ตอนที่แล้วChapter 8: เอลดริช! และระบบค่าประสบการณ์จากการฆ่ามอนสเตอร์! 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 10: ทำฟาร์มยามค่ำคืน! 

Chapter 9: ไล่ล่าผีดิบในป่าราตรีนิรันดร์! 


พื้นที่อันกว้างใหญ่ของป่าราตรีนิรันดร์ถูกแบ่งเป็นสองส่วนใหญ่ๆ -เขตชั้นในและเขตชั้นนอก โดยทั่วไปแล้ว เขตชั้นในจะเป็นเขตแดนของสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งซึ่งมีเลเวลสูงกว่า 10 ในขณะที่เขตชั้นนอกจะเป็นบ้านของสัตว์ที่มีเลเวลอยู่ระหว่าง 1-10

“สัตว์ร้าย” เป็นคำที่ใช้เรียกสัตว์กลายพันธุ์

สัตว์ร้ายที่อยู่ระหว่างเลเวล 1-10 นั้นในด้านความแข็งแกร่งจะถูกพิจารณาเท่ากับผู้ใช้สายเลือดเลเวล 1

ในขณะเดียวกัน สัตว์ร้ายเลเวล 11-20 นั้นเทียบได้กับผู้ใช้สายเลือดเลเวล 2 นอกจากนี้ ทุกๆ เลเวลของผู้ใช้สายเลือดนั้นยังมีแบ่งย่อยอีกสามขั้นได้แก่ ขั้นเริ่มต้น, ขั้นสูง, และขั้นสูงสุด วัลเพิ่งจะถูกปลุกสายเลือดของปีศาจเลือด จึงพิจารณาได้ว่าอยู่ขั้นเริ่มต้นของเลเวล 1

ในการมุ่งหน้าไปยังเมืองชาโด้วฟอล วัลจำเป็นที่จะต้องอ้อมไปตามเขตชั้นนอกของป่าราตรีนิรันดร์ เขาไม่ควรก้าวเข้าไปในเขตชั้นในที่ผู้ใช้สายเลือดเลเวล 1 มีโอกาสตายสูง

อย่างไรก็ตาม นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปลอดภัยอย่างแน่นอน

มันมีบางครั้งที่สัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งจะออกมาจากเขตชั้นในเพื่อค้นหาเหยื่อที่เขตชั้นนอก

ดังนั้น เขาจะต้องคอยสอดส่องรอบข้างอยู่ตลอด

ถ้าเขาเจอกับสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่ง เขาก็เตรียมพร้อมที่จะหนีสุดตัว!

การปะทะกับสัตว์ร้ายเลเวล 11 หรือสูงกว่าในขณะที่เป็นผู้ใช้สายเลือดเลเวล 1 นั้นเป็นการต่อสู้ที่ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย และการต่อสู้แบบนั้นก็เป็นสิ่งที่วัลไม่คิดจะสู้อย่างแน่นอน!

ต้นไม้สูงตระหง่านในป่าราตรีนิรันดร์นั้นไม่เคยพบเจอกับความโหดร้ายของขวานมาก่อน ดังนั้นมันจึงเติบโตขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกับลำต้นที่ใหญ่โต กิ่งก้านของพวกมันเหมือนกับมือที่ยื่นออกและประสานเข้าด้วยกันจดทำให้เกินเป็นพุ่มไม้หนาอยู่เหนือศีรษะ

ในขณะที่เมฆเคลื่อนผ่าน หนึ่งในดวงจันทร์ที่ส่องแสงสีขาวหิมะก็ปรากฏขึ้น แต่กิ่งก้านหนาทึบก็ได้บดบังภาพอันน่าทึ่งนี้พร้อมกันกับแสงจันทร์ส่วนใหญ่

อย่างไรก็ตาม ด้วยช่องว่างเล็กๆ ระหว่างพุ่มไม้ แสงจันทร์อ่อนๆ บางส่วนก็สามารถส่องทะลุผ่านมาได้เผยให้เห็นแสงอันนิ่งสงบบนผืนป่า

ภายใต้แสงบางๆ นี้ วัลได้อาบกับแสงจันทร์อ่อน แสงที่ตกลงมากระทบเขานั้นราวกับน้ำตกสีเงินอันนุ่มนวล

วัลเคลื่อนไหวไปตามป่าอย่างคล่องแคล่ว แต่ถึงกระนั้นฝีเท้าของเขาก็เงียบเชียบจนน่ากลัว

สิ่งนี้มันเป็นไปได้ก็เพราะเทคนิคที่เขาเคยเรียนรู้มาในชีวิตก่อน ชื่อของเทคนิคนี้ก็คือก้าวเงียบ

ในชีวิตก่อนของเขา เขานั้นโชคร้ายเกิดมาในครอบครัวที่ไม่ปกติ ในตอนที่ครอบครัวรู้ว่าเขาไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดและความกลัว พวกเขาก็ผลักไสเขาไปอยู่ในสันนิบาตเงา องค์กรที่โด่งดังระดับโลกที่ซึ่งผลิตนักฆ่าฝีมือดีออกมาเป็นจำนวนมาก ในตอนที่ถูกส่งไปนั้น เขายังเด็กมากอายุแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น

ด้วยความที่ถูกเลี้ยงดูในสภาพแวดล้อมที่ปกคลุมไปด้วยความมืด เขาจึงกลายเป็นหนึ่งในนั้นและได้เรียนรู้ศิลปะการลอบสังหารจากอาจารย์ของเขาและยังเป็นคนทรมานเขาด้วย เขาเชี่ยวชาญสิ่งที่ได้รับการสั่งสอนมาจนถึงจุดที่เขาก้าวข้ามแม้กระทั่งอาจารย์ของเขา หลังจากนั้น เขาก็ได้กลายเป็นผู้สร้างแทน

ด้วยการใช้ทักษะของเขา เขากำจัดสมาชิกของสันนิบาตทุกคนที่เข้ามาขวางหนทางสู่อำนาจของเขา จนกระทั่งได้กลายเป็นหัวหน้าของสันนิบาตและรักษาตำแหน่งของตัวเองในฐานะขุนศึกแห่งโลกใหม่!

ผืนป่านั้นกลาดเกลื่อนไปด้วยเศษใบไม้ที่ร่วงลงมาและซากพืชซากสัตว์ที่สลายตัว อย่างไรก็ตาม สำหรับคนอย่างเขา การเคลื่อนไหวโดยไม่มีเสียงในพื้นที่เช่นนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามอะไรเลยเหมือนกับการเดินเล่นในสวน เขาเคลื่อนตัวไปตามเขตชั้นนอกอย่างช่ำชองและไม่ลืมที่จะระมัดระวังไม่ให้ไปเหยียบเศษซากอินทรีย์ที่แห้งแล้ว

แกรก!

อย่างไรก็ตาม ความเงียบของป่าก็ถูกทำลายลงอย่างกะทันหันด้วยเสียงแกร๊ก จากการที่ใบไม้ถูกเหยียบอย่างแรง

ทันใดนั้นเอง มือของวัลก็ลดลงไปจับด้ามดาบ เสียงกระทบกันของส่วนคมดาบกับปลอกดาบที่ถูกชักออกมาได้ทลายความเงียบสงัดยามค่ำคืน

หลังจากนั้นจากม่านธรรมชาติของดงต้นไม้ กลุ่มผีดิบเลเวล 0 สี่ตัวก็เดินซวนเซออกมา ร่างกายที่เน่าเปื่อยของพวกมันถูกคลุมไว้ด้วยเศษผ้าขาดๆ และแขนขาของพวกมันก็ถูกบิดจนผิดเพี้ยน พวกมันคือตลกร้ายในร่างมนุษย์ ดวงตาไร้ชีวิตอันว่างเปล่าและร่างกายที่ผิดรูปผิดร่างของพวกมัน

กลิ่นเหม็นเน่าของพวกมันลอยโชยมาจากลมกรรโชกที่พัดมาอย่างกะทันหันตรงเข้ามาหาวัล

ในจังหวะต่อมา จมูกของวัลก็กระตุกด้วยความรังเกียจกับกลิ่นที่ตรงเข้ามาหาจมูกของเขา

กลิ่นของพวกผีดิบนั้นคล้ายกับกลิ่นหมูที่กลิ้งเกลือกอยู่ในความโสโครกของพวกมันมานับร้อยปี!

มันยากที่จะทานทนจริงๆ

ถ้าเขาไม่ได้บกพร่องทางการแสดงออกและสามารถรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดและความกลัว และเต็มไปด้วยอารมณ์ต่างๆ เหมือนคนทั่วไปก็คงจะสำรอกออกมาเหมือนกับคนอื่นๆ ถ้าพวกเขามาอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขา

ต้องขอบคุณที่เขาไม่ใช่คนปกติ! ไม่เช่นนั้น เขาก็คงจะไม่สามารถทนกับกลิ่นที่โหดร้ายนี้ได้!

ฮื่ออ! ฮึ่มมม!

ผีดิบร้องครวญครางในขณะที่เดินเข้ามาหาวัลด้วยความเร็วระดับหอยทาก

การเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าและรูปแบบการเคลื่อนไหวที่เฉพาะเจาะจงคือสิ่งที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าพวกมันเป็นผีดิบเลเวล 0

ผีดิบ หรือศพเดินได้ตามที่คนพื้นเมืองของเอลดริชเรียกกันโดยทั่วไปนั้นจะถูกจัดอันดับไว้จากเลเวล 0 ถึง 10

ผีดิบเลเวล 0 มีภัยคุกคามน้อยที่สุด มีความสามารถต่ำกว่าคนธรรมดาและมีสติปัญญาที่จำกัด

ผีดิบเลเวล 1 มีความเร็วพอๆ กับมนุษย์แต่ไม่ฉลาด

ผีดิบเลเวล 2 มีความแข็งแกร่งทางร่างกายมากกว่า อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับประเภทของผีดิบ พวกมันอาจจะเร็วกว่า, แข็งแกร่งกว่า, หรืออึดกว่ามนุษย์ทั่วไปและแม้กระทั่งผู้ใช้สายเลือดเลเวล 1

ผีดิบที่มีเลเวลมากกว่า 2 นั้นถูกรายงานว่ามีพลังเหนือธรรมชาติ พวกมันเป็นศัตรูที่ไม่สามารถดูถูกได้ อย่างไรก็ตาม ผีดิบที่แข็งแกร่งเหล่านี้แทบจะไม่เคยถูกพบในดินแดนแถบนี้

ในเอลดริช ผีดิบเลเวล 0 คือมอนสเตอร์ที่ฆ่าง่ายที่สุด แม้กระทั่งพวกปกติก็ยังสามารถฆ่าพวกมันได้ถ้าพวกเขาไม่ได้แสดงความขี้ขลาดหรือถูกครอบงำด้วยความรังเกียจ วัลเคยศึกษาในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงที่สุดในป้อมปราการไอรอนสไปร์ เขาใส่ใจตลอดช่วงระยะเวลาที่อยู่ในโรงเรียน เขาจำรูปแบบการโจมตีของพวกมันได้อย่างละเอียดและรู้ถึงวิธีจัดการพวกมันอย่างมีประสิทธิภาพ

ร่างกายของผีดิบเลเวล 0 นั้นจะอยู่ในสภาพเสื่อมโทรมในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของพวกมันนั้นเข้าขั้นน่าสมเพชเพราะขาของพวกมันใกล้จะเน่าจนหลุดออกมา และดูเหมือนพร้อมที่จะล้มลงไปเพราะน้ำหนักตัวได้ทุกเมื่อ

ด้วยการจับด้ามดาบเอาไว้แน่น วัลเฝ้ารอให้พวกมันเข้ามาใกล้เขา

มือที่เหมือนกับกรงเล็บของพวกมันยื่นออกมาด้วยความหิวกระหายในเลือดเนื้อของเขา แต่ด้วยการตวัดดาบที่รวดเร็วของเขามือของพวกมันได้ถูกตัดออก

ฉับ!

มือมากมายร่วงลงไปกับพื้นพร้อมๆ กัน

ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวทำให้เหล่าผีดิบสูญเสียมือของพวกมันไป

เมื่อสูญเสียมือไปแล้ว ผีดิบเลเวล 0 มักจะมีพฤติกรรมในการกระโจนเข้าหาเหยื่อ ซึ่งวัลก็รู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นเพราะเขาเคยเรียนรู้เรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับผีดิบในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงของป้อมปราการไอรอนสไปร์

เขาพึ่งจะเรียนจบจากโรงเรียนมาได้หนึ่งเดือนก่อนที่จะอายุครบ 16 ดังนั้นความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องที่เขาเรียนมายังสดใหม่อยู่

ผีดิบพุ่งเข้าใส่เขาด้วยความเร็วที่น่าประหลาดใจ พวกมันเคลื่อนไหวเร็วกว่าตอนที่ยังมีมือประมาณ 20 เท่าได้ การโจมตีนี้มักจะใช้ได้กับพวกโง่ที่ลดการป้องกันลงเพราะคิดว่าสิ่งที่เคลื่อนไหวช้าพอๆ กับหอยทากคงไม่กระโจนเข้าใส่พวกเขาด้วยความโหดร้ายเหมือนเสือ

อย่างไรก็ตาม วัลประเมินเอาไว้แล้ว

เขาขยับออกด้านข้างหลบการโจมตีของพวกมันได้อย่างสบายๆ

จากนั้นเขาก็สวนกลับ!

ด้วยการฟันที่ทรงพลังหนึ่งครั้งผีดิบสองตัวได้ถูกตัดหัวในทันที ก่อนที่หัวของพวกมันจะมีโอกาสสัมผัสกับพื้น วัลทำการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วใส่อีกสองตัวที่เหลือด้วยการเหวี่ยงดาบของเขาอีกครั้ง ดาบของเขาตัดผ่านเนื้อเน่าๆ ของพวกมันได้อย่างง่ายดายราวกับว่ามันคือมีดร้อนๆ ที่ตัดผ่านเนย และผีดิบอีกสองตัวก็ถูกตัดหัว

ฉัวะ!

ร่างของพวกมันทรุดลงกับพื้น แต่ส่วนหัวที่ถูกตัดซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายพวกมันยังทำงานอยู่ ฟันที่ทั้งดำและผุพังของพวกมันขยับพะงาบๆ พยายามที่จะลากตัวเองไปหาวัล

ในโลกนี้ ผีดิบไม่ตายจากการถูกตัดหัว กุญแจไปสู่ความตายของพวกมันก็คือการทำลายสมอง!

ฉึก!

เกมจิ้มแทงที่โหดร้ายเริ่มต้นขึ้นในตอนที่วัลใช้ดาบเสียบหัวของผีดิบตัวแล้วตัวเล่า  จากรูที่เขาเจาะหัวของพวกมันด้วยความช่วยเหลือของดาบ เลือดสีดำก็พวยพุ่งออกมาทุกทิศทางเหมือนกับน้ำพุร้อนเล็กๆ แต่วัลก็ได้ทำให้แน่ใจว่าของเหลวที่น่ารังเกียจเหล่านี้จะไม่โดนตัวเขาแม้แต่หยดเดียวด้วยความสามารถเฉพาะตัวของเขาในการควบคุมเลือด

ครู่ต่อมา หัวก็หยุดขยับอันเป็นผลมาจากการถูกแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ทันใดนั้นเอง ระบบก็แสดงแจ้งเตือนขึ้นมาเบื้องหน้าเขา

[ติ้ง! ท่านกำจัดข้ารับใช้เลเวล 0 ของปีศาจศพได้ ท่านได้รับค่าประสบการณ์ +10]

ดวงตาของวัลเบิกกว้างกับการเปิดเผยที่คาดไม่ถึงจากแจ้งเตือนของระบบ ความเชื่อโดยทั่วไปของประชาชนในอาณาจักรวิคตอเรียก็คือว่าเหตุการณ์อันน่าสยดสยองที่คนตายกลายเป็นผีดิบนั้นคือปรากฏการณ์ธรรมชาติที่อุบัติขึ้นมาหลังจากการปรากฏขึ้นของดวงจันทร์สีเลือด

อย่างไรก็ตาม การแจ้งเตือนนี้ระบุเป็นอื่น

มันพิจารณาว่าตัวตนของผีดิบนั้นเป็นผลงานของปีศาจที่รู้จักในชื่อปีศาจศพ!

วัลรู้สึกแปลกใจกับการเปิดเผยที่น่าทึ่งนี้

เขาเองก็เคยใช้ชีวิตด้วยความเข้าใจที่ว่าจันทร์สีเลือดเป็นต้นเหตุในการเกิดขึ้นของผีดิบ

‘มันถือเป็นความโง่ของฉันจริงๆ ที่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินมาจากปากของคนที่ถูกเรียกว่าผู้เชี่ยวชาญ’

แนวคิดที่ว่าตัวตนที่ถูกเรียกว่าปีศาจศพอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทำให้เขาตั้งคำถามกับทุกอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับโลกหลังหายนะที่เขาอาศัยอยู่ การเปิดเผยความจริงอันน่าตกใจนี้ได้เพิ่มความซับซ้อนทั้งหมดของปริศนาในเอลดริชและสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับมันไปสู่ระดับใหม่

ริมฝีปากของวัลขยับเผยให้เห็นรอยยิ้มเล็กๆ บนหน้าของเขา

‘การสำรวจปริศนาของโลกแปลกๆ นี้คงจะน่าสนใจน่าดู’

นี่คือสาเหตุที่ทำให้เขาได้รับจุดประสงค์ใหม่ในชีวิต!

การจะไปถึงเลเวล 2 ต้องการค่าประสบการณ์ 10 วัลมีมากกว่านั้นเล็กน้อยประมาณ 0.001 แต้ม

ดังนั้นเขาจึงเลเวลขึ้น

[ติ้ง! ขอแสดงความยินดีด้วย! ท่านได้เลเวลอัพ ท่านพัฒนาจากเลเวล 1 ไปถึงเลเวล 2 ท่านจะได้รับแต้มสถานะ +2 และอัพเกรดพลังสายเลือดของปีศาจเลือดในตัวท่านเล็กน้อย]

[เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่ท่านเลเวลอัพ ท่านจะได้รับรางวัลเสริมเป็นแต้มสถานะเพิ่มเติม]

เขาได้รับแต้มสถานะมาระดับหนึ่ง พวกมันคือทรัพยากรที่มีค่าซึ่งเขาสามารถใช้เสริมความสามารถของเขาได้ในทันที อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาตัดสินใจที่จะเก็บพวกมันเอาไว้ก่อนเพื่อใช้ในสถานการณ์ที่เหมาะสม

ถึงอย่างไร การใช้พวกมันในช่วงเวลาที่เหมาะสมก็ดีกว่าการใช้แบบสุ่มๆ

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเขาได้เผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งในอนาคต เขาก็จะสามารถจัดสรรแต้มเหล่านี้โดยอิงตามจุดแข็งของอีกฝ่ายได้ ถ้าความเร็วคือจุดแข็งของศัตรู เขาก็จะเพิ่มความว่องไวโดยใช้แต้มสถานะ ถ้าพวกมันมีความแข็งแกร่งที่น่าเหลือเชื่อ เขาก็จะลงแต้มไปกับพละกำลังของตัวเอง เป็นต้น

ในขณะที่จ้องมองหน้าต่างสถานะของเขา เขาก็สังเกตเห็นข้อความใหม่เพิ่มขึ้นมา

[ความคืบหน้าในปัจจุบันของพลังสายเลือดปีศาจเลือดเลเวล 1 สู่เลเวลถัดไป: 20/100%]

แค่เลเวลเพิ่มครั้งเดียว พลังสายเลือดเลเวล 1 ของเขาก็มีค่าประสบการณ์คืบหน้าไปถึง 20% เขาสันนิษฐานว่าถ้าเลเวลเพิ่มอีกสี่ครั้ง สายเลือดของเขาก็จะเลื่อนไปสู่เลเวล 2 และเปลี่ยนให้เขาเป็นผู้ใช้สายเลือดเลเวล 2

รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจเผยออกมาบนหน้าในขณะที่เขาพึมพำ “เยี่ยม”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด