ตอนที่แล้วบทที่ 41 : เนื้อหาของหนังสืออะจึ๋ยสวรรค์ร่ำไร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 43 : ปักษาในกรง ฮิวงะ เนจิ

บทที่ 42 : ฮินาตะชวนซาโตรุกินลูกกวาดเหรอ?


บทที่ 42 : ฮินาตะชวนซาโตรุกินลูกกวาดเหรอ?

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า พวกโจนินที่เป็นผู้นำทีมก็เฝ้ามองดูอย่างสบายๆ ในตอนแรก แต่ก็ค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนท่าทีไปเมื่อเห็นซาสึเกะ

กระทั่งอาซึมะที่เป็นโจนินระดับหัวกะทิก็ยังรู้สึกประหลาดใจกับความแข็งแกร่งของซาสึเกะ

“เจ้าหนูตัวเหม็น ถ้าฉันจับได้ แกต้องตายแน่ เพราะความสามารถของฉันคือการดูดซับจักระไงล่ะ!” โยโรอิโอบรอบตัวซาสึเกะราวกับงู เขากล่าวน้ำเสียงที่แสดงถึงความหยิ่งผยอง

เขาสามารถดูดซับจักระของคนอื่นได้ แต่ว่าจะต้องใช้เวลานานสักหน่อยในการดูดซับจักระจำนวนมาก

ความสามารถในการดูดซับจักระนั้นเป็นความสามารถที่อันตรายมากต่อนินจา

ซาสึเกะรู้สึกถึงการสูญเสียจักระเล็กน้อย สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปจากนั้นแววตาดูถูกก็ปรากฏขึ้น เขาถอนหายใจออกมาด้วยความเย็นชา “แล้วไงกันล่ะ?”

“เมื่อเผชิญหน้ากับพลังของอุจิวะ ความสามารถใดๆ ของแกก็ไม่มีความหมาย!” เนตรวงแหวนสามหยดน้ำของซาสึเกะเปล่งประกาย

สถาการณ์เริ่มกลับกัน

เมื่อครู่โยโรอิยังอยู่ที่นั่น เขากำลังโอบรอบซาสึเกะด้วยแขนที่เหมือนงู แต่ตอนนี้คนที่เขากำลังโอบอยู่กลับเป็นตัวเขาเอง

“นี่คือ... ภาพลวงตา!” ใบหน้าของโยโรอิเปลี่ยนไปอย่างมาก และแววตาของเขาเผยความตกใจปรากฏขึ้นมา

เขาไม่ได้รู้ตัวเลยว่าทุกสิ่งเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตา

"ก็แค่นั้นแหละ ไอ้เศษขยะ" ซาสึเกะยิ้มออกมาอย่างเย็นชา มันมีความประชดประชันแฝงอยู่ด้วย เขาจับข้อมือซ้ายด้วยมือขวา และจักระสีฟ้าอ่อนก็โผล่ออกมาจากฝ่ามือของเขา

จักระหมุนเหมือนลมหมุนเล็กๆ และค่อยๆ กลายเป็นจักระอันทรงพลังที่หมุนวน!

"[กระสุนวงจักร]!" ซาสึเกะประคองกระสุนวงจักรไว้ในมือ และผลักมันเข้าไปในท้องของโยโรอิอย่างแรง

*บูม*

รูม่านตาของโยโรอิหดตัวลง เขากระอักเลือดออกมาจำนวนมาก และร่างของเขาก็ลอยขึ้นไปในอากาศ มันหมุนอย่างรวดเร็วในอากาศจน กระแทกเข้าที่กำแพงด้วยความรุนแรง และทำให้กำแพงบุบเป็นรู

“นี่…เป็นไปได้ยังไง… เป็นไปได้เหรอ?” โยโรอิจับหน้าท้องของเขา และทรุดล้มลงกับพื้นด้วยความงุนงง

เขารู้สึกเหมือนถูกควักเครื่องในออกมาและมีกระดูกหักประมาณห้าชิ้น

สภาพแทบใกล้ตายแล้ว

“กระสุนวงจักร!?”

ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย กระทั่งเหล่าโจนินเองก็มองซาสึเกะอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

เด็กกำพร้าของตระกูลอุจิวะเรียนรู้กระสุนวงจักรที่พัฒนาโดยโฮคาเงะรุ่นที่ 4 ได้จริงๆ หรือ?

กระทั่งโจนินหลายคนก็ไม่สามารถทำได้ การเรียนรู้กระสุนวงจักรที่พัฒนาโดยโฮคาเงะรุ่นที่ 4 นั้นยากมาก แล้วระดับเกะนินจะสามารถเรียนรู้มันได้เหรอ?

ซาโตรุเป็นคนสอนใช่ไหม?

“ซาโตรุ กระสุนวงจักรเป็นคาถานินจาที่อันตรายมาก แต่เธอกลับสอนคาถานี้ให้กับเกะนินเนี่ยนะ?” ฮิรุเซ็นที่นั่งอยู่ด้านบนนั้นขมวดคิ้วใส่ซาโตรุ

เกะนินในปีนี้ส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุ 12 หรือ 13 ปีเท่านั้น และเด็กๆ ยังไม่มีความคิดอันเป็นอิสระและเจตจำนงของตนเอง

เมื่อเด็กเหล่านี้มีความแข็งแกร่งตั้งแต่อายุยังน้อย มันก็อาจส่งผลย้อนกลับได้

เหมือนมีเด็กที่กำลังถือมีดไว้ในมือ

ซาโตรุปิดหนังสือ ชำเลืองมองฮิรุเซ็นเบาๆ แล้วพูดอย่างภาคภูมิใจว่า "ตาแก่ซารุโทบิ คิดว่ากำลังคุยกับใครอยู่ ฉันเนี่ยเป็นอาจารย์ที่เก่งที่สุดในหมู่บ้านแล้ว"

ตอนนี้เขาเรียกฮิรุเซ็นเป็นตาแก่ซารุโทบิ

ไม่มีคำนำหน้าว่าโฮคาเงะรุ่นที่ 3 อีกต่อไป

ลูกศิษย์ของเขา ไม่ต้องบอกหรอกว่าเป็นเด็กถือมีด ต่อให้เป็นตัวอ่อนถือมีด ก็ต้องเชื่อฟังคำสอนของเขาอยู่ดี

เพราะเขาคือซาโตรุ อาจารย์ประจำทีมที่เจ็ด

"หึ" ซารุโทบิ ฮิรุเซ็นสูบบุหรี่และไม่พูดอะไรต่อ

“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าซาสึเกะจะเรียนคาถากระสุนวงจักรได้” อาสึมะจุดบุหรี่ขึ้นสูบแล้วมองซาโตรุด้วยความสงสัย ก่อนจะถามว่า “นายสอนเขายังไง?”

ซาโตรุใช้วิธีการไหนกันที่ทำให้เขาเรียนรู้วิชากระสุนวงจักรขั้นสูงเช่นนี้ได้

กระสุนวงจักรสามารถใช้ได้โดยการไปถึงขั้นสูงสุดของการใช้จักระเท่านั้น

การที่เกะนินสามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ มันคงเป็นเพราะการสอนอันยอดเยี่ยมของซาโตรุ

ในยามนี้เอง อาซึมะก็คิดในใจว่าซาโตรุเป็นอาจารย์ที่เก่งที่สุดในหมู่บ้าน

“แค่เขาเหรอ? พวกเขาต่างหากล่ะ” ซาโตรุชูสามนิ้ว แต่เขาไม่ตอบคำถามของอาซึมะโดยตรง

“พวกเขาเหรอ? หรือว่าว่าทุกคนในทีมที่เจ็ดสามารถใช้กระสุนวงจักรได้?” ใบหน้าที่สวยงามของคุเรไนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอมองไปที่นารูโตะและซากุระอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

ซาสึเกะและซากุระน่าจะเป็นไปได้ แต่นารูโตะเป็นที่รู้กันดีว่าเขาควบคุมจักระได้ไม่ดีเท่าไร

นารูโตะไม่สามารถควมคุมจักระได้ดีมากนักตอนที่อยู่ในโรงเรียน ใช้ได้แค่คาถาร่างแยกที่ระดับต่ำที่สุด นั้นมันก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้แล้วว่าคุณสมบัติการควบคุมจักระของเขานั้นแย่แค่ไหน

แต่... ซาโตรุกลับสามารถทำให้นารูโตะเรียนรู้การใช้กระสุนวงจักรได้เหรอ?

ไม่น่าเชื่อ

ถ้านารูโตะรู้จักการใช้กระสุนวงจักรจริงๆ วิธีการสอนของซาโตรุก็คจะประหลาดมากแน่

หลังจากการดวลเสร็จสิ้น ฮายาเตะก็ยกมือขึ้นและไอเบาๆ ก่อนจะประกาศว่า "ผู้ชนะ อุจิวะ แค่ก แค่ก ซาสึเกะ"

"คู่ต่อไป เท็นเท็น VS เทมาริ" ฮายาเตะเหลือบมองหน้าจอขนาดใหญ่

"ฮึ่ม น่าเบื่อ" ซาสึเกะล้วงกระเป๋า หันหลังแล้วเดินไปที่ชั้นสอง เขาหยุดกะทันหันและรู้สึกถึงสายตาของซาโตรุ

เกือบลืมสิ่งสำคัญมากไปซะแล้วสิ…

ซาสึเกะกัดฟัน ดวงตาของเขาฉายแววความอายออกมา เขาหันไปมองโยโรอิที่ร่วงอยู่บนพื้นอย่างเย็นชา

“กระสุนวงจักรนี้อาจารย์ซาโตรุเป็นสอนฉัน เพื่อที่จะให้ฉันแข็งแกร่งขึ้น”

หลังจากพูดจบซาสึเกะก็ก้มศีรษะลง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเขินอาย และเดินไปที่ที่นั่งผู้ชมบนชั้นสอง

อาจารย์ซาโตรุเกือบหักคะแนนเขาไปอีกหนึ่งแต้มเสียแล้ว

ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นถึงกับพูดไม่ออก

การที่ซาสึเกะพูดเช่นนี้ออกมา มันต้องเป็นคำสั่งจากซาโตรุแน่ๆ

เท็นเท็นและเทมาริต่างก็กำลังมุ่งหน้าไปที่สนามประลอง

เท็นเท็นมีสีหน้ามั่นใจ และเทมาริก็มีสีหน้ามั่นใจเช่นกัน ทั้งคู่มั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองมาก

“ดีมาก ฉันขอให้คะแนนเต็มที่ในที่สุดก็พูดออกมาเสียที แต่เวลาจะใช้มันหลังจากนี้ก็อย่าลืมพูดด้วยล่ะ” ซาโตรุมองไปที่ซาสึเกะพลางยกนิ้วให้ และแสดงรอยยิ้มอันพึงพอใจออกมา

เด็กอุจิวะคนนี้ถือว่าใช้ได้

"เสียเวลาเปล่า" ซาสึเกะนั่งขัดสมาธิบนพื้น เอนหลังพิงกำแพงโดยเอามือไว้ด้านหลังศีรษะ แล้วค่อยๆ หลับตาลง

“ซาโตรุ ช่วยส่งต่อวิธีสอนของนายให้ฉันได้ไหม?” คุเรไนสะกิดซาโตรุด้วยแขนของเธอ พร้อมส่งสายตาคาดหวัง

“ใช้หน้าอกของเธอมาถูหลังฉันสิ แล้วฉันจะบอกให้” ซาโตรุชี้ไปที่หน้าอกของคุเรไนด้วยอมยิ้ม

คุเรไนกัดริมฝีปากของเธอเบาๆ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอายและความโกรธ เธอค่อยๆ กำหมัดแน่น แต่ท้ายที่สุดเธอก็หันศีรษะแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า "ไอ้คนเลวนี้"

นี่มันคำพูดของพวกหื่นกามมากขนาดไหนเนี่ย?

ซาโตรุช่างพูดจาไร้ยางอายจริงๆ

ฮินาตะถือขนมชิ้นหนึ่ง เดินไปหาซาโตรุแล้วพูดอย่างเขินๆ “อาจารย์ซาโตรุ...อันนี้มัน...อร่อยมาก”

ซาโตรุมองลงไปที่ฮินาตะที่ขี้อายและเคอะเขิน แล้วจึงพูดออกมาโดยไม่คิดอะไรนัก “เธอมีปัญหาด้านการสื่อสารหรือเปล่า?”

ฮินาตะพูดออกมาด้วยความเขินอายและกังวล

คุเรไนลูบศีรษะเล็กๆ ของฮินาตะแล้วพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “ฮินาตะอยากให้ลูกกวาดกับนายน่ะ เธอเป็นเด็กใจดีมากเลยนะ”

เธอชื่นชอบฮินาตะ สาวน้อยที่ไร้เดียงสาและใจดีคนนี้

“ก…ก็อาจารย์ซาโตรุ ชอบน้ำตาล” ใบหน้าเล็กๆ ที่สวยงามของฮินาตะแดงก่ำ ดวงตาเต็มไปด้วยความเขินอายและกังวล และเธอก็ยื่นลูกกวาดเคลือบน้ำตาลในมือให้ซาโตรุ

นี่เป็นขนมที่เธอโปรดปรานมากเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็ก

ซาโตรุรับลูกกวาดแล้วโยนมันเข้าไปในปาก ดูดมันเบาๆ จากนั้นลูบศีรษะเล็กๆ ของฮินาตะ แล้วยิ้มเล็กน้อย “อืม อร่อยดีนะ ถ้างั้นก็ตั้งใจทดสอบนะ”

“ถ้าอย่างนั้น..ฉัน..ฉันจะ...” ฮินาตะยกมือขึ้นแตะปลายนิ้วทั้งสองของเขา เสียงที่สั่นเครือของเธอก็เริ่มเบาลงเรื่อยๆ

คุเรไนมองฮินาตะที่เขินอายด้วยสีหน้าประหลาด

ปกติแล้วฮินาตะจะนิ่งเฉยมาก แล้วตอนนี้เธอกลับมาเอาลูกกวาดให้ซาโตรุเนี่ยนะ?

แปลก

เธอไม่ได้คิดอะไรมากเท่าไรนัก เพราะฮินาตะยังเป็นเด็กในสายตาของเธอ

ซาโตรุชำเลืองมองฮิรุเซ็น และพูดเสียงดังอย่างจงใจว่า "จงละทิ้งนิสัยที่อ่อนแอของเธอซะ แล้วจงจะแข็งแกร่งขึ้น แข็งแกร่งกว่าตาแก่ซารุโทบิให้ได้"

เมื่อฮิรุเซ็นได้ยิน มุมปากของเขาก็กระตุกเล็กน้อย

ไอ้เด็กคนนี้ไหงมาพูดถึงเขาอีกกัน!

เขารู้ว่าซาโตรุกำลังพูดถึงอะไร แต่มันก็เป็นแค่การเยาะเย้ยเท่านั้น

“ขอบคุณ… ขอบคุณ..อ… อาจารย์ซาโตรุ” ฮินาตะหน้าแดงมากยิ่งขึ้น เธอลดศีรษะลงและบิดนิ้วไปมา เสียงแผ่วเบาดังออกมาราวกับยุงกำลังบิน

"ไม่เป็นไร แค่ตั้งใจพยายามให้หนักก็พอ" ซาโตรุโบกมือของเขา

“ไม่เคยได้ยินนายให้กำลังใจใครดีๆ แบบนี้เลยนะ” คุเรไนยิ้มออกมา

ซาโตรุใช้ลูกกวาดชี้ไปที่ปากของฮินาตะแล้วล้อเลียน “แต่คงจะดีกว่านี้นะหากมันมาจากเธอก่อน”

“ม..มาจากหนูก่อนเหรอคะ?” ใบหน้าของฮินาตะแดงก่ำ ใบหน้าของเธอพลันเปลี่ยนสีไป ศีรษะของเธอร้อนจนแทบจะพ่นไอน้ำออกมา เนื่องจากความอายที่มากเกินไป เธอหมดสติและล้มลงบนตัวของคุเรไน

เธออายุสิบสองปีและก็พอรู้แล้วว่าซาโตรุพูดถึงอะไร

“นายนี้นิสัยเสียเหลือเกินนะถึงพูดอะไรกับเด็กแบบนี้ได้ ไอ้สิ่งที่นายว่ามา นั่นใช่เกมที่เล่นกันบนถนนโออิรันหรือเปล่า?” คุเรไนกอดฮินาตะ และจ้องมองซาโตรุด้วยความโกรธ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด