ตอนที่แล้ว@Restaurant 9
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป@Restaurant 11

@Restaurant 10


“อารุจใจดีที่สุดเลย เย้!” หญิงสาวลืมวัยตัวเองรีบกระโดดกอดเอวชอบชายแก่ เนื้ออกแน่นๆ เบียดเสียดแผ่นหลังศรารุจแบบไม่ต้องจินตนาการให้วุ่นวาย

หนุ่มใหญ่หลับตาข่มอารมณ์ท่องไว้ในใจว่า...นี้หลานสาว!

“หลานเว้ยหลาน”

“ก็หลานของพวกเราไง,คนเก่ง! พรุ่งนี้มาเริ่มงานเลยติดอะไรมั้ยหนูแยม”

“ไม่ติดค่ะอาสน แต่ช่วงแรกแยมขอกลับก่อนสี่ทุ่มนะคะ พอดีว่ารถสองแถวเข้าหอพักหมดห้าทุ่มแยมกลัวกลับไม่ทันรอบสุดท้าย”

“แล้วเราจะสะดวกเลิกดึกเมื่อไร”

“สัญญาหกเดือน นี้ก็เหลืออีกสองเดือนค่ะ เดี๋ยวแยมมาหาห้องเช่าแถวๆ นี้”

“แล้วพ่อเราล่ะ”

“อาสนก็รู้ว่าแยมไม่ใช่ลูกพ่อจริงๆ ตั้งแต่แม่ตายพ่อก็ยิ่งไม่สนใจแยมเข้าไปอีก พอสิ้นบุญอานาแยมก็เหมือนตัวคนเดียว ต้องหาเงินส่งตัวเองเรียน...ทำไงได้ล่ะเนาะ แหะๆ” หญิงสาวหัวเราะแห้งๆ ให้กับชะตาชีวิต

ก่อนหน้านี้เธออบอุ่นหัวใจเพราะมีอาสาวคอยดูแลและรักเธอเหมือนลูกแท้ๆ แต่พอรัตนาล้มหมอนนอนเสื่อเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลด้วยโรคร้ายแรงแยมก็ไม่อยากเป็นตัวภาระ

เด็กสาวออกมาดูแลตัวเอง หางานทำหลังเลิกเรียนเพื่อลดค่าใช้จ่ายของคุณอาสาว

“หอเราอยู่ไหน”

“หลังโรงเรียนเลยค่ะ ถ้านั่งวินก็แค่ห้านาทีถึงแต่นั่งสองแถวประหยัดกว่า”

“แล้วนี่กว่าจะนั่งรถเมล์กลับอีก จะถึงนู่นกี่โมง มาทำงานนี้มันจะคุ้มกันเหรอ” ศรารุจพยายามพูดจาโน้มน้าวเพื่อให้แยมเปลี่ยนใจแม้จะเผลอตอบรับไปแล้ว เขาไม่อยากให้หลานรักของรัตนามายุ่งกับธุรกิจของเขากับโกศล

เผลอจินตนาการไปตอนว่าแยมขึ้นห้องพักช่วยรับงานด้วยแล้วมัน...โคตรเสียว!

“ถึงไม่คุ้มแต่แยมเต็มใจมาช่วยงานค่ะ ยังไงซะทำงานกับอาต้องดีกว่าทำงานกับคนอื่นอยู่แล้ว”

“แน่นอน! เรื่องค่าเทอมค่าหน่วยกิตบอกอาได้เลยนะแยม” โกศลหน้าใหญ่รีบเสนอตัว

รายได้จากธุรกิจโฮลเทลมีมากพอส่งหลานนอกไส้เรียนจบได้สบายๆ อยู่แล้ว

“โชคดีของแยมจริงๆ เลย ขอบคุณอาสนมากนะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้ผู้ใหญ่แล้วซบลงที่แผงอก โกศลอ้าแขนรับและสวมกอดกลับ ตบหลังหลานเบาๆ

รู้สึกเป็นผู้ใหญ่ใจบุญสุนทานมีเมตตาธรรมที่ตนได้มีส่วนส่งเสียอนาคตของชาติให้มีการศึกษาที่ดีต่อไป

“อะๆ! เรียบร้อยแล้วก็รีบกลับนะ เดี๋ยวจะถึงที่นู่นดึก”

ศรารุจแอบหมั่นไส้โกศล จริงๆ แล้วแอบห่วงหลานแยมที่โตเป็นสาวสะพรั่งแล้วยังไม่รู้จักสงวนท่าทีถึงเนื้อถึงตัวผู้ชาย แม้จะเป็นอาหลานกันก็เถอะแต่ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวเนื่องกันโดยสายเลือดเสียหน่อย

“เฮ้ยไอ้รุจ! นานๆ จะได้เจอหลานมึงจะรีบไล่แยมกลับทำไมวะ”

“มึงไม่ต้องทำงานเหรอ”

“วันนี้วันไร”

“วันอะไร”

“ก็วันศุกร์ไง”

“แล้ว...!?”

“เรามีลูกค้าประจำแล้วไงทุกวันศุกร์ มึงลืมเหรอ”

“อ๋อ...” ศรารุจนึกขึ้นได้

แม่ดาราสาวและคู่เสียวต้องการความเป็นส่วนตัวจึงเหมาที่นี่ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนจนกระทั่งเช้า

ดูสิ! พอแยมมาเขาก็ลืมนางเอกในดวงใจไปหมดสิ้น

“ดีเลยค่ะ! แยมจะได้แนะนำตัวกับลูกค้าประจำที่นี่ด้วย”

“รายนี้เขามาเกือบสว่าง แยมอยู่รอไม่ได้หรอก”

“ฮะ! แล้วเขาเช็กเอ้าส์ออกกี่โมงคะ”

“เอาเป็นว่าเรื่องงานเราค่อยมาเรียนรู้ทีหลัง วันนี้ถือว่าเป็นวันรวมญาติแล้วกัน สิบแปดแล้วกินเหล้าได้เนาะ” โกศลตัดบท

เขาไม่ได้บอกข้อมูลเกี่ยวกับโฮลเทลให้แยมรู้เลยเพราะกลัวหลานจะปฏิเสธไม่มาช่วยงาน

รอไว้มาทำเต็มเวลาแล้วค่อยๆ ป้อน ค่อยๆ สอนงานไป ให้แยมมีเวลาปรับตัว

“ไอ้สน! หลานยังเด็กอยู่นะ”

“ไม่เด็กแล้วล่ะ”

“แยมกินได้ค่ะ คอไม่แข็งเท่าไรนะคะแต่ถ้าสักขวดสองขวดแยมอยู่ได้ค่ะ สบายมาก”

“เบียร์เหรอ”

“อาสนชวนกินเหล้าไม่ใช่เหรอ”

“เช็ด...! เด็กสมัยนี้มันได้วะ” โกศลชอบใจเดินไปหยิบขวดแก้วสี่เหลี่ยมทรงสวยออกมาพร้อมแก้ว

หยิบน้ำแข็งเทใส่กระติก โซดา น้ำและกับแกล้มไว้รอท่า

“แยม! เราเป็นผู้หญิงและก็เพิ่งสิบแปดเองนะ”

“ก็เพราะงี้ไงค่ะอารุจ แยมถึงต้องรู้จักเรียนรู้ชีวิตและรู้จักวิธีเอาตัวรอด”

“ฮะ?”

“จะมีสักกี่งานที่แยมจะหาทำได้หลังเลิกเรียนล่ะคะ ร้ายสะดวกซื้อได้ชั่วโมงละไม่กี่สิบบาท งานห้างเขาก็รับแค่พนักงานประจำ ทางเลือกก็มีแค่ร้านเหล้า”

“ทำงานร้านเหล้าต้องกินเหล้าด้วยเหรอแยม”

“ก็ต้องกินให้เป็นค่ะ คืนหนึ่งลูกค้าเลี้ยงเหล้าแยมแก้วละโต๊ะ ยี่สิบโต๊ะก็ยี่สิบแก้วถ้าแยมไม่กินก็อดทิป แต่ถ้าเมาก็เสียงานหรือเสียตัวให้พวกมือไวทั้งหลาย แยมก็เลยต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ค่ะ” เด็กสาวเล่าถึงชีวิตตัวเอง

สังคมรอบตัวหล่อหลอมเธอให้เป็นในแบบปัจจุบัน

“แต่อาว่ายังไงมันก็ไม่เหมาะกับแยม”

“แยมรู้ค่ะอารุจ แยมก็รอจนเรียนจบปวช.ให้ได้วุฒิก่อนนี้แหละคะ ถ้าไม่ต่อปวส.ก็ว่าจะออกไปหางานการที่มันดีกว่านี้”

“แล้วมีแฟนรึเปล่า”

“เคยมีค่ะ”

“ฮะ” สองอาสะดุ้งเฮือก

หนุ่มใหญ่วัยดึกอยากรู้วิถีชีวิตวัยรุ่น

“คบกันนานรึเปล่า”

“เด็กสมัยนี้ไม่คู่ไหนคบกันนานหรอกค่ะ”

“อายุยังน้อยเปลี่ยนแฟนบ่อยๆ มันดูไม่ดีนะแยม”

“ดูไม่ดีตรงไหนคะ”

“ไอ้รุจ! มึงนี้หัวโบราณจังนะ นี้มันพ.ศ.ที่เท่าไรแล้ว เขาไม่มายด์เรื่องพวกนี้หรอก” หนุ่มใหญ่ครองความโสดมาจนสี่สิบปีพูดขึ้น

โกศลไม่แคร์เรื่องพวกนี้เพราะไม่คิดจะมีเมียจริงจังอยู่แล้ว

“เราก็เลือกคนดีๆ ดูใจกันนานๆ ก่อนค่อยคบ”

“ถ้าคนที่เราชอบมาจีบก็คบเลยสิคะ จะต้องดูอะไรอีก”

“ก็ดูนิสัยใจคอว่าเข้ากันได้มั้ย”

“แยมก็ไม่ได้ชอบนักเลงหรือคนไม่ดีนี้ค่ะ ก็มีบ้างที่เข้ามาจีบแยม แยมก็คุยกันสักพักมีเยอะอยู่นะคะที่เคมีไปต่อไม่ได้ก็เลิกคุย แยมก็บอกเขาตรงๆ หรือไม่ก็บล็อก แต่ถ้าคนไหนถูกใจด้วยแถมคุยถูกคออีกก็คบเลยค่ะ แยมก็เลือกอยู่นะอารุจ ไม่ใช่ว่าแยมจะคบทุกคนที่เข้ามาจีบนะคะ”

“อาไม่ได้หมายความอย่างนั้น” ศรารุจพยายามสอนหลานสาว

คนแก่ไม่รู้จะอธิบายว่ายังไงดี

เขาควรจะบอกหลานสาวตรงๆ ดีไหมว่าผู้ชายไม่ว่าจะยุคสมัยไหนมันเหมือนกันหมดนั่นแหละ

มันไม่ได้จีบสาวทุกคนและอยากมีรักแท้ที่คบยืดยาวเพื่อแต่งเมียมาเป็นแม่ของลูกหรอก มันก็แค่อยากกิน อยากจิ้ม อยากเอาไว้ระบายความเสี้ยนให้เสร็จสมพอเบื่อแล้วก็จากไปทั้งนั้น

ยิ่งหลานเขาอวบอัดน่าฟัดขนาดนี้ด้วย หนุ่มๆ คงจะรุมจีบให้วุ่นวายปวดหัวแน่ๆ

“แล้วมึงหมายความว่าไงไอ้รุจ พูดจาอ้อมโลกอยู่ได้”

“ก็!”เอาเป็นว่าให้ดูนิสัยใจคอกันนานๆ”

“ต้องนานแค่ไหนล่ะ นานเท่ามึงกับรัตนามั้ย”

“ทำได้มั้ยล่ะ อากับรัตนาคุยกันเป็นเพื่อนกันตั้งสามสี่ปีกว่าจะตกลงเป็นแฟนกัน”

“แล้วระหว่างที่ยังไม่ได้เป็นแฟนกับนามึงทำไง”

“ทำอะไร” ศรารุจงงกับคำถามของโกศล

“ก็แบบว่า...”

“ก็ไม่มี...” สองหนุ่มใหญ่อึกอัก

เพราะมีคนต่างเพศนั่งร่วมวงอยู่ จะพูดจาอะไรกันอาจฟังดูสุดโต่งไปหน่อย อีกอย่างแยมก็เป็นหลาน

“จะบ้าเหรอ! สามสี่ปีไม่มีแฟนให้เอาแล้วเวลาเสี้ยนมึงทำไง ชักเอาเหรอ มือด้านตายห่า”

“ไอ้สน!”

“อาสน! พูดอะไรคะเนี้ย” แยมยิ้มหน้าแดงเขินอายแทนที่ได้ยินโกศลแซวศรารุจ

“มันก็งั้นเปล่าวะ ก็เราต้องพิสูจน์ให้ผู้หญิงเขามั่นใจในตัวเรา ใครจะเหมือนมึงวะ เอาดะไปทั่ว”

“ก็กูไม่ได้อยากมีเมียเป็นตัวเป็นตนอย่างมึงนี้ ใครให้กูก็เอา ถึงไม่ให้กูก็เอา ความสุขของชีวิตมึงจะอะไรนักวะไอ้รุจ มีคู่ชีวิตเมียคนเดียวแล้วเป็นไง สุดท้ายตายห่า”

“ดูไว้นะแยม ผู้ชายมันเป็นแบบนี้แหละ” ศรารุจสอนหลานสาว การยกตัวอย่างที่เห็นได้แบบชัดๆ

“น่าอิจฉาอานานะคะที่เจอผู้ชายดีๆ แบบอารุจ”

คนดีในสายตาหลานสาวยืดอกภูมิใจ

ศรารุจรู้สึกบนหัวตัวเองมีวงแหวนแบบเทวดาเมื่อนั่งอยู่ข้างๆ ไอ้ปีศาจชั่วอย่างโกศล

“แต่แล้วยังไงล่ะคะ เราทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อคนคนหนึ่งอย่างเต็มที่แต่สุดท้ายก็ต้องจากกันไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตาย แยมรู้สึกเหมือนเสียเวลาไปเปล่าประโยชน์เลยค่ะ สู้ใช้ทุกวันให้มีความสุขแบบอาสนดีกว่า”

“อ้าว...! ทำไมงั้นล่ะ”

“ดีมากหลานอา”

ศรารุจหมดความมั่นใจกับวงแหวนเทวดาบนหัวเสียแล้วแต่ไอ้ปีศาจชั่วตบเข่าดีใจที่มีคนเข้าข้างบ้าง

“เอาเป็นว่าอนาคตไม่แน่นอนนะคะ อะไรที่มีความสุขเราก็ทำซะ”

“แต่หนูอายุยังน้อยแล้วก็เป็นผู้หญิงนะ”

“เพราะอย่างนี้ไงคะ แยมเลยยังมีเวลาหาความสุขได้อีกนาน ถ้าไม่ตายซะก่อนนะ”

“กว่าจะโตหนูต้องเสียไปเท่าไรล่ะ”

“เสียอะไรคะอารุจ”

“เสียตัวให้ผู้ชายไง”

“เฮอะ! ทำไมต้องคิดว่าผู้หญิงเป็นฝ่ายเสียด้วย”

การสนทนาเริ่มออกรสออกชาติมากขึ้นเมื่อมีเหล้า สองหนุ่มใหญ่กับหนึ่งสาวน้อยแลกเปลี่ยนวาทะและทัศนคติชีวิต

“ผู้ชายมันมาจีบก็เพื่อหวังจะเอา”

“เอากันมันก็คือกิจกรรมอย่างหนึ่งนี้ค่ะ มันเป็นเรื่องปกติ”

“แต่หนูจะให้เขาเอาฟรีๆ ไม่ได้”

“ถ้าหนูเก็บเงินหนูก็เป็นกะหรี่สิคะ”

“เออ! พูดอะไรของมึงวะไอ้รุจ” สองอาหลานหันมองศรารุจตาเขียว

“ไม่ได้! ต่อไปนี้ห้ามมีแฟน ห้ามคบผู้ชาย อาขอสั่ง”

“เกินไปแล้วนะอารุจ”

“เออ! มึงจะเกินหน้าที่อาแล้วนะ” ลิ่วล้อโกศลเออออตามแยมทุกคำเพราะเมาและใกล้หลับเต็มที่

ความอ่อนเพลียเพราะโหมงานหนักรับลูกค้าเองหลายห้องติดๆ กันจนโกศลแทบยกเปลือกตาเปิดไม่ไหว

“คนดีๆ มันไม่ได้หาง่ายๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี ที่อาห้ามเพราะอาหวังดีนะแยม”

“กว่าแยมจะเจอคนดีๆ ที่ว่า หยากไย่คงขึ้นเต็มไปหมด”

“โอ้โห...” ศรารุจไม่คิดว่าจะได้ยินเด็กสิบแปดพูดจาขนาดนี้

“แม่แยมตายเพราะมะเร็ง อานาก็ตายเพราะมะเร็ง แยมไม่รู้จะเป็นตามพันธุกรรมหรือเปล่า พอถึงวันนั้นแยมคงใจสลายที่ต้องทิ้งคนรักให้อยู่คนเดียว เหมือนที่อานาทิ้งอารุจไว้”

“โอ้โห...เว้ย” หลานสาวรู้ความในใจของคนรัก

ความอัดอั้นนี้รัตนาคงระบายให้หลานรักฟังเช่นกัน

เพราะตั้งแต่ที่ตรวจเจอโรคร้ายรัตนามักคอยพร่ำบอกเขาทุกวันว่าเสียใจที่ต้องเป็นฝ่ายตายก่อน แต่มันไม่ใช่เพราะอาการป่วยของเธอเลย แต่เป็นเพราะเธอไม่อยากทิ้งเขาไว้

อยากอยู่ด้วยกันให้นานกว่านี้

รัตนาอยากมีโอกาสดูแลในวันที่สามีคู่รักเจ็บป่วยบ้าง เธอกลายเป็นภาระให้ศรารุจอยู่ฝ่ายเดียวและไม่เคยได้ตอบแทน

“แยมไม่อยากเห็นอารุจทุกข์ใจอยู่คนเดียว”

“ตอนนี้อาโอเคแล้ว”

“ฟังกูเหมือนอารุจยังลืมอานาไม่ได้นะคะ น่าเศร้าจัง แยมไม่อยากเห็นคนที่แยมรักเป็นแบบนี้เลย”

“ไม่หรอก! เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมชาติ คนเราไม่อาจฝืนธรรมาชาติได้”

“แต่แววตามันฟ้อง มันเศร้าลงทุกครั้งที่พูดถึงอานานะ”

“ก็คนที่เรารักจากไปแบบไม่มีวันย้อนกลับมาได้อีกนี้หน่า”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด