ตอนที่แล้วบทที่ 27:คาถาน้ำแข็ง ∙ วิชาลับ:ห้องมนตราผลึกน้ำแข็ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 29 : หิมะตกแล้ว ฮาคุ...กำลังร้องไห้เหรอ?

บทที่ 28 : ตายเพื่ออุดมการณ์งั้นเหรอ?


บทที่ 28 : ตายเพื่ออุดมการณ์งั้นเหรอ?

ทั้งสองฝ่ายที่อยู่ในห้องมนตราผลึกน้ำแข็งกำลังต่อสู้กันอย่างหนักหน่วง แม้ว่าฮาคุจะต่อสู้กับทีมที่เจ็ดได้ แต่เขากลับไม่ได้ต่อสู้กับพวกเขาอย่างเต็มกำลังเลย

ในขณะที่สกัดกั้นทีมที่เจ็ด ฮาคุก็คอยระวังซาโตรุที่อยู่นอกขอบเขตคาถาและในขณะเดียวกัน ก็ยังคงมองหาโอกาสที่จะหลบหนีจากที่นี่ไปพร้อมกับซาบุสะ

ณ ยามนี้ ด้านนอกผลึกน้ำแข็ง

"การฝึกฝนเจ้าพวกเด็กตัวแสบเป็นไปด้วยดี" ซาโตรุหยิบอมยิ้มออกมา แกะออกและโยนมันเข้าไปในปากของเขาแล้วเริ่มดูดมันเบา ๆ เขาใช้ตาทิพย์ของเขาเพื่อดูการต่อสู้ของทีมที่เจ็ด

ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของทีมที่เจ็ด การเอาชนะฮาคุคงเป็นเรื่องยากราวกับตกนรก

แต่ฮาคุคนนี้ทั้งไร้เดียงสาและใจดีมาก ก่อนที่จะฆ่าศัตรู เขาคงจะลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

ซาโตรุใช้ประโยชน์จากเรื่องที่ฮาคุไม่สามารถฆ่าคนได้ เพื่อฝึกฝนทีมที่เจ็ด

ไม่มีศัตรูที่เหมาะสมสำหรับการฝึกฝีมือไปมากไปกว่านี้แล้ว

“ซาโตรุ ในเมื่อแกมีพลังมหาศาล ทำไมแกถึงยอมเป็นอาจารย์ทีมเด็กขยะนี้กันล่ะ?” ซาบุสะลุกขึ้นพร้อมกับเลือดสีแดงที่ไหลไปทั่วทั้งร่างกาย กระดูกสองชิ้นในช่องท้องของเขาหัก เขาได้แต่จ้องมองซาโตรุอย่างเย็นชา

มันเป็ฯเรื่องยากที่จะเข้าใจ เพราะซาโตรุมีพลังที่ทรงพลังเช่นนี้ เหตุใดเขาถึงตัดสินใจมาเป็นอาจารย์กัน?

ตัวเขาเองก็กระตือรือร้นที่จะได้รับพลังมาโดยตลอด ต้องการเปลี่ยนแปลงหมู่บ้านคิริงาคุเระที่รู้จักกันในชื่อหมู่บ้านหมอกโลหิต

เขาเกลียดการปกครองแบบเผด็จการของหมู่บ้านคิริงาคุเระ อยากเปลี่ยนแปลงถึงขั้นก่อกบฏครั้งหนึ่ง แต่จบลงด้วยความล้มเหลว

ทว่าหากมีพลังของซาโตรุ...

“เพราะสึนะจังไงล่ะ” ซาโตรุแตะคางแสร้งทำเป็นกำลังคิดอย่างจริงจัง

ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นที่รู้จักในนามนินจาผู้กระหายเลือดและเขาได้สังหารศัตรูนับไม่ถ้วน ตราบใดที่มันเป็นเป้าหมายของภารกิจ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง คนแก่ หรือเด็ก เขาก็พร้อมทำ

ทุกคนต่างได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันจากเขา

แต่ตอนนี้เขาแค่อยากเป็นคนธรรมดาและใช้ชีวิตแบบธรรมดาๆ

ช่วยโลก?

สร้างปัญหาหรือ?

ไม่ใช่กงการอะไรของฉันสักหน่อย!

“สึนะจัง?” ใบหน้าของซาบุสะพลันเปลี่ยนไป

ใครกัน?

ซาโตรุตอบคำถามของอีกฝ่ายกลับไปอย่างไม่จริงจังนัก

“วางดาบเพื่อผู้หญิงที่ฉันรัก แกคงไม่เข้าใจสินะว่าหมายความของคำนี้คืออะไร?” ซาโตรุมองลงไปที่ซาบุสะเบาๆ มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย

“คงเพราว่าท้ายที่สุดแล้ว แกก็เป็นแค่เครื่องมือที่ถูกเรียกว่านินจา”

"หลังจากที่เทรุมิขึ้นสู่อำนาจ หมู่บ้านคิริงาคุเระก็ถูกแยกออกจากหมู่บ้านหมอกโลหิต"

“ตอนนี้แกอยากเปลี่ยนแปลงอะไรกัน? สุดท้ายที่แกกำลังทำอยู่ก็ไม่ต่างกับจมปลักกับความล้มเหลว” ซาโตรุยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับกล่าวประชดประชัน

"หุบปากซะ" ซาบุสะที่เงียบมาตลอดได้เผยถึงความโกรธในดวงตาของเขา

เขารู้ว่าหมู่บ้านคิริงาคุเระในปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว

หลังจากที่มิซึคาเกะ เทรุมิ เมย รุ่นที่ 5 เข้ารับตำแหน่ง เธอก็เปลี่ยนการปกครองแบบเผด็จการของหมู่บ้านหมอกโลหิตในอดีตมาเป็นหมู่บ้านคิริงาคุเระเช่นยามนี้

ซาโตรุดูดอมยิ้มแล้วพูดต่ออีกว่า “แกคงไม่สามารถลืมมันได้ เพราะมันเป็นเพียงแรงจูงใจเดียวที่เป็นแรงสนับสนุนให้แกมีชีวิตอยู่ตอนนี้สินะ”

“หรือแกเกลียดคิริงาคุเระที่เคยเลี้ยงแกให้เป็นปีศาจและละทิ้งฮาคุไปล่ะ?”

"หากเป็นผู้หญิงที่รักของฉัน...ฉันคงแก้แค้นหมู่บ้านคิริงาคุเระ ถ้าฉันเป็นฮาคุ ฉันคงซึ้งใจจนอยากจะร้องไห้ออกมาเชียวล่ะ"

"หุบปาก หุบปาก!" ใบหน้าของซาบุสะได้บิดเบี้ยวจนน่าเกลียด เขาประสานอิน ทันใดนั้นหมอกบางเบาก็ปรากฏขึ้นมาจากอากาศบางๆ

หมอกสีจางๆ ก่อตัวขึ้น และซาบุสะก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบๆด้านหลังซาโตรุ

ขีดจำกัดสายเลือดงั้นเหรอ??

ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องมีจุดอ่อน!

แสงสว่างวูบวาบไปทั่ว คุไนอันแหลมคมได้พุ่งฟันไปที่คอของซาโตรุ

“อย่ารีบร้อนไป เสียพลังงานเปล่าๆ มาคุยกันดีๆ เถอะ” ซาโตรุไม่ขยับและด้วยพลังของตาทิพย์ เขามองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคุไนที่แหลมคมกำลังพุ่งเข้ามาใกล้

*ตู้ม*

คุไนอันแหลมคมหยุดอยู่ตรงหน้าซาโตรุนิ่ง ราวกับถูกกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นไว้

“ไม่เคยมีบันทึกในหนังสือว่าจะมีใครมีขีดจำกัดสายเลือดที่ประหลาดขนาดนี้มาก่อน!” ซาบุสะไม่ยอมแพ้แม้แต่ครั้งเดียว เขาประสานอินด้วยมือทั้งสองข้างเพื่อเตรียมที่จะหายไปในหมอกอีกครั้ง

“หายากนะที่จะมีนินจามุ่งมั่นแบบแกได้” ซาโตรุเอามือล้วงกระเป๋า  หันกลับมาและเตะหัวของซาบุสะอย่างแรง

ด้วยการเตะ "ปัง" อย่างแรง กะโหลกของซาบุสะก็ลั่น และร่างกายของเขาก็ถูกเตะออกไปจนหมุนตัวไปในอากาศหลายครั้ง เขากระแทกเสาหินอย่างแรง ร่างของเขาได้จมลงในเสาหินจนแทบจะกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

“คะ แค่ก แค่ก” ซาบุสะไออย่างรุนแรง และทุกครั้งที่เขาไอ เขาจะพ่นเลือดออกมาจำนวนมาก ตอนนี้จิตสำนึกของเขาเริ่มเบลอ สมองเริ่มไม่รับรู้ ปากของเขาพึมพำอะไรบางอย่าง

ซาโตรุไม่ได้ทำอะไรเลยเลยเมื่อครู่ กล่าวคือขีดจำกัดสายเลือดของเขาสามารถทำงานได้โดยอัตโนมัติงั้นหรือ?

เป็นความสามารถที่อันตรายยิ่ง

ซาโตรุคนนี้…เป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ!

ซาโตรุหายตัวและปรากฏตัวต่อหน้าซาบุสะ เขาก้าวขึ้นไปบนความว่างเปล่าและร่างกายของเขาก็กำลังลอยอยู่บนท้องฟ้า

นี่คือหนึ่งในความสามารถของ [ไสยเวทย์ไร้ขีดจำกัด] ดึงพลังที่ไม่มีขีดจำกัดลงมาสู่ความเป็นจริงเพื่อให้สามารถยืนเหนือท้องฟ้าได้

"แกบินได้เหรอ?!" ซาบุสะตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองซาโตรุด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

มีขีดจำกัดสายเลือดที่สามารถทำให้บินอยู่บนท้องฟ้าจริงๆ เหรอเนี่ย?!

หลังจากการต่อสู้กับซาโตรุ ทัศนะและการรับรู้ทั้งสามประการของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์

ความแข็งแกร่งของซาโตรุนั้นเกินกว่าความเข้าใจของนินจาผู้นี้

“ไม่จำเป็นต้องมองหาจุดอ่อนของฉันหรอก” ซาโตรุหัวเราะเบาๆ "ฉันลืมบอกแกไปว่าฉันน่ะมีระบบป้องกันอัตโนมัติตลอด 24 ชั่วโมงเชียวนะ"

พลังของเขา [ไร้ขีดจำกัด] จะถูกเปิดใช้อัตโนมัติเสมอ มันสามารถแยกแยะการใช้ได้อย่างแม่นยำผ่านการตัดสินใจของซาโตรุเอง

ทั้งสิ่งที่เป็นอันตรายและไม่เป็นอันตราย

นี่คือสาเหตุที่ซาโตรุกล้าเรียกตัวเองว่าผู้ไร้เทียมทาน

เพราะนอกเหนือจากพิษและภาพลวงตาแล้ว การโจมตีทั้งหมดล้วนไม่สามารถทำร้ายเขาได้เลยสักนิดเดียว

“น่าแปลก มีความสามารถประหลาดแบบนี้อยู่บนโลกด้วยสินะ” สีหน้าของซาบุสะเปลี่ยนไป

ถ้าเป็นจริงอย่างที่ซาโตรุบอก แสดงว่าคงไม่อาจโจมตีใส่ได้เลย

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ทุกการโจมตีล้วนไร้ความหมาย!

มีแต่เสียแรงเปล่า

“แกชอบฮาคุใช่ไหม?” ซาโตรุถาม

“พูดบ้าอะไรเนี่ย!?” ใบหน้าของซาบุสะเปลี่ยนไป เขาไม่เคยคิดเลยว่าซาโตรุจะพูดเรื่องนี้ยามนี้

“ไม่ต้องอายหรอกไอ้คนซึนเดเระ” ซาโตรุชี้ไปที่หน้าอกของซาบุสะด้วยอมยิ้มแล้วพูดด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์ “พูดมาสิ แกชอบเด็กที่ชื่อฮาคุใช่ไหม?”

ซาบุสะไม่ตอบโดยตรง แต่พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า "ในเมื่อฉันพ่ายแพ้แล้ว แกจะฆ่าหรือเชือดก็ได้ตามที่แกต้องการ แต่อย่ามาถามคำถามโง่ๆ แบบนี้!"

“หัวใจของแกเต้นเร็วขึ้นจังเลยนะ” ซาโตรุปิดปากแล้วหัวเราะเยาะ “ฮ่าๆ เห็นได้ชัดว่าแกชอบเขาจะตาย แต่แกกลับไม่กล้าตอบใจจริงออกมา ตลกมากเลยนะ”

“ฉันเคยให้โอกาสแกไปแล้ว ความจริงแกเองก็หนีไปได้ ทำไมไม่หนีไปล่ะ?” ซาโตรุพูดต่อไปเรื่อยๆ

“แกไม่เคยเจอกับความเศร้าโศก แกจะไปเข้าใจความฝันของฉันได้ยังไง!” ซาบุสะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

"ในฐานะนินจา ฉันมีสิ่งที่อยากจะทำให้เป็นจริง ต่อให้ฉันจะตายก็ตาม!"

เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้พบกับศัตรูที่ร้ายกาจเช่นซาโตรุ

หลังจากเอาชนะเขาแล้ว อีกฝ่ายกลับไม่ได้จัดการกับเขาทันที แต่กลับเอาแต่พูดคุยกับเขาด้วยเรื่องไร้สาระมากมาย

คำถามเหล่านี้เหมือนกับเป็นการทรมานเขาชัดๆ

“หยุดเสแสร้งได้แล้ว แกนี่มันซึนเดเระเหลือเกิน นิสัยซึนเดเระแบบนั้นเชยมาก มันล้าหลังไปนานแล้ว” ซาโตรุพูดเบาๆ “แกเองก็เข้าใจดีไม่ใช่เหรอ?”

“แกพูดผิดแล้วล่ะ”

“เป็นเรื่องดีที่แกกับฮาคุจะได้อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชาย แต่เขาก็ยังมีรูหลังให้ใช้นะ” ซาโตรุพูดติดตลก

คำพูดของเขาเต็มไปด้วยการเสียดสี แต่นี่คล้ายกับเป็นคำเตือนครั้งสุดท้าย

"ฉันต้องต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ของฉันเท่านั้น ฉันจะไม่หวั่นไหวกับสิ่งที่แกพูดสักนิดเดียว!" ซาบุสะยังคงแน่วแน่ ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนเขาได้

ต่อให้จะตาย มันก็ไม่สำคัญ

ซาโตรุเฝ้าดูการต่อสู้ในผลึกน้ำแข็งผ่านตาทิพย์

ไอ้เด็กแสบนารูโตะเริ่มใช้จักระเก้าหางด้วยตัวเองเสียแล้ว

แม้ว่าจำนวนมันจะน้อย แต่อย่างน้อยเขาก็เติบโตขึ้นมาก

ตอนนี้ทีมเจ็ดฝึกฝนกันมามากพอแล้ว ก็คงถึงเวลาจัดการกับศัตรูเสียที

เช่นนั้นทางฝั่งเขาก็คงต้องรีบจัดการมันให้เรียบร้อยสินะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด