร่งราวกับปีศาจแบบนี้อยู่ในรุ่นเดียวกัน และอดสงสัยต่อไม่ได้ว่าเหล่านักเรียนที่ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในชั้นเรียนหมายเลข 1 แข็งแกร่งระดับนี้ทั้งหมดหรือไม่?

พวกเขารู้ว่านักเรียนพวกนั้นเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูง แต่ไม่รู้ว่าระดับพรสวรรค์ต่ำสุดที่ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในชั้นเรียนหมายเลข 1 คือพรสวรรค์ระดับ 4 ดาว และทรัพยากรที่พวกเขาได้รับ ถ้าเปลี่ยนเป็นมูลค่าแล้ว มันสูงกว่าชั้นเรียนหมายเลข 12 มากกว่า 10 เท่าเลยทีเดียว แต่สิทธิพิเศษส่วนตัวของนักเรียนพรสวรรค์ระดับ 4 ดาวและ 5 ดาว มันก็ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งได้รวดเร็วกว่าจากชั้นเรียนอื่น ๆ แล้ว ยังไม่ต้องนับสิทธิพิเศษที่ได้จากการอยู่ในชั้นเรียนหมายเลข 1 เลยด้วยซ้ำ

ในตอนนี้! ร่างของนอร์มาส์กำลังถูกหามอยู่บนเปลพยาบาล และกำลังถูกเคลื่อนย้ายลงจากเวที เมื่อทักษะการเคลื่อนไหวอันเป็นที่พึ่งของเขาใช้ไม่ได้ แค่การโจมตีเดียว! นอร์มาส์หมดสภาพด้วยหมัดเดียวของเฟนเดอร์เท่านั้น กระดูกทั่วร่างกายแทบจะแหลกสลายไปจนหมดสิ้น พลังพันธุกรรมที่ทะลุทะลวงเข้าไป ทำให้เส้นเลือดในร่างกายปริแตกเกือบหมด รูขุมขนแทบทุกจุดบนร่างกายมีเลือดสีแดงไหลซึมออกมาไม่หยุด การที่เขายังมีชีวิตอยู่ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้าย อาการบาดเจ็บครั้งนี้ไม่แน่ใจว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไรในการฟื้นฟูรักษา และไม่แน่ใจว่าสภาพร่างกายจะกลับคืนมาแข็งแกร่งได้อย่างสมบูรณ์อีกหรือไม่?

สายตาของเหล่าผู้ชมที่มองลงมาบนร่างที่แดงฉานไปด้วยเลือดบนเปลเต็มไปด้วยความสมเพช และสายตานั้นยังเผื่อแผ่มาถึงสมาชิกของทีมตัวแทนที่เหลืออีกด้วย การบาดเจ็บจนหมดสภาพแบบนี้จากการโจมตีเพียงครั้งเดียว ต้องเป็นผู้ฝึกฝนที่อ่อนแอขนาดไหนกันแน่?

ถึงแม้ว่าเฟนเดอร์จะแข็งแกร่ง ถึงแม้ว่าเฟสเซอร์ระดับ 4 ยีนจะทรงพลังกว่าเฟสเซอร์ระดับ 3 ยีนอย่างเทียบกันไม่ได้ แต่สมาชิกของทีมอื่นมั่นใจว่าตัวเองไม่มีทางแพ้ในหมัดเดียวแบบนี้แน่ อย่างน้อย ๆ ก็คงต้านทานเอาไว้และเลือกที่จะยอมแพ้ได้ด้วยตัวเอง

เจ้ากัปตันทีมของชั้นเรียนหมายเลข 12 คิดอะไรอยู่? เหล่าผู้ชมส่วนใหญ่เริ่มหันจ้องมองมาที่เดวิดอย่างพิจารณาแล้ว เขาควรจะเป็นคนที่ออกไปรับมือในฐานะผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในทีมไม่ใช่หรือ? แม้ว่าจะเอาชนะไม่ได้ แต่ก็ไม่น่าจะแพ้อย่างหมดรูปแบบนี้ ทำไมถึงได้ส่งเพื่อนร่วมทีมที่อ่อนแอออกไปรับเคราะห์แทน? เจ้านั่นมันขี้ขลาดขนาดนั้นเลยหรือ?

สายตาของเดวิดก็จ้องมองไปที่ร่างของนอร์มาส์เหมือนกัน แต่ด้วยแววตาที่เฉยเมย และเป็นแค่เพียงระยะเวลาสั้น ๆ อย่างไม่ใส่ใจอะไรมากนัก เขาเตือนนอร์มาส์ไปแล้วให้รีบยอมแพ้ทันทีที่มีโอกาส ไม่สิ! ให้ยอมแพ้ทันทีที่เสียงระฆังดังขึ้นเสียด้วยซ้ำ เดวิดทั้งสมเพชและสงสารที่อีกฝ่ายดื้อดึงไม่ทำตาม และได้แต่หวังว่าหมอนั่นคงจะฟื้นตัวกลับมาได้อย่างสมบูรณ์

เขาเงยหน้าขึ้นไปมองตารางคะแนนที่แสดงอยู่บนป้ายโฮโลแกรมเหนือเวทีประลอง ก่อนจะให้เฮเซลคำนวนความเป็นไปได้ที่ทีมของชั้นเรียนหมายเลข 12 จะผ่านเข้ารอบต่อไป และพบว่ามันต้องอาศัยโชคอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว พวกเขาต้องชนะการประลองทั้ง 3 รอบที่เหลือโดยเร็วที่สุด ก่อนที่จะมีทีมที่ได้ 3 คะแนนครบ 8 ทีม การสุ่มลำดับและคู่ต่อสู้ต้องเข้าข้างเล็กน้อย และที่สำคัญ เหตุการณ์อย่างที่ผ่านมาจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก การเสียทั้งคะแนนและสมาชิกไปพร้อมกันแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลย

เดวิดไม่สามารถขึ้นไปต่อสู้คนเดียวอย่างต่อเนื่องได้ นี่มันเป็นการประลองแบบทีม อย่างน้อย ๆ ตัวแทนทุกคนต้องขึ้นไปทำการประลอง 1 ครั้ง และถ้าอีก 2 คนแพ้การประลองหรือบาดเจ็บหนักขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะผ่านเข้ารอบ พวกเขาก็จะไปไม่ถึงตำแหน่งชนะเลิศอยู่ดี

แล้วคิ้วของเดวิดก็ต้องขมวดเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกสายตาจับจ้องอยู่ และเมื่อมองออกไปบนเวที ก็พบว่าเฟนเดอร์ยังยืนอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน แถมมือของเขายังชี้ตรงมาที่ตัวเองพร้อมกับรอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าอีก แววตาของเดวิดนั้นมีอาการเบื่อหน่าย ปากก็ยังขยับเบา ๆ แบบไม่มีเสียง ‘ล้างคอรอเอาไว้เลย’

ไม่มีเรื่องอะไรให้สนใจอีก ระหว่างที่รอชื่อของทีมตัวเองประกาศขึ้นมาบนป้ายประกาศจับคู่ เดวิดแก้เบื่อด้วยการเปิดหน้าต่างโฮโลแกรมของตัวเองขึ้นเปิดดูข้อมูลของตัวแทนจากชั้นเรียนต่าง ๆ อีกครั้ง เขาไม่แม้แต่จะหันไปมองหน้าของดิวอส ฟิลลิดา และนาร์เฟที่กำลังจ้องมองมาที่ตัวเองด้วยสายตาที่แข็งกร้าวด้วยซ้ำ เหมือนที่บอกไปแล้ว ก่อนที่จะส่งนอร์มาส์ขึ้นบนเวทีไป เดวิดเอ่ยเตือนออกไปแล้ว แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่รับฟัง เขาก็ไม่คิดที่จะอธิบายอะไรเพิ่มเติมอีก

และอีกอย่าง ลักษณะของยีนที่เฟนเดอร์ผสานให้กับตัวเองทำให้เดวิดเกิดความสนใจขึ้นมาได้เล็กน้อย จากลักษณะเท่าที่เห็น รูปร่างนั้นใกล้เคียงกับมิโนทอร์ในตำนานอยู่ไม่น้อย ท่อนบนเป็นวัวท่อนล่างเป็นคน? เขาอยากรู้ว่ายังมีเฟสเซอร์คนไหนผสานยีนที่น่าสนใจแบบนี้ให้กับตัวเองอีกบ้างหรือไม่?

การต่อสู้บนเวทีประลองเริ่มขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นการพบกันของชั้นเรียนหมายเลข 5 กับชั้นเรียนหมายเลข 8 ดูเหมือนว่าการต่อสู้จะดุเดือดเลือดพล่านอยู่ไม่น้อย เสียงเชียร์ที่ดังขึ้นมาอย่างกึกก้องทำให้เดวิดต้องเงยหน้าขึ้นมามองเป็นระยะ การประลองครั้งนี้กินเวลายาวนานเกือบ 10 นาที ก่อนที่ตัวแทนจากชั้นเรียนหมายเลข 5 จะเอาชนะไปได้อย่างเฉียดฉิว

ชั้นเรียนหมายเลข 3 กับชั้นเรียนหมายเลข 4 ถูกประกาศรายชื่อออกมาให้เป็นคู่ต่อไป การต่อสู้ดูอันตรายและรุนแรงยิ่งกว่าคู่ก่อนหน้าไม่น้อย ความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ของทั้ง 2 ชั้นเรียนนี้ไม่ต่างกันมากนัก ทำให้พวกเขาตัดสินใจใช้ไพ่ตายกันออกมาตั้งแต่ตอนเริ่มต้น และในเวลาไม่ถึง 5 นาที นักเรียนหญิงจากชั้นเรียนหมายเลข 3 ก็ถูกพายุทอร์นาโดอันรุนแรงที่ผ่ายตรงข้าม นักเรียนชายผมสีชมพูจากชั้นเรียนหมายเลข 5 สร้างขึ้นพัดตกจากเวทีลงไปสลบอยู่ด้านล่าง ในขณะที่ผู้ชนะก็ล้มฟุบหมดสติอยู่บนเวทีด้วยเช่นกัน ผลการประลองที่ออกมาถือว่าเป็นการพลิกล็อคเล็ก ๆ อีกครั้งหนึ่งเลยทีเดียว

หลังจากนั้นอีกประมาณ 20 นาที การแข่งขั้นก็ผ่านไปอีก 2 คู่ และในที่สุด ชั้นเรียนหมายเลข 12 ก็ได้ขึ้นประลองอีกครั้ง เดวิดเงยหน้าขึ้นมองรายชื่อที่ประกาศอยู่บนป้าย ก่อนจะสูดลมหายใจหายใจเข้าปอดลึก ๆ เขาอ่านและวิเคราะห์ข้อมูลของตัวแทนทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้วพอดี และพบว่ามีบางอย่างที่น่าสนใจ มันแทบจะทำให้หัวใจของเขาหยุดเต้นได้เลยด้วยซ้ำ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานที่ไม่ได้ระบุอะไรออกมาอย่างชัด แต่แนวโน้มว่าตัวแทนจากชั้นเรียนหมายเลขน้อย ๆ หลายคนตั้งใจจะผสานยีนและสร้างแผนที่พันธุกรรมของตัวเองให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตในตำนาน

และจากข้อมูลที่เดวิดอ่านพบ มันน่าจะไม่เหลือยีนของสิ่งมีชีวิตในตำนานอยู่ในโลกใบนี้แล้วจริง ๆ การสร้างแผนที่พันธุกรรมได้แต่พึ่งพิงข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะความสามารถของสิ่งมีชีวิตพวกนั้นในบันทึกที่หลงเหลืออยู่ แต่มันจะให้ผลไม่แตกต่างจากตาเฒ่าที่พยายามจะสร้างตัวเองให้เป็นแวมไพร์มากนัก ถ้าไม่เข้าใจสิ่งมีชีวิตในตำนานพวกนั้นอย่างถ่องแท้ พวกเขาจะกลายเป็นแค่ของเลียนแบบเท่านั้น

แม้ว่าข้อมูลพวกนี้จะทำให้เดวิดสนใจได้เล็กน้อย แต่พวกมันไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เขาตกตะลึงจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น การที่มีคนพยายามจะสร้างแผนที่ยีนของ ‘ลูกครึ่งเทพ’ ขึ้นมาต่างหาก ที่ทำให้สติของเดวิดแทบจะกระเจิงไปจนหมด

ในข้อมูลที่เขาได้มาไม่มีระบุชื่อของแผนที่ยีนเอาไว้ ไม่มีแม้แต่การพยายามจะคาดเดาผลสุดท้าย มีเพียงแค่คุณสมบัติของยีนที่เธอคนนั้นผสานเข้าไปในร่างกายเท่านั้น และถึงจะเป็นอย่างนั้น เดวิดที่แม้จะไม่สามารถอวดตัวได้ว่ารู้จักลักษณะและความสามารถของสิ่งมีชีวิตในตำนานทุกชนิด แต่เขาก็มั่นใจว่าตัวเองรู้จักพวกมันเกือบทั้งหมด และนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้รู้ว่าการรวมตัวของความสามารถแปลก ๆ เหล่านี้ เป็นการพยายามเลียนแบบความสามารถของลูกครึ่งเทพพวกนั้น

และถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่ยีนเป็นของลูกครึ่งเทพของจริง และมันยังเป็นแผนที่พันธุกรรมที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่เดวิดก็มั่นใจว่าเจ้าของแผนที่พันธุกรรมนี้จะต้องทรงพลังเป็นอย่างยิ่งแน่นอน...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด