ตอนที่แล้วบทที่ 111: จงส่งมอบเงินมาก่อนมืดค่ำ แล้วมลทินของเจ้าจักถูกลบล้าง!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 113: บัลลูนลมร้อนประสบความสำเร็จหรือความล้มเหลว?

 บทที่ 112: การประชันอาวุธในอีกโลกหนึ่งได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 112: การประชันอาวุธในอีกโลกหนึ่งได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!

หลังจากการขึ้นราชสำนักในช่วงรุ่งสาง เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรให้ทำในสถาบันจักรพรรดิ หลินเป่ยฟานจึงเดินไปที่ห้องปฏิบัติการของกรมโยธาเพื่อปฏิบัติหน้าที่กำกับดูแลของเขา

ระหว่างทาง เขาพบขุนนางจำนวนมากจากกรมโยธา เขาจึงได้เข้าไปพูดคุยกับพวกเขา

ทันทีที่พวกเขาเห็นสีหน้าอันมืดมนของหลินเป่ยฟาน ใบหน้าของพวกเขาก็กลับกลายเป็นน่าเกลียด

บางคนถึงกับกัดฟันกรอดและเดินหนีไปทันที

หลินเป่ยฟานยิ้มเยาะออกมา เขาชอบมากที่พวกเขาดูจะทนเขาไม่ได้ แต่ก็ไม่อาจกำจัดเขาไปได้

ไม่นานนัก เขาก็มาถึงห้องปฏิบัติการของกรมโยธา

ในเวลานี้ ช่างฝีมือหลายพันคนได้รวมตัวกันในห้องปฏิบัติการ พวกเขาใช้ความพยายามอันเหลือล้นในการผลิตบัลลูนลมร้อนที่ถือว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์บินได้

หลินเป่ยฟานได้รับการต้อนรับจากรองเจ้ากรมที่ไม่ชอบหน้าเขา แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำเช่นนี้

“ท่านหลิน ตั้งแต่รับงานนี้มา เราก็ได้รวบรวมช่างฝีมือจำนวนมาก พวกเขาได้ผลิตบัลลูนลมร้อนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหกชั่วยาม ยามนี้เรากำลังผลิตบัลลูนลมร้อนยี่สิบลูกพร้อมกัน ซึ่งคาดว่าจะเสร็จในไม่ช้านี้!”

หลินเป่ยฟานพยักหน้า "ไม่เลว เช่นนั้นจะพร้อมใช้งานเมื่อไร? องค์จักรพรรดินีทรงกระตือรือร้นที่จะใช้พวกมันมาก!”

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง รองเจ้ากรมก็กล่าวว่า “ถ้าทุกอย่างราบรื่น เราสามารถส่งมอบให้ได้ภายในสามวัน”

"ดี!" หลินเป่ยฟานพยักหน้า

ทั้งสองคนยังคงเดินไปข้างหน้าถึงจุดบริเวณทำบัลลูน

ยามนี้มีคนงานจำนวนมากอยู่ข้างใน พวกเขาวางผ้าชิ้นใหญ่ลงในสระน้ำสีเขียว แช่พวกมันไว้จนมิด

จากนั้นพวกเขาก็นำมันออกมาตากให้แห้ง

เมื่อแห้งแล้ว พวกเขาก็แช่พวกมันในน้ำอีกครั้ง

กระบวนการนี้ถูกทำซ้ำหลายครั้ง จนกระทั่งมันก่อตัวเป็นซองกันซึม กันอากาศ เพื่อให้ตัวบัลลูนลมร้อนมีความทนทานมากยิ่งขึ้น

นี่คือกุญแจสำคัญในการสร้างบัลลูนลมร้อน

บัลลูนลมร้อนสามารถทำได้สำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับขั้นตอนนี้

ทว่ากระบวนการนี้มีแนวโน้มที่จะเกิดข้อผิดพลาดมากที่สุดเช่นกัน

หลินเป่ยฟานจ้องไปที่สระน้ำสีเขียวและตะโกนว่า “เดี๋ยวก่อน!”

"มีอะไรงั้นหรือท่านหลิน?"

“สระน้ำนี้ไม่ดี ตัวเคลือบคงไม่อาจใช้การได้!”

เจ้ากรมรู้สึกสับสน “แต่เราทำสระนี้ตามวิธีการผลิตของท่านหลินเลยนะ!”

“เดิมทีวิธีการผลิตนั้นก็ใช้ได้ แต่หลังจากใช้หลายครั้ง ผลของกาวเคลือบจะเสื่อมสภาพลง!” หลินเป่ยฟานคว้าวัตถุดิบด้านข้างออกมาและโยนลงไปในสระน้ำด้วยสัดส่วนที่แน่นอน

สักพักหลินเป่ยฟานก็ปรบมือ “เอาล่ะ ผสมทุกส่วนให้เข้ากันแล้วย้อมอีกสองครั้ง!”

รองเจ้ากรมรู้สึกสับสน “ท่านหลิน นี่ …”

หลินเป่ยฟานยิ้มและกล่าวออกมา “มันเป็นหลักการทางเคมีที่ซับซ้อนที่ท่านคงจะไม่เข้าใจแม้ว่าข้าจะอธิบายไปแล้วก็ตาม แค่จำไว้ว่าเมื่อกาวเจือจางลง ท่านต้องโยนวัตถุดิบลงไปสระเพิ่มในสัดส่วนที่เหมาะสม จนกว่าน้ำจะกลับมาเป็นสีเขียวเข้มดั่งเดิม การเพิ่มมากขึ้นหรือน้อยลงย่อมไม่ได้ผลกับมัน!”

“ทราบแล้ว ข้าจะปฏิบัติตามนั้น!”

หลังจากตรวจสอบทางกรมโยธาแล้ว หลินเป่ยฟานก็ไปดูการฝึกฝนของเหล่านักรบเวหา

เมื่อมาถึงค่ายของกองทหารหลวง หลินเป่ยฟานก็ได้รับการต้อนรับจากผู้บัญชาการกองทหารหลวงผู้มีนามว่าจ้าวในทันที เขาดำรงตำแหน่งขุนนางระดับสี่ เป็นยอดฝีมือขอบเขตต้นกำเนิดที่ทรงพลัง ทั้งยังสั่งการกองกำลังทหาร 30,000 นาย เขาได้รับความเคารพและได้รับความไว้วางใจจากจักรพรรดินีอย่างสูง

ทันทีที่หลินเป่ยฟานมาถึงค่ายทหาร ทุกคนก็รออยู่ที่ทางเข้าพร้อมกับยิ้มและโค้งคำนับให้ “ในที่สุดท่านหลินก็มาแล้ว! เชิญเลยขอรับ พวกเรารอท่านมานานแล้ว!”

หลินเป่ยฟานตอบกลับอย่างสุภาพว่า “ผู้บัญชาการจ้าว ท่านสุภาพเกินไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำใหญ่โตถึงเพียงนี้เลย”

“มันไม่มีปัญหาสักนิดเดียว เป็นเกียรติของข้าด้วยซ้ำที่ได้พบกับท่านหลิน! ฮ่าฮ่า!” เขาหัวเราะออกมาเสียงดังสนั่น

เขาไม่กล้าทำตัวอวดีเกินไปต่อหน้าหลินเป่ยฟานเด็ดขาด

เพราะเขาคือขุนนางระดับสูงคนใหม่ผู้ทำคะแนนสูงสุดได้ในการสอบจอหงวนในรอบสามปี!

ในเวลาเพียงสามเดือน เขาได้ก้าวกระโดดในตำแหน่งขุนนางขึ้นไปสามระดับจนกลายเป็นขุนนางระดับห้า!

เขาเป็นที่ชื่นชอบของจักรพรรดินีและได้รับรางวัลจากนางบ่อยครั้ง!

เขากล้าเผชิญหน้ากับขุนนางพลเรือนและทหาร จนทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่พอใจ แต่เขาก็ยังใช้ชีวิตอย่างไร้กังวล!

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาได้สอบปากคำขุนนางทั้งหมดของกรมโยธา!

เขาไม่ได้ไว้หน้าเสนาบดีกรมโยธาด้วยซ้ำ!

กล้าหาญและบ้าบิ่นยิ่ง!

ใครกันจะกล้าทำให้คนที่กล้าหาญและบ้าบิ่นเช่นนี้ขุ่นเคือง?

ทั้งสองคุยกันและหัวเราะออกมาขณะที่เดินเข้าไปยังค่ายทหาร

พวกเขามาถึงพื้นที่เปิดโล่งที่ซึ่งมีสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์บินได้ชิ้นแรก หรือก็คือบัลลูนลมร้อน

ข้างในตัวมันอัดลมอันร้อนอบอ้าวเข้าไปแล้ว แต่มันยังไม่ได้บินขึ้นไป มีทหารร่างผอมแห้ง 30 นายกำลังฝึกอยู่ใกล้ๆ

“ท่านหลินทั้ง 30 คนนี้เป็นนักรบเวหาชุดแรกของเราที่คัดสรรมาอย่างดีจากกองทหารหลวง พวกเขาเป็นนักรบที่ซื่อสัตย์ กล้าหาญและมีฝีมือ! พวกเขาทั้งหมดมีความสามารถถึงระดับแปดเป็นอย่างน้อย มีสามคนที่ไปถึงระดับเจ็ด! ท่านหลิน เป็นเช่นไรบ้าง?” ผู้บัญชาการจ้าวกล่าวออกมาอย่างภาคภูมิใจ

"ไม่เลว! ผู้บัญชาการจ้าว ท่านทำได้ดีมาก!” หลินเป่ยฟานยิ้มออกมา

การเลือกนักรบเวหานั้นก็คล้ายกับการเลือกนักบิน

ประการแรก ความภักดีเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และประการที่สอง พวกเขาจำเป็นต้องมีสมรรถภาพทางกายที่ยอดเยี่ยม

ซึ่งข้อกำหนดที่สองนี้เป็นสิ่งที่บกพร่องไปไม่ได้โดยเด็ดขาด

มิฉะนั้นหากมีอันตรายใดๆ เกิดขึ้น พวกเขาคงจะไม่สามารถหลบหนีได้และต้องพานพบกับการตายของพวกเขาเท่านั้น!

“ตอนนี้การฝึกของพวกเขาอยู่ในขั้นตอนใดแล้ว? พวกเขาได้ทำการทดสอบการบินครั้งที่สองหรือยัง?” หลินเป่ยฟานเอ่ยถาม

“การฝึกสร็จสิ้นแล้ว แต่เรายังไม่ได้ทำการบินครั้งที่สอง” ผู้บัญชาการจ้าวตอบ

หลินเป่ยฟานรู้สึกประหลาดใจพอสมควร "จริงเหรอ? มันก็ค่อนข้างนานแล้ว ไฉนพวกเขายังไม่ได้ดำเนินการบินทดสอบครั้งที่สองเล่า?”

ผู้บัญชาการจ้าวยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้! ถึงเราจะมีวิธีการนำร่องจากท่าน แต่ทุกคนก็ล้วนเป็นผู้ไม่มีประสบการณ์ พวกเขาไม่เคยบินมาก่อน ดังนั้นประสบการณ์ของพวกเขาจึงขาดหายไปและทำให้ลังเล! หากมีเหตุร้ายเกิดขึ้นและสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์นี้ได้รับความเสียหาย เราคงจะไม่สามารถรับผิดชอบได้!”

หลินเป่ยฟานได้แต่หัวเราะออกมา “ผู้บัญชาการจ้าว ท่านระมัดระวังเกินไปแล้ว! ข้าขอบอกท่านเลยว่าในอีกไม่กี่วัน ทางกรมโยธาก็จะผลิตบัลลูนอีก 20 ลูกแล้ว! หากบัลลูนหนึ่งลูกได้รับความเสียหาย ก็ยังมีอีก 20 ลูกที่ให้ใช้ ไม่จำเป็นต้องกังวลสักนิดเดียว!”

“นอกจากนี้ ถึงพวกเขาจะขาดประสบการณ์ แต่อย่าลืมว่าข้าเองก็อยู่ที่นี่ด้วย ในฐานะคนแรกที่เคยบินขึ้นไปบนฟากฟ้า ข้าเขียนวิธีการนำร่องให้พวกท่านเรียนรู้อย่างเสร็จสรรพแล้ว ข้าจะเป็นผู้แนะนำท่านบินและทำความคุ้นเคยกับการขับบัลลูนลมร้อนอย่างรวดเร็วเอง!”

อันที่จริง หลินเป่ยฟานไม่สามารถต้านทานความยั่วยวนที่อยากจะได้บินบนท้องฟ้าอีกครั้งหนึ่ง

ดังนั้นเขาจึงหาข้ออ้างที่สมเหตุสมผล

“ท่านหลิน คำแนะนำของท่านก็เพียงพอสำหรับเราแล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องขึ้นไปอีกครั้งเลย” ผู้บัญชาการจ้าวกล่าวอย่างรวดเร็ว

“ถ้าข้าไม่บิน เช่นนั้นข้าจะสอนวิธีการบินแก่พวกท่านได้อย่างไร?” หลินเป่ยฟานตอบกลับไป

"แต่ท่านหลิน มันอันตรายเกินไป! ถ้ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับท่านจะเป็นเช่นไรเล่า? เราจะอธิบายให้องค์จักรพรรดินีทราบยังไง?” ผู้บัญชาการจ้าวกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น

“ไม่ต้องกังวล ตัวข้าจักไม่ได้รับอันตรายใด” หลินเป่ยฟานโบกมือไปมา

“ท่านหลิน นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะสื่อ! ข้าหมายถึงฝ่าบาทได้ห้ามไม่ให้ท่านขึ้นบัลลูนลมร้อนแล้ว หากท่านขึ้นบอลลูน เราก็เสมือนฝ่าฝืนพระราชกฤษฎีกาของจักรพรรดิและถูกประหารชีวิตเป็นแน่!”

หลินเป่ยฟานตกตะลึง “กล่าวว่าเช่นไรนะ? จักรพรรดินีสั่งการเช่นนั้นโดยมุ่งเป้ามาที่ข้างั้นหรือ?”

“มันเป็นสิ่งที่ฝ่าบาททรงตรัสไว้จริงๆ ขอรับ!” ผู้บัญชาการจ้าวมองไปยังหลินเป่ยฟานด้วยความอิจฉาและกล่าวอีกว่า “ฝ่าบาทได้ตรัสว่าชีวิตของท่านมีความสำคัญต่ออาณาจักรอู๋อันยิ่งใหญ่ ความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคง ดังนั้นจึงห้ามมิให้เรื่องใดผิดพลาดโดยเด็ดขาด! หากท่านยืนกรานที่จะขึ้นบัลลูน เราทุกคนที่นี่ย่อมต้องประสบปัญหาแน่ ท่านเห็นหรือไม่ว่าฝ่าบาททรงเห็นคุณค่าของท่านอย่างมาก ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิดท่านหลิน!”

อารมณ์ของหลินเป่ยฟานกลับกลายเป็นโมโหขึ้นมาในทันที!

เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น!

สิ่งที่เขาต้องการยามนี้คืออยากจะบิน!

“ผู้บัญชาการจ้าว คงไม่ได้หรอก ถ้าข้าไม่บิน เช่นนั้นข้าจะสอนวิธีการบินแก่พวกท่านได้ยังไง? ได้โปรดหาคำกล่าวดีๆ ไปพูดกับองค์จักรพรรดินีก็พอแล้ว มันเป็นแค่การบินระยะสั้น ด้วยประสบการณ์ของข้า มันย่อมไม่มีปัญหาอะไรเลย พวกท่านทุกคนวางใจได้!”

เมื่อเห็นหลินเป่ยฟานพยายามดื้อดึงอย่างต่อเนื่อง ผู้บัญชาการจ้าวที่ไม่ต้องการทำให้เขาขุ่นเคืองก็ได้แต่ตอบตกลง “เช่นนั้นย่อมได้! ข้าจะแจ้งให้ฝ่าบาททราบถึงความต้องการของท่านหลิน ถ้าหากองค์จักรพรรดิตอบปฏิเสธ พวกข้าเองก็ไม่อาจทำได้!”

“ขอบคุณท่านผู้บัญชาการจ้าว!”

ไม่นานหลังจากนั้น ภายในพระราชวัง…

จักรพรรดินีที่กำลังตรวจสอบฎีกาก็ได้รับข้อความลับจากผู้บัญชาการจ้าว มันทำให้นางประหลาดใจยิ่ง

"อะไรนะ? หลินเป่ยฟานต้องการขึ้นบัลลูนลมร้อนอีกครั้งงั้นหรือ?”

หัวหน้าขันทีพยักหน้าด้วยความเคารพ “ขอรับฝ่าบาท! ขุนนางระดับสูงผู้นั้นได้กล่าวว่าเพียงแค่ขึ้นบัลลูนลมร้อนก็สามารถสอนวิธีการบินได้อย่างสะดวก มันจะทำให้สามารถฝึกกลุ่มนักรบเวหาได้อย่างรวดเร็วยิ่งยวดมากขึ้น!”

จักรพรรดินีกลับไปสนใจฎีกาในมือและกล่าวว่า “บอกเขาไปว่าไม่อนุญาต! ชายผู้นั้นกล้าที่จะตัดเชือกและบินออกนอกเมืองในการบินครั้งแรกของเขา เราเกือบจะหาเขาไม่เจอแล้ว! จะให้บินอีกครั้งงั้นเหรอ? ไม่มีทางเด็ดขาด”

หัวหน้าขันทีก้มศีรษะลง “น้อมรับบัญชาฝ่าบาท!”

ในขณะที่เขากำลังจะออกไปและส่งสารไปต่อ จักรพรรดินีก็กล่าวขึ้นมา “เดี๋ยวก่อน!”

หัวหน้าขันทีหันกลับมาถามด้วยความเคารพ “ฝ่าบาท ท่านต้องการรับสั่งสิ่งใดเพิ่มเติมหรือ?”

จักรพรรดินีชี้ไปที่ผลไม้บนถาดข้างๆ และกล่าวว่า “แตงโมฤดูหนาวจากภูมิภาคตะวันตกนี้ค่อนข้างเลิศรส หวานฉ่ำอร่อยยิ่งเมื่อแช่เย็น ส่งไปให้ท่านหลินชิมด้วย!”

“ขอรับฝ่าบาท!” หัวหน้าขันทียกถาดขึ้นด้วยมือทั้งสองข้างและเดินออกไป

ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ขันทีหลายคนก็มาถึงกองทหารหลวง

“องค์จักรพรรดินีมีรับสั่งว่า ห้ามมิให้หลินเป่ยฟานขึ้นบัลลูนลมร้อนที่เป็นสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ ดั่งที่สั่งไว้ก่อนหน้านี้!”

ใบหน้าของหลินเป่ยฟานรู้สึกผิดหวังยิ่ง ผู้บัญชาการจ้าวก็เช่นเดียวกัน

ในยามนั้นเอง ขันทีหนุ่มสองคนก็เปิดกล่องอาหารที่ดูประณีตขนาดใหญ่และหยิบผลไม้แช่เย็นออกมาจากข้างใน

“ท่านหลิน สิ่งเหล่านี้เป็นผลไม้ที่จักรพรรดินีทรงมอบให้มา มันคือแตงโมฤดูหนาวจากภูมิภาคตะวันตก ทั้งหวานและฉ่ำและเลิศรสมากเมื่อแช่เย็น เชิญชิมได้เลยขอรับท่านหลิน!”

หลินเป่ยฟานกะพริบตาปริบๆ จักรพรรดินีทำเช่นนี้หมายความว่ายังไงกัน?

นางกำลังบอกเป็นนัยว่าเขาควรจะเป็นเพียงแค่ผู้เฝ้ามองและหยุดสร้างปัญหางั้นหรือ?

ด้วยเหตุนี้ หลินเป่ยฟานจึงทำได้เพียงนั่งกินแตงโมแช่เย็นขณะที่บอกกล่าวนักรบเวหาว่าควรบินเช่นไร

วันเวลาได้ผ่านไปสามวันอย่างรวดเร็ว

บัลลูนลมร้อน 20 ลูกจากกรมโยธาได้ถูกส่งมอบตรงเวลา

ด้วยบัลลูนลมร้อน 20 ลูก ความเร็วในการฝึกของนักรบเวหาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก

ด้วยเวลาอีกสามวัน พวกเขามีความเชี่ยวชาญในด้านการบินและสามารถขึ้นไปที่ระดับความสูงสี่สิบถึงห้าสิบเมตรได้

จักรพรรดินียินดีอย่างยิ่งและมอบรางวัลให้แก่ทุกคนอย่างมากมาย

นอกจากนี้แล้ว นางยังได้ตัดสินใจที่จะจัดพิธีเปิดตัวมันในไม่ช้า นางจะให้บัลลูนลมร้อนทั้ง 20 ลูกขึ้นไปสะเทือนโลก

ในวันนั้น เมื่อบัลลูนลมร้อนทั้ง 20 ลูกลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือนครหลวง ทั้งเมืองก็คึกคักกันอย่างยิ่ง!

มันได้รับการยกย่องว่าเป็นปรากฏการณ์ในรอบร้อยปีที่หาได้ยากยิ่งในอาณาจักรอู๋อันยิ่งใหญ่!

ภาพที่ไม่ค่อยได้เห็นนี้ได้ถูกแพร่กระจายข่าวไปทั่วนครอื่น มันได้ถูกส่งต่อไปยังดินแดนอื่นอย่างรวดเร็ว!

อ๋องและผู้ปกครองจากดินแดนต่างๆ ก็รู้สึกถึงคราววิกฤต!

อาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่ได้ครอบครองบัลลูนลมร้อน สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งทะยานสู่ฟากฟ้าไปแล้ว 20 ลูก!

ทว่าพวกเขากลับยังไม่สร้างมันขึ้นมาได้ด้วยซ้ำ!

พวกเขาจะต่อกรกับอาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่ในอนาคตได้เช่นไร?

ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงลงทุนทรัพยากรและความพยายามมากขึ้นในการผลิตบัลลูนลมร้อน

การประชันพัฒนาอาวุธในอาณาจักรอื่นๆ ก็ได้เริ่มขึ้นด้วยประการฉะนี้!

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด