ตอนที่แล้วตอนที่ 16 : ชีวิตประจำวัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 18 : ทำไมต้องมองหน้ามันด้วย?

ตอนที่ 17 : นักล่าและเหยื่อ


ตอนที่ 17 : นักล่าและเหยื่อ

“ฉันต้องออกไปให้ได้ มันไม่สำคัญว่าฉันจะออกไปหาอาหารหรือออกไปจากหมู่บ้านกู๊ดโฮป สรุปคือฉันไม่สามารถอยู่ในบ้านนี้ได้อีกต่อไป”

หลังจากกินขนมชิ้นสุดท้ายในบ้านแล้ว หวังซ่งก็พูดออกมา

คำพูดเหล่านี้ทำให้เมิ่งเจียและจางหลี่ซินพยักหน้า

เมื่อสองวันก่อน อาหารที่บ้านนั้นก็ไม่เพียงพอแล้ว ดังนั้นเมิ่งเจียและจางหลี่ซินก็ตัดสินใจว่าทั้งสองคนควรกินให้น้อยลง และให้หวังซ่งกินให้มากๆ เข้าไว้เพื่อจะได้มีแรง

พวกเขาได้แต่หวังว่าตัวเองจะโชคดี พวกเขารอไปอีกสองวันจนกระทั่งอาหารหมดลง ทั้งสามคนเห็นพ้องกันว่าการอยู่บ้านต่อไปมีแต่จะนำไปสู่ความตายเท่านั้น หากพวกเขาออกไปสู้ พวกเขาก็อาจมีโอกาสตีฝ่าออกไปได้

การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ได้สายเกินไป

นี่เป็นเพราะหวังซ่งและจางหลี่ซินยังมีแรงอยู่และยังไม่ได้รับผลจากความหิว

ถ้าพวกเขารอต่อไปอีก สถานการณ์ก็คงจะแย่ลงไปอีกแน่

“แล้วพวกเราจะเลือกแบบไหนดี?” หวังซ่งมองไปที่เมิ่งเจียซึ่งอาวุโสที่สุด และเตรียมที่จะฟังความเห็นของผู้อาวุโส “พวกเราควรออกไปหาอาหาร หรือควรออกไปจากหมู่บ้านกู๊ดโฮปเพื่อไปยังที่พักพิงใจกลางเมืองดี?”

เมิ่งเจียคิดอยู่สักพักและแสดงความเห็นออกมา “ออกไปจากหมู่บ้านกู๊ดโฮปกัน สถานการณ์ปัจจุบันเริ่มชัดเจนแล้ว พวกเราน่าจะตกเป็นเป้าหมายของซอมบี้ระดับสูง มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป การออกไปจากหมู่บ้านกู๊ดโฮป หรือกระทั่งการหาโอกาสสังหารซอมบี้ระดับสูงย่อมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเรา”

จางหลี่ซินเสริม “ฉันได้วางแผนเส้นทางหลบหนีไว้ด้วยเหมือนกัน”

“ออกเดินทางจากบ้านแล้วมุ่งหน้าไปยังถนนนั่น จากนั้นพวกเราก็จะมุ่งหน้าไปที่ทางเข้าหมู่บ้านที่กองทัพและซอมบี้ได้ต่อสู้”

หวังซ่งไม่ได้เข้าใจเส้นทางนี้นัก “ที่นั่นน่าจะมีซอมบี้มากกว่านี้ใช่ไหม?”

“อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น การต่อสู้ดำเนินไปเกือบห้าวันแล้ว และซอมบี้ก็กระจัดกระจายไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีอาวุธและยานพาหนะที่เราทิ้งไว้ในบริเวณนั้นด้วย หลังจากค้นหาอาวุธและรถหุ้มเกราะได้แล้ว เส้นทางข้างหน้าก็น่าจะง่ายขึ้นมาก”

จางหลี่ซินหยุดชะงักไปชั่วขณะและพูดต่อ “หลังจากพิจารณาแล้ว ฉันคิดว่าการไปทางนั้นน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด”

ระยะทางร่วมๆ 10 กิโลเมตรที่เต็มไปด้วยซอมบี้นั้นจะอันตรายมากถ้าไม่มียานพาหนะ

เนื่องจากความแข็งแกร่งของซอมบี้ รถธรรมดาย่อมไม่อาจต้านทานได้ แต่รถหุ้มเกราะที่มีความต้านทานสูงนั้นย่อมสามารถปกป้องพวกเขาทั้งสามคนได้

หวังซ่งปรบมือ “งั้นก็เอาแบบนั้นแหละ!”

หวังซ่งสวมอุปกรณ์ป้องกันของเขา

เมิ่งเจียกอดกระเป๋าเอกสารของเธอไว้แน่น

ส่วนจางหลี่ซินก็ดึงกระบองออกมา

หวังซ่งและจางหลี่ซินยืนเรียงกันโดยมีเมิ่งเจียอยู่ตรงกลาง พวกเขายืนเรียงกันอยู่ตรงหน้าประตู

หวังซ่งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ตั้งท่า และเปิดประตูออกไปในทันใด!

ด้านนอก ซอมบี้หลายสิบตัวหันกลับมาพร้อมกันเมื่อได้ยินเสียง ดวงตาสีขาวอมเทาของพวกมันจับจ้องไปที่แหล่งที่มาของเสียงทันที

ก่อนที่พวกมันจะทันได้คำรามออกมา หมัดและเท้าของหวังซ่งก็ได้พุ่งเข้ามาราวกับพายุแล้ว

หากสมรรถภาพทางกายของพวกมันถูกแปลงเป็นตัวเลข ซอมบี้ทั่วไปคงจะมีค่าสถานะประมาณ 6 หน่วย

ส่วนผู้ตื่นที่ทรงพลังอย่างหวังซ่งนั้นน่าจะมีค่าสถานะประมาณ 10-12 หน่วย!

มันแทบจะแตกต่างกันถึงสองเท่า

ซึ่งนี่ไม่ใช่การที่ซอมบี้สองตัวจะเท่ากับหวังซ่งหนึ่งคน

ความแตกต่างด้านค่าสถานะที่มากถึงสองเท่านำมาซึ่งภาพอันน่าตกตะลึง!

หมัดและเท้าของเขาทำให้เกิดเสียงแหวกสายลมดังออกมา

หวังซ่งสามารถแยกหัวซอมบี้ออกจากกันได้ด้วยการเตะและส่งมันให้กระเด็นออกไปกว่า 3 เมตร

แม้ว่าพวกมันจะขยับเข้ามาใกล้ได้ แต่หวังซ่งก็สามารถทุบหัวหรือหักคอของพวกมันได้อย่างง่ายดาย

นอกจากนี้เขายังไม่กลัวไวรัสซอมบี้ และรูปแบบการต่อสู้ของเขาก็ไม่มีข้อจำกัดเลย

ในสภาพแวดล้อมถนนที่คับแคบของหมู่บ้านในเมือง หวังซ่งจึงเป็นเหมือนรถบดดินที่กวาดล้างซอมบี้ทั้งหมดที่ขวางทางเขา!

ที่ชั้นบนตรงข้ามบ้านของหวังซ่ง ซอมบี้ยักษ์ที่ได้เห็นภาพทั้งหมดนี้ก็ยังใจเย็นอยู่

ตามที่คาดไว้ การล่าเหยื่อนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

หากเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัว ซอมบี้ยักษ์ก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวังซ่ง

แต่การล่าไม่ใช่การต่อสู้แบบตัวต่อตัว

ข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของซอมบี้ยักษ์ก็คือระดับของมันนั้นเหนือกว่าซอมบี้ธรรมดา!

นี่ทำให้ซอมบี้ยักษ์สามารถระดมกำลังซอมบี้ธรรมดาและควบคุมการเคลื่อนไหวของพวกมันได้

มันสามารถควบคุมซอมบี้ได้ครั้งละ 20 ตัวเลย

อย่างไรก็ตาม มันก็เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้พวกมันเพื่อทำให้เหยื่อของมันหมดแรง

เมื่อมองดูหวังซ่งเข่นฆ่าอย่างบ้าคลั่งอยู่เบื้องล่าง ซอมบี้ยักษ์ก็เปล่งเสียงแผ่วเบาที่มนุษย์ไม่ได้ยินออกมา

ดังนั้นเมื่อจำนวนซอมบี้ที่อยู่ข้างใต้ลดลง ซอมบี้จำนวนเท่ากันก็จะเข้ามาแทนที่ด้วยคำสั่งของซอมบี้ยักษ์ และพุ่งเข้าหาหวังซ่ง

อย่างไรก็ตาม หวังซ่งก็ได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาด้วยและดึงดูดซอมบี้จำนวนมากที่ไม่ได้ถูกควบคุมโดยซอมบี้ยักษ์เข้ามาอีก

ซอมบี้ยักษ์คำรามออกมา

ดูเหมือนว่าการล่าใกล้จะจบลงแล้ว

ดังสุภาษิตที่ว่า “ไม่มีทางหวนกลับ”

หวังซ่งและอีกสองคนเข้าใจได้โดยธรรมชาติว่าเมื่อพวกเขาออกมาแล้ว มันก็แทบไม่มีโอกาสที่จะได้กลับไปที่บ้านอีกเลย

เหล่าซอมบี้กรูกันเข้ามาเรื่อยๆ หวังซ่งอยู่ภายใต้แรงกดดันอันมหาศาล แต่ประสบการณ์อันยาวนานของเขาก็ทำให้เขาสามารถควบคุมพละกำลังเอาไว้ได้ เขาจึงสามารถยืนหยัดได้ในช่วงเวลาสั้นๆ

สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงก็คือหวังซ่งดูเหมือนจะเกิดมาเพื่อต่อสู้เลย หลังจากได้เห็นเลือด ไม่เพียงแต่เขาจะไม่กลัว แต่เขายังสงบมากขึ้นอีกด้วย เขาอาศัยชัยภูมิที่ได้เปรียบจัดการกับซอมบี้เรื่อยๆ จนเปิดทางได้ในเวลาแค่ 10 นาที

หลังจากเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งผ่านประตูลับด้านหลังและพักอยู่ครู่หนึ่งแล้ว หวังซ่งก็พาจางหลี่ซินและเมิ่งเจียออกมาทางประตูหน้าและเข่นฆ่าอย่างสนุกสนานต่อไป ในไม่ช้า พวกเขาทั้งสามก็เข้าใกล้สนามรบก่อนหน้านี้มากขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับที่ซอมบี้ยักษ์ประเมินความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของหวังซ่งต่ำเกินไป หวังซ่งก็ประเมินความยากลำบากในการหลบหนีต่ำเกินไปด้วยเหมือนกัน

เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ทางเข้าหมู่บ้าน ภูมิประเทศก็เปิดโล่งขึ้น

ภูมิประเทศที่เปิดโล่งขึ้นนั้นไม่เพียงแต่จะหมายความว่าพวกเขาจะถูกโจมตีได้มากขึ้นในเวลาเดียวกัน แต่มันยังหมายความว่าการปกป้องจางหลี่ซินและเมิ่งเจียยังยากขึ้นอีกด้วย

การเพิ่มความเข้มข้นของการต่อสู้ยังทำให้ความแข็งแกร่งของเขาลดลงอย่างมากอีก

ประมาณ 10 นาทีต่อมา ณ สี่แยกที่ห่างจากจุดหมายปลายทางของพวกเขาเพียงสองช่วงถนน ในที่สุดหวังซ่งก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป…

เสื้อผ้าของเขาถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และมีรอยกัดตื้นๆ 7-8 รอยบนร่างกายอันแข็งแกร่งของเขา เลือดไหลไปตามร่างกายของเขาและผสมกับเหงื่อของเขา

จางหลี่ซินเองก็หอบหายใจในขณะที่เขาปกป้องเมิ่งเจียเอาไว้ด้านหลัง

พวกเขาทั้งสามซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงและถังขยะขนาดใหญ่สองใบ สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่ฝูงซอมบี้ ใบหน้าของพวกเขาแต่งแต้มไปด้วยความสิ้นหวัง

ในขณะที่หวังซ่งรวบรวมกำลังทั้งหมดของเขาและเตะซอมบี้เข้าที่หัวจนตาย ทันใดนั้นมันก็มีเสียงคำรามดังสนั่นดังมาจากระยะไกล

เมื่อได้ยินเสียงนี้ เหล่าซอมบี้ก็กระสับกระส่ายทันที จากนั้นพวกมันก็หยุดโจมตีและถอยไปอย่างช้าๆ

“ตามที่คาดไว้เลย!”

เมิ่งเจียลดเสียงลงและพูดออกมา หวังซ่งพยักหน้าเล็กน้อยและมองไปยังทิศทางของเสียงคำราม

ซอมบี้สูง 2 เมตรที่มีหัวเป็นมันเงาและมีกล้ามเนื้อปูดโปนได้เดินเข้ามาราวกับแม่ทัพ มันผลักซอมบี้ที่อยู่ข้างหน้าออกไปและหยุดอยู่ห่างจากพวกหวังซ่งไป 5 เมตร

สายตาของมันจับจ้องมาที่หวังซ่ง

ดวงตาสีซีดของซอมบี้ยักษ์เต็มไปด้วยความรุนแรง ความหิวโหย และความสุข

มันมีเพียงความสงบในดวงตาของหวังซ่งเท่านั้น

“ตัวละครหลักมาแล้ว…”

ในขณะที่เขาพึมพำ พลังระลอกใหม่ก็ปะทุขึ้นในร่างกายของเขา!

ใช่แล้ว ความอ่อนแอเมื่อครู่เป็นแค่ภาพลวงตา ในเมื่อหวังซ่งรู้แล้วว่ามีซอมบี้ระดับสูงอยู่เบื้องหลังฝูงซอมบี้พวกนี้ เขาจะทุ่มแรงทั้งหมดไปกับพวกเหยื่อล่อทำไม?

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้หวังซ่งและอีกสองคนต้องประหลาดใจก็คือ…

เมื่อเห็นการแสดงออกของหวังซ่ง ซอมบี้ยักษ์ก็ถอยหลังไปสองก้าวทันที

ซอมบี้ยักษ์คำราม และเสียงคำรามของฝูงซอมบี้ก็ดังก้องทันที พวกมันกรูกันเข้าหาหวังซ่งและเริ่มโจมตีระลอกที่สอง

ใบหน้าของหวังซ่งแข็งค้างไป “เชี่ย…”

เขาไม่คาดคิดจริงๆ ว่าแม้หลังจากที่เขาทำการกระทำที่น่าสมเพชเช่นนี้แล้ว ซอมบี้ยักษ์ก็ยังสามารถประคองสถานการณ์ต่อไปได้

การรักษาสถานการณ์เช่นนี้เอาไว้ทำลายความหวังในการเอาชีวิตรอดของหวังซ่งและสหายของเขาทันที

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด