ตอนที่แล้วบทที่ 22 : สอนการใช้กระสุนวงจักรให้ทีมที่เจ็ด!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 24 : สายเลือดพิเศษที่เป็นเหมือนคำสาป

บทที่ 23 : ความรักคือคำสาปที่บิดเบี้ยวที่สุด


บทที่ 23 : ความรักคือคำสาปที่บิดเบี้ยวที่สุด

สองวันต่อมา....ในช่วงเช้าตรู่

หมอกขาวปกคุลมเป็นวงกว้างและแสงแดดก็ส่องลอดผ่านลงมาสร้างความอบอุ่น

ที่หน้าเต็นท์ใหญ่

“ศัตรูอยู่ที่ไหนกัน? สองวันที่ผ่านมาไม่เห็นปรากฏมาแม้แต่ครั้งเดียว” ซาโตรุนั่งบนหิน และกำลังแปรงฟันด้วยความเบื่อหน่าย

“เป็นไปได้ไหมว่าพวกมันถูกความแข็งแกร่งของฉันกดดันจนหนีไปแล้ว?” ซาโตรุคิดอย่างจริงจัง

ไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นเวลาสองวัน ถือว่าแปลกจริงๆ

เป็นไปได้ไหมว่าเขาแข็งแกร่งเกินไปทำให้ศัตรูวิ่งหนีหางจุกตูด

ก็เป็นไปได้จริงๆ

เขาไม่ได้หลงตัวเองเลย เพราะมันเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งที่ศัตรูวิ่งหนีเขาไป

“จะว่าไปวันนี้ฉันก็หล่อมากเหมือนเดิมเลยแฮะ”หลังจากแปรงฟัน  ซาโตรุก็มองในกระจก เขาแตะใบหน้าแล้วยิ้มด้วยความพึงพอใจ

“อาจารย์ซาโตรุ” ซากุระเดินไปหาซาโตรุโดยเอามือไพล่หลังและยิ้มออกมา

“หน้าแป้นชื่นบานแต่เช้า ถ่ายหนักมาเหรอ?” ซาโตรุถอนหายใจและมองซากุระที่ยิ้มแป้น

“อาจารย์ซาโตรุ หนูเป็นผู้หญิงนะคะ ช่วยหยุดทำตัวหยาบคายสักหน่อยจะได้ไหม?” ซากุระแอบกำหมัดแน่น มีเส้นเลือดโผล่บนหน้าผากของเธอ

'ช่างเถอะ'

'ฉันจะต้องอดทนไว้'

"ดูสิ" ซากุระหยิบลูกโป่งออกมา จักระสีฟ้าอ่อนโผล่ออกมาจากฝ่ามือของเธอ ลูกโป่งสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จากนั้นบิดเป็นเกลียว

ลูกโป่งเสียงดัง "ปุ้" มันถูกทำให้แตกโดยจักระของซากุระ

แม้แต่ซาโตรุยังต้องประหลาดใจเมื่อเห็นซากุระสามารถใช้จักระเพื่อทำให้ลูกโป่งแตกได้

เด็กเก้าหางก็ยังทำไม่ได้ ส่วนซาซึเกะที่มีเนตรวงแหวนก็ยังทำไม่ได้เช่นกัน ในทางตรงกันข้าม ซากุระที่ดูธรรมดาๆ กลับทำได้ก่อน

ซาโตรุลูบศีรษะซากุระด้วยแววตาชื่นชม ก่อนจะพูดว่า "ทำได้ดีมาก  ฝึกให้หนักแล้วเธออาจจะกอบกู้โลกได้เลย"

ซากุระ เด็กคนนี้ไม่มีจักระมากเท่ากับนารูโตะและซาสึเกะ แต่เธอกลับสามารถควบคุมจักระได้อย่างละเอียด

ถือได้ว่าเป็นพรสวรรค์เช่นกัน

กระสุนวงงจักรเป็นวิธีการโจมตีที่แสนสะดวกมาก

แม้ว่าจักระจะมีปริมาณน้อย แต่ก็สามารถใช้กระสุนวงจักรได้

ทว่าขั้นสุดท้ายของกระสุนวงจักรทั่วไปนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงธาตุและรูปร่าง มันจึงค่อนข้างยากที่จะเรียนรู้

เพราะเช่นนั้นกระมั้ง กระสุนวงจักรจึงเป็นคาถาที่สุดยอดมาก

ซึ่งถ้าต้องการใช้กระสุนวงจักรขั้นสูงกว่านี้ ก็จำเป็นต้องมีจักระจำนวนมาก

"กอบกู้โลกเหรอ?" ซากุระพูดพูด “อาจารย์ซาโตรุ พูดจริงเหรอคะ? งั้นได้โปรดสอนฉันขั้นต่อไปให้ด้วยสิค่ะ”

วิธีการโจมตีในปัจจุบันของเธอมีแต่การขว้างคุไน

ดังนั้นเธอจึงตั้งตารอคอยที่จะเรียนรู้คาถากระสุนวงจักร

“ยัยเด็กใจร้อน ต้องพูดว่า 'อาจารย์ซาโตรุหล่อที่สุด' ก่อนสิ ฉันถึงจะสอนเธอให้” ซาโตรุกล่าวว่า

“อาจารย์ทำไมถึงหลงตัวเองมากขนาดนี้กันคะเนี่ย?” ซากุระพูดออกมาอย่างโกรธๆ

แม้ว่าอาจารย์ซาโตรุจะหล่อจริงๆ แต่ให้พูดออกมาจากปาก มันก็ทำให้เขินอยู่นะ

“ต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นหรือเปล่า? ถ้าอย่างนั้นก็พูดมันออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจด้วย” ซาโตรุยิ้มเล็กน้อย

“อ...อาจารย์ซาโตรุหล่อที่สุด” ซากุระหน้าแดงเล็กน้อย ความเขินอายปรากฏทั่วทั้งใบหน้าเธอ

“อืม พูดได้ดี” ซาโตรุพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

“อาจารย์...” ซากุระพูดอย่างไม่พอใจ “ได้โปรดสอนขั้นที่สองให้ด้วยค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นลองระเบิดมันด้วยจักระดู” ซาโตรุหยิบลูกโป่งน้ำขนาดเท่าฝ่ามือออกมาแล้วโยนให้ซากุระ

ซากุระจับมันด้วยความสงสัยและพยายามทำให้แตกด้วยจักระ แต่ลูกโป่งน้ำกลับไม่ขยับ

“หมุนพลังลงไปก่อน หลังจากบีบอัดจักระแล้ว ควบคุมจักระให้หมุนโดยเร็ว” ซาโตรุกล่าว

"ยากมาก" ซากุระกัดฟัน ใบหน้าอันน่ารักของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเนื่องจากใช้แรงมากเกินไป แม้ว่าเธอจะพยายามอย่างเต็มที่ ลูกโป่งน้ำก็แค่สั่นเท่านั้น

เป็นเรื่องยากมากที่จะปล่อยจักระออกไป เพราะจักระที่ปล่อยออกมาจะถูกควบคุมและหมุนจนกว่าลูกโป่งน้ำจะแตก

มันยากสุดๆ!

ซากุระคิดกับตัวเอง

มันเป็นคาถาของนินจาระดับ A อย่างแท้จริง การเรียนรู้มันยากเป็นอย่างยิ่ง

“ค่อยๆ ทำไปอย่างช้าๆ อย่าลืมบอกเจ้าเด็กเหลือขอสองคนนั้นถึงขั้นนี้ด้วยล่ะ” ซาโตรุตบไหล่ซากุระแล้วเดินไปทางแม่น้ำในระยะไกล

เวลาผ่านไป

ทุกคนในทีมที่เจ็ดต่างมุ่งความสนใจไปที่การฝึกฝน ซากุระฝึกขั้นที่ 2 ส่วนนารูโตะและซาสึเกะยังอยู่ในขั้นแรกอยู่เลย

ทั้งสองรู้สึกว่าพวกเขาถูกซากุระแซงหน้าอีกแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงกัดฟันและฝึกให้หนักขึ้น

“เร็วเข้า รีบพึ่งตัวเองได้แล้วเจ้าพวกเด็กน้อย” ซาโตรุนอนอยู่บนพื้นหญ้าริมแม่น้ำ ชำเลืองมองทีมที่เจ็ดที่อยู่ไกลๆ จากนั้นก็ถอนหายใจแล้วกลับไปนอนต่อ

หลังจากนั้นไม่กี่นาที.....

ชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งได้เดินไปหาซาโตรุ เขามีผมสีดำ มีกระดิ่งคล้องคอและชุดกิโมโนสีชมพูอ่อนของผู้หญิง

ผอมบาง

แต่เป็นผู้ชาย

ผิวขาวมาก

แต่เป็นผู้ชาย

ทั้งน่ารักและอ่อนโยน

แต่เป็นผู้ชาย

โธ่ พระเจ้า

ฮาคุนั่งยองๆ ลงบนพื้นหญ้า เขามองดูใบหน้าหล่อเหลาของซาโตรุอย่างใจเย็น

นี่น่ะเหรอนินจากระหายเลือด ซาโตรุ

ฮาคุนึกถึงตอนที่เขาได้ปะทะกับซาโตรุ ใบหน้างดงามของเขาแดงขึ้นเล็กน้อย ร่องรอยของความอับอายและความโกรธยังปรากฏในดวงตาของเขา

เขายังคงจำจิ้มทะลวงข้ามสหัสวรรษได้ดี!

ฮาคุค่อยๆ ยกมือขึ้นและแตะที่คอของซาโตรุ

คุณซาบุสะคงจะต้องดีใจมากถ้าเขากำจัดซาโตรุได้

ฮาคุกัดริมฝีปาก แต่เขาก็ยอมแพ้และหยิบเสื้อคลุมกิโมโนมาคลุมตัวซาโตรุเบาๆ

“เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด ไม่งั้นแกได้ตายแน่” ซาโตรุคิดพลางมองฮาคุผ่านแว่นกันแดดสีดำ

“ผมกำลังเก็บสมุนไพรอยู่บนภูเขาลูกนี้ แต่เห็นคุณกำลังนอนริมแม่น้ำเลยแวะมาดู” ฮาคุยิ้มออกมาอย่างน่ารัก จากนั้นเขาก็เขย่าตะกร้าในมือ

“ระวังจะเป็นหวัดเอานะครับ”

ฮาคุกำลังรวบรวมสมุนไพรจริงๆ และการได้พบกับซาโตรุถือเป็นความบังเอิญมาก

"คาถาน้ำแข็งนั้นเป็นขีดกำจัดสายเลือดที่หาได้ยากมากเลยนะ" ซาโตรุหยิบอมยิ้มออกมา แกะมันแล้วโยนมันเข้าไปในปากของเขา

ฮาคุผงะเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ตื่นตระหนก จากนั้นเขาก็ได้ถามด้วยรอยยิ้มบางเบา “รู้ได้อย่างไรว่าเป็นผม?”

"ก้นไง" ซาโตรุชี้ไปที่ก้นของฮาคุพร้อมกับอมยิ้มในปาก

"หยาบคายที่สุด!" ฮาคุหน้าแดงเล็กน้อย พอนึกถึงจิ้มทะลวงข้ามสหัสวรรษ เขาก็จับก้นตัวเองไว้โดยไม่รู้ตัวและจ้องมองไปที่ซาโตรุด้วยความโกรธ

“ไม่ต้องอายหรอก ฉันไม่สนใจผู้ชาย” ซาโตรุเคี้ยวอมยิ้มแล้วพูดเสียงเบา “ฉันปล่อยเธอไปก่อนได้ แต่เธอต้องไปฝึกให้กับนักเรียนของฉันก่อน”

แม้ว่าหนุ่มตัวน้อยคนนี้จะมีคาถาน้ำแข็งที่หายาก แต่จักระของเขาอ่อนแอมาก

ซาโตรุสามารถจัดการกับฮาคุได้อย่างง่ายดาย แต่ความแข็งแกร่งของฮาคุนั้นเหมาะสมยิ่งในการเอาไปฝึกฝนให้เจ้าเด็กตัวเหม็นในทีมที่เจ็ด

คงช่วยพัฒนาความแข็งแกร่งของทีมเจ็ดได้พอสมควร

ฮาคุประสานมือเล็กๆ ของเขาเข้าด้วยกัน เอียงศีรษะแล้วยิ้มเบาๆ “ได้อยู่แล้ว”

"ถ้าอย่างนั้นก็ฆ่าพวกเขาได้เลย" ซาโตรุกล่าว

"ฆ่าพวกเขาเหรอ?" ปากของฮาคุกระตุกเล็กน้อย

ให้เขาฆ่ากลุ่มเกะนินที่ตัวเองคุมอยู่ ซาโตรุเป็นอาจารย์ของพวกเขาจริงๆ เหรอ?

"ฆ่าพวกเขา" ซาโตรุพูดทวนซ้ำ

เด็กที่มีเนตรวงแหวนต้องใช้อารมณ์ที่รุนแรงในการเติบโต

ซึ่งด้วยการกระทำเช่นนี้ ทั้งนารูโตะและซากุระก็จะเติบโตด้วยเช่นเดียวกัน

การเป็นครูมันยากลำบากมาก แต่เขาต้องการให้พวกเขาเติบโตขึ้นมาด้วยการพึ่งพาตนเองได้โดยเร็วที่สุด

“แล้วอย่ามาโทษผมและเสียใจทีหลังแล้วกัน” ฮาคุกล่าว

“เดี๋ยวพวกเขาก็ต้องมาขอบคุณฉันต่างหาก” ซาโตรุโบกมือไปมา

“ผมขอชื่นชมคุณจริงๆ ที่ใจเย็นได้มากขนาดนี้ ถึงกับสามารถพูดคุยและหัวเราะกับศัตรูของตัวเองได้เชียวนะ” ฮาคุยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน

“ก็ไม่เห็นมีอะไรนิ เธออ่อนแอจะตายไป” ซาโตรุพูดอย่างสบายๆ เขาไม่ได้กลัวอะไรฮาคุเลยจริงๆ

“คุณมีคนสำคัญหรือเปล่า? คนที่ยอมให้ทุกอย่าง คนที่คุณอยากปกป้องมากที่สุด” ฮาคุทัดผมไปข้างหลังหู ความทรงจำเมื่อพบกันครั้งแรกกับซาบุสะได้ปรากฏขึ้นในใจของเขา

ในสายตาของเขานั้น ซาบุสะมีความสำคัญมากกว่าชีวิตของเขาเสียอีก

เพื่อปกป้องเขาคนสำคัญคนนั้น เขาจึงเต็มใจที่จะเป็นเครื่องมือโดยไม่ต้องคิดไตร่ตรอง ตราบใดที่เขาสามารถอยู่เคียงข้างซาบุสะได้นั้น ทุกอย่างก็คุ้มค่าที่จะแลกแล้ว

ฮาคุยิ้มแล้วกล่าวว่า "ผมน่ะมีคนที่สำคัญมาก สำหรับเขาแล้ว ผมยินดีจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้"

“แต่มันอาจจะทำให้เธอตายได้เลยนะ” ซาโตรุกล่าว

“เมื่อผู้คนมีสิ่งที่ต้องปกป้อง พวกเขาจะแข็งแกร่งมากขึ้น” ฮาคุยิ้มออกมาด้วยความสุข "ในวันที่หิมะตก เขากลายเป็นที่พึ่งที่เดียวของผม"

“ถึงเขาจะทำเหมือนผมเป็นเครื่องมือของเขา แต่ผมมีความสุขมาก แม้ว่าผมจะตายก็ไม่เป็นไรเลย”

ในยามนั้น ฮาคุถูกพ่อแม่และทุกคนมองว่าเป็นสัตว์ประหลาด หลายๆ คนอยากจะเผาเขาให้ตาย

ในยามนั้นซาบุสะกลับปรากฏตัวขึ้น ในยามที่เขาอับจนหนทางและไม่รู้เดินต้องไปทางไหน ซาบุสะได้บอกว่าเขามีค่า

เขาเข้าใจว่าซาบุสะกำลังหลอกใช้เขา แม้ว่าเขาจะถูกใช้เป็นเครื่องมือที่ใช้แล้วทิ้งก็ไม่เป็นไร ขอแค่เพียงซาบุสะเป็นแสงสว่างให้แก่เขาเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

“ความรักคือคำสาปที่บิดเบี้ยวที่สุด เธอจบสิ้นแล้วล่ะ” ซาโตรุกัดอมยิ้ม มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย และรอยยิ้มของเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าใจแทน

เมื่อเต็มใจสละชีวิตเพื่อผู้อื่น แสดงว่าคนคนนั้นไม่มีหวังอะไรในชีวิตแล้ว

มนุษย์ล้วนต่างมีจุดมุ่งหมายการมีชีวิตรอดเป็นสิ่งพื้นฐานที่สุด

ฮาคุผู้นี้เต็มใจที่จะเป็นเครื่องมือและยอมสละชีวิตเพื่อคนที่เขารัก

นี่เป็นคำสาปที่บิดเบี้ยวที่สุดแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด